Skip to content

A Will Eternal 1266

บทที่ 1266 ทะเลดวงดาวจุดตันเถียน

เมื่อเห็นภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าพุ่งเข้ามาแสกหน้า

ทั้งยังเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด เพียงแค่ชั่วพริบตาก็เหมือนกลายมาเป็นยอดเขาที่แท้จริงซึ่งหมายจะกดทับป๋ายเสี่ยวฉุนให้บี้แบน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พร้อมสู้สุดใจขาดดิ้น ต่อให้ตอนนี้พลังกล้ามเนื้อจะไม่ได้ฟื้นคืนกลับมาเต็มสิบส่วน แต่เขาก็ยังระเบิดมันออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเล

เมื่อมือขวายกขึ้นกำเป็นหมัด หมัดผู้บงการมิดับสูญก็ถูกโคจรเต็มกำลัง เงามายาด้านหลังผสานรวมกับตัวเขาเอง กลายมาเป็นหมัดสะท้านฟ้าที่พอภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋ากดทับลงมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดีดตัวผลุงพลางเหวี่ยงหมัดโครมออกไป!

วินาทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกัน

เสียงดังสะเทือนแก้วหูก็พลันกึกก้องไปแปดทิศ ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าที่แข็งแกร่ง พอมาเจอกับหมัดผู้บงการมิดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับสั่นสะเทือน ทั้งจุดที่สัมผัสเข้ากับหมัดอขงป๋ายเสี่ยวฉุนยังเกิดรอยปริแตกแผ่ลามขยายไปรอบด้านหลายเส้น

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่ เขากระอักเลือดดังพรวดติดต่อกันสามสี่คำ โดยเฉพาะสะโพกขวาที่คล้ายจะแตกหัก ร่างจึงปลิวลิ่วไปด้านหลังดั่งว่าวที่สายป่านขาด เพราะต่อให้ผู้บงกรเต้าเฉินที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้จะอ่อนด้อยกว่าตัวจริง แต่กระนั้นก็ยังแข็งแกร่งสุดประมาณ

ยังดีที่การโจมตีครั้งนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ผล ขณะเดียวกันวิชาอภินิหารทั้งหมดของเต้าเฉินก็ถูกทอนกำลังให้อ่อนด้อยลงไปด้วย และบัดนี้เมื่อรอยปริร้าวแผ่ลามไปทั่ว ขุนเขาแห่งต้นกำเนิดเต๋าก็พลันระเบิดกระจัดกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ …

ทว่าวินาทีที่มันระเบิดทลายนั้นเอง ทันใดนั้นกลับมีเจดีย์หลังหนึ่งบินออกมาจากในภูเขาต้นกำเนิดเต๋า ในเจดีย์นี้มีหมอกควันสีขาวและสีดำที่ถูกปลดปล่อยออกมา ริ้วคลื่นขุมหนึ่งอันเป็นตัวแทนของต้นกำเนิดการเกิดและการตายแผ่กำจายไปทั่ว ม่านตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว มองหมอกควันสีขาวและสีดำที่ตรงเข้ามาหาตัวเองอย่างรู้แก่ใจดีว่า นี่ก็คือต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายของผู้บงการเต้าเฉิน

“เขตแดน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าวขึ้นมาทันควัน พลันร่ายใช้วิชาอภินิหารที่เผาผลาญพลังตบะมากที่สุด พลังตบะซึ่งเขาพยายามกักเก็บเอาไว้ตั้งแต่ต้นออกมาโดยเร็ว!

เมื่อเสียงของเขาก้องสะท้อน รอบกายเขาก็มีไอน้ำกรุ่นอบอวล ไอน้ำเหล่านี้มีมากมายมหาศาล และเมื่อพวกมันลอยแผ่ออกไปก็เป็นเหตุให้พื้นดินแปดทิศเหมือนจะจำแลงกลายมาเป็นหนองน้ำแห่งหนึ่ง

แม้แต่หมอกควันของต้นกำเนิดเป็นตายที่พอเจอกับหนองน้ำแห่งนี้ก็ยังคล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงซัดตลบปั่นป่วนรุนแรง ต่อให้เป็นนผู้บงการเต้าเฉินก็ยังมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยนัยน์ตาฉายแววประหลาด

ขณะเดียวกัน ปากของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปล่งสองคำสุดท้ายของเวทลับนี้ออกมา!

“ธารา!!”

เสียงสัตว์ร้ายคำรามพลันระเบิดสนั่นหวั่นไหวออกมาจากในหนองน้ำ กึกก้องสะท้อนไปยันชั้นฟ้า เปี่ยมไปด้วยความดุร้ายเกรี้ยวกราด มากด้วยความสยบขวัญสั่นประสาทจนไม่อาจจะบรรยาย พอเสียงนี้ดังอึงคะนึง แม้แต่เขตปราการด้านหลังของเต้าเฉินก็ยังบิดเบือนขึ้นเป็นครั้งแรก

ตามมาติดๆ ด้วยแผ่นดินที่สั่นไหว ท้องฟ้าลั่นครืนครั่น ครั้นแล้วในหนองน้ำก็มีหนามแหลมหลายแท่งที่มองดูคล้ายยอดเขาโค้งงอผุดทะลุขึ้นมา เพียงแค่ชั่วพริบตาเมื่อยอดเขาเหล่านั้นเผยตัว แผ่นดินผืนหนึ่งที่กว้างใหญ่ไพศาลก็ผุดขึ้นตามมาติดๆ สุดท้ายกลายมาเป็นกรงเล็บสัตว์ขนาดมหึมา ในที่สุดวันนี้กรงเล็บนี้ก็โผล่ออกมาข้างนอกอย่างเต็มที่แล้ว และเพียงแค่โผล่ออกมามันก็ตบลงบนพื้นเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหว!

ตามหลังการตบของกรงเล็บก็คือพายุหมุนที่ก่อตัวแล้วซัดตะลุยอย่างดุเดือด ลำพังเพียงแค่กรงเล็บนี้ก็ยิ่งใหญ่จนคล้ายจะค้ำยันฟ้าดิน และพอตวัดตบลงมาก็เผยให้เห็นแผ่นเกล็ดที่ขึ้นเต็มทุกพื้นที่ ทั้งบนเกล็ดเหล่านั้นยังมีของเหลวสีดำจำนวนไม่น้อยลุกไหม้ติดไฟและกำลังหยดติ๋งๆ ลงมา

ยังไม่สิ้นสุด เมื่อกรงเล็บแรกยื่นมาด้านนอกแล้วก็มียอดเขาโค้งงออีกจำนวนมากผุดขึ้นตามมาติดๆ และนั่นก็คือกรงเล็บขนาดมโหฬารกรงเล็บที่สอง!!

ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลือนลั่นเพราะแผ่นดินที่โยกไหว กรงเล็บที่สองนั้นก็วางทาบลงบนพื้นดิน

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้ยืนอยู่ด้านหลังกรงเล็บทั้งสอง เบื้องหน้าของเขา เมื่อมองไกลๆ ก็ราวกับว่าหนองบึงของเขตแดนธารานี้ช่องโหว่ขนาดใหญ่ยักษ์ที่ทอดยาวไปสู่หุบเหวลึก และตอนนี้ในหุบเหวนั้นก็มีสัตว์แห่งชะตาชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงร้องคำรามและพยายามจะไต่ปีนขึ้นมา

ราวกับว่ามันรอคอยวันนี้มานานมากเหลือเกินแล้ว เวลานี้จึงไม่ได้เผยตัวด้วยปากยักษ์น่าสะพรึง แต่ใช้กรงเล็บทั้งสองจิกพื้นดิน และขณะที่ผืนแผ่นดินสั่นไหวก็เหมือนว่ามันกำลังจะโผล่หัวออกมา

ทว่าเวลานี้เอง ประกายประหลาดในดวงตาของเต้าเฉินยิ่งเข้มข้นมากกว่าเดิม เมื่อเขาทำมุทรา หมอกควันต้นกำเนิดเป็นตายก็กลายมาเป็นกระบี่สีขาวและสีดำสองเล่มซึ่งแหวกทะลวงความว่างเปล่าพุ่งสวบเข้าหากรงเล็บสัตว์ทั้งสอง เพียงครู่เดียวก็ปักแทงอยู่บนกรงเล็บสัตว์ทั้งสองข้างนั้น

วินาทีที่กระบี่สีดำซึ่งเป็นตัวแทนของความตายจ้วงแทงลงไป กรงเล็บสัตว์ข้างนั้นก็แห้งเหี่ยวทันทีราวกับเนื้อกำลังเน่าตาย ส่วนกระบี่ขาวที่เป็นตัวแทนของพลังชีวิตซึ่งพอแทงเข้าไปก็เหมือนกับว่ามีพลังชีวิตไหลทะลักเข้ามามากเกิน เป็นเหตุให้กรงเล็บนั้นมิอาจแบกรับได้ไหวจึงระเบิดโพล๊ะทันทีทันใด!

กระบี่ทั้งสองเล่มระเบิดพลังในเวลาเดียวกัน ก่อกลายมาเป็นความเจ็บปวดรุนแรงที่ทำให้สัตว์แห่งชะตาชีวิตซึ่งพยายามเต็มที่หมายจะโผล่หัวออกมาแผดเสียงร้องโหยหวนเดือดดาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ภาพเหตุการณ์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมิอาจลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิตพลันบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา วินาทีนั้นแผ่นดินที่อยู่ในเขตแดนธารา แผ่นดินเบื้องหลังเขาพลันยุบยวบลงไป ก่อนที่ศีรษะใหญ่โตมโหฬารจนแม้แต่โลกในเส้นชีพจรนี้ก็อาจจะไม่ใหญ่พอให้รองรับก็พลันทะลึ่งพรวดออกมาจากในหนองน้ำ!!

ศีรษะนี้เหมือนหัวมังกร และยิ่งเหมือนหัวเต่า ทว่ากรามบนล่างยาวเหยียดสีดำสนิทและฟันแหลมคมซึ่งแต่ละซี่ใหญ่พอๆ กับภูเขาที่เรียงกันเป็นตับนั้นกลับทำให้หน้าตาของมันเหมือนจระเข้เสียมากกว่า ซึ่งบัดนี้พอมันโผล่พรวดออกมาก็พกพาเอาเสียงคำรามแหบโหย พกพาเอาพลังอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดินตรงดิ่งเข้าหากระบี่สีขาวดำสองเล่ม ก่อนจะอ้าปากหมายงับเคี้ยวขยอกกลืน!

เสียงตูมตามดังสะเทือนไปทั้งผืนฟ้า กระบี่ต้นกำเนิดทั้งสองเล่มกลับมิอาจหลบเลี่ยงได้แม้แต่น้อย พวกมันต่างก็ถูกปากใหญ่อ้างับเข้าไป อีกทั้งศีรษะมโหฬารนี้ยังพุ่งกระโจนเข้าใส่รุนแรงเกินไป ยังไม่ทันที่ปากยักษ์จะงับลงก็กระแทกชนเข้ากับปราการห้วงจักรวาลที่ปกป้องจุดตันเถียนเอาไว้แล้ว

การชนนี้ทำให้แผ่นดินสะเทือนโยกคลอน ความว่างเปล่าพังทลายลงมา ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะปริแตก และปราการที่ขวางกั้นก็เป็นเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นติดต่อกัน มันก็ถูกชนจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่!!

เพียงแต่ว่าสัตว์แห่งชะตาชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนตัวนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่นัก มันร้องโหยหวนอีกครั้ง ก่อนจะผลุบหัวกลับคืนไปอยู่ในหนองน้ำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสลายเวทอาคมทิ้ง หนองน้ำนี้ก็สลายตัวเองโดยอัตโนมัติ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนมาถึงบัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังคงเบิกตาค้างด้วยความตะลึงงันอยู่อย่างนั้น เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างนี้เหมือนจะเป็นเพราะสัตว์แห่งชะตาชีวิตของตนตัวนั้นใจร้อนเกินไป ดังนั้นด้วยความมุทะลุวู่วามของมันจึงเกือบจะเอาหัวตัวเองโหม่งกระแทกตาย…

“ทำไมถึงเป็นจระเข้ไปได้ล่ะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลามาพิจารณาว่าเหตุใดสัตว์แห่งชะตาชีวิตของตนถึงกลายมาเป็นจระเข้ไปได้ บัดนี้เขาจำต้องรีบขยับร่างทะยานเข้าหารูโหว่ของปราการกางกั้น และพริบตาเดียวก็ลอดทะลวงไป เตรียมจะก้าวเข้าสู่ห้วงจักรวาลจุดตันเถียน

ทว่าจู่ๆ ร่างของเต้าเฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นกลับพร่าเลือนหายไป พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน เขายกมือขวาขึ้นพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ทางสายนี้ ห้ามผ่าน!”

“ห้ามผ่านกะผีเจ้าน่ะสิ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะคอกเสียงดังลั่น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคารพเต้าเฉิน แต่นั่นเป็นเพราะด้านหนึ่งเขารู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้มีความต่างจากเต้าเฉินที่ตัวเองรู้จัก อีกด้านหนึ่งก็เป็นเพราะเขาร้อนใจอย่างมาก ความโกรธเคืองที่เนื่องจากเห็นความหวังมารออยู่ตรงหน้า แต่กลับถูกคนมาขัดขวางทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายใช้วิชาแห่งบุพกาลครึ่งกระบวนท่าซึ่งเขาบรรลุมาจากโชคชะตาของโลกแห่งเซียนภายหลังที่ได้เป็นบุพกาลออกมาอย่างไม่มีลังเล!

“โลกแห่งเซียน!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว พลังตบะในร่างลดฮวบจนแทบจะแห้งเหือด ตบะมหาศาลถูกเขานำมาร่ายเวทอาคมนี้เพื่อกระตุ้นโชคชะตาเสี้ยวสุดท้ายของโลกแห่งเซียนที่ผสานรวมอยู่ในร่าง ทันใดนั้นรอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ก่อตัวขึ้นเป็น…ภาพมายาของซากปรักหักพังโลกแห่งเซียน!!

ซากปรักหักพังที่กว้างใหญ่ไพศาลอย่างถึงที่สุด ปิดล้อมไปแปดทิศ และพอเผยตัว กลิ่นอายของการผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานและปราณของโลกแห่งเซียนแผ่ออกมาเด่นชัดมากเป็นพิเศษ ปราณเหล่านี้ปกคลุมร่างของเต้าเฉินไว้ภายใน ขณะเดียวกันก็รวมตัวกันขึ้นมาเป็นพลังแห่งการสยบกำราบ!!

มองไกลๆ พื้นที่ที่ร่างของเต้าเฉินยืนอยู่ก็เหมือนกลายมาเป็นหลุมเว้าหลุมหนึ่ง ส่วนซากปรักหักพังเหล่านี้ก็เป็นเหมือนดินทรายที่ฝังกลบเขาไว้ภายใน ก่อกลายมาเป็นพันธนาการอย่างหนึ่ง!

เต้าเฉินหน้าซีดเผือดเป็นครั้งแรก เขามองซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียนที่ตรงเข้ามาฝังกลบตัวเองเอาไว้ด้วยสายตาที่ฉายแววเลื่อนลอย และอาศัยช่วงเวลาที่เต้าเฉินถูกกักตัวอยู่นี้

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใช้พละกำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร่างกระโจนเหยียบย่างเข้าไปใน…ห้วงจักรวาลจุดตันเถียน!!

วินาทีที่เขาเข้าไปในห้วงจักรวาลจุดตันเถียนนั้นเอง

แสงสายเลือดบนร่างของเขาก็พลันสว่างจ้าบาดตา ขณะเดียวกันนักพรตทุกคนที่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลต่างก็มองเห็นว่าตำแหน่งเส้นตราผนึกที่อยู่ระหว่างหว่างคิ้วและจุดตันเถียนของยักษ์ผู้บงการที่อยู่บนท้องฟ้าได้แผ่แสงจ้าสว่างไสว ทั้งยังมีพลังแห่งตราผนึกซัดครืนออกมาจนเหมือนกลายมาเป็นตาข่ายยักษ์ที่คลุมทับร่างของยักษ์ผู้บงการที่ยังคงดิ้นรนแล้วพันธนาการไว้อย่างแน่นหนาอีกครั้ง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version