Skip to content

A Will Eternal 1209

บทที่ 1209 พร้อมหน้าพร้อมตา

“พี่ใหญ่!” แทบจะวินาทีเดียวกับที่จักรพรรดิเซิ่งเอ่ยประโยคนั้นออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยสีหน้าตื่นเต้น ทั้งยังถอยหลังมาสองก้าวแล้วคารวะจักรพรรดิเซิ่งได้อย่างหน้าตาเฉย โดยเฉพาะเสียงของเขาที่เต็มไปด้วยความดีใจ ราวกับกลัวว่าจะไม่จริงใจมากพอ ทว่าพวกซือหม่าอวิ๋นหัวและกู่เทียนจวินที่มองมา ไม่ว่าจะมองอย่างไร ท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ออกจะเกินจริงมากไปอยู่ดี…

แต่ยังไม่ทันรอให้พวกเขาเกิดความดูหมิ่นขึ้นในใจ จักรพรรดิเซิ่งที่อยู่ข้างกันคล้ายจะมองไม่เห็นท่าทางที่เกินจริงของป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้าของเขาจึงเผยความตื่นเต้นออกมาเช่นกัน ปรี่ขึ้นหน้ามาประคองป๋ายเสี่ยวฉุนให้ยืดตัวขึ้นด้วยสีหน้าแช่มชื่น ในดวงตายังมีประกายแสงแห่งความยินดี ซ้ำยังหัวเราะเสียงดัง

“น้องรอง!!”

เมื่อเทียบกับความเกินจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิเซิ่งหนักยิ่งกว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เคยเห็นการแสดงของจักรพรรดิเซิ่งมาก่อน ในใจเริ่มรู้สึกยอมไม่ได้ ครุ่นคิดว่าตนไม่ควรจะยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ความตื่นเต้นที่ปรากฏอยู่ในดวงตากลายมาเป็นความจริงใจ ร้องตะโกนเสียงดังอีกครั้งราวกับคนที่เจอญาติของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น

“พี่ใหญ่!”

“น้องรอง!” จักรพรรดิเซิ่งยิ่งปิติยินดี หลังจากคนทั้งสองมองหน้ากัน ต่างคนก็ต่างหัวเราะเสียงดังด้วยความเบิกบานใจ

เพียงแต่ว่าเมื่อภาพเหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของพวกกู่เทียนจวิน พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกแปร่ง ขนลุกขนชันไปหมด พอหันไปเห็นคนทั้งสอง แต่ละคนต่างก็รีบดึงสายตากลับคืนมา…

พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าตัวเองเคยเจอคนที่เสแสร้งมาก่อน แต่คนที่เสแสร้งถึงขนาดป๋ายเสี่ยวฉุนและจักรพรรดิเซิ่งนี้กลับไม่ค่อยพบเจอมากนัก

ท่ามกลางเสียงหัวเราะของป๋ายเสี่ยวฉุนและจักรพรรดิเซิ่ง ความคิดของคนทั้งคู่ต่างก็แล่นหมุนวนอย่างรวดเร็ว ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ้มตาหยีเหมือนจิ้งจอกตัวน้อย ส่วนดวงตาของจักรพรรดิเซิ่งนั้นมีความล้ำลึกกว่ามาก ไม่ว่ามองอย่างไรก็คล้ายจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ นั่นเป็นเพราะว่าเขาเองก็รู้ถึงจุดประสงค์การมาเยือนของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นอย่างดี หากป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ต่อสู้กับจักรพรรดิแส หากอีกฝ่ายไม่ได้เผยพลังการต่อสู้ที่เทียบเคียงได้กับบุพกาลออกมา จักรพรรดิเซิ่งก็ไม่มีทางพูดถึงเรื่องสาบานเป็นพี่น้องอะไรนี่อยู่แล้ว

แต่แล้วก็เพราะการเติบโตของป๋ายเสี่ยวฉุน รวมไปถึงแสงแห่งบุพกาลอันน่าครั่นคร้าม ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้จักรพรรดิเซิ่งจำต้องให้ความสำคัญกับเขา ซ้ำในใจยังยกระดับฐานะของป๋ายเสี่ยวฉุนให้เท่าเทียมกับตนอีกด้วย

นอกจากนี้เขาก็ยังพอวิเคราะห์ได้ว่าเพราะสาเหตุใดป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้เติบโตรวดเร็วเพียงนี้

ก็เหมือนกับข้อสงสัยของจักรพรรดิแสในคราแรก ซ้ำจักรพรรดิเซิ่งในเวลานี้ยังไม่ได้คลางแคลงใจอีกต่อไป กลับกันคือเขามั่นใจอย่างถึงที่สุดว่า…ซากพัดผู้บงการเล่มนั้น ต้องถูกป๋ายเสี่ยวฉุนใช้วิธีการอย่างอื่นช่วงชิงไปได้แน่นอน!

และก็มีเพียงได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าที่เป็นการสืบทอดประเภทนั้นเท่านั้นถึงจะอธิบายเรื่องทั้งหมดและการที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนมาเป็นแข็งแกร่งได้อย่างสมเหตุสมผล

หากเปลี่ยนมาเป็นก่อนหน้าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ได้ต่อสู้กับจักรพรรดิแส จักรพรรดิเซิ่งย่อมต้องลงมือช่วงชิงทุกอย่างแน่นอน

ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่มีพลังการต่อสู้ของบุพกาล ซ้ำยังมีนักพรตโลกทงเทียนเป็นรากฐาน เงื่อนไขทั้งหมดที่มีครบถ้วนนี้เป็นเหตุให้จักรพรรดิเซิ่งเปลี่ยนแปลงท่าทีโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนได้มาเยือนด้วยตัวเอง ด้านหนึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของป๋ายเสี่ยวฉุน เป็นเหตุให้จักรพรรดิเซิ่งเดาจำนวนของแสงแห่งบุพกาลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนครอบครองไม่ถูกเช่นเดียวกับจักรพรรดิแส

อีกด้านหนึ่งการมาถึงของป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่พูดอะไร ทว่าท่าทีของเขาก็ชัดเจนมากพออยู่แล้วว่า…ต้องการจะเป็นพันธมิตร!

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันอย่างละเอียด เมื่อความจริงทั้งหมดมาปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหรือจักรพรรดิเซิ่งต่างก็รู้ชัดเจนดีว่า หากคนทั้งสองเป็นพันธมิตรกันได้ ถ้าเช่นนั้นสำหรับจักรพรรดิแสและตลอดทั้งราชวงศ์จักรพรรดิแสแล้ว ก็ล้วนเป็นการโจมตีที่สาหัสอย่างถึงที่สุด แม้อาจไม่ถึงขั้นสามารถสังหารจักรพรรดิแสได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าจะข่มหัวกดกำราบจักรพรรดิแสไปได้อีกมาก!

เรื่องแบบนี้มากพอจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้มากมาย และขณะเดียวกัน…ในเมื่อไม่มีศัตรูที่ถาวร ในสายตาของจักรพรรดิเซิ่งแล้ว หากตนเลือกที่จะปฏิเสธ ถ้าเช่นนั้นแม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเพิ่งต่อสู้กับจักรพรรดิแสไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพ!

“น้องรอง วันนี้เจ้าและข้าสาบานเป็นพี่น้องกัน ข้าก็ขอยกทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองให้แก่เจ้า!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ จักรพรรดิเซิ่งโบกมือหนึ่งครั้ง ทิศเหนืออันเป็นที่ดินแร้นแค้นและเดิมทีก็เป็นของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้วก็ถูกจักรพรรดิเซิ่งมอบให้เป็นของขวัญแก่ป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรง

“พี่ใหญ่ ข้ายินดีที่จะเป็นพันธมิตรกับพี่ใหญ่ พี่ใหญ่โปรดวางใจ ขอแค่ทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองอยู่ในมือข้า ข้าก็จะไม่มีวันยอมให้กองทัพใหญ่ของราชวงศ์จักรพรรดิแสผ่านที่แห่งนั้นมาได้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รีบตกปากรับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ซ้ำคำพูดที่เขาเอ่ยยังทำให้พวกกู่เทียนจวินที่ฟังอยู่รู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี… เพราะอย่างไรซะเมื่อทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองถูกยกให้เป็นของป๋ายเสี่ยวฉุน

ก็เท่ากับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนยึดครองดินแดนเซียนไปได้หนึ่งแห่งครึ่ง หากจะว่ากันในบางระดับก็ถือว่าคั่นกลางอยู่ระหว่างราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งและราชวงศ์จักรพรรดิแส หากปล่อยให้ราชวงศ์จักรพรรดิแสผ่านมาได้จริงๆ ก็เท่ากับว่าอำนาจของเขาถูกลบเลือนไปแล้ว

จักรพรรดิเซิ่งได้ยินเช่นกันก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง คนทั้งสองจึงได้ข้อตกลงร่วมกันเช่นนี้ และภายใต้คำเชื้อเชิญของจักรพรรดิเซิ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้รับประทานอาหารเย็นในวังหลวง ก่อนจะกลับไป

จนกระทั่งป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของจักรพรรดิเซิ่งจึงพลันหายวับไปกับตา เขาขมวดคิ้วชั่งน้ำหนักถึงผลได้ผลเสียอยู่พักหนึ่ง หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นก็คลายออก ค่อนข้างพอใจกับการผูกพันธมิตรครั้งนี้

ความเสียหายอย่างเดียวที่มีก็แค่ทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองเท่านั้น แต่ว่าก่อนหน้าที่สถานที่แห่งนั้นจะเปลี่ยนมาเป็นแร้นแค้นก็เคยเป็นของราชวงศ์จักรพรรดิแสมาก่อน แม้ว่าภายหลังป๋ายเสี่ยวฉุนจะยึดครองไปได้ เป็นเหตุให้ที่ดินของราชวงศ์จักรพรรดิแสเหลือสองแห่งครึ่ง และภายนอกที่ดินของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็มีสองแห่งครึ่งเช่นเดียวกัน ทว่าที่นั่นเป็นพื้นที่ที่กันดารอย่างถึงที่สุด ในสายตาของจักรพรรดิเซิ่งจึงไม่ต่างอะไรไปจากซี่โครงไก่ชิ้นหนึ่ง

ตอนนี้เอาซี่โครงไก่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งเดิมทีซี่โครงไก่ชิ้นนี้ก็ไม่ใช่ของตนไปแลกเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตร ตามความเห็นของจักรพรรดิเซิ่งแล้ว แม้ว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ตนจะไม่ได้เปรียบมากเท่าใดนัก แต่ก็ไม่เสียเปรียบเช่นกัน เพราะอย่างไรซะตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งมาเยือนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ได้ครอบครองดินแดนเซียนที่สมบูรณ์แบบแห่งหนึ่งกับดินแดนเซียนครึ่งแห่งอีกสองดินแดนอยู่แล้ว

มาถึงตอนนี้ ที่ดินที่เขาครอบครองก็ยังมีขนาดเท่าเดิม

คนที่เสียเปรียบที่สุดก็คือราชวงศ์จักรพรรดิแส…ในสายตาของจักรพรรดิเซิ่ง ดูเหมือนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นตัวพิชิตราชวงศ์จักรพรรดิแส พอเขามาถึงก็ช่วงชิงดินแดนเซียนครึ่งหนึ่งไป สุดท้ายยังช่วงชิงดินแดนเซียนไปอีกหนึ่งแห่งเต็มๆ …

แล้วก็ด้วยเหตุนี้ แผ่นดินใหญ่ทั้งห้าแห่งของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลจึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นับแต่นี้!

ราชวงศ์จักรพรรดิแสสูญเสียที่ดินของตัวเอง นับแต่วันนี้จึงได้ครอบครองแค่ดินแดนเซียนหนึ่งแห่งหนึ่ง ส่วนราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งนั้นยังคงเดิม ยังคงมีดินแดนเซียนอยู่สองแห่ง และการคงสภาพเช่นนี้ก็ทำให้ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งทะยานสูงเพียงแค่ก้าวเดียว!

อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือนั้นเป็นของป๋ายเสี่ยวฉุน

อีกทั้งเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว จักรพรรดิเซิ่งยังยิ้มน้อยๆ ถือโอกาสทำดีให้ถึงที่สุด เขาต้องการให้ทุกคนมองเห็นถึงความใจกว้างและจริงใจของตน จึงออกคำสั่งเปิดด่านชายแดน อนุญาตให้คนของโลกทงเทียนทั้งหมดที่อยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งตัดสินใจได้ตามใจชอบว่าจะอยู่หรือไป!

เมื่อพระราชโองการนี้ป่าวประกาศออกมา นักพรตโลกทงเทียนในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งทั้งหมดก็พากันฮึกเหิม แต่ละคนเดินออกมาจากทิศทางต่างๆ พากันมุ่งหน้าไปยังสถานที่วิเศษในใจของพวกเขา!

ขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนที่กลับออกมาจากราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ได้อาศัยการรับสัมผัสที่มีต่อกระบี่ใหญ่สายเหนือห้อทะยานไปถึงมหาสมุทรหย่งเหิง พอรับสัมผัสอยู่อีกหลายครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แหวกผิวทะเลตรงดิ่งสู่ก้นทะเลลึก

และอำนาจจิตของเขาที่แผ่ออกไปก็ค่อยเสาะค้นจนพุ่งเป้าไปยังกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งที่…อยู่ก้นทะเล!

นั่นก็คือกระบี่ใหญ่สายเหนือ!

แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งมาหา กระบี่ใหญ่สายเหนือที่จมนิ่งอยู่ก้นทะเลมานานหลายปีก็พลันสั่นสะท้านแล้วบินทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตาเดียวก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าไว้ในมือ

พอทะยานแหวกผิวน้ำออกมาแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ลมหายใจหอบกระชั้นก็พลันผสานรวมอำนาจจิตเข้าไปในโลกของกระบี่ใหญ่!

เมื่อเขามองเห็นพวกหลี่ชิงโหว บุรพาจารย์ธาราเทพ ราชาผียักษ์ที่ปลอดภัยดีอยู่ในโลกกระบี่ใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ผ่อนลมหายใจยาวเหยียดแล้วหัวเราะร่า

และเมื่ออำนาจจิตของเขาผสานรวมเข้ามา ทุกคนที่อาศัยอยู่ในโลกกระบี่ใหญ่สายเหนือก็พากันใจสั่นรุนแรง พอสัมผัสได้ก็เงยหน้ามองฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกัน

“เสี่ยวฉุน!!”

“คือท่านใต้เท้า!!”

“ปราณของบรรพบุรุษขุย!!”

ช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทุกคนตื่นเต้นดีใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ครั้นแล้วเสียงของเขาก็ดังก้องกังวานไปทั่วโลกกระบี่ใหญ่สายเหนือ

“ข้า กลับมาแล้ว!!”

เมื่อเสียงไชโยโห่ร้องดังเอ็ดอึง เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไปถึงดินแดนเซียนที่เขายึดครองมาได้ เมื่อคนหลายแสนในโลกกระบี่ใหญ่สายเหนือถูกส่งออกมาทั้งหมด ดินแดนเซียนอันเป็นแผ่นดินของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เต็มไปด้วยความคักคึกทันที

ไม่ว่าจะเป็นต้าเทียนซือหรือบุรพาจารย์ธาราเทพต่างก็เป็นผู้ที่มีความสามารถในด้านการปกครอง ตอนแรกที่ออกมา พวกเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์

แต่พอได้ฟังป๋ายเสี่ยวฉุนอธิบายเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกคนก็ฮึกเหิมดีใจกันถ้วนหน้า

ไม่จำเป็นต้องให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยุ่งวุ่นวาย ต้าเทียนซือรีบระดมกำลังทั้งหมดลงมือจัดการกับดินแดนเซียนแห่งนี้ทันที ส่วนพวกบุรพาจารย์ธาราเทพก็สร้างสำนักสยบธารขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!!

เวลาที่ล่วงเลยผ่านไป ดินแดนเซียนอันเป็นของนักพรตโลกทงเทียนแห่งนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกวัน ทั้งยังมีคนของโลกทงเทียนจำนวนมากที่ทยอยกันเดินทางมาจากราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง

แม้แต่พวกราชาสวรรค์หลายท่านของแดนทุรกันดารที่ไม่เคยเปิดเผยร่องรอยมาตลอดหลายปีอย่าง…ราชาเก้านรกภูมิ ราชาเทพจุติ ราชาชิงชัย ต่างก็เดินทางมาด้วย!

ยิ่งไปกว่านั้นครึ่งเทพของสายตะวันออกและสายเหนือซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ของนักพรตทงเทียน มีฐานะเท่าเทียมกับราชาสวรรค์ก็ยังปรากฎตัวด้วย!

คนอื่นๆ ยังดีหน่อย ทว่าการมาถึงของครึ่งเทพสายเหนือผู้นั้น ลึกๆ ในใจเขาวุ่นวายอยู่มาก นั่นเป็นเพราะว่าในอดีตเขาเคยทำไม่ดีกับป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้มาก เพียงแต่เมื่อเห็นบรรยากาศคึกคักกระตือรือร้นของที่แห่งนี้ เขาที่ลังเลอยู่นานก็ตัดสินใจที่จะมาเข้าร่วมด้วยความระมัดระวัง

ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version