Skip to content

แบล็คเมล์ไฮโซ 5

Chapter 5

พาน้องต่างโลกไปกินข้าว

เจ้าหญิงจันทรารับรู้ถึงสัมผัสอันอบอุ่น พออาเจียนเสร็จก็เหลือบมองเขาด้วยสายตาระวังตัว

อารยะชะงักหดมือกลับเพราะลืมตัวเผลอคิดว่าเป็นน้องสาว “เป็นไงดีขึ้นไหม?”

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้ารู้สึกอายที่อาเจียนต่อหน้าคนอื่น

อารยะหันไปดึงกระดาษทิสชู่ส่งให้ “ทิสชู่ครับ”

เจ้าหญิงจันทรามองอย่างงงๆ

“เอาเช็ดปากครับ” อารยะยัดทิสชู่ใส่มือแล้วก็หันไปหยิบขวดน้ำส่งให้ “น้ำครับ”

เจ้าหญิงจันทราใช้กระดาษเช็ดปากแล้วก็รับขวดน้ำไปเปิดดื่ม

อารยะคว้าถุงจากมือเธอไป “ผมเอาไปทิ้งให้นะครับ”

“เดี๋ยว” เจ้าหญิงจันทราตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าถือไป

“เดี๋ยวผมมา รอแป๊บเดียว” อารยะบอกแล้วเปิดประตูรถเดินไปทิ้งขยะ พอทิ้งเสร็จเขาก็เดินกลับไปที่รถเปิดประตูฝั่งคนนั่ง

เจ้าหญิงจันทราไม่กล้าสบตากับเขาเพราะนึกอายที่อาเจียนต่อหน้าเช่นนี้

“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?” อารยะถามอย่างเป็นห่วง ยิ้มให้เหมือนที่เคยทำกับน้องสาว

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้า

“ถ้างั้นผมว่าเราหาอะไรกินที่ห้างนี้ล่ะกัน” อารยะบอกแล้วก็เปิดประตูกว้างขึ้นพร้อมกับถอยไป

เจ้าหญิงจันทรามองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย นางก้าวลงจากรถอย่างรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด

อารยะผายมือ “เชิญครับ”

แล้วเขาก็หันไปเดินนำ

เจ้าหญิงจันทราเดินตามไป อารยะเดินนำพาเธอไปที่ร้านอาหารในห้างฯ เขามองร้านอาหารหลายร้านอย่างใช้ความคิด แล้วก็เลือกได้ร้านนึง

“ร้านนี้ล่ะกัน” เขาหันไปพูดกับเธอ

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร

อารยะพยักหน้าแล้วก็เดินนำเข้าไปในร้าน

“สวัสดีค่ะ” พนักงานต้อนรับหน้าร้านไหว้พร้อมรอยยิ้ม “กี่ท่านคะ?”

“สองคนครับ” อารยะตอบแล้วก็มองไปรอบๆ

“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานเดินนำไปที่โต๊ะ ภายในร้านไม่ค่อยมีลูกค้ามากนักเพราะเป็นช่วงบ่าย แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นลูกค้าจะแน่นร้านจนต้องรอคิว

“เชิญค่ะ” พนักงานเลือกโต๊ะริมกระจกให้

อารยะพยักหน้า “ขอบคุณครับ”

เขาหันไปพูดกับเจ้าหญิงคนงามว่า “เชิญครับ”

เจ้าหญิงจันทรานั่งลง ตาก็มองไปรอบๆอย่างสำรวจ

อารยะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม พนักงานยื่นเมนูให้ “เมนูค่ะ”

อารยะรับไปเปิดดูแล้วก็ถามเจ้าหญิงว่า “คุณอยากทานอะไรครับ?”

เจ้าหญิงจันทราเปิดดูเมนูแล้วก็ส่ายหน้าเพราะอ่านไม่ออก “ท่านเลือกเถอะ”

อารยะสะอึกกับคำว่า…ท่าน

พนักงานก็เหลือบมองอย่างเกรงๆเพราะคิดว่าคงเป็นคนใหญ่คนโตไฮโซไฮซ้อมาใช้บริการแหงๆ

อารยะก้มมองเมนูปราดๆแล้วก็สั่งอาหาร “เอาทีโบนสุกกลางๆกับขนมปังกระเทียม แล้วก็สเต็กปลาแซลมอน ส่วนเครื่องดื่มขอเป็นน้ำส้มกับน้ำเปล่าครับ”

“ค่ะ” พนักงานจิ้มหน้าจอสั่งอาหารแล้วก็เดินไปรอรับเครื่องดื่มหน้าห้องครัว

อารยะรีบพูดกับเจ้าหญิงว่า “คุณอย่าเรียกผมว่าท่านอีกนะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้าเขาจะคิดว่าผมเป็นพวกไฮโซ”

เจ้าหญิงจันทราทำหน้างง “ทำไมเรียกท่านว่าท่านไม่ได้ล่ะ? แล้วไฮโซคืออะไรหรือ?”

อารยะเกาหัวแกรกๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง เขาตัดบทว่า “เอางี้ล่ะกันคุณเรียกผมว่าพี่ยะล่ะกัน ห้ามเรียกว่าท่านเด็ดขาดเข้าใจนะ”

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้าอย่างงงๆ

พนักงานถือเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ “น้ำส้มค่ะ”

อารยะผายมือไปฝั่งตรงข้าม

พนักงานเสิร์ฟน้ำส้มให้ลูกค้าสาว ส่วนน้ำเปล่าก็เสิร์ฟให้ลูกค้าชาย

“ขอบคุณครับ” อารยะบอกตามมารยาท

พนักงานยิ้มก้มหัวให้แล้วก็เดินไป

อารยะจิบน้ำเปล่า ตามองคนตรงข้ามอย่างนึกสงสาร ไม่รู้ว่าเธอเจอเรื่องร้ายๆอะไรมาบ้าง ช่างแตกต่างจากยัยวาจริงๆ คนนึงร่าเริง อีกคนเงียบเศร้า มิน่าไอ้วันถึงได้ไลน์เล่าอาการของเธอตลอด สภาพจิตใจคงย่ำแย่มากแน่ๆ

เจ้าหญิงจันทรายกแก้วน้ำส้มดื่มอย่างคุ้นเคยเพราะป้าอ้อยทำให้กินประจำ รสชาติสู้ที่ป้าอ้อยทำไม่ได้แต่ก็พอดื่มได้

พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ “ทีโบนค่ะ”

อารยะชี้ตรงหน้าตัวเอง

พนักงานวางจานสเต็กแล้วก็หันไปเสิร์ฟสเต็กปลาให้ลูกค้าสาว “สเต็กปลาแซลมอนค่ะ”

เจ้าหญิงจันทรามองอาหารตรงหน้าสายตาเรียบเฉย แต่ในใจนึกสงสัยในอาหาร ปลาสีส้มกลิ่นหอมเชียว

“ขอบคุณครับ” อารยะยิ้มให้พนักงาน

พนักงานยิ้มตอบแล้วก็เดินไปดูแลลูกค้าคนอื่น

“เชิญครับ” อารยะบอกแล้วก็ลงมือทานสเต็กอย่างรู้สึกหิว

เจ้าหญิงจันทรามองอีกฝ่ายแล้วหยิบส้อมกับมีดเลียนแบบเขา นางลองตัดเนื้อปลาชิมดู เพียงคำแรกก็รู้สึกว่าอร่อย

ไม่นานนักทีโบนชิ้นใหญ่ก็เหลือเพียงกระดูก อารยะเงยหน้ามองคนตรงข้ามเห็นเธอค่อยๆ กินสเต็กปลาอย่างอร่อยก็เบาใจ

เจ้าหญิงจันทราทานสเต็กปลาได้มากกว่าปกติ พออิ่มก็วางมีดกับส้อม

“ดีจังที่คุณทานได้เยอะ” อารยะยิ้ม “ไอ้วันมันเป็นห่วงอยู่ว่าคุณไม่ค่อยกินอะไรเลย”

เจ้าหญิงจันทรามองเขาสายตานิ่งเฉยเช่นเดิม

“คุณจะยิ้มก็ได้นะไม่มีใครว่าหรอก” อารยะยิ้มเหมือนที่เคยยิ้มให้น้อง

เจ้าหญิงจันทราเหลือบตามองสีหน้านิ่งเช่นเดิม

“คุณอยากทานอะไรอีกไหม? ของหวานหรือผลไม้ดี” อารยะถามพลางจิบน้ำเปล่า

เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้า

อารยะลอบถอนหายใจ ดูท่าทางว่าอีกนานล่ะมั้งกว่าเธอจะร่าเริงได้ซักครึ่งนึงของยัยวา “ถ้างั้นผมเช็กบิลนะครับ?”

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้า พยายามจดจำคำแปลกๆ ใหม่ๆ เอาไว้

อารยะหันไปเรียกพนักงานพร้อมกับทำมือเช็กบิล

ครู่ต่อมาพนักงานก็ถือแท็บเล็ตมาบริการเคลียร์บิล “1290 บาทค่ะ”

อารยะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบเงินให้พนักงานไป 1300 “ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณค่ะ” พนักงานรับเงินแล้วก็เอาไปส่งให้แคชเชียร์

อารยะพยักหน้า “ไปกันเถอะครับ”

แล้วเขาก็ลุกขึ้น

เจ้าหญิงจันทราลุกตาม

แล้วอารยะก็เดินนำกลับไปที่รถ เขาเปิดประตูรถรอ “เชิญครับ”

เจ้าหญิงจันทราก้าวเข้าไปนั่งในรถสีหน้าเรียบเฉย

อารยะมองแล้วก็ลอบถอนหายใจ เขาปิดประตูรถให้แล้วก็เดินอ้อมไปนั่งหลังพวงมาลัย จากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้าน ขากลับเขาพยายามขับช้าๆ เพราะกลัวเธอจะเมารถอีก

เจ้าหญิงจันทรามองไปรอบๆอย่างสำรวจเส้นทาง

พอถึงบ้าน แม่บ้านก็วิ่งมาเปิดประตูรั้วให้

จากนั้นเจ้าหญิงจันทราก็ลงจากรถเดินขึ้นห้องนอนไป

ส่วนอารยะก็เข้าห้องไปรื้อกระเป๋าจัดของให้เข้าที่เข้าทาง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อารยะหยิบออกมาดูพอเห็นว่าเป็นตะวันโทรมาก็กดรับสาย “คุยงานเสร็จแล้วเหรอ?”

“เออ เสร็จแล้ว รถติดโคตรเลยว่ะ” ตะวันบอก ตาก็มองเส้นทาง

“ถ้ารถไม่ติดซิแปลก” อารยะแซว “แล้วตอนนี้แกอยู่ไหนล่ะ?”

“เกือบจะถึงคอนโดแล้ว เดี๋ยวฉันเอารถจอดไว้ที่คอนโดแล้วก็จะนั่งรถไฟฟ้าไปบ้านแก เตรียมกับแกล้มไว้รอด้วยล่ะ” ตะวันสั่งอย่างอารมณ์ดี

“หิ้วลาเต้มาฝากด้วยล่ะ แล้วแกจะเอาอะไรมั่งล่ะฉันจะได้โทรสั่ง?” อารยะถาม มือก็รื้อของออกจากกระเป๋าไปด้วย

“แกจะโทรสั่งให้เปลืองตังทำไมฟร่ะ ก็มีแม่บ้านอยู่ทั้งคนก็ใช้ให้ทำกับข้าวเข้าซิ” ตะวันบอก

“เออจริง ลืมไปเลยว่าตอนนี้มีแม่บ้านแล้วนี่น่า แล้วแกจะกินอะไรล่ะ? ฉันจะได้บอกป้าให้ทำไว้รอ” อารยะปิดกระเป๋า

“เอาต้มยำร้อนๆ ซักชาม ลูกชิ้นปลาลวกแล้วก็เม็ดมะม่วงล่ะกัน” ตะวันสั่ง

อารยะนึกหมั่นไส้ “แหมสั่งยังกะบ้านฉันเป็นร้านอาหารเลยนะไอ้วัน”

“อ้าว ก็บ้านแกมีของในตู้เย็นให้ทำแค่นั้นแหละ” ตะวันบอกอย่างจำได้

“โห ดูเหมือนว่าแกจะรู้ดีกว่าเจ้าของบ้านอีกนะไอ้วัน ขนาดฉันยังไม่รู้เลยว่าในตู้เย็นเหลืออะไรมั่ง” อารยะแซว

ตะวันยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ก็เจ้าของบ้านเสือกไม่อยู่นี่หว่า แขกอย่างฉันเลยต้องจัดการซื้อของเข้าตู้เย็นเอง”

“เออๆ รีบมาล่ะกัน” อารยะตัดบทแล้วก็กดตัดสาย

ตะวันยิ้มขำถอดหูฟังออก จากนั้นก็ขับรถตรงไปที่คอนโด

อารยะเก็บโทรศัพท์แล้วก็หิ้วกระเป๋าไปเก็บไว้ในตู้ แล้วเขาก็เดินลงไปข้างล่างสั่งแม่บ้านให้ทำกับข้าวไว้รอเพื่อนรัก พอสั่งเสร็จเขาก็เดินเข้าห้องทำงานไปเปิดคอมดูตารางหุ้น ส่วนเรื่องงานวันมะรืนเขาถึงจะเข้าไปที่ออฟฟิต ก็หวังว่าที่ออฟฟิตคงไม่ยุ่งมากนะ แต่เชื่อได้อย่างนึงเลยว่างานคงกองเต็มโต๊ะแน่

ณ บ้านของอารยะ ตะวันยืนกดกริ่งอยู่หน้าประตู อารยะลุกขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนรักก็รีบเดินไปเปิดประตูให้

ตะวันส่งของให้ “อ่ะ กาแฟของแก”

“ขอบใจว่ะ” อารยะรับของมายิ้มให้ “เข้ามาซิ ปิดประตูด้วยล่ะ”

ตะวันแกล้งบ่น “แหมๆๆๆๆ ใช้แขกเชียวนะไอ้ยะ”

“อย่างแกเขาไม่เรียกว่าแขกหรอกไอ้วัน แขกมันต้องโพกผ้าด้วยซิ” อารยะสวนทันควัน

“หนอยแน่ะ! เดี๋ยวก็เจอแข้งซะหรอก” ตะวันทำท่าเตะ

“กลัวที่ไหน มาเลย มาๆๆๆ” อารยะชูกำปั้นท้า

ตะวันปรี่เข้าไปจะเขกหัวเพื่อน แต่พอมองไปที่หน้าต่างชั้นบนเขาก็ชะงัก! เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงจันทรายืนมองอยู่ตรงหน้าต่าง หน้าหล่อรีบฉีกยิ้มกว้างส่งให้หญิงสาวข้างบน “สวัสดีครับคุณจัน”

เจ้าหญิงจันทราเก้อเขินปั้นหน้าไม่ถูก เพราะไม่เคยมีใครทำเช่นนี้มาก่อน “เอ่อ…”

อารยะมองตามเพื่อน

“ลงมาทานขนมด้วยกันเร็วยัยวา” เขาเผลอเรียกอย่างเคยชิน พอนึกขึ้นได้ก็รีบเปลี่ยนว่า “เอ่อ…คุณจัน”

เจ้าหญิงจันทราพยักหน้ารับ ผละจากหน้าต่างที่ยืนมอง

ตะวันหันไปมองเพื่อน “แล้วคุณจันเป็นไงมั่งว่ะ?”

“เงียบๆไม่ค่อยพูดว่ะ เหมือนเด็กเก็บกด” อารยะบอก “นี่ถ้าช่างพูดได้ซักครึ่งนึงของยัยวาก็คงจะดีกว่านี้เยอะ”

“งั้นเหรอ?” ตะวันนิ่งคิด

“ไปๆ เข้าไปคุยในบ้านดีกว่า ข้างนอกร้อนจะตาย” อารยะบอกแล้วก็เดินนำหน้าเข้าบ้าน

ตะวันเดินตามไป

เมื่อเข้าไปในห้องรับแขก เจ้าหญิงจันทราก็เดินลงมาจากบันไดพอดี

ตะวันรีบเดินไปหา “เชิญครับ มาทานขนมด้วยกันครับ”

เจ้าหญิงจันทรายิ้มให้ตะวันอย่างเริ่มคุ้นเคย นึกดีใจที่เขามา

“คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเอาขนมไปใส่จานก่อน รอแป๊บ” อารยะบอกแล้วก็เดินเข้าครัวไป

ทั้งสองมองตามอารยะไปแล้วก็หันมามองหน้ากัน เจ้าหญิงจันทราก้าวลงบันได พลัน! ก็ก้าวพลาด “ว๊าย!”

เธอเซรีบคว้าเกาะราวบันได

ตะวันถลาเข้าไปประคองตามสัญชาตญาณของนักกีฬารักบี้เก่า ร่างบางอ้อนแอ้นอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ดวงตาสีดำคมเข้มจ้องมองดวงตาคู่งามอย่างเป็นห่วง

วินาทีนั้นทั้งสองต่างจ้องตากันเหมือนมีพลังบางอย่างดึงดูดซึ่งกันและกัน

อารยะได้ยินเสียงร้องก็ชะโงกมอง “มี…”

แต่พอเห็นช็อตเด็ดคำพูดก็กลืนหายไป เขามองทั้งสองอย่างอึ้งๆ แล้วก็รีบหดหัวกลับเข้าครัวไป เพราะไม่อยากขัดจังหวะ

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ตะวันถาม

“ข้าไม่เป็นไร” เจ้าหญิงจันทราตอบ พอตั้งสติได้เธอก็ดันเขาออก

ร่างสูงถอยห่างอย่างสุภาพ พลางมองสำรวจร่างเล็กบอบบางอย่างเป็นห่วง “แน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไร?”

เจ้าหญิงจันทราส่ายหน้าหลุบตามองพื้นไม่กล้าสบตาด้วยความเขินอาย

มือใหญ่ผายมือไปที่โซฟา “เชิญครับ”

เจ้าหญิงจันทราเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าแดงระเรื่อ

ตะวันเดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้าม

เจ้าหญิงคนงามลอบมองเขาแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบนิตยสารท่องเที่ยวที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดดู แม้จะอ่านไม่ออกแต่ภาพสวยๆ ก็ทำให้เธอนั่งมองอย่างถูกใจ “งามนัก”

ตะวันชะเง้อมอง เมื่อเห็นเธอสนใจรูปนั้นเขาก็ถามว่า “ชอบภาพนั้นเหรอครับ?”

เจ้าหญิงเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้ารับ

“เอาไว้วันหยุดผมจะพาคุณไปเที่ยวที่นั่นดีไหมครับ?”

ดวงตางามเป็นประกายขึ้นมาทันที “ท่านจะพาข้าไปที่แห่งนี้จริงหรือ?”

ตะวันส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ผมบอกแล้วไงครับว่าอย่าเรียกผมว่าท่าน”

เจ้าหญิงทำหน้าจ๋อย “ข้า…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version