Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 94

№ 94 ถูกทรมาน!

“ตอนนั้นข้าแทบจะโต้กลับไปตามสัญชาตญาณ หากไม่ใช่เพราะหมัดไทเก๊กที่นายท่านสอนสั่ง เดาว่าคงตายอยู่ใต้คมกระบี่ของสองคนนั้นแล้วขอรับ”

นึกถึงตรงนี้ ในใจเขายังคงมีความหวาดกลัวในภายหลัง อันที่จริง ชีวิตก่อนหน้านี้ ก็มีพี่สาวคอยปกป้องมาตลอด ร่างกายยังอ่อนแอ ป่วยติดเตียงมาตลอดปี เรื่องอย่างเช่นในคืนนั้น ที่ผ่านมาก็ไม่กล้านึกฝัน

ทว่า หลังจากผ่านคืนนั้นมา ความคิดอันเดือดพล่านกลับเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในหัวใจ

เขาต้องฝึกฝนวิชาบ้าง! แม้จะไม่อาจเทียบกับพี่สาว ก็ยังต้องฝึกฝน! เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ต้องให้คนอื่นคอยปกป้อง หนำซ้ำ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ก็สามารถปกป้องพวกเขาได้

เมื่อฟังคำพูดเขาเรียบร้อย เหลิ่งซวงก็หันมองนายท่านอย่างอดไม่ได้ ในใจรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย

หมัดที่นายท่านฝึกฝนใช้โต้ตอบศัตรูได้ด้วยรึ?

ตลอดมานางคิดว่านายท่านนั้นฝึกฝนเพื่อออกกำลังแขนขา นึกไม่ถึงว่ารอบนี้ จะเป็นหมัดไทเก๊กนั่นที่ช่วยอาหวาไว้

หลังจากฟังคำพูดเขาจบ เธอก็พยักหน้ากำชับว่า “เจ้ารักษาแผลดีๆ ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น” ก่อนจะหันตัวเดินออกไปด้านนอก

เหลิ่งซวงตามออกมา เห็นนางยืนอยู่ในลานบ้าน จึงเอ่ยถาม “นายท่าน จากนี้ไปพวกเราจะทำเช่นไรเจ้าคะ?”

“ข้าจะกลับไปเสียหน่อย เจ้าอยู่ดูแลที่นี่ดีๆ ก็พอ”

“นายท่านคิดจะไปช่วยคุณชายคนเดียวรึเจ้าคะ?”

นางตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดอย่างกังวลใจ “กำลังของคนพวกนั้น แม้แต่คุณชายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ หากนายท่านไปคงจะไม่…”

โยนตัวเองลงตาข่าย? ประโยคนี้ไม่ได้พูดออกมา ในสายตานาง แม้นายท่านจะฝึกฝนหมัดไทเก๊กเสียจนคล่องแคล่ว ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้นำตระกูลอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น นางแค่ตัวคนเดียว แต่อีกฝ่ายกลับมีมาทั้งวงศ์ตระกูล

ไม่ต้องพูดถึงความต่างด้านพละกำลัง จำนวนคนก็แตกต่างกันมากเกินไป นางจะปล่อยให้นายท่านไปตายได้อย่างไรเล่า?

“เรื่องพวกนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล ทำเรื่องที่ข้ากำชับไว้ให้ดีก็พอ”

เธอหันตัวกลับห้อง เปลี่ยนสวมชุดผู้ชาย สวมหน้ากากสีทองลายดอกลำโพง กลิ่นอายทั่วร่างก็เหมือนจะเปลี่ยนตามไปด้วย

เป็นกลิ่นอายที่รุนแรง เฉื่อยชา และมีความลึกลับ อันตรายราวกับท่านชายแห่งรัตติกาล สัดส่วนบนร่างถูกผูกรัดไว้เสมอ ท่าทางที่เก็บซ่อนไว้ ก็เปิดเผยออกมาในช่วงเวลานี้ ทำให้ผู้คนยากที่จะละสายตา

เธอออกจากเรือนพุ่งไปยังด้านนอกป่า พลังเร้นลับพรั่งพรู ย่างก้าวแปรปรวนแปลกๆ ทำให้เธอรวดเร็วราวกับภูตผีที่ไปมาอย่างไร้ร่องรอย…

ในคุกใต้ดินบ้านตระกูลสวี่

“ฟิ้ว! ผัวะ!”

“อื้ม!”

เสียงตวัดกวัดแกว่งแส้มีเสียงลมดังฟิ้วๆ เมื่อแส้ตีไปแต่ละครั้ง ก็ตามมาด้วยเสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้นระงม กลิ่นคาวเลือดที่ปะปนกันหนาแน่นฟุ้งกระจายอยู่ในคุกใต้ดินอันมืดสลัวและชื้นแฉะ

กวนสีหลิ่นที่มีแผลทั่วร่างถูกผูกตรึงไว้บนเสาไม้รูปกางเขน รอยแส้บนตัวต่างทับซ้อนกันไป เลือดสดไหลลงมาพร้อมหยาดเหงื่อ ทำให้เสื้อเปราะเลือดตัวรุ่งริ่งบนร่างเปียกชื้น

ตั้งแต่ถูกจับตัวกลับมา แส้ก็หวดไม่เคยหยุดอยู่เช่นนี้ เขาแสนเหนื่อยล้า แม้แต่เสียงตะโกนยังร้องไม่ออก ทั่วทั้งร่างกายเหมือนไม่ใช่เขา เจ็บเสียจนไร้ความรู้สึก ไม่อาจเงยศีรษะขึ้นได้แล้ว แต่คนที่หวดแส้กลับไม่ผ่อนมือลงเลย ยังคงก่นด่าพลางตวัดแส้ไป

“สำหรับพวกเจ้าที่ฆ่าลูกชายข้า!”

“สำหรับพวกเจ้าที่ฆ่าน้องรองข้า!”

“สำหรับพวกเจ้าที่สังหารผู้อาวุโสทั้งสอง!”

“และสำหรับพวกเจ้าที่เป็นศัตรูกับตระกูลสวี่ข้า!”

องครักษ์ข้างๆ เห็นว่ากวนสีหลิ่นห้อยหัวก้มลงหมดสติไปด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย จึงอดไม่ได้ที่จะปริปากอย่างระแวดระวัง “ท่านผู้นำตระกูล เขาสลบไปแล้วขอรับ”

“หยิบเอาเหล็กร้อนเผาไฟมา! ลนมันให้ตื่นทั้งสดๆ เลย!”

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version