Chapter 7
ร้ายนักนะคุณ
“เกรงใจอะไรล่ะคะ คนกันเองแท้ๆ เชิญค่ะ” ปรียาบอกแล้วก็แกล้งพูดว่า “เอ…นี่ถ้าคุณแม่คุณรู้ว่าคุณมาทานข้าวกับสาว ท่านจะว่ายังไงบ้างน้า”
ตะวันหันขวับ! “คุณปรียา”
เขาทำตาดุใส่เธอ
ปรียาหัวเราะคิก เธอเปิดประตูรถให้เขา “เชิญค่ะ”
ตะวันเดินไปที่รถฝั่งคนขับ “ถ้างั้นผมขับเอง”
ปรียายิ้ม “ได้ค่ะ”
เธอส่งกุญแจรถให้เขา
ตะวันรับกุญแจมาแล้วก็เปิดประตูเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย
ปรียาเข้าไปนั่งในรถ ปิดประตูแล้วลดกระจกลงโบกมือให้อารยะ “ไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ครับคุณปรี” อารยะโบกมือตอบ
ตะวันโบกมือให้เพื่อนแล้วก็ขับรถออกไป
ภาสกรทิ้งระยะนิดนึงแล้วก็ขับรถตามไป
อารยะเดินเข้าบ้านปิดประตูล็อคกุญแจ แล้วก็เดินเข้าห้องนอนตัวเอง
ก่อนเข้าห้องนอนเขาก็เดินไปที่หน้าห้องน้องสาวแล้วพูดว่า “ถ้ามีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ”
เงียบ ไร้ซึ่งเสียงตอบ อารยะจึงเดินเข้าห้องนอนตัวเองไป
เจ้าหญิงจันทรานั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงนอน
ภายในรถหรูของสาวมาดมั่น เจ้าของรถก็ยิงคำถามทันที “เพื่อนคุณเกิดวันไหน? ชอบกินอะไร? ชอบดูกีฬาอะไรเหรอคะ?”
ตะวันเหลือบมองนิดนึง “นี่อย่าบอกนะว่าคุณชอบไอ้ยะเพื่อนผมน่ะ”
ปรียาพยักหน้ารับ “ก็ชอบ ถึงได้ถามอยู่นี่ไงล่ะ” เธอยอมรับตรงๆ
ตะวันผิวปากหวือ “วี๊ว…แหมสมกับเป็นสาวยุคใหม่จริงๆนะคุณเนี่ย”
เขาเหลือบมองสาวไฮโซ “ชอบเพื่อนผมจริงๆอ่ะ หรือว่าแค่ต้องการเอามันไว้เป็นไม้กันหมากันแน่ครับ?”
“ก็ทั้งสองอย่างแหละ” เธอตอบด้วยท่าทางมาดมั่น หันไปมองเขา “แล้วคุณจะบอกข้อมูลเพื่อนคุณได้รึยังล่ะคะ?”
“อย่าทำให้เพื่อนผมชีช้ำกระหล่ำปลีนะคุณ ไม่งั้นล่ะก็ผมจะยุให้คุณแม่ไปซื้อเพชรร้านอื่นเลยเชียว” เขาแกล้งขู่ไปงั้นแหละ
“ต๊าย! ทำยังกับว่าเพื่อนคุณยังจิ้นไม่เคยมีแฟนงั้นล่ะ”
“เพื่อนผมมันคนจริงจัง คบใครคบจริงนะคุณ มันไม่คบเล่นๆอย่างพวกผู้ชายที่คุณเคยผ่านมาหรอก” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงจริงจัง
ปรียาแอบสะดุ้งในใจ เพราะเอาเข้าจริงๆ เธอก็ยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อน ได้แต่ควงผู้ชายไปมาเป็นไม้กันหมาเพื่อกันคนที่พ่อแม่อยากให้แต่งงานด้วยเท่านั้นเอง “แล้วใครว่าปรีคบเล่นๆ ล่ะ”
“อ๊าว! ก็เห็นคุณควงแล้วทิ้งๆๆๆๆๆ มาตั้งไม่รู้กี่คนแล้วนี่” เสียงทุ้มสูงอย่างไม่สบอารมณ์ที่หญิงสาวข้างๆ ทำเหมือนผู้ชายเป็นดอกไม้ข้างทาง “ไอ้ยะเพื่อนผมมันไม่ได้เป็นผู้ชายขายบริการอย่างที่คุณเคยใช้บริการหรอกนะครับ”
“คุณตะวัน!” เสียงหวานสูงปรี๊ดอย่างเคืองจัด
“อย่าคิดว่าผมจะตกข่าวนะคุณ หนุ่มๆ พวกนั้นคุณนึกจะเรียกมาเมื่อไหร่ก็เรียกได้ พอเบื่อก็ทิ้งไป แต่เพื่อนผมมันไม่ใช่แบบนั้นนะคุณ ถ้าคุณไม่คิดจะจริงจังกับมันผมขอเตือนว่าคุณอย่าไปยุ่งกับมันจะดีกว่านะครับ”
“ฮึ!” ปรียาสะบัดหน้าอย่างไม่พอใจ แต่พอหันไปมองถนนเธอก็เอะใจ “เอ๊ะ! นี่คุณจะขับไปไหน?”
ดวงตาคู่เฉี่ยวมองเขาอย่างหวาดระแวง
ชายหนุ่มหันไปมองเธอแว๊บนึง “ก็ขับไปส่งคุณซิครับ อย่ามองผมแบบนั้นซิ ผมรู้สึกเหมือนเป็นโจรที่กำลังจะพาสาวไปข่มขืนยังไงก็ไม่รู้ ถึงผมจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ 100% แต่ผมก็คงจะปล่อยให้คุณขับรถกลับบ้านคนเดียวไม่ได้หรอก เกิดคุณโดนใครฉุดไปฆ่าปาดคอ คุณแม่ผมก็คงต้องเปลี่ยนร้านไปซื้อเพชรร้านอื่นกันพอดี”
เขาพูดไปตาก็มองกระจกหลังไปด้วย ด้วยความที่เป็นหนุ่มไฮโซเช่นกันจึงทำให้เขาต้องคอยระวังตัวจากคนที่ไม่ประสงค์ดีอยู่เป็นประจำ ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะขับรถไปที่คอนโดของตัวเอง แต่เผอิญตาดันเหลือบไปเห็นรถคันนึงขับตามมาตั้งแต่ออกจากซอยบ้านเพื่อนรักมาแล้ว สัญชาตญาณในการระวังตัวจึงเตือนให้ชายหนุ่มแกล้งเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทางไปมา แต่รถคันนั้นก็ยังขับตามมาอยู่ ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวเขาจึงตัดสินใจขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
“แหม เพิ่งจะรู้นะคะนี่ว่าลูกชายคุณพรรณนาปากคอเราะร้ายใช่ย่อย” ปรียาพูดแดกดันแถมค้อนให้ทีนึง
“งั้นคุณก็ช่วยหันไปดูรถบีเอ็มสีน้ำเงินข้างหลังให้หน่อยซิว่ารถใคร? ผมเห็นขับตามพวกเรามาตั้งนานแล้ว”
ปรียาหันไปมองทันควัน
“ถัดจากรถเราไปสามคัน คุณคอยดูให้ดีล่ะกันเดี๋ยวผมจะเลี้ยวซ้าย” ตะวันบอกตาก็มองกระจกหลังไปด้วย
พอรถเลี้ยวซ้ายบีเอ็มคันนั้นก็เลี้ยวตาม หญิงสาวพอได้เห็นรถก็หน้างออย่างไม่สบอารมณ์ “รถอีตาภาสกรน่ะ”
ตะวันพยักหน้ารับรู้ “อ๋อ รถว่าที่สามีในอนาคตของคุณนี่เอง”
“ไม่ใช่ย่ะ!” หน้าสวยบึ้งตึง ฟาดมือตีแขนเขาดังเพี๊ยะ!
“เฮ้ยคุณ! ผมเจ็บนะครับ” หนุ่มหล่อได้ทีก็รีบกระเซ้าว่า “จะไม่ใช่ว่าที่สามีได้ไงก็เห็นคุณพ่อคุณแม่คุณบอกใครๆ ว่าใกล้จะแจกการ์ดแล้วนี่น่า”
“แจกบ้าแจกบออะไรล่ะ! ฉันไม่มีทางแต่งกะอีตานั้นเด็ดขาด!” เสียงหวานสูงปรี๊ดอย่างอารมณ์เสีย
“ผมเคยเห็นเขา ดูๆ แล้วก็หล่อพอใช้ได้อยู่นะคุณ ฐานะการเงินก็มั่นคงพอประมาณ ก็ไม่เห็นข้อเสียตรงไหนเลยนี่น่า แต่งๆ ตามใจคุณพ่อคุณแม่คุณไปเหอะน่า เพื่อนผมจะได้ไม่ต้องชีช้ำ” ตะวันแกล้งเย้า
“เฮอะ! เพื่อนคุณหล่อกว่าเยอะ” ปรียาหลุดปาก พอนึกได้ก็หน้าแดงนิดๆ
“วี๊ว!” ตะวันผิวปากหวือ ยิ้มขำ
“ฮึ!” ปรียาค้อนขวับ! แล้วก็รีบหันไปมองวิวข้างทาง ไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอรู้สึกเช่นไร
ตะวันพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ ไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆ เพื่อนเขาก็มีราชรถมาเกยถึงตัว เท่าที่คุยกัน ดูท่าทางคุณเธอน่าจะชอบเพื่อนเขาอยู่บ้าง หลังจากหยุดขำแล้วเขาก็พูดลอยๆว่า “เพื่อนผมเกิดวันที่ 26 มกรา ชอบกินอาหารไทยเป็นที่สุด อาหารจีนก็ชอบ ฝรั่งก็ดี อินเดียก็ได้ กีฬาก็ทั่วๆไป สีที่ชอบคือสีเขียว ส่วนสาวในสเปคก็ต้องสวยๆ ไม่แต่งตัวหวือหวา แต่งหน้าจัดๆ แต่งตัวโป๊ๆ มันเซย์โนทันที”
ปรียาค้อนอีกทีไม่พูดอะไร แต่สมองเก็บข้อมูลทุกคำพูด
จนกระทั่งถึงบ้านปรียา ตะวันก็จอดรถหน้าประตูรั้ว “ถึงแล้วครับ ขอบคุณนะครับที่ให้ผมขับรถมาส่ง”
ปรียาค้อนให้อีกที
คนใช้เดินมาเปิดประตูรั้ว
ตะวันเปิดประตูก้าวลงจากรถ
“แล้วคุณจะกลับยังไงคะ?” ปรียาถามอย่างมีน้ำใจ
“ผมก็นั่งแท็กซี่กลับซิครับ” ตะวันบอกแล้วโบกเรียกแท็กซี่
ปรียาลงจากรถแล้วก็เดินไปนั่งประจำที่คนขับ ลดกระจกลงพร้อมกับชะโงกหน้าออกไป “เดี๋ยวค่ะคุณตะวัน”
“ครับ มีอะไรเหรอครับ?” ตะวันหันไปถาม
ปรียากวักมือ ตะวันก้มลงไป มือเรียวนุ่มนิ่มก็เอื้อมมาดึงเน็คไทเขาเข้าหาตัวเอง
“เฮ้ยคุณ!” ตะวันโวยวายพยายามขืนตัว แต่ก็สู้แรงกระชากของอีกฝ่ายไม่ไหว ใบหน้าหล่อก้มลงไปจนเกือบจะชนกับวงหน้าสวย
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานกระซิบเบาๆข้างหูเขาแล้วก็ปล่อยมือจากเน็คไท สายตามาดมั่นเหลือบไปมองรถที่ตามมาแล้วยิ้มอย่างสะใจ
ตะวันมองตามอย่างงงๆ ครู่เดียว แล้วก็เข้าใจในท่าทีของปรียา เธอต้องการให้ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าเขาจูบกับเธอแหงแซะ
พอปรียาหันมาเขาก็กระซิบว่า “ร้ายนักนะคุณ”
ปรียาเชิดหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ขับรถเข้าบ้าน
ตะวันถอยห่างหันไปมองหารถแท็กซี่
รถบีเอ็มขับไปเฉียดข้างตะวันพร้อมกับกระจกฝั่งคนขับเลื่อนลง ภาสกรมองตะวันอย่างไม่พอใจ
ตะวันมองตอบ ยิ้มให้ตามมารยาท
ภาสกรชูนิ้วกลางให้แล้วก็ขับรถเข้าไปในบ้าน
ตะวันนึกฉุนทันควัน อ้าว…ไอ้เวรนี่!
เขาเห็นปรียายืนมองมาก็ทำท่าส่งจูบให้เธอแก้เผ็ดไอ้คนไร้มารยาท
ปรียาเห็นตะวันส่งจูบให้ก็ส่งจูบตอบกลับไปพร้อมกับโบกมือให้ จากนั้นเธอก็รีบเข้าบ้านพร้อมกับสั่งคนใช้ว่า “ฉันปวดหัว ห้ามใครรบกวนทั้งนั้น”
“ค่ะคุณปรี” สาวใช้รับคำแล้วก็เดินเข้าบ้านไปอย่างรู้งาน คุณปรีหาเรื่องหลบคุณภาสอีกแล้ว…
ภาสกรจอดรถแล้วก็รีบลงไปยืนมองหนุ่มไฮโซซึ่งกำลังขึ้นแท็กซี่
“หน๊อย! จูบกันไม่พอ ยังส่งจูบข้ามหัวกูอีกนะมึง!” เสียงทุ้มต่ำคำรามรอดไรฟันอย่างโมโห แล้วก็รีบเดินตามปรียาเข้าไปในบ้าน
ปรียารีบขึ้นห้องนอนโดยไม่เข้าไปหาพ่อแม่ เพราะขี้เกียจเจอหน้าคนที่ตัวเองไม่ชอบ
ภาสกรเห็นปรียาขึ้นบันไดไปแล้วก็เปลี่ยนทิศไปทางห้องรับแขกแทน เจ้าของบ้านทั้งสองกำลังนั่งคุยกันอยู่ เขาก็รีบเข้าไปประจบ
ณ ประเทศไทย วันคืนผ่านไปอย่างสงบ เจ้าหญิงจันทราพักรักษาตัวจนบาดแผลหายสนิท หลงเหลือรอยแผลจางๆ เท่านั้น สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมาก เช้านี้เธอลุกขึ้นมาทอดเบคอน ไข่ดาว ปิ้งขนมปัง ชงกาแฟให้อารยะ เธออยากทำอะไรตอบแทนน้ำใจเขาบ้างที่เขาดูแลเธออย่างดีประดุจดังเธอเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ
“พี่ยะ อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เจ้าหญิงจันทราเดินไปเคาะประตูห้องบอก
“คร้าบๆ” อาระยะส่งเสียงตอบออกมา เขามองดูเงาตัวเองในกระจก เห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วก็เปิดประตูห้องออกไป ก็เจอเจ้าหญิงจันทรากำลังก้าวเท้าเดินลงบันไดไป เขายิ้มให้เธอ พูดว่า “ขอบคุณครับ”
เจ้าหญิงจันทรายิ้มรับแล้วก็เดินลงบันไดไป
อารยะก็สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเดินตามลงไป ตั้งแต่มีแม่บ้าน เขาเลยพลอยได้กินอาหารเช้าทุกวัน ไม่งั้นเขาก็คงต้องไปหาซื้อของกินแถวที่ทำงานอีกเช่นเคย
อ้อยเดินออกมาจากห้อง สีหน้าอิดโรย ครั้นเห็นว่ามีอาหารตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็รู้สึกแปลกใจ “เอ๋? ใครทำ?”
เจ้าหญิงจันทราเดินมาถึงโต๊ะเห็นอ้อยยืนมองอย่างแปลกใจก็บอกว่า “จันทำเองค่ะ”
“หู้ย! คุณจัน! คราวหน้าไม่ต้องนะคะ เดี๋ยวป้าทำเองค่ะ” อ้อยรีบบอก
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็จันเห็นว่าป้าไม่ค่อยสบาย แล้วนี่ดีขึ้นหรือยังคะ?” เจ้าหญิงจันทราถาม นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เธอก็เรียนรู้วัฒนธรรมของที่นี่ไปไม่น้อย อีกทั้งยังมีตะวันคอยบอกคอยสอนสิ่งต่างๆ ให้รับรู้ จากที่ไม่เคยพูดขอบคุณคนอื่น เธอก็เรียนรู้ที่จะพูดขอบคุณและขอโทษได้โดยไม่ติดขัดแล้ว โดยนิสัยแล้วเธอก็ไม่ได้เป็นคนเย็นชาไร้ใจ เพียงแต่ไม่เคยมีใครสอนสิ่งเหล่านี้ให้เธอเลย ซึ่งตะวันยังคอยกำชับเธออีกว่าเรื่องราวจากโลกเดิมของเธอรวมทั้งพลังที่เธอมีติดตัวห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด ไม่งั้นเธออาจจะถูกจับไปทดลองประหลาดๆ จากกลุ่มคนชั่วก็ได้
อีกทั้งเธอยังได้เรียนรู้ท่าทางการวางตัวจากปรียามาไม่น้อย สตรีที่ดูมีความ…เรียกอะไรดีล่ะ?…อืม…ความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยมคนนั้น ทำให้เธออยากจะมีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยมเหมือนสตรีนางนั้น เธอรู้สึกคล้ายกับว่าปรียาเป็นเหมือนพี่สาวอย่างไรอย่างนั้น เธอได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น ได้รับรู้ว่าดินแดนแห่งนี้ไม่เหมือนกับดินแดนของเธอ ผู้คนที่นี่ก็ล้วนมากเล่ห์ยิ่งนัก…
“นั่งซิน้องจัน” อารยะบอกพลางวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ข้างๆ
ทำให้ความคิดของเจ้าหญิงจันทราสะดุดลง เธอกะพริบตาแล้วก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา แล้วก็หันไปพูดกับอ้อยว่า “ของป้าอ้อย จันก็ทำไว้ให้นะคะ อยู่ในครัวค่ะ”
“อุ้ย ขอบคุณค่ะ คุณจันช่างใจดีจริงๆ งั้นเดี๋ยวป้าไปดูเก็บล้างในครัวก่อนค่ะ เชิญคุณๆเลยค่ะ” อ้อยพูดแล้วก็เดินเข้าครัวไป
“ขอบคุณนะครับ” อารยะพูดกับเจ้าหญิงอีกครั้ง แล้วก็ลงมือทานอาหารอย่างรวดเร็ว มองนาฬิกาแล้วก็รีบกินคำโต
เจ้าหญิงจันทราก็ค่อยๆกินอย่างไม่รีบไม่ร้อน เพราะวันๆ นึงเธอก็ไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากอยู่บ้านนั่งๆ นอนๆ เดินรดน้ำต้นไม้รอบๆ บ้านเท่านั้น ซึ่งรดน้ำต้นไม้ก็แค่เปิดวาล์วน้ำเปิดระบบสปริงเกอร์เท่านั้นเอง
ครั้นกินเสร็จ อารยะก็รีบเช็ดปาก แล้วก็บอกว่า “พี่ต้องรีบไปล่ะ อยู่บ้านก็ห้ามเปิดประตูให้ใครเข้ามารู้ไหม ใครมาหาก็ให้ป้าอ้อยไปดู”
เขาไม่วายกำชับเหมือนเช่นทุกวัน เพราะเธอไร้เล่ห์เหลี่ยมโดยสิ้นเชิง จนเขานึกสงสัยว่าโลกของเธอมีความเป็นอยู่เช่นไร จึงได้ทำให้เธอช่างไร้เล่ห์เหลี่ยม จิตใจบริสุทธิ์ราวเด็กเล็กเช่นนี้ได้
“ค่ะ” เจ้าหญิงจันทรารับคำ แล้วก็ยิ้มให้เขา
อารยะก็รีบคว้ากระเป๋าเดินออกจากบ้านไป เขาออกไปก็ล็อคประตูรั้วให้ดี แล้วก็โบกมือเรียกวินมอเตอร์ไซต์ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้า
เจ้าหญิงจันทรากินเสร็จแล้วก็ยกจานไปเก็บในครัว จากนั้นก็หยิบหนังสือหัดอ่านตัวอักษรที่ตะวันซื้อมาให้ เอาไปนั่งอ่านนั่งเรียนอยู่ในห้อง รอเวลาให้ครูสอนภาษาที่ตะวันจ้างมาสอนมาตอนช่วงสายกับช่วงบ่าย เธอพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างขยันขันแข็ง เธอเรียนรู้จดจำได้เร็วมาก จนตอนนี้เธอเริ่มอ่านตัวอักษรภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้เทียบเท่ากับเด็กระดับประถมแล้ว ไม่เพียงแค่อ่านเท่านั้นเธอยังหมั่นฝึกฝนคัดตัวอักษรจนลายมือสวยงามราวกับตัวพิมพ์เลยทีเดียว
ตอนเย็น อารยะเลิกงานแล้วก็ออกจากที่ทำงาน แต่เมื่อออกมาหน้าบริษัทก็เจอรถสปอร์ตหรูคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า ดึงดูดสายตาผู้คนไม่น้อย เมื่อปรียาเห็นอารยะเดินออกมาก็รีบเปิดประตูรถลงไปร้องเรียก “คุณยะ—–”
อารยะได้ยินเสียงเรียกคุ้นหูก็หันไปมอง พอเห็นว่าเป็นปรียา สาวไฮโซผู้มาดมั่นเอาแต่ใจ เขาก็ยิ้มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปหาเธอ “คุณมาทำอะไรแถวนี้?”
“ก็มารับคุณไง” ปรียาตอบแล้วก็หลิ่วตาบอก ‘ขึ้นรถ’
อารยะมองแล้วก็เหลือบเห็นสายตาของคนร่วมบริษัทมองมาที่เขากับเธอเป็นตาเดียว เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจมากเกินไปจึงเดินไปเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็ว
ปรียาก็เข้าไปนั่งในรถแล้วก็ขับออกไป ผู้คนก็ซุบซิบนินทากันทันที
“นั่นใครน่ะ?”
“หู้ย! นั่นแฟนคุณอารยะเหรอ? ท่าทางรวยน่าดู”
“ฮู้ อยากออกรถหรูๆ รอถูกหวยรางวัลที่ 1 ก่อนเถอะ พ่อจะไปถอยมาซิ่งให้สะใจ”
ภายในรถ อารยะก็ถามว่า “คุณรู้ได้ไงว่าผมทำงานที่นี่?”
“คุณวันบอก” ปรียาตอบอย่างมาดมั่น
อารยะแอบด่าเพื่อนรักในใจ ไม่รู้ว่าตะวันเอาเขาไปขายกับปรียามากน้อยเท่าไหร่ “แล้วคุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”
“ผ่านมา เห็นว่าได้เวลาเลิกงานพอดี ก็เลยแวะรับคุณน่ะ ไหนๆ ปรีก็กำลังจะไปบ้านคุณอยู่แล้วนี่นา”
“ผมไม่ใช่ทางผ่านนะคุณ” อารยะเอ่ยน้ำเสียงสงบ
“ค้า ไม่ใช่ทางผ่าน แต่คุณรับปากแล้วว่าจะเป็นไม้กันหมานี่นา”
อารยะรู้สึกปวดหัวตะหงิดๆ จนต้องยกมือนวดขมับ นี่เขาคิดผิดหรือเปล่าที่ไปรับปากคุณเธอแบบนั้น…เฮ้อ…
ปรียาอมยิ้ม คนอยากเป็นแฟนเธอมีมากมาย แต่ผู้ชายคนนี้กลับไม่คิดจะกระโจนเข้ามาเป็นแฟนเธอสักนิด แต่กลับยอมให้เธอใช้ประโยชน์ เพียงเพราะห่วงว่าเธอจะถูกคนอื่นล่อลวงเอา เขาช่างไม่รู้เลยว่า มีแต่เธอที่ล่อลวงคนอื่น นับตั้งแต่เธอได้เขาเป็นไม้กันหมา เธอก็ไม่เคยโทรเรียกหนุ่มๆ ในสังกัดเลย ซึ่งหนุ่มๆ พวกนี้ก็เป็นพวกดารานายแบบหน้าใหม่ที่รับจ๊อบเอนทั้งนั้น ซึ่งเธอก็ใช้บริการแค่ไปนั่งกินข้าว แล้วก็ควงขึ้นห้องเท่านั้น หลังจากขึ้นห้องไปแล้วเธอก็วางกฎกับพวกเขาชัดเจนว่า ต้องแกล้งทำเป็นแฟนแค่นั้น ซึ่งคนพวกนี้ก็ยอมรับข้อเสนอโดยดี ใครบ้างจะโง่ไม่รับเล่า ได้ควงไฮโซสาวสวย แล้วยังได้เงินอีก ได้ใช้สถานะแฟนปลอมๆ ทั้งๆ ที่อยากจะเป็นแฟนตัวจริงแทบตาย แต่เมื่อหนุ่มคนไหนคิดจะงาบเธอขึ้นมา เธอก็เลิกใช้บริการทันที
อารยะมองออกไปนอกรถ แล้วก็เอนตัวหลับตา วันนี้เขานั่งจ้องจอทั้งวันจนเมื่อยตาไปหมด