№ 854 โคมไฟงามในเทศกาลโคมไฟ
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วชายตามองเขา ยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ “เจ้าเป็นเช่นนี้ นับว่าเป็นผู้ชายไม่ได้หรอก เป็นได้เพียงเด็กชายเท่านั้น” กล่าวจบก็เห็นสีหน้าเขามืดทึม ใบหน้าเล็กบึ้งตึง ท่าทางเช่นนั้นเหมือนเจ้าตำหนักยมราชอย่างกับแกะ เห็นแล้วเธอยื่นมือไปบีบนวดใบหน้าเขาอย่างอดใจไม่ไหว
“เจ้าเด็กบ้า ปั้นหน้าทั้งวันไม่กลัวแก่เร็วไปหรือ?” ในใจกลับแอบยิ้ม ใบหน้าของเจ้าตำหนักยมราชเธอไม่กล้าจับ แต่ของเด็กน้อยนี่มีหรือเธอจะไม่กล้าจับ?
เขาจับมือเธอออกอย่างหมดคำจะพูด “อย่าจับหน้าข้า”
“วันนี้คือวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งมีเทศกาลโคมไฟ คืนนี้พวกเราจะไปล้อมวงกินข้าวในวัง จากนั้นค่อยพาเจ้าไปเดินเล่นในงานเทศกาลเป็นอย่างไร?” เธอยิ้มถามพลางมองเด็กน้อยที่ค่อนข้างหยิ่งทะนงในอ้อมแขน
“อืม” เขาขานรับ ดูดีใจเล็กน้อย
เช่นนี้เอง เมื่อถึงช่วงเย็นพวกเขาจึงเข้าไปในวัง จนถึงตอนค่ำ เพราะซู่ซียังต้องอยู่เดือนหลังคลอดไม่ได้ออกมา พวกเขาจึงล้อมวงกินอาหารกันอย่างเรียบง่าย และเล่นกับเด็กทารกในวังพักหนึ่งถึงจะออกไป
เทศกาลโคมไฟในคืนนี้ ทุกหนแห่งในเมืองต่างแขวนโคมผูกผ้า บ้างทายปริศนาโคมไฟ บ้างปล่อยดอกไม้ไฟ เห็นได้เลยว่าทุกที่ล้วนสนุกสนานครื้นเครง
ยามมองโคมไฟมากมายหลายแบบ ยมราชน้อยที่เดินข้างกายเฟิ่งจิ่วแววตาวูบไหวเล็กน้อย ฝีเท้าชะลอลงสองสามก้าวมาที่เบื้องหน้าโคมไฟจุดหนึ่ง เขามองๆ บนหมู่โคมไฟนั้น สุดท้ายสายตาก็หยุดลงบนโคมดอกบัวหนึ่งในนั้น อ่านปริศนาด้านล่าง จากนั้นค่อยมองไปยังพ่อค้าหาบเร่ “เอาเจ้านี่ลงมาที”
“เหอะๆ คุณชายน้อย ทายปริศนาโคมถูกไม่ต้องจ่ายเงิน ทายไม่ได้ต้องเก็บเงินนะ” พ่อค้าหาบเร่ยิ้มเอ่ย หยิบโคมดอกบัวลงมาถือไว้ในมือ ก่อนถามว่า “คุณชายน้อย ปริศนาของโคมดอกบัวนี้คือ บ้างเป็นสีแดง บ้างเป็นสีเขียว บ้างชอบลม บ้างชอบฝน ทายมาหนึ่งคำ”
“ฤดูใบไม้ร่วง” ยมราชน้อยตอบแล้วยื่นมือเล็กออกไป “เอามา”
รอยยิ้มบนหน้าพ่อค้าหาบเร่แข็งทื่อ หันกลับไปอ่านคำตอบ จากนั้นจึงยื่นโคมดอกบัวให้เขา พลางยิ้มกล่าวว่า “คุณชายน้อยฉลาดจริงๆ ทายถูกในครั้งเดียว คำตอบคือฤดูใบไม้ร่วงไม่ผิด โคมดอกบัวนี้เป็นของท่านแล้ว”
“เจ้าชอบเจ้านี่หรือ?” เฟิ่งจิ่วเดินเข้ามา ในมือถือโคมไฟดวงหนึ่งเช่นกัน แต่ว่าเป็นรูปปลา “ข้านึกว่าเจ้าจะชอบอันนี้ นี่” เธอยกโคมไฟในมือยื่นไปให้เขา
หลังจากเหลือบมองเขาถึงรับมา ขณะเดียวกันก็ยื่นโคมดอกบัวในมือไป “ให้เจ้า”
“ให้ข้า?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้มตาหยี รับมาอย่างยินดีและนึกไม่ถึงอยู่บ้าง “ขอบคุณนะ”
ยมราชน้อยเห็นนางยิ้มอย่างสุขใจ ก็ละสายตาออกไปเล็กน้อย พยายามจะปั้นหน้านิ่งรักษามาดไว้ แต่มุมปากกลับยกโค้งขึ้นอย่างอดไม่ไหว เผยความรู้สึกพอใจออกมา
“เจ้ายังอยากได้ดวงไหนอีก? ข้าจะเอาให้เจ้า” เขาถือโคมไฟรูปปลาที่นางมอบให้ เงยหน้ามองนางเล็กน้อย ทำท่าทางมั่นใจว่าขอแค่เจ้าชอบ ข้าก็สามารถนำมาให้เจ้าได้
“ดวงเดียวพอแล้ว ไปเถอะ! พวกเราไปกินทังหยวน[1]ข้างหน้ากัน” เฟิ่งจิ่วหยีตายิ้ม มือหนึ่งถือโคมดอกบัวอีกมือจับจูงเขาไว้
ทั้งสองคนไปกินทังหยวนตรงแผงลอยด้านหน้า จากนั้นเบียดฝูงชนเข้าไปชมการแสดงบนถนน สุดท้ายยังไปชมดอกไม้ไฟ จนกระทั่งเที่ยงคืนถึงจะกลับจวนตระกูลเฟิ่งมาพักผ่อน
หลังอาบน้ำเสร็จ ยมราชน้อยที่นอนอยู่บนเตียงมองสาวน้อยซึ่งยืนมองท้องฟ้าไกลยามค่ำคืนตรงข้างหน้าต่าง ถามว่า “เจ้ากำลังมองอะไร?”
“คืนนี้วันที่สิบห้า ไม่รู้ว่าพิษเหมันต์ของเขาจะกำเริบหรือไม่?”
……………………………….
[1] ทังหยวน คือขนมดั้งเดิมของชาวจีนที่นิยมกินกันในวันหยวนเซียว (เทศกาลโคมไฟ) ทำจากแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมใส่ไส้ ชื่อคล้ายกับคำว่าถวนหยวนซึ่งหมายถึงครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า