บทที่ 1274 ลั่นระฆังปลุกมารดาแห่งนิรันดร์กาล
“มารดาแห่งนิรันดร์กาล!”
จักรพรรดิเซิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก ขยับร่างบินวูบออกจากเรือเต่าที่เกิดจากร่างที่ขยายใหญ่ของเจ้าเต่าน้อย พอปรากฏตัวก็ได้มาอยู่ข้างๆ ระฆังใหญ่ใบนั้นแล้ว มีระฆังใหญ่กึ่งโปร่งแสงกั้นขวาง เขามองกลุ่มแสงที่อยู่ในระฆังด้วยสีหน้าตื่นเต้น เหิมฮึกไปทั่วทุกอณูทั่วร่างกาย
การที่ได้มาเห็นมารดาแห่งนิรันดร์กาลกับตาตัวเองเช่นนี้ ต่อให้เขาจะเป็นถึงผู้แข็งแกร่งขอบเขตบุพกาลก็ยังอดใจสั่นไม่ได้ อารมณ์ในใจของเขาเหมือนคลื่นลูกยักษ์ที่โถมกระหน่ำ ยากจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูด
เพราะอย่างไรซะ… มารดาแห่งนิรันดร์กาลก็คือปณิธานแห่งดินแดนเซียนนิรันดร์กาล อีกทั้งในตำนานยังเล่าลือกันว่า มันก็คือบุปผาแห่งนิรันดร์กาล ซึ่งก็คือมารดาผู้ให้กำเนิด มารดาผู้สร้างสรรพชีวิตทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาล
ไม่เพียงแต่จักรพรรดิเซิ่งเท่านั้นที่ตื่นเต้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หอบหายใจระรัว เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยดั่งได้พบเจอมารดาของตัวเอง และเขาก็เริ่มขยับเข้าไปใกล้ระฆังใหญ่พลางเพ่งมองอย่างตั้งใจเช่นกัน
เพียงแต่ว่าในสายตาของพวกเขา แม้ว่ากลุ่มแสงในระฆังจะเจิดจ้า มองดูเหมือนสว่างไสว แต่กลับไม่มีพลังชีวิตใดๆ ราวกับว่าเพียงแค่ส่องแสงออกมาตามสัญชาตญาณเท่านั้น ไม่ได้มีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกหนักใจเล็กน้อย หลังจากที่เขาหันมามองจักรพรรดิเซิ่ง จักรพรรดิเซิ่งเองก็ได้ระงับอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้แล้ว จากนั้นจึงแผ่อำนาจจิตออกไปหมายให้ลอดผ่านระฆังใหญ่ เดิมทีนี่เป็นเรื่องที่เขาคิดว่าน่าจะยุ่งยากและอาจต้องพบเจอกับอุปสรรคก่อน
แต่กลับกลายเป็นว่าสามารถทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย อำนาจจิตของเขาจึงลอดผ่านระฆังใหญ่ไปผสานรวมอยู่ในกลุ่มแสงได้โดยที่แทบจะไม่ถูกขัดขวาง ครั้นจึงทำการเรียกขานมารดาแห่งนิรันดร์กาล
แต่ไม่ว่าจักรพรรดิเซิ่งจะเอ่ยเรียกอย่างไร กลุ่มแสงกลุ่มนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย ราวกับว่ามันหลับสนิทไปแล้ว ไม่ว่าจะปลุกเรียกอย่างไรก็ยากที่จะทำให้มันตื่นขึ้นมาได้ แม้แต่อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนที่แผ่ออกไปก็ยังได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม พวกเขาสองคนคิดหาทุกวิธีการเท่าที่นึกออก แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มแสงนั้นก็ยังนิ่งสนิท ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา
นี่จึงทำให้สีหน้าของจักรพรรดิเซิ่งยิ่งไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว คลื่นอำนาจจิตที่แผ่ออกไปจึงยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“มารดาแห่งนิรันดร์กาล ขอท่านโปรดตื่นขึ้นมาด้วย!!”
เมื่อเห็นว่าทั้งจักรพรรดิเซิ่งและป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็พยายามทดลอง เจ้าเต่าน้อยก็หดร่างลงมาให้เล็กกว่าเดิม มันที่ลอยตัวอยู่เหนือแม่น้ำแห่งนิรันดร์กาล หันไปค้อนตาใส่จักรพรรดิเซิ่งหนึ่งทีแล้วกระแอมหนักๆ
“พวกเจ้าเลิกตะโกนได้แล้ว มารดาแห่งนิรันดร์กาลกำลังหลับอยู่ อันที่จริงเจ้านี่มันก็หลับมาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว เวลาปกติหากตื่นขึ้นมาก็แค่แผ่อำนาจจิตส่วนหนึ่งออกมาเท่านั้น”
“ต่อให้พวกเจ้าตะโกนจนคอแตก เผาผลาญอำนาจจิตจนหมดสิ้น ก็ไม่สามารถปลุกให้มันตื่นขึ้นมาได้”
“หากอยากจะให้นางตื่นขึ้นมา สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือ… เคาะระฆัง เพราะเสียงระฆัง ก็คือสรรพชีวิต…” เจ้าเต่าน้อยเอ่ยอย่างลำพองใจ
หลังจากที่มันโอ้อวดความรู้ของตนเสร็จ จักรพรรดิเซิ่งที่ไม่มีความลังเลก็ถอยหลังไปสองสามก้าว ยกมือขวาขึ้นทำมุทราแล้วกดทับลงไปบนระฆังใหญ่กึ่งโปร่งใสที่อยู่นอกกลุ่มแสง ซึ่งจำแลงมาจากมารดาแห่งนิรันดร์กาล
การโจมตีครั้งจักรพรรดิเซิ่งใช้พละพลังทั้งหมดที่มี ด้านหลังเขาก็ยิ่งมีคลื่นของบุพกาลปรากฎขึ้น และวินาทีนี้ทั้งในและนอกร่างของเขาต่างก็ระเบิดปราณที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ที่เปรียบ พลังตบะทั้งหมดนี้มารวมเข้าด้วยกันแล้วผสานเข้าไปในเวทตราประทับของเขา เป็นเหตุให้เบื้องหน้าเขามีฝ่ามือห้าสีข้างหนึ่ง มือข้างนี้ไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นของจริง และเมื่อปรากฎขึ้นก็สัมผัสลงไปที่ระฆังใหญ่พร้อมๆ กับตราประทับของเขา
ทันใดนั้นเสียงเหง่งหง่างก็ดังก้องสะท้อนไปแปดทิศ เป็นเหตุให้แม่น้ำแห่งนิรันดร์กาลที่อยู่รอบด้านกระเพื่อมไหว น้ำในแม่น้ำจำนวนไม่น้อยถูกคลื่นพลังครั้งนี้ระเบิดให้แตกกระจาย ต่อให้เป็นดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ยังเหมือนจะโยกไหวเบาๆ ตามไปด้วย ส่วนมหาสมุทรหย่งเหิงเองก็มีคลื่นลูกยักษ์โถมตัวขึ้นมาเช่นกัน
นั่นเป็นเพราะการลงมือครั้งนี้จักรพรรดิเซิ่งออกแรงเต็มกำลังอย่างแท้จริง ทว่าถึงแม้การโจมตีนี้ของเขาจะมีพลังอำนาจน่าครั่นคร้าม อานุภาพก็ยิ่งไม่ธรรมดา แต่สำหรับระฆังใหญ่ใบนี้แล้วเหมือนยังอยู่ไกลเกินกว่าคำว่าพอไปมากนัก เพราะเพียงแค่ทำให้มันเกิดเสียงดังขึ้นมาเท่านั้น ไม่เพียงแต่ไม่สามารถปลุกให้มารดาแห่งนิรันดร์กาลที่อยู่ข้างในตื่นขึ้นมาได้ กลับยังทำให้ตัวจักรพรรดิเซิ่งเองสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พลังดีดสะท้อนอันน่าตะลึงที่ส่งมาจากในระฆัง แล่นตรงเข้าสู่ร่างของจักรพรรดิเซิ่ง ประหนึ่งการโจมตีแว้งกลับ ไม่เพียงแต่ดีดเอาการโจมตีของจักรพรรดิเซิ่งให้สะท้อนกลับมา ยังมีพลังประหลาดอีกขุมหนึ่ง ที่กลายมาเป็นอานุภาพแห่งการดับทำลายรวมอยู่ด้วย!
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ขนาดจักรพรรดิเซิ่งผู้แข็งแกร่งก็ยังตัวสั่นสะท้าน ถอยกรูดไปข้างหลังอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็ยังกระอักเลือดออกมาคำใหญ่อย่างอดไม่ไหว สีหน้าของเขาซีดขาวไปในพริบตา อ่อนกำลังลงจนร่างโงนเงนจะล้มมิล้มแหล่
“จะเป็นไปได้อย่างไร!!” จักรพรรดิเซิ่งร้องอุทานเสียงหลง
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า เจ้าลงมือเร็วเกินไป เมื่อครู่นี้นายท่านเต่ายังไม่ทันพูดจบ การเคาะระฆังคือวิธีการเดียวที่มีอยู่ก็จริง ทว่าระฆังนี้ไม่ได้เคาะกันง่ายๆ ทุกครั้งที่เคาะจะต้องมีแรงดีดสะเทือนย้อนกลับมา อีกทั้งการแว้งกัดนี้ยังมีอานุภาพของตัวระฆังเองเพิ่มเข้ามาอีกด้วย อานุภาพของมันมีมากมหาศาล เจ้าตีมันครั้งหนึ่ง มันไม่เป็นอะไร แต่แรงสะท้อนที่ย้อนมาสู่เจ้า ตัวเจ้าเองจะรับไม่ไหวเสียก่อน”
เจ้าเต่าน้อยทอดถอนใจ ตอนที่มองไปยังระฆังใหญ่ใบนั้น สีหน้าของมันก็ฉายทั้งแววจนใจและแววอิจฉา
สีหน้าของจักรพรรดิเซิ่งยิ่งดำทะมึนเข้าไปอีก เขาไม่ได้สนใจคำพูดของเจ้าเต่าน้อย บัดนี้ในใจเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน จนจำต้องหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างอดไม่ได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้กำลังอกสั่นขวัญแขวน นั่นเป็นเพราะแรงสะท้อนกลับจากการลงมือของจักรพรรดิเซิ่งก่อนหน้านี้ทำให้เขาผงะตกใจ พอได้ยินคำอธิบายจากเจ้าเต่าน้อยและเห็นสายตาของจักรพรรดิเซิ่ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อดลังเลอย่างห้ามไม่ได้
“ก็ได้ๆ ไม่มีวิธีอื่นแล้วนี่นา คงต้องลองทุ่มสุดชีวิตดูสักตั้ง!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววเฉียบขาด พอกัดฟันแรงๆ หนึ่งครั้งก็ก้าวออกไปข้างหน้า เขาเข้าใจดีว่าการลั่นระฆังนี้ไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดได้ แม้การทำเช่นนั้นจะทำให้พลังสะท้อนกลับลดน้อยลง แต่การทำเช่นนี้ก็แทบจะไม่ได้ผลอะไรเลย มีแต่จะทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเสียแรงเปล่าเท่านั้น
“จากการฟื้นฟูด้วยบทมิวางวายของข้า น่าจะพอต้านทานเอาไว้ได้!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหลือความลังเลอีก เมื่อตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด วินาทีที่ขยับเข้าไปใกล้ระฆังใหญ่ เขาก็พลันยกมือขวาขึ้นกำเป็นหมัด ด้านหลังร่างมีเงาจักรพรรดิมายาปรากฏขึ้นมา นั่นก็คือ… หมัดผู้บงการมิดับสูญ!!
หนึ่งหมัดต่อยออกไปเสียงดังอึกทึก ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น ปราณเผด็จการแข็งแกร่งขุมหนึ่งระเบิดขึ้นบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เงาจักรพรรดิด้านหลังเขาก็ยกมือขวาขึ้นเหมือนกัน หลังจากผสานรวมเข้ากับหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว หมัดนั้นก็ต่อยลงไปบนพื้นผิวของระฆังใหญ่อันเป็นที่อยู่ของมารดาแห่งนิรันดร์กาลโดยตรง!
หมัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนโจมตีด้วยพลังทั้งหมด ชั่วขณะที่ปะทะเข้ากับระฆังใหญ่ คลื่นการโจมตีรุนแรงและเสียงระฆังที่ดังกังวานยิ่งกว่าเมื่อครั้งจักรพรรดิเซิ่งลงมือ ก็พลันระเบิดกึกก้องไปทั้งผืนฟ้า
เสียงตูมตามสะท้อนไปสี่ทิศ แม่น้ำแห่งนิรันดร์กาลระเบิดพังทลายเป็นวงกว้าง เสียงระฆังยังทำให้เกิดพายุหมุน แม้แต่ร่างของเจ้าเต่าน้อยก็ยังถูกผลักให้ถอยออกไปร้อยจั้งอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิเซิ่งเองก็ยังหน้าเปลี่ยนสี ถอยหลังมาหลายก้าวกว่าจะหยัดยืนได้มั่นคง ตอนที่หันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็สูดลมหายใจดังเฮือกเช่นกัน
นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงแผ่นดินใหญ่ของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในเวลานี้ที่เหมือนเกิดแผ่นดินไหว เสียงกัมปนาทครืนครั่นดังกึกก้อง ฟ้าดินสั่นสะเทือน สรรพชีวิตใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง
หากเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ต่อยออกมาหนึ่งหมัดแล้วร้องอึกอักอยู่ในลำคอ แม้ว่าสีหน้าจะซีดขาวเพราะพลังดีดสะท้อนที่ได้รับ ทว่าวินาทีที่พลังแว้งกลับซึ่งมีอานุภาพดั่งจะพลิกฟ้าคว่ำมหาสมุทรนั้นกระแทกลงบนร่างของเขา ก็ถูกการฟื้นตัวของบทมิวางวายคลี่คลายไปได้เกินครึ่ง และป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้หยุดพักอยู่นานนัก ไม่รอให้เสียงระฆังแว่วหายไป เขาที่ร้องคำรามกร้าวก็ปล่อยหมัดที่สองออกไปอีกครั้ง!
เสียงระฆังเสียงที่สองประหนึ่งสายฟ้าที่ระเบิดเปรี้ยง แม้แต่ระฆังใหญ่ใบนั้นก็ยังแกว่งไกว ทั้งยังมีเสียงกัมปนาทรุนแรงกว่าเดิมก้องสะท้อน ครั้งนี้เจ้าเต่าน้อยถึงกับกรีดร้องเสียงแหลม จักรพรรดิเซิ่งเองก็หน้าเปลี่ยนสีและถอยกรูดไปเป็นสิบจั้งอีกครั้ง
ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่เพียงแต่ไม่หยุดพัก เขาที่ตาแดงฉานกลับยังปล่อยหมัดที่สาม หมัดที่สี่ หมัดที่ห้าออกไปติดต่อกัน… เหมือนคนบ้าคลั่ง พอถึงท้ายที่สุด แม้เลือดสดจะทะลักออกจากปากไม่หยุด แต่เขาก็ยังปล่อยหมัดออกไปจนถึงหมัดที่แปด!!
“มารดาแห่งนิรันดร์กาล ตื่นขึ้นมา!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่น เมื่อได้รับแรงสะเทือนติดต่อกันเช่นนี้ การฟื้นตัวของบทมิวางวายเขาก็ถึงกับเริ่มตามไม่ทัน พอปล่อยหมัดที่เก้าออกไปก็เหมือนว่าจะเป็นขีดจำกัดสุงสุดของเขาแล้ว การระเบิดเสียงคำรามครั้งนี้ของเขาผสานรวมเป็นหนึ่งกับเสียงคำรามแปดครั้งก่อนหน้านี้ จนกลายมาเป็นเสียงเขย่าคลอนเทพเจ้าซึ่งสะเทือนไปยันชั้นฟ้า สั่นคลอนไปทั่วโลกทั้งใบ!
“ทำไมถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!!”
มุมปากของจักรพรรดิเซิ่งมีเลือดไหลซึม ร่างถอยกรูดออกไปอีกพันกว่าจั้ง สีหน้าเหมือนคนเห็นผี เพราะแม้เขาจะรู้ดีว่าป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งกว่าตัวเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากถึงระดับนี้!
ขณะเดียวกันเมื่อเสียงระฆังก้องกังวาน แรงสั่นสะเทือนเก้าครั้งที่เกิดขึ้นในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ทำให้ภูเขาถล่มพื้นดินปริแตก และเสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ดังเข้าหูทุกคนมาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว
โดยเฉพาะหลังจากที่เสียงเคาะระฆังเก้าครั้งดังจบก็เหมือนว่าจะเป็นสัญญาณในการปลุกให้มารดาแห่งนิรันดร์กาลฟื้นตื่น บนท้องฟ้าของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลจึงมีภาพเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่จำแลงขึ้นมา ภาพเหตุการณ์นั้นก็คือภาพที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลั่นระฆัง ทั้งยังมีเสียงคำรามของเขาก้องอึงอล!!
บัดนี้ทุกชีวิตในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลล้วนมองตาค้าง เสียงร้องอุทานฟังไม่ได้ศัพท์ระเบิดขึ้นมาจากทั่วทุกมุม
“จักรพรรดิขุย!”
“นั่นคือจักรพรรดิขุย!! กลุ่มแสงนั่นคืออะไร ทำไมข้าถึงได้รู้สึกสนิทคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก…”
“จักรพรรดิขุยเรียกว่ามารดาแห่งนิรันดร์กาล สวรรค์ นั่นคือมารดาแห่งนิรันดร์กาลในตำนานจริงๆ น่ะหรือ?”