Skip to content

A Will Eternal 101

บทที่ 101 เขตแดนธาราและปีกพลังแม่เหล็ก!

ผู้นำเขารั่วรื่อแค่นเสียงเย็นชาหนึ่งที มือขวาโบกหนึ่งครั้ง พลังมหาศาลพลันตกกระทบลงไปตูมตาม ลูกศิษย์ของเขารั่วรื่อที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ตัวสั่นเทิ้ม แต่ละคนรู้สึกเหมือนมีภูเขากดทับลงมา ร้องโวยวายอยู่ในใจ พิลาปร่ำไห้ด้วยความเสียใจ

โดยเฉพาะพี่น้องเป่ยหันที่เมื่อถูกแรงกดดันนี้กดทับลงมา สีหน้าก็ยิ่งเจ็บปวดรวดร้าว ตบะในร่างสั่นสะเทือน ความโกรธเกลียดป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในใจก็ยิ่งดุเดือด แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยออกมา

“พวกเจ้ายังไม่รีบไสหัวกลับไปชายฝั่งทิศเหนืออีก ทุกคนปิดด่านสิบปี ห้ามออกไปข้างนอก!” แม้ว่าผู้นำเขารั่วรื่อจะลงไม้ลงมือ แต่ยังไงซะคนเหล่านี้ก็เป็นลูกศิษย์แห่งเขารั่วรื่อของเขา มองดูเหมือนเขาจะเข้มงวด แต่ในความเป็นจริงแล้วมีการปกป้องไปในตัวด้วย ขณะที่กำลังพูดก็สะบัดปลายแขนเสื้อ ลมคลั่งระลอกหนึ่งกวาดผ่าน ม้วนตลบเอาลูกศิษย์เขารั่วรื่อนับร้อยที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้บินลอยไปไกล

ถึงได้หันกลับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนใหม่อีกครั้ง ใบหน้าพยายามฝืนยิ้ม เอ่ยปากเน้นชัดทีละคำ

“เสี่ยวฉุน ตอนนี้เจ้าคิดออกแล้วหรือยัง?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่าตัวเองจะเรื่องเยอะเกินไปไม่ได้ เขาเข้าใจว่าคนเราต้องรู้หนักรู้เบา รู้ว่าผลลัพธ์ในเวลานี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว ได้ยินเช่นนั้นจึงไอแห้งๆ หนึ่งที ในใจรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก

“ฮ่าๆ ศิษย์พี่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนคือลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ คือศิษย์น้องของท่านเจ้าสำนัก แม้ว่าศิษย์หลานพวกนี้จะก่อกวนไปทั่ว แต่ข้าจะไปถือสาพวกเขาได้ยังไง ก็แค่กลุ่มเด็กเล็กจอมเกเรเท่านั้น” ป๋ายเสี่ยวฉุนวางท่าเหมือนทุกคนคือคนรุ่นเดียวกัน ผู้นำเขารั่วรื่อยิ้มขื่นอยู่ในใจ แม้แต่เจิ้งหย่วนตงที่อยู่ข้างๆ ก็ยังต้องกระแอมแห้งๆ หนึ่งที ในใจรู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองตอนนั้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ตบอกป้าบ กดกลั้นความภาคภูมิใจเอาไว้ กำลังจะพูดสูตรยาที่เหลือ

แต่เวลานี้หลี่ชิงโหวกลับกระแอมออกมาหนึ่งครั้ง

“สำหรับอาจารย์โอสถแล้ว ยาวิเศษทุกเม็ดที่คิดค้นขึ้นมา ตัวตำรับยาล้วนล้ำค่าอย่างยิ่ง ชายฝั่งทิศเหนือคิดจะเอาตำรับยาไป ไม่ทราบว่ามีอะไรมาแลก”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตา ยืนอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร มองผู้นำของทั้งสี่เขาตาปริบๆ

ผู้นำทั้งสี่ของชายฝั่งทิศเหนือมองตากัน หญิงชราแห่งเขายวนเหว่ยหยิบเอาไข่มุกเม็ดหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อข้างขวา

ไข่มุกเม็ดนี้มีสีเขียว ด้านในคล้ายมีไอกลุ่มหนึ่งลอยวนอยู่ ทั้งยังมีพลังแม่เหล็กเป็นระลอกอบอวล ทำให้บริเวณโดยรอบเกิดคลื่นเป็นวงๆ

“ไข่มุกแม่เหล็กเม็ดนี้ได้มาจากหัวใจของยักษ์แม่เหล็กตนหนึ่ง มีพลังแม่เหล็กอยู่ หากใช้เพียงลำพังสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของอาวุธวิเศษที่อยู่ภายในรัศมีที่แน่นอน สำหรับนักพรตขั้นสร้างฐานรากแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่ไม่ธรรมดา หากนำมาใช้ด้วยตบะของรวมลมปราณอาจจะลำบากไปหน่อย แต่ในหอเขาสวรรค์มีปีกแม่เหล็กวิเศษหนึ่งคู่อยู่ เมื่อนำมาใช้ร่วมกัน สามารถเป็นท่าไม้ตายของขั้นรวมลมปราณได้เลย ด้วยระดับความเร็วของมัน เกรงว่าต่อให้นักพรตขั้นสร้างฐานรากคิดจะไล่ตามให้ทันก็ยังต้องปวดหัวกันบ้าง!”

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าเป็นผู้ชนะศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ มีสิทธิ์เลือกของวิเศษจากหอศิษย์แห่งความภาคภูมิใจหนึ่งชิ้น ข้าได้นำปีกแม่เหล็กวิเศษมาให้เจ้าพร้อมด้วยไข่มุกเม็ดนี้ เพื่อแลกกับตำรับยา!” ตอนที่หญิงชราเอ่ยปาก มือขวาโบกหนึ่งครั้ง ในมือมีปีกสีเขียวเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่ง บินมาพร้อมกับไข่มุกเม็ดนั้น ลอยอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาเป็นประกาย แม้ว่าความเร็วของเขาจะไม่ธรรมดา แต่หากนักพรตขั้นสร้างฐานรากคิดจะไล่โจมตีจริงๆ ก็ยังถือว่าไม่เร็วพอ แต่ตอนนี้พอเขามองไปยังไข่มุกพลังแม่เหล็กและปีกแม่เหล็กวิเศษที่อยู่เบื้องหน้าก็รู้สึกได้ทันทีว่า ของวิเศษสองชิ้นนี้เมื่อนำมาใช้ร่วมกันแล้วจะสามารถระเบิดความเร็วถึงขีดสุดออกมาได้ วัตถุรักษาชีพเช่นนี้ ทำให้เขาเกิดความสนได้ในทันที

“อีกทั้งหากเจ้ามีวาสนามากพอ ไม่แน่ว่าอาจได้รับพลังแม่เหล็ก ตระหนักรู้ถึงวิชาลับแรงดูดแรงผลักซึ่งเป็นหนึ่งในสิบมหาเวทลึกลับของสำนักธาราเทพเรา!” หญิงชราเอ่ยปากเนิบนาบด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนเลียริมฝีปาก กำลังจะเอ่ยปากตอบรับ แต่กลับอดกลั้นเอาไว้พลางเหล่ตามองหลี่ชิงโหว รอการตัดสินใจจากหลี่ชิงโหว ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นหลี่ชิงโหวเป็นเหมือนญาติของตัวเองนานแล้ว เรื่องแบบนี้เขาจึงฟังความคิดเห็นของหลี่ชิงโหว ต่อให้หลี่ชิงโหวจะบอกให้เขายกยาไปให้เปล่าๆ สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วนี่ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

ก็แค่สูตรยาหนึ่งตำรับเท่านั้น สำหรับชายฝั่งทิศเหนือนี่คือของศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับเขาแล้ว ยาประหลาดเหล่านั้นที่ไม่รู้ว่ามีสรรพคุณอย่างไรยังมีอีกเยอะมากในถุงเก็บของของเขา เวลานี้จึงตั้งใจมั่นแล้วว่ากลับไปจะต้องลองทดสอบดูทีละเม็ด บางทีในยาประหลาดเหล่านั้นอาจจะซุกซ่อนประโยชน์มหัศจรรย์มากมายก็เป็นได้

หลี่ชิงโหวกวาดสายตามองไข่มุกพลังแม่เหล็กและปีกแม่เหล็กวิเศษหนึ่งที แล้วก็มองไปยังผู้นำทั้งสี่ของชายฝั่งทิศเหนืออีกครั้ง สุดท้ายสายตาก็มาตกอยู่บนตัวของหญิงชรา ดวงตาเปล่งประกายวาบ พลันเอ่ยปาก

“บวกกับหนึ่งในสิบมหาเวทลับ ซึ่งสืบทอดกันมาในชายฝั่งทิศเหนือของพวกเจ้า…เขตแดนธารา!”

หลี่ชิงโหวเพิ่งพูดจบ หนังตาของเจ้าสำนักเจิ้งหย่วนตงก็กระตุกเล็กน้อย

“ไม่มีทาง!” ผู้นำของเขารั่วรื่อได้ยินข้อเรียกร้องใหญ่ของหลี่ชิงโหวก็กล่าวด้วยความโกรธแค้นทันที ไม่เพียงแต่เขาที่ไม่ยอม ผู้เฒ่าซึ่งเป็นผู้นำของเขาฉงติ่งชายฝั่งทิศเหนือเองก็ถลึงตาทันควันเช่นกัน

“หลี่เฮยจื่อ[1] เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก เขตแดนธาราคือวิชาลับที่สืบทอดกันมาของชายฝั่งทิศเหนือเรา เป็นวิชาลับอันดับหนึ่งที่เทียบเคียงกับวิชาขบวนภูตรัตติกาลในสิบมหาเวทลับของสำนักธาราเทพ ไม่มีทางยกให้ชายฝั่งทิศใต้ของพวกเจ้าเด็ดขาด!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ด้านล่างกำลังมองเรื่องสนุก พลันได้ยินเสียงผู้นำของเขาฉงติ่งเรียกหลี่ชิงโหวว่าหลี่เฮยจื่อ เขาก็อึ้งไปเล็กน้อย

“น่าขำ เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ขบวนภูตรัตติกาลยังคงเป็นวิชาลับที่สืบทอดกันมาของเขาจื่อติ่ง ก็ไม่ใช่ว่าถูกชายฝั่งทิศเหนือของพวกเจ้าแลกเปลี่ยนเอาไปเหมือนกันหรอกรึ วันนี้พอเปลี่ยนมาเป็นชายฝั่งทิศใต้ของพวกเราขอแลกเปลี่ยนวิชาลับที่สืบทอดกันมาของพวกเจ้าบ้าง ทำไมถึงไม่ได้เล่า!” หลี่ชิงโหวสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้ง เอ่ยปากพร้อมหัวเราะเสียงเย็นชา

ผู้นำทั้งหลายของชายฝั่งทิศเหนือไร้คำตอบโต้ไปชั่วขณะ

ผู้นำของเขากุ่ยหยาเป็นผู้ที่ตลอดทั้งร่างดูเลือนราง มองไม่ชัดว่ารูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร เวลานี้ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง

“ขบวนภูตรัตติกาลเดิมทีนั้นเหมาะกับเขากุ่ยหยาของพวกเรามากกว่า ช่างเถอะ นี่มันเรื่องในอดีตทั้งนั้น ไม่พูดถึงแล้ว เพียงแต่ว่าวิชาเขตแดนธารานี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาชายฝั่งทิศเหนือของเรานอกจากผู้อาวุโสเทียนอี้เมื่อแปดพันปีก่อนแล้ว แม้ว่าจะมีคนบางส่วนฝึกได้สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ล้วนกลายเป็นพลังที่ไร้ประโยชน์ วิชาลับนี้ยากเกินไป ท่านผู้นำหลี่ เหตุใดท่านต้องทำให้พวกเราลำบากใจด้วยเล่า”

“ไม่มีเขตแดนธารา ไม่แลกตำรับยา” หลี่ชิงโหวพูดอย่างเด็ดขาด

ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ด้านล่างมองคนเหล่านี้กำลังถกเถียงกันเรื่องเขตแดนธาราอะไรนั่น ในใจก็ให้แปลกใจ ในความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกว่าเงื่อนไขก่อนหน้าก็ถือว่าไม่เลวมากแล้ว ยามนี้ในใจกลัดกลุ้ม เริ่มเกิดความสนใจในวิชาเขตแดนธารานั่น ขณะเดียวกันก็มีความเข้าใจใหม่ต่อหลี่ชิงโหว แอบบอกกับตนเองว่าปกติเห็นท่านผู้นำหลี่เข้มงวดกวดขันขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงก็เขี้ยวลากดินไม่เบา ช่างเหมาะสมในการเป็นแบบอย่างของข้าเสียจริง หรือว่าเพราะเหตุนี้ถึงได้ถูกเรียกว่าหลี่เฮยจื่อ?

คิดมาถึงตรงนี้ ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปยังหลี่ชิงโหว นัยน์ตาจึงเผยแววเลื่อมใสบูชา

ผู้นำทั้งสี่เขาของชายฝั่งทิศเหนือลังเล ปรึกษากันและกัน หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน สุดท้ายก็เลือกยินยอม เพราะถึงแม้วิชาลับที่สืบทอดกันมาจะสำคัญ แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็คือความล้ำค่าของยาเม็ดนั้น

ไม่นาน ภายใต้การบอกเป็นนัยจากหลี่ชิงโหว ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรีบพูดตำรับยากระสันซ่านออกมาอย่างครบถ้วน ตำรับยานี้พิเศษ ผู้นำหลายคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้จึงปิดผนึกรอบด้านเอาไว้นานแล้ว ทำให้ตำรับยาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดออกมามีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน

หลังจากได้ตำรับยามา ผู้นำของทั้งสี่เขาพากันศึกษาอยู่ชั่วครู่แล้วจึงพยักหน้า แผ่นหยกสีฟ้าหนึ่งแผ่นบินออกมาจากมือของหญิงชราเขายวนเหว่ย ลอยดิ่งมายังป๋ายเสี่ยวฉุน

“เขตแดนธารา อันดับหนึ่งแห่งสิบมหาเวทลับ วิชาอภินิหารนี้จำเป็นต้องสังเกตและศึกษาสัตว์ร้อยชนิด ก่อเกิดเป็นจิตวิญญาณแห่งชะตาตน เสกสรรขึ้นจากความว่างเปล่า ใช้ผืนน้ำกลายร่าง กำเนิดเป็นเขตแคว้นบนโลกมนุษย์”

“ในสำนักธาราเทพหมื่นปีมานี้ นอกจากผู้อาวุโสเทียนอี้ที่หลอมสัตว์ปักษาสวรรค์ตัวหนึ่งออกมาได้ บุกตะลุยอย่างอิสระไปทั่วแปดทิศแล้ว ภายหลังถึงแม้ว่าจะยังมีคนที่มีคุณสมบัติน่าตกตะลึงจำนวนหนึ่งฝึกได้สำเร็จ แต่จิตวิญญาณแห่งชะตาตนที่ก่อตัวขึ้นก็ล้วนเป็นแค่ของธรรมดาสามัญ”

“วิชานี้สุดท้ายแล้วจะปรากฏจิตวิญญาณแห่งชะตาตนแบบใด ขึ้นอยู่กับนิสัยใจคอและความเข้าใจต่อสัตว์วิเศษของผู้ที่ฝึกฝน คนหนึ่งร้อยคนฝึกวิชาเขตแดนธารา จะเกิดจิตวิญญาณแห่งชะตาตนออกมาร้อยชนิดไม่เหมือนกัน มีทั้งแข็งแกร่ง มีทั้งอ่อนแอ ของผู้อาวุโสเทียนอี้ปรากฏออกมาเป็นสัตว์ปักษาสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ แต่การปรากฏของคนอื่นกลับเป็นแค่กระต่ายหนึ่งตัว หรือพวกงูและแมลงเท่านั้น”

“ป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของชายฝั่งทิศใต้ ชายฝั่งเหนือใต้ของเรามองดูแล้วเหมือนแก่งแย่งชิงดีกัน แต่สุดท้ายแล้วก็คือครอบครัวเดียวกัน ข้าหวังว่าสุดท้ายเจ้าจะฝึกได้สำเร็จ สร้างจิตวิญญาณแห่งชะตาตนที่เป็นของตัวเจ้าเอง” หญิงชราเอ่ยปากเนิบช้า มองป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวนางเองหรือว่าผู้นำอีกสามคนที่เหลือล้วนไม่คิดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะฝึกวิชาเขตแดนธารานี้ได้สำเร็จ

เพราะวิชาเขตแดนธาราจำเป็นต้องสังเกตและศึกษาสัตว์วิเศษจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ชายฝั่งทิศใต้ไม่มีสัตว์ให้ศึกษา

หลังจากแลกเปลี่ยนสำเร็จ ผู้นำทั้งสี่ของชายฝั่งทิศเหนือและเจิ้งหย่วนตงพากันจากไป หลี่ชิงโหวอยู่ต่อ ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ของเขาแฝงไว้ด้วยความเมตตาปราณี แต่ภายนอกกลับเข้มงวดอย่างยิ่ง

ตำหนิและตักเตือนป๋ายเสี่ยวฉุน บอกกับเขาว่าอย่าลำพองใจเพราะเป็นผู้ชนะศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ และให้คำชี้แนะกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้านการบำเพ็ญตบะในจุดที่เขาไม่เข้าใจ สุดท้ายยังได้ชี้แนะเกี่ยวกับวิธีพิเศษในการใช้กำไลข้อมือชิ้นนั้น รวมไปถึงไข่มุกพลังแม่เหล็กอย่างละเอียดด้วย

“ไข่มุกพลังแม่เหล็กและปีกแม่เหล็กวิเศษถือว่ามีประโยชน์กับเจ้ามาก ต้องฝึกใช้ให้เคยชิน แล้วก็เขตแดนธารานั่น มันลึกลับและวิเศษมากยิ่งกว่าพืชหญ้าแปลงกองทัพของเขาเซียงอวิ๋นเราเสียอีก แล้วก็คัมภีร์มังกรคชสารแปลงมหาสมุทร วิชานี้ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษคนแรกที่ทำให้สำนักธาราเทพของเราพิชิตจากปลายแม่น้ำทงเทียนมายังช่วงตอนล่างในปีนั้น และก่อตั้งสำนักขึ้นได้สำเร็จ เจ้าต้องศึกษาให้มาก วันหน้าเมื่อข้าสอนพืชหญ้าแปลงกองทัพให้เจ้า ด้วยการเสริมส่งจากวิชานี้ ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งดีมากขึ้น” หลี่ชิงโหวกำชับอีกหนึ่งรอบถึงได้จากไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนซาบซึ้งใจ หันไปโค้งคารวะให้หลี่ชิงโหว แต่อดไม่ไหวจึงถามออกมาหนึ่งประโยค

“ท่านอาหลี่ คือว่า…ทำไมพวกเขาถึงเรียกท่านว่าหลี่เฮยจื่อล่ะ? เกินไปแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปยังหลี่ชิงโหวด้วยความสงสัยใคร่รู้

หลี่ชิงโหวที่อยู่กลางอากาศชะงักฝีเท้า สีหน้าทะมึน หันหน้ากลับมาถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“เรื่องของผู้ใหญ่เจ้าไม่ต้องยุ่ง เจ้าแค่จำไว้ว่าเราเป็นอาจารย์โอสถ วิถีโอสถล้ำค่า ไฉนเลยจะยกให้คนอื่นได้ง่ายๆ!” พูดจบหลี่ชิงโหวก็หมุนตัวจากไป

ส่งหลี่ชิงโหวแล้วเขาก็กลับเข้าไปในถ้ำ นึกถึงประวัติความเป็นมาของคัมภีร์มังกรคชสารแปลงมหาสมุทรที่หลี่ชิงโหวพูดถึงเมื่อครู่ ในใจก็ให้นับถือบรรพบุรุษคนแรกผู้นั้น

“พันธนาการที่บรรพบุรุษท่านแรกพูดถึงในบทเริ่มต้น แท้จริงแล้วคือพันธนาการแบบใดกันแน่นะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แต่กลับไม่มีวิธีพิสูจน์ หลังจากส่ายหัวจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ มองไปยังไข่มุกพลังแม่เหล็กที่อยู่ในมือ กลืนลงไปตามวิธีการที่หลี่ชิงโหวชี้แนะให้

ไข่มุกเม็ดนี้เมื่อเข้าปากก็กลายเป็นไอกลุ่มหนึ่งหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุน หมุนวนอยู่ตรงจุดตันเถียน[2] ไม่มีอะไรผิดปกติ ป๋ายเสี่ยวฉุนลองสัมผัสดูจึงพบว่าเหมือนร่างกายตนจะเบาขึ้นมาอีกเล็กน้อย พอขยับกายอยู่พักหนึ่งก็สัมผัสได้ทันทีว่าความเร็วเพิ่มขึ้นมาจากเมื่อก่อน คล้ายว่ามันมีความเชื่อมโยงแปลกประหลาดบางอย่างกับฟ้าดิน

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกมหัศจรรย์อย่างยิ่ง หยิบเอาปีกแม่เหล็กวิเศษขึ้นมา ปีกคู่นี้เป็นสีเขียว บางเฉียบดั่งปีกจั๊กจั่น แทบจะมองเห็นได้ทะลุปรุโปร่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนอ้าปากพ่นพลังวิญญาณออกมาหนึ่งคำ ทำการหลอมรวมกับปีกคู่นี้ทันที ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งวาบ ปีกแม่เหล็กวิเศษในมือหายไป ปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่บนหลังของเขาเรียบร้อยแล้ว

ความรู้สึกเหมือนเลือดละลายเข้ากับน้ำ ราวกับว่าปีกแม่เหล็กวิเศษคู่นั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา สามารถควบคุมได้ตามใจชอบไม่ต่างไปจากแขนขา จิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันสั่นสะเทือน เมื่อความคิดพุ่งวาบ ปีกที่อยู่ด้านหลังพลันกระพือแรงๆ หนึ่งที

พริบตาเดียวร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลายเป็นภาพเงาร่างพร่าเลือน ทะยานดิ่งเข้าไปกระแทกกับผนังหินที่ห่างออกไปไกล ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจเสียจนกรีดร้องเสียงแหลม รีบหยุดลง แต่กลับควบคุมได้ไม่ดี ตลอดทั้งร่างจึงกระแทกเข้ากับผนังหินเต็มๆ

เสียงปังดังหนึ่งครั้ง ตลอดทั้งถ้ำสั่นไหวเล็กน้อย แต่กล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งเกินไป พอกระแทกอย่างนี้ ร่างจึงฝังเข้าไปอยู่ในผนัง เนิ่นนานถึงได้ร่วงหล่นลงมาดังพลั่ก เปล่งเสียงร้องโหยหวน

ป๋ายเสี่ยวฉุนแยกเขี้ยวยิงฟัน ตะเกียกตะกายขึ้นมายืนได้แล้วก็มองไปยังผนังที่ถูกกระแทกจนเป็นรูด้วยความหวาดผวา ไม่กล้าลองในถ้ำอีกต่อไป หลังจากออกไปนอกถ้ำจึงรวบรวมความกล้าขึ้นมาใหม่ พอปีกด้านหลังกระพือ พริบตาเดียวก็บินออกไปไกล

หลายวันต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยกับการระเบิดความเร็วของปีกคู่นี้แล้ว ในใจเบิกบานยิ่งนัก รู้สึกราวกับว่าตนเป็นหนึ่งในปฐพี

“ฮ่าๆ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนมีความเร็วแบบนี้ ต่อไปผู้เฒ่าโจวอย่าได้หวังว่าจะไล่ตามข้าทัน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะร่าเสียงดัง ร่างกะพริบวาบหนึ่งครั้ง หมุนวนกลางอากาศกลับมายังถ้ำ

———

[1] เฮย (黑)แปลว่าสีดำ ซึ่งต่างจากชื่อเดิมของหลี่ชิงโหวที่คำว่า ชิง (青)แปลว่าสีเขียว

[2] จุดตันเถียน (丹田)จุดเลือดลมที่อยู่ใต้สะดือประมาณสามนิ้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version