บทที่ 127 ไม่เกี่ยวกับข้า
สุดท้ายมู่หลีและหลานเยี่ยก็เลือกปลาที่ตัวใหญ่ที่สุดสองสามตัว ที่เหลือล้วนโยนกลับไปในแม่น้ำ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ เรือค่อยๆ ลอยเข้ามาใกล้ตลิ่ง หาพื้นที่บริเวณโล่งกว้างเล็กน้อย
หลานเยี่ยไปเก็บฟืนมากองหนึ่ง วางไว้ตรงกลาง จากนั้นก็จุดไฟ เปลวไฟสีแดงส่องแสงสว่างไปทั่วท้องฟ้าที่มืดลง
มู่หลีจัดการกับบรรดาปลาอยู่อีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็วางพวกมันลงบนชั้นที่ทำเสร็จแล้วเพื่อปิ้งไฟ หลานเยี่ยมองดูอยู่อีกข้าง รำพึงรำพันว่าเขาทำได้ทุกอย่าง
“ทำไมเจ้าทำได้ทุกอย่างเลย”
หลานเยี่ยทำท่าทางเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง มู่หลีเห็นหัวแล้วก็หัวเราะออกมา
“ถ้าข้าทำอะไรไม่เป็นเลย เจ้าจะกินอะไร”
“…”
ปิ้งไปแล้วครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ ได้กลิ่นหอมลอยมา ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง มู่หลีก็หยิบลงมาส่งให้หลานเยี่ย หลานเยี่ยที่อยู่อีกฝั่งน้ำลายไหลนานแล้ว
หลังจากรับมาก็กัดไปหนึ่งคำในทันที หลานเยี่ยคายออกมาในทันใด
“โอ้ ร้อนๆ”
“ใครใช้ให้เจ้ารีบกินขนาดนั้น” มู่หลีเอาปลาที่อยู่ในมือหลานเยี่ยมาเป่าให้ พลางเช็ดเศษอาหารที่อยู่บนริมฝีปากหลานเยี่ย จากนั้นก็ส่งปลาไปให้หลานเยี่ยอีกครั้ง แล้วปิ้งอีกตัวหนึ่ง
“อร่อยหรือไม่”
“อืม… เหมือนไม่มีเกลือ”
“…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มองดูมู่หลีที่มีท่าทางอมทุกข์ของมู่หลี หลานเยี่ยก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างคนไม่คิดอะไร
“ยังดีที่ข้าเตรียมเอาไว้ ก่อนออกมานั้นติดมาด้วยเล็กน้อย” มู่หลีหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่งจากหน้าแก ข้างในนั้นห่อก้อนเกลือเอาไว้สองสามก้อน หลังจากมู่หลีตำจนแหลกแล้วก็สาดลงไปบนปลาตัวที่สอง หลานเยี่ยยังคงกินปลาตัวแรกทีละคำ
“ยังกินหรือ มิใช่ว่าไม่มีเกลือหรือ”
“ปลาที่ไม่มีเกลือก็มีรสชาติอีกแบบ”
“เช่นนั้นหรือ ข้าลองชิม”
มู่หลียื่นมือออกไปหยิบปลาในมือของหลานเยี่ย แต่กลับถูกหลานเยี่ยหลบ
หลานเยี่ยมองมู่หลีที่หัวเราะด้วยความคาดไม่ถึง ท้ายสุดก็ฉีกเนื้อปลาชิ้นยาวออกมาจากตัวปลา ฝั่งหนึ่งกัดอยู่ในปาก อีกฝั่งก็ส่งให้กับมู่หลี
มู่หลีมองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ใช้ฟันกัดอย่างเชื่อฟัง เสี้ยววินาทีที่กัดเข้าไปนั้นเองมีดบินเล่มหนึ่งก็ลอยเข้ามา ตัดเนื้อปลาออกเป็นสองส่วน มู่หลีสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตนานแล้ว แต่กลับไม่ได้พูดชี้ช่อง ตอนนี้เองในมือเขาก็มีมีดบินเพิ่มขึ้นมาอีกเล่ม
หลานเยี่ยที่ลนลานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มู่หลีกลับมองมีดที่ถือเล่นอยู่ในมือด้วยความสนใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง ฝีมือไม่เลวเลยใช่หรือไม่”
“พอได้แล้ว ข้ากินเอง” มู่หลีบอกว่ามีดบินเมื่อครู่นี้เป็นเขาที่โยนเอง นี่ถึงทำให้หลานเยี่ยโมโหเล็กน้อย
“โกรธหรือ” หลานเยี่ยไม่พูดจา นั่งกินปลาอย่างเย็นชา
“รสชาติของปลาเมื่อครู่นี้ไม่เลวเลย ไม่อย่างนั้นตัวต่อไปก็ไม่ทาเกลือดีหรือไม่”
หลานเยี่ยยังคงไม่สนใจเขา
“ข้าไม่ดีเอง อย่าโกรธเลย พวกเรากินปลา ดีหรือไม่”
“มู่หลี ข้าถามเจ้าคำถามหนึ่ง”
“ได้ เจ้าถาม”
“ทำไมเจ้าถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ในความทรงจำของข้า เจ้าเป็นคนที่วางตัวเคร่งขรึมสง่างาม ไม่ยอมพูดอะไรมาก ก่อนหน้านี้ไม่ว่าข้าจะหยอกเจ้าอย่างไร เจ้าก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
ต่อให้ข้าแสดงความในใจต่อเจ้าออกไปมากกี่ครั้ง เจ้าก็ไม่เคยสนใจข้า แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่จู่ๆ เจ้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นกระตือรือร้น ทำให้ข้าเริ่มไม่เคยชินขึ้นมา” หลานเยี่ยหัวเราะออกมาเบาๆ สองที
“ไม่มีใครที่ไม่เปลี่ยนแปลง คนที่ไม่เปลี่ยนก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการไปตลอดกาล ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยน และได้เจ้ามา”
ท่ามกลางแสงไฟ ทั้งสองคนสบตาส่งยิ้มให้กัน
หลานเฟิงที่อยู่ห่างออกไปนั้นกลับใจหาย คงไม่ใช่เหมือนที่เขาคิดกระมัง เวลาไม่ถูกต้อง หรือที่พูดจะหมายถึงเช่นนี้ ทำไมถึงไม่บอกข้าตรงๆ
ในโลกของหลานเยี่ย ไม่มีหลานเฟิงโดยสิ้นเชิง