บทที่ 1294 ศึกนี่ฝาน
“เต๋าแห่งแสงสว่าง?” นี่ฝานพลันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สายตาของเขาเวลานี้เหมือนกลายมาเป็นน้ำวนสีดำ แล้วก็คล้ายหลุมดำ มุมปากยกยิ้มเยียบเย็น มือขวาที่ถูกกระเทือนกลับมา บัดนี้ก็ยิ่งแผ่แสงสีดำมืดอึมครึมคล้ายท้องฟ้ายามค่ำคืน และเพียงแค่ขยับ มือนั้นก็ตบลงมาอีกครั้ง
คราวนี้พกพาพลังอำนาจที่น่าตะลึงยิ่งกว่าเก่าซึ่งถึงขั้นทำให้ความว่างเปล่าพังทลาย ห้วงจักรวาลแหลกสลาย ทุกชีวิตบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลกระอักเลือด ภูเขาแต่ละลูกร้าวถล่มพังภินท์
ริ้วคลื่นน่าหวาดกลัวที่เหมือนจะสามารถทำลายล้างทุกอย่างให้พินาศวอดวายกำลังจะแผ่กระจายไปทั่วดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ทว่าเวลานี้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถลันลุกขึ้นยืนกลับขยับกายกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้า ความเร็วนั้นมีมากจนไม่อาจเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า เห็นเพียงแต่ว่าเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนทะยานออกไป ริ้วคลื่นพลานุภาพสยบที่เกิดจากมือยักษ์ซึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าก็เหมือนถูกบีบอัดจึงไม่อาจเคลื่อนตัวลงมาได้ต่อ ซ้ำยังหดกลับคืนไปด้วย
และร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้มาโผล่อยู่บนท้องฟ้า โผล่อยู่ใต้ฝ่ามือที่ร่วงลงมาของนี่ฝาน เมื่อเปรียบเทียบกับมือยักษ์นั่นแล้ว เรือนกายของเขาก็เล็กจ้อยจนแทบมองไม่เห็น ทว่าปราณที่ผุดพุ่งออกมาจากร่างของเขาเวลานี้กลับสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ให้ความรู้สึกแก่คนมองว่า…แม้ร่างกายของเขาอ่อนแอเปราะบางไม่สะดุดตา แต่กลับแฝงเร้นไว้ด้วยพลังอำนาจที่มากพอจะทัดทานกับมือใหญ่บนท้องนภาได้
ความรู้สึกนี้ไม่ใช่อาการหลอนคิดไปเองแน่นอน!
วินาทีที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏ มือขวาของเขาก็พลันยกขึ้นกำเป็นหมัด ปราณของเขาเกาะตัวหนักแน่น สมองของเขาไม่มีความคิดอื่นใด ซ้ำยังไม่มีความปิติยินดีที่ตัวเองได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บงการ เขารู้เพียงอย่างเดียวว่า…
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ต้องเอาชนะเจ้าให้ได้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว หลังจากมือขวากำเป็นหมัด ปราณของผู้บงการก็ระเบิดพวยพุ่งขึ้นมาจากร่างของเขา ด้านหลังของเขาก็ยิ่งมีเงามายาใหญ่ยักษ์ นั่นก็คือเงาที่พร่าเลือนของตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเอง แล้วนี่ก็คือ หมัดผู้บงการมิดับสูญ!!
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายใช้หมัดผู้บงการมิดับสูญ แท้จริงแล้วพละกำลังของหมัดไม่อาจเทียบได้กับนามของมัน
ทว่าเขาในตอนนี้กลายมาเป็นผู้บงการที่แท้จริงแล้ว ดังนั้นหมัดนี้ที่ต่อยออกไป แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าพลังเพิ่มพูนขึ้นมาจากเดิมมากน้อยเท่าไหร่ เขารู้แค่เพียงว่า จะปล่อยให้ฝ่ามือนี้ของนี่ฝาน…ร่วงลงมาไม่ได้!
ความเชื่อมั่นศรัทธาเช่นนี้เหมือนจะเป็นพลังรากฐานของผู้บงการ และพอปล่อยหมัดต่อยออกไปครืนครั่น มองไกลๆ เงายักษ์หัวค้ำฟ้าเท้ายันดินที่อยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งเหวี่ยงหมัดออกไปก็แทบไม่มีความต่างอะไรไปจากมือใหญ่ของนี่ฝานเลย เพียงแต่ว่าคนหนึ่งอยู่บน คนหนึ่งอยู่ล่าง และต่างคนต่างก็ปล่อยหมัดปล่อยมือมาปะทะกัน…ในเสี้ยววินาที
หรือหากจะพูดให้ถูกต้องก็คือ นี่ก็คือการต่อสู้ที่แท้จริง และเป็นการต่อสู้ครั้งแรกระหว่าง…ป๋ายเสี่ยวฉุนกับนี่ฝาน
เสียงตูมตามดังกึกก้องไปทั้งชั้นฟ้า เสียงเปรี๊ยะๆ ลั่นกังวานจากห้วงอวกาศด้วยไม่อาจทานรับพลังเกรียงไกรนี้ได้ไหว ห้วงจักรวาลถูกฉีกทึ้งทำลาย ซ้ำยังมีพายุลมกรดที่ระเบิดซัดตลบอบอวลอยู่นอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาล เป็นเหตุให้ความว่างเปล่าบิดเบือน เสียงอื้ออึงสนั่นไปแปดทิศ
ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเองก็สั่นสะเทือนเหมือนกัน แต่กลับอยู่ภายใต้การปกป้องของป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างของเขาจึงแบกรับพลังพลุ่งพล่านบ้าระห่ำที่มาจากฝ่ามือของนี่ฝานไปเกือบหมด ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีการฟื้นตัวของบทมิวางวาย ต่อให้เขาในเวลานี้ได้กลายมาเป็นผู้บงการแล้ว แต่กระนั้นก็ยังกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
ทว่าดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่อยู่ภายใต้การปกป้องของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้แผ่นดินจะสั่นสะเทือน ภูเขาก็พังครืน พื้นดินปริแตก แต่สุดท้ายแล้วก็ยังรักษาเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย ซ้ำยังอาศัยแรงโจมตีระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับนี่ฝานที่พังทลายมาเปลี่ยนแปลงทิศทางการโคจรทำให้ลอยกลับไปด้านหลังท่ามกลางการส่ายไหวรุนแรง
ภาพเหตุการณ์นี้เป็นไปตามที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องการพอดี ส่วนนี่ฝานในเวลานี้ ท่ามกลางเสียงกึกก้อง ฝ่ามือของเขาได้ถูกสะเทือนกลับมาอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปล่งประกายวาบ ไม่ได้สนใจดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่ลอยห่างออกไปไกล ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขาล้วนไปรวมอยู่ที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ผู้ที่ยืนอยู่กลางห้วงจักรวาลเช่นเดียวกับเขา
ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องนี่ฝานเขม็ง สำหรับเขาแล้ว เรือนกายใหญ่โตมโหฬารของนี่ฝานไม่ได้สร้างความกดดันอะไรให้แก่เขา อันที่จริงหลังจากที่ได้กลายเป็นผู้บงการ เขาก็สามารถสัมผัสได้แล้วว่าขอแค่ตนต้องการ ถ้าเช่นนั้นหลังจากที่เก็บเอาร่างแห่งเต๋าทั้งหมดกลับคืนมาแล้ว ตนก็สามารถจำแลงร่างยักษ์เหมือนกับนี่ฝานได้เช่นกัน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ดีอยู่แก่ใจว่า เมื่อเทียบกับนี่ฝานแล้ว อันที่จริงตนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย มองดูเหมือนเขาได้ยึดครองซากปรักหักพังห้าส่วนของห้วงจักรวาล และนี่ฝานเองก็ได้ยึดครองห้าส่วนเช่นกัน แต่นี่ฝานกลับมีชีวิตอยู่มายาวนานเหลือเกินแล้ว
ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเข้าใจดีว่าหากคิดจะเอาชนะนี่ฝาน ก็มีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น
“ข้าต้องยึดครองพื้นที่ในห้วงจักรวาลให้ได้มากกว่าเดิม จุดแสงสว่างให้กับซากปรักหักมากกว่าเดิม สร้างร่างแห่งเต๋าขึ้นมามากกว่าเดิม!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่านี่คือวิธีการเดียวที่มี และที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็เพราะวินาทีที่เขากลายมาเป็นผู้บงการได้สำเร็จ เขาก็พอจะสัมผัสได้ว่าในห้วงจักรวาลแห่งนี้คล้ายจะมีปณิธานที่ลี้ลับซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ถูกอยู่ขุมหนึ่ง
ความลี้ลับมหัศจรรย์นี้เหมือนจะเป็นรากฐานของทุกอย่าง แต่เขากลับได้แค่สัมผัสถึงมันอย่างเลื่อนลาง ไม่อาจคลำพบได้อย่างแม่นยำ ดูเหมือนว่าความลี้ลับเช่นนี้จะปรากฏชัดเจนมากขึ้นก็ต่อเมื่อร่างแห่งเต๋าของเขามีมากขึ้น และซากปรักหักพังถูกจุดแสงสว่างได้มากขึ้นเท่านั้น
“หลังจากผู้บงการ ก็คือนิรันดร์กาล…หรือว่าความลี้ลับที่เหมือนจะมีอยู่ทั่วทุกแห่งในห้วงจักรวาลแห่งนี้ก็คือเส้นทางที่ทอดยาวไปสู่นิรันดร์กาล?” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่าหากกลืนกินดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเข้าไปก็สามารถกลายมาเป็นนิรันดร์กาลได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเขาไม่มีทางเลือกเส้นทางสายนี้แน่นอน
“ไม่ได้เจอกับคนที่สามารถรับฝ่ามือของข้าได้มานานมากแล้ว” นี่ฝานเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย เขาไม่สนใจดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่ล่องลอยห่างออกไป สำหรับเขาแล้วจะอย่างไรซะดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ไม่มีวันหนีเขาพ้น อย่างไรเขาก็ต้องได้มันมาครอบครอง แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกจิตใจไม่สงบแตกต่างจากที่แสดงออกมาภายนอก
อันที่จริงวิธีการที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลายมาเป็นผู้บงการ เดิมทีก็ถือเป็น…การช่วงชิงปณิธานที่ควรเป็นของนี่ฝาน โดยการขับไล่ความมืดมิดของเขาทิ้งไป สำหรับนี่ฝานแล้วนี่จึงถือเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง
“เรือรบของข้ายังขาดธงหลักอีกผืนหนึ่ง หลังจากฆ่าเจ้าตายแล้ว ข้าจะอนุญาตให้ดวงวิญญาณของเจ้ากลายมาเป็นธงหลักของข้าได้” นี่ฝานเปิดปากพร้อมกับยกมือขวาใหญ่ยักษ์ขึ้นอีกครั้ง ไม่ได้ทำมุทรา เพียงแค่ชี้นิ้วใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเรียบง่าย!
“โลกสุสาน!”
ชั่วขณะที่เสียงของนี่ฝานกึกก้องอยู่ในห้วงจักรวาลกลับมีปณิธานแห่งกาลเวลาอันยาวนานแผ่ลามชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางห้วงจักรวาลนี้ และทันใดนั้นพื้นที่ตรงหน้าระหว่างเขากับป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีรูปปั้นหินใหญ่ยักษ์เก้ารูปจำแลงขึ้นมาเสียงดังครืนครั่น
รูปปั้นหินทั้งเก้านี้ ไม่ว่ารูปไหนก็ล้วนสูงนับหมื่นจั้ง พอเผยกาย ในร่างของทุกรูปก็ล้วนแผ่ปราณแห่งการดับสูญและปราณแห่งความตายที่ไร้คำบรรยายออกมา!
อีกทั้งตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไป สิ่งที่เขาเห็นในสายตากลับไม่ใช่รูปปั้นหินเก้ารูป แต่เป็น…โลกห้วงจักรวาลใหญ่โตเกินจะเปรียบเก้าแห่ง…ไม่ต่างจากโลกนิรันดร์กาล!!
ราวกับว่า…นั่นคือห้วงจักรวาลใหญ่มหึมาที่เคยดำรงอยู่นอกโลกนิรันดร์กาลทั้งเก้าใบ!
“โลกนิรันดร์กาล หรือบางทีควรจะกลายมาเป็นดินแดนนิรันดร์กาล ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นจุดศูนย์กลาง รอบด้านโอบล้อมไว้ด้วยห้วงจักรวาลเก้าผืน โลกใหญ่ทั้งเก้าใบ…เคยเป็นโลกที่ข้าเคยดับทำลายมาก่อน สุดท้ายถึงได้มาทำลายสถานที่แห่งนี้…” นี่ฝานเอ่ยเสียงราบเรื่อย เสียงของเขาไม่ดังมากนัก แต่ยามที่ดังออกไปกลับทำให้ห้วงจักรวาลสั่นสะเทือน
แถบจะวินาทีเดียวกับที่เขาเอื้อนเอ่ย รูปปั้นทั้งเก้าก็พลันแผ่แสงสีดำแล้วกลายมาเป็นน้ำวนยักษ์เก้าลูกที่ทะยานครึกโครมเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ในน้ำวนทั้งเก้าล้วนมีเงาปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังร้องคำราม บ้างก็แผดเสียงตะโกนคลุ้มคลั่งคล้ายต้องการจะปีนออกมาจากในน้ำวนให้ได้ หวังเขมือบกลืนป๋ายเสี่ยวฉุนโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด
ท่ามกลางเสียงอึกทึก น้ำวนทั้งเก้าลูกนี้ไม่ว่าลูกไหนก็ล้วนแผ่พลานุภาพสยบที่เทียบเคียงได้กับผู้บงการ หรืออาจถึงขั้นเหนือเกินกว่าผู้บงการทั่วไป ห่างจากผู้บงการที่แข็งแกร่งที่สุดไม่มากเท่าไหร่นัก และพอพวกมันระเบิดพลังออกพร้อมกัน
ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“ไม่นึกเลยว่านอกโลกนิรันดร์กาลจะยังมีโลกใหญ่อยู่อีกเก้าใบ…” เรื่องนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อนแม้แต่น้อย แม้แต่ในความทรงจำของเต้าเฉินก็ยังไม่มีเรื่องนี้อยู่
และน้ำวนที่เกิดจากรูปปั้นทั้งเก้าก็ได้แผ่ริ้วคลื่นที่น่าครั่นคร้ามออกมาอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่านั่นคือพละกำลังที่ก่อเกิดขึ้นหลังจากที่โลกเก้าใบซึ่งเหมือนกับโลกนิรันดร์กาลถูกดับทำลายลงไปแล้ว
วิชาอภินิหารเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยพบเจอมาก่อน!
นั่นเป็นเพราะเขาเองก็เพิ่งได้กลายมาเป็นผู้บงการ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยประมือกับผู้บงการมาก่อน แต่นั่นก็ล้วนเป็นเพียงดวงวิญญาณของผู้บงการที่อ่อนแอเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่เคยรู้ถึงวิชาอภินิหารของผู้บงการที่แท้จริง
ต่อให้เป็นในความทรงจำของเต้าเฉินเองก็ยังไม่มีเรื่องอะไรพวกนี้อยู่ และยามนี้เมื่อนี่ฝานลงมือ ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันชะงักค้าง แต่เขาก็ไม่อาจถอยหนี ด้านหลังของเขาคือดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่ค่อยๆ ลอยห่างไปไกล
และหากเขาหลบเลี่ยง น้ำวนทั้งเก้าลูกต้องลอดทะลวงผ่านร่างเขาตรงดิ่งเข้าหาดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแน่นอน!
“ต้องสู้อย่างเดียวเท่านั้น!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงฉาน!