Skip to content

A Will Eternal 1247

บทที่ 1247 คุยโวโอ้อวด

ดวงตาของวิญญาณวัตถุน้อยฉายแววคลางแคลงใจ ลึกๆ ในใจมันก็เกิดความลังเลเหมือนกัน แม้จะรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นปราณหรือความรู้สึกที่คนตรงหน้ามอบให้ล้วนคือ… เต้าเฉินอดีตเจ้านายของตน ทว่าทุกอย่างที่ซ่อนแฝงอยู่ในถ้อยคำของอีกฝ่าย กลับทำให้มันรู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้ มีเพียงเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ยางอายที่ชอบขี้โกงคนนั้นเท่านั้น ถึงจะพูดออกมาได้…

เต้าเฉินอดีตนายท่านของตน คือหนึ่งในผู้บงการที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้ เขาจะพูดจาด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังขนลุกขนชันไปทั้งตัวแบบนี้ออกมาได้อย่างไร

แต่กระนั้นปราณของอีกฝ่ายก็ถูกต้องไม่มีผิดเพี้ยน นี่จึงทำให้วิญญาณวัตถุน้อยแยกแยะไม่ออก ในใจจึงคิดไม่ตก

ขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยยังคงลังเล ป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลับตาลง มองภายนอกเหมือนเคร่งขรึม ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความเหลิงลำพอง อันที่จริงก่อนหน้านี้ ตอนที่เต้าเฉินยอมเผาไหม้ทุกสิ่งของตัวเองที่เหลืออยู่โดยไม่สนใจค่าตอบแทนใด แม้อีกฝ่ายจะควบคุมร่างของเขาไว้ได้ แต่จิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงอยู่ เพียงแต่เหมือนเปลี่ยนมาเป็นคนที่มองเหตุการณ์อยู่ภายนอก ได้แต่มองการกระทำและคำพูดทุกอย่างของตัวเองโดยที่ตัวเองไม่อาจควบคุมได้เท่านั้น

ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนประหวั่นพรั่นพรึงอย่างมากในช่วงแรกๆ โดยเฉพาะเมื่อเห็นวิญญาณวัตถุน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แค่นเสียงหึอยู่ในใจ แต่กลับไม่มีอารมณ์ไปสนใจอีกฝ่าย ท่ามกลางการร้องโอดครวญอยู่ในใจด้วยความไม่สบายใจนั้น เขามองเห็นร่างของตัวเองที่เดินเข้าไปในหมอกควัน มองเห็นเรือลำนั้น แล้วก็มองเห็นโครงกระดูก

สามารถพูดได้ว่าทุกอย่างที่เต้าเฉินสัมผัสมา ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนรับรู้ได้อย่างชัดเจน

เวลานั้นเสียงร้องโอดครวญในใจของเขายิ่งดังระงม เพราะรู้สึกว่าหุบเขาที่มีแต่ควันดำนี้อันตรายเกินไป ภายใต้ความทรมานใจเช่นนั้น กว่าที่ดวงจิตแห่งความยึดมั่นของเต้าเฉินจะค่อยๆ สลายไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งนาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาจากควันดำ มายืนอยู่นอกหุบเขา ความยึดมั่นทั้งหมดของเต้าเฉินก็ได้สลายไปอย่างสิ้นเชิง และได้หายไปจากห้วงจักรวาลแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ เขาจะไม่สามารถสร้างอิทธิพลให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้อีกแล้ว แต่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเรื่องนี้ก็เป็นโชควาสนาอย่างหนึ่งเช่นกัน แม้ว่าความยึดมั่นของเต้าเฉินจะยึดร่างของเขาในเวลาสั้นๆ แต่เมื่อความยึดมั่นนั้นสลายจางไป เขากลับทิ้งปราณที่เป็นของเต้าเฉินเอาไว้ส่วนหนึ่ง และพอป๋ายเสี่ยวฉุนได้ปราณนี้มา เขาก็สามารถเปลี่ยนพลังอำนาจของตัวเอง ซึ่งหากว่ากันในบางระดับ เขาสามารถทำให้ตัวเองกลายมาเป็น…เต้าเฉินได้!

แม้ว่าจะไม่มีพลังการต่อสู้ของเต้าเฉิน ทว่าหากคิดจะเอามาข่มขู่คนอื่น กลับยังพอจะสร้างความสะเทือนขวัญได้มากพอ

และเวลานี้เองที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสังเกตเห็นท่าทางไม่แน่ใจของวิญญาณวัตถุน้อย พอนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่วิญญาณวัตถุน้อยกอดขาของเต้าเฉินเซียนจุนไว้แน่น เขาไม่เคยได้ดื่มด่ำกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงฉวยโอกาสปลอมตัวเป็นเต้าเฉินไปขมขู่วิญญาณวัตถุน้อย และถือโอกาสสั่งสอนอีกฝ่าย เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแรงต่อการเรียกใช้วิญญาณวัตถุน้อยในอนาคตให้กับตัวเอง

นึกถึงท่าทางตะลึงพรึงเพริดหลังจากถูกขู่ของวิญญาณวัตถุน้อยก่อนหน้านี้

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เบิกบานใจ ส่วนทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในหุบเขา เขารู้สึกว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองสักเท่าไหร่นัก และตอนนี้เมื่อเดินออกมาได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังแกล้งหลอกวิญญาณวัตถุน้อยได้สำเร็จแล้ว จึงได้เวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะลืมตาขึ้นช้าๆ

เพื่อให้การแสดงของตัวเองสมจริงยิ่งกว่าเดิม ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ลืมตาโพลงจึงหวีดร้องเสียงดังเกินจริง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงไม่แน่ใจ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

“บัดซบนัก ทำไมข้าถึงมายืนอยู่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้เหมือนตัวเองนอนหลับไป แต่ทำไมตอนนี้ถึงจำอะไรไม่ได้เลย!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าขาวเผือด ดวงตาแฝงความตะลึงลาน ครั้นแล้วก็รีบบินออกไป ราวกับว่าต้องการออกไปให้ไกลจากหุบเขาควันดำมากที่สุด ทั้งยังตรงดิ่งกลับไปที่พัดวิเศษทันที

วิญญาณวัตถุน้อยที่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองทุกการกระทำ

ทุกคำพูดหลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขม็ง ความลังเลของมันยิ่งมีมากขึ้น เริ่มไม่รู้แล้วว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ หนึ่งที แล้วจึงตามป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไปยังพัดวิเศษราวกับยอมรับชะตากรรม

เหมือนจะรู้สึกว่าการแสดงของตนก่อนหน้านี้เกินจริงไปบ้าง พอกลับมาถึงพัดวิเศษ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสรุปจากข้อผิดพลาดที่ผ่านมา โดยวางสีหน้าเคร่งเครียดมองวิญญาณวัตถุน้อย แล้วเอ่ยถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หลังจากตนหมดสติไป ราวกับต้องการรู้เรื่องที่ขาดหาย

หากเปลี่ยนมาเป็นเมื่อก่อน วิญญาณวัตถุน้อยต้องไม่มีทางยอมพูดความจริงออกมาแน่นอน ต่อให้ยอมพูดก็คร้านที่จะอธิบายรายละเอียด เว้นเสียแต่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเอาเรื่องเปลี่ยนชื่อมาขู่ หาไม่แล้วมันก็คงจะพูดปัดๆ ให้จบไป ไม่มีทางที่จะยอมเปลืองน้ำลายตัวเองแน่

ทว่าตอนนี้พอมานึกถึงคำสั่งสุดท้ายของอดีตเจ้านาย ด้วยความจนใจ วิญญาณวัตถุน้อยก็ได้แต่พูดทุกอย่างตามที่ตัวเองเห็น และสุดท้ายยังช่วยพูดออกหน้าให้กับเต้าเฉินเซียนจุนอีกด้วย

“เต้าเฉินเซียนจุนไม่ได้มีเจตนาร้าย ท่านผู้อาวุโสเพียงแค่ยึดติดกับเรื่องราวในอดีตเท่านั้น ตอนหลังยังออกปากชมเจ้าด้วย”

ขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยเอ่ยอธิบาย ด้วยกังวลว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนจะผูกใจเจ็บเต้าเฉินเซียนจุน จึงเตรียมจะพูดโน้มน้าวต่อไปอีก แต่กลับนึกไม่ถึงว่าพอป๋ายเสี่ยวฉุนได้ฟังเรื่องทั้งหมด ร่างของเขาจะพลันสั่นสะท้านแล้วยกมือขวาขึ้นโบกปฏิเสธ

“ไม่ต้องพูดแล้ว เต้าเฉินเซียนจุนเป็นเหมือนอาจารย์ของข้า หากไม่มีท่านผู้อาวุโส ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนคงตายไปนานแล้ว แล้วก็ไม่มีทางได้กลายมาเป็นบุพกาลอย่างตอนนี้แน่นอน!”

“อย่าว่าแต่แค่ยึดร่างของข้าเลย ต่อให้เขาสั่งให้ข้า..ป๋ายเสี่ยวฉุน.. ไปบุกน้ำลุยไฟ ขอแค่เต้าเฉินเซียนจุนพูดออกมาคำเดียว ข้า..ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะไม่แม้แต่ขมวดคิ้ว!”

“ข้า..ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนแบ่งแยกบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจนมาโดยตลอด เต้าเฉินเซียนจุนมีพระคุณต่อข้า เรื่องนี้ข้าผู้แซ่ป๋ายย่อมจดจำขึ้นใจไปชั่วชีวิต!”

คำพูดเหล่านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนพูดออกมาจากใจจริง เต็มไปด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ ทำเอาวิญญาณวัตถุน้อยที่ฟังอยู่รู้สึกซาบซึ้งไปด้วย และในใจก็เกิดความเลื่อมใสต่อป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นครั้งแรก

“นายท่าน!” วิญญาณวัตถุน้อยซาบซึ้งใจ มันยังอ่อนเดียงสานัก เวลานี้จึงไพล่นึกไปถึงประโยคที่เต้าเฉินเซียนจุนเอ่ยชมป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างอดไม่ได้ และไม่นานมันก็เริ่มรู้สึกว่าเต้าเฉินเซียนจุนน่าจะมองป๋ายเสี่ยวฉุนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง บางทีป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ อาจเป็นอย่างที่เต้าเฉินเซียนจุนพูดไว้จริงๆ

ท่ามกลางความตื้นตันใจ วิญญาณวัตถุน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก บอกกับตัวเองในใจว่าต่อไปจะทำทุกอย่างตามที่เต้าเฉินเซียนจุนสั่งไว้ บางทีมันอาจจะสามารถฝากทุกอย่าง ไว้ในมือป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ได้จริงก็เป็นได้

พอคิดอย่างนี้วิญญาณวัตถุน้อยเลยยิ่งขมีขมัน ไม่จำเป็นต้องให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยสั่งเหมือนในอดีต มันก็เป็นฝ่ายตรงเข้าไปควบคุมพัดวิเศษด้วยตัวเอง ช่วยลดแรงให้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้เยอะ แม้แต่ความเร็วของพัดวิเศษก็ยังเพิ่มมากขึ้นอีกไม่น้อย

ป๋ายเสี่ยวฉุนคลี่ยิ้มให้กำลังใจต่อการกระทำของวิญญาณวัตถุน้อย แต่ในใจกลับลำพอง ครุ่นคิดว่าตนนี่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ก่อนจะนั่งลงทำสมาธิอยู่บนพัดวิเศษด้วยความลำพองใจ แม้ว่าตบะของเขาในเวลานี้จะเป็นบุพกาลแล้ว แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ

เป้าหมายของเขาก็คือ… ไฟสามสิบสี!

ก่อนหน้านี้เขาเจอกับอุปสรรคตอนหลอมไฟยี่สิบเก้าสี เพราะตบะไม่มากพอจึงไม่สามารถหลอมต่อไปได้ ทว่าตอนนี้เขาเป็นบุพกาลแล้ว หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีตำรับไฟยี่สิบเก้าสีลอยขึ้นมาทันที ตำรับนี้ถูกวิเคราะห์ ประกอบรวมและอนุมานอยู่ในสมองของเขาอย่างต่อเนื่อง ป๋ายเสี่ยวฉุนค้นพบว่า… หลังจากที่ตนได้เลื่อนขั้นเป็นบุพกาล อำนาจจิตก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า จนมิอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้ ซ้ำความเร็วในการอนุมานก็เหนือเกินกว่าในอดีตไปไกลโข ไม่นานตำรับไฟยี่สิบเก้าสีก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนปรับเปลี่ยนแก้ไขใหม่ พอเขาสะบัดปลายแขนเสื้อ วิญญาณจำนวนมากจึงบินออกมาและเขาก็เริ่มทำการหลอมไฟทันทีความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในขอบเขตเทียนจุน ด้านหนึ่งก็เพราะความยากของตำรับหลอมไฟ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพราะตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนมีไม่มากพอให้ประคับประคอง

ทว่าตอนนี้ทุกข้อที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จกลับทยอยถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคลี่คลายไปทีละเปลาะ การหลอมไฟครั้งนี้จึงราบรื่นยิ่งกว่าที่เคยเป็นและใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน เมื่อพัดวิเศษเล่มนี้บินออกมาจากพื้นที่ซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียนในที่สุด ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีแสงไฟที่สว่างพร่างพราวกองหนึ่ง สีของมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง มีทั้งหมด… ยี่สิบเก้าสี!!

“ขาดแค่ขั้นสุดท้าย…ไฟสามสิบสี!”

หลังจากผสานไฟยี่สิบเก้าสีนี้ไว้บนตราประทับของป๋ายฮ่าวบนหลังมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันตื่นเต้น เพราะเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังชีวิตของป๋ายฮ่าวที่อยู่ในตราประทับลิงโลดขึ้น ราวกับว่ามีเพียงแค่ปราการบางๆ สุดท้ายกั้นขวางเอาไว้เท่านั้น หากฝ่าปราการนี้มาได้ ป๋ายฮ่าวก็จะสามารถระเบิดพลัง หวนกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้ง!!

ภายใต้ความฮึกเหิม ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงอนุมานไฟสามสิบสีไปพร้อมกันรวดเดียว ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหน้าเปลี่ยนสี และวินาทีที่เขาเงยหน้า มือขวาของเขาก็พลันยกขึ้นแล้วชี้ไปยังท้องฟ้าห่างไกลแถบหนึ่งที่ดูเหมือนจะว่างเปล่า!

การชี้ครั้งนี้ทำให้พื้นที่ตรงนั้นยุบยวบแล้วเกิดการบิดเบือน แรงดึงดูดถูกปลดปล่อยออกมา เวลาก็เหมือนจะถูกบิดเบือนตามไปด้วย วิญญาณวัตถุน้อยเองก็อึ้งงันไปเช่นกัน ดวงตาฉายแววซับซ้อน แต่ก็ยังคงควบคุมพัดวิเศษต่อ และทันใดนั้นแสงแห่งบุพกาลหลายเส้นก็ระเบิดออกมาแล้วตรงดิ่งเข้าหาพื้นที่นั้น

“ทาสบุพกาล!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแสงคมกริบ คำรามกร้าวหนึ่งที ทาสบุพกาลสองตนก็จำแลงร่างออกมาทันที พวกเขาบินออกจากพัดวิเศษ ตรงไปยังพื้นที่นั้นพร้อมกัน!

มาถึงเวลานี้ ในพื้นที่ที่บิดเบือนนั้นก็มีเสียงคำรามดุร้ายของแม่เฒ่าผีดังออกมา!

“บัดซบ ไม่แล้วไม่เลิกเสียที ยังจะมาดักรอให้ข้าตรงทางออกอีก!”

หากเปลี่ยนมาเป็นเมื่อก่อน ป๋ายเสี่ยวฉุนคงเผ่นหนีไปนานแล้ว ทว่าตอนนี้เขามีขอบเขตบุพกาล จึงมีความมั่นใจมากพอเลยสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ปลดปล่อยปณิธานแห่งการต่อสู้ให้ท่วมทะยาน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version