บทที่ 1297 ศึกแห่งห้วงมิติ
“แค่สิบชั่วลมหายใจเท่านั้น!”
ข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงอ่อนแรงของมารดาแห่งนิรันดร์กาลดังขึ้น
ขณะเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงนี้ มือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ยกขึ้นทำมุทราแล้วโบกออกไปรอบด้าน ทันใดนั้นห้วงจักรวาลแถบนี้ก็ยุบถล่มลงอย่างรวดเร็ว ก่อกลายมาเป็นเตาหลอมที่โอบล้อมร่างของผู้บงการนี่ฝานเอาไว้ และยิ่งนานก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
“กาลเวลาคือไฟ!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้างหนึ่งครั้ง ก็ราวกับว่ามีกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดที่พุ่งผ่านไปรอบๆ เตาหลอมยาแห่งจักรวาลใบนี้
ผู้บงการนี่ฝานที่อยู่ในเตาหลอม ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสี เขายกมือขวาขึ้นทำมุทราแล้วกดลงไปเบื้องล่างอย่างแรง ทันใดนั้นในร่างของเขาก็มีควันดำจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปลดปล่อยออกมาแล้วซัดครืนครั่นไปสี่ทิศ พริบตาเดียวพื้นที่ทั้งหมดของเตาหลอมแห่งจักรวาลใบนี้ก็ล้วนถูกปกคลุมจนหมด แล้วก็เหมือนว่าจะยังขยายใหญ่อย่างต่อเนื่องคล้ายจะถูกดันจนปริแตก!
สำหรับเขาแล้ว เดิมทีเขาต้องทำลายเตาหลอมแห่งจักรวาลใบนี้ได้อย่างราบรื่น แต่เพราะพลังของมารดาแห่งนิรันดร์กาลและพลังของทุกคนร่วมกันกักกันร่างเขาเป็นเวลาสิบชั่วลมหายใจ จึงทำให้นี่ฝานไม่สามารถยันเตาหลอมนี่ออกมาได้ทันที
และเวลานี้เอง เมื่อเวลาสิบชั่วลมหายใจกำลังจะผ่านพ้นไป เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดังกังวานไปแปดทิศอีกครั้ง
“อมตะเป็นยา!”
“ชุบหลอมผู้บงการ!”
ท่ามกลางเสียงอึกทึกที่ดังเกริกก้อง วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทราเพื่อลงมือหลอมยาอย่างเต็มกำลังก็คือ ชั่วขณะที่สิบลมหายใจผ่านพ้นไป
ทุกชีวิตบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลพากันกระอักเลือด กลุ่มแสงของมารดาแห่งนิรันดร์กาลก็หม่นมัวราวกับจะมอดดับลงได้ทุกเมื่อ
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่กระนั้นก็ยังช่วงชิงเวลาให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนได้สำเร็จ
แทบจะวินาทีเดียวกับที่พลังของพวกเขาแผ่ออกไป น้ำวนที่เกิดจากการพังทลายของตะเกียงอมตะในเตาหลอมแห่งจักรวาล ก็จำแลงร่างกลายมาเป็นสมุนไพรที่ระเบิดอยู่ในเตาใบนี้ ประกอบกับการปิดผนึกของเตาหลอม ประกอบกับกาลเวลาที่เป็นดั่งเปลวเพลิงคุโชนอยู่นอกเตา ทุกอย่างจึงเหมือนจะผสานกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อหลอมยาให้สำเร็จ!
นี่ไม่ใช่ยาธรรมดาทั่วไป นี่คือวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่ด้านการหลอมยาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายใช้โดยอาศัยตบะผู้บงการของตน วินาทีที่ก่อตัวได้สำเร็จ ต่อให้เป็นนี่ฝานเองก็ยังสัมผัสได้ถึงวิกฤตอันตรายที่เขาไม่เคยสัมผัสมานานหลายปี!!
หากเปลี่ยนมาเป็นคู่ต่อสู้คนอื่น บางทีอาจต้องถูกกำหนดมาให้โดนผนึกอย่างแน่นอน แต่นี่ฝานรู้ถึงจุดประสงค์ของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นอย่างดี ดวงตาของเขาที่อยู่ในเตาแห่งจักรวาลจึงพลันเป็นประกาย แล้วจู่ๆ ก็สูดลมหายใจดังเฮือก!
เมื่อเขาสูดลมหายใจ บนสนามรบที่ร่างแห่งเต๋าของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอยู่กลางห้วงอวกาศ ร่างแห่งเต๋าของเขาหลายหมื่นร่างพลันแหลกสลายกลายมาเป็นควันดำที่จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
พอปรากฏตัวอีกครั้งก็หวนกลับมาอยู่ในร่างของผู้บงการนี่ฝานแล้ว ต่อให้จะมีเตาแห่งจักรวาลขวางกั้น ก็ยังมิอาจขัดขวางการหวนกลับคืนมาของร่างแห่งเต๋าได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี คิดจะขัดขวางแต่ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว ที่เขาเห็นในเวลานี้ก็คือ… เตาหลอมแห่งจักรวาลพลันระเบิดเสียงอึงคะนึงไปทั้งชั้นฟ้า ราวกับว่ามีพลังของการดับทำลายขุมหนึ่งระเบิดออกมาจากในเตาหลอมยาแห่งนี้!
ห้วงจักรวาลพังทลาย ขณะเดียวกันไฟที่มาจากกาลเวลาก็ไม่อาจทานรับได้จึงมอดดับแล้วมลายหายสิ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยห้วงจักรวาลสั่นสะเทือนเพราะเตาหลอมยาแตกทลาย ควันดำที่มาพร้อมกับปราณแห่งความตาย และการดับสูญอันไร้ที่สิ้นสุดพลันแผ่ออกมาจากจุดที่เตาหลอมแห่งจักรวาลระเบิดแตกทันที
ในควันดำมีร่างของนี่ฝานที่ก้าวเดินออกมา เขาในเวลานี้ ดวงตาอัดแน่นไปด้วยไอสังหารเข้มข้น
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไป…”
เสียงเย็นชาของนี่ฝานดังกึกก้อง แต่ยังไม่ทันรอให้เขาพูดจบ แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะหน้าขาวเผือด แต่ดวงตากลับฉายแสงคมกล้า เพราะเขารู้ดีว่าคิดจะผนึกร่างของนี่ฝานเพื่อถ่วงเวลานั้น เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
ไร้ซึ่งความลังเลใจ อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนฉวยโอกาสที่ร่างแห่งเต๋าของนี่ฝานหายไปหลายหมื่นร่าง รีบเข้าควบคุมให้ร่างแห่งเต๋าหลายแสนร่างของตนระเบิดพลังทั้งหมดออกมาในเสี้ยววินาที!
เสียงตูมตามดังระเบิดเซ็งแซ่อยู่บนสนามรบอีกฝั่งหนึ่งของห้วงจักรวาล
ร่างแห่งเต๋าหลายแสนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพังทลายลงหมด และตามหลังการพังทลายของพวกเขาก็คือ ผู่กงอิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่จำแลงขึ้นมาแล้วอาศัยพลังโจมตีจากการพังทลายพุ่งแผ่ขยายไปทั่วห้วงจักรวาลด้วยความเร็วสูงสุด!
หากเปลี่ยนมาเป็นก่อนหน้านี้ ร่างแห่งเต๋าของผู้บงการนี่ฝานที่ไม่ได้ขาดหายไปหลายหมื่นร่างต้องตรงเข้าขัดขวางแน่นอน แต่ตอนนี้เมื่อร่างแห่งเต๋าลดน้อยลงไปก็เหมือนค่ายกลที่เกิดรูโหว่ และปฏิกิริยาตอบสนองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ว่องไวมากเกินไปจนผู้บงการนี่ฝานถึงกับขัดขวางไม่ทัน ทันใดนั้นผู่กงอิงที่จำแลงมาจากร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นเหมือนมหาสมุทรสีขาวที่ลอดทะลวงผ่านความว่างเปล่าออกไป พอปรากฏตัวอีกครั้ง… ก็มาอยู่เหนือซากปรักหนึ่งหนึ่งแสนแปดหมื่นแห่งทั่วห้วงจักรวาลแล้ว!
และเมื่อปรากฏตัว ดอกผู่กงอิงทั้งหมดก็รีบกลับคืนสภาพเป็นร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง แต่ละร่างพยายามจะจุดแสงสว่าง ขับไล่ความมืดมิดอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลา
ป๋ายเสี่ยวฉุนเชื่อว่าผู้บงการนี่ฝานต้องขัดขวางแน่นอน ไม่ใช่คิดจะนำพละกำลังทั้งหมดมาใช้กำราบตัวเอง หรือกลืนกินดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเพื่อใช้จัดการตน อันดับแรกป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ดีว่า ต่อให้ตนสู้นี่ฝานไม่ได้ แต่ต่อให้อีกฝ่ายทุ่มพลังทั้งหมดที่มีก็ไม่มีทางสังหารตนได้ในเวลาสั้นๆ และหากเวลาที่ว่านี้ นี่ฝานไม่ใช้ไปกับการขัดขวางการแผ่ลามของร่างแห่งเต๋าตน ถ้าเช่นนั้นผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็พอจะจินตนาการได้แล้ว
อันดับที่สอง หากนี่ฝานกลืนกินดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่สามารถสลัดการตามตื๊อของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ เพราะมีหรือที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะยอมให้อีกฝ่ายทำเช่นนั้น?
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้าใจ นี่ฝานเองก็กระจ่างแจ้งดี เขารู้ชัดเจนอย่างยิ่งว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขชิ้นหนึ่ง (เป็นคำเปรียบเปรยหมายความว่าใช้กลลวงตบตาหลอกให้คนอื่นเชื่อ หรือยาราคาถูก รักษาโรคอะไรก็ไม่หาย) เว้นเสียแต่ว่าจะสังหารอีกฝ่าย หาไม่แล้วก็ไม่มีวิธีการอื่นที่ดียิ่งไปกว่านี้
ถึงแม้ว่านี่ฝานจะช้าไปก้าวหนึ่ง แต่เขาก็แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ต่อให้จะถูกป๋ายเสี่ยวฉุนลดทอนพลังอย่างต่อเนื่อง ทว่าเขาที่ยังคงหน้าเปลี่ยนสีกลับเลือกที่จะระเบิดร่างแห่งเต๋าหลายแสนร่างของตัวเองเช่นกัน ภายใต้การระเบิดนี้ทำให้ร่างแห่งเต๋าของเขากลายมาเป็นกลุ่มควันสีดำหนึ่งแสนแปดหมื่นกลุ่มที่มาโผล่อยู่เหนือซากปรักหักพังทั้งหมด พอก่อตัวเข้าด้วยกันอีกครั้งก็กลายร่างมาเป็นร่างแห่งเต๋าจำนวนหนึ่งแสนแปดหมื่นร่าง!
พอปรากฏตัวก็ลงมือเปิดฉากต่อสู้ตัดสินเป็นตาย กับร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในโลกซากปรักหักพังทุกใบทันที!!
นี่คือการต่อสู้แบบแบ่งแยกที่แปรสภาพมาจากศึกแห่งห้วงจักรวาลก่อนหน้านี้ ซากปรักหักพังหนึ่งแสนแปดหมื่นแห่งก็คือสมรภูมิรบหนึ่งแสนแปดหมื่นแห่ง พริบตานั้นเสียงอึงอลก็ดังสะท้านกึกก้องไปทั้งห้วงจักรวาล
“คนที่บีบบังคับให้ข้าจำต้องต่อสู้ด้วยตามวิธีการที่ตัวเองคิดไว้ นับว่าเจ้าเป็นคนแรก”
นี่ฝานที่สีหน้ามืดทะมึนจ้องมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน นับตั้งแต่ที่ประมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึงตอนนี้ แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะมีไม่มาก และถึงขั้นที่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเจ็บหนักกว่าเขาด้วยซ้ำ ทว่าคนทั้งสองที่มีพลังของการฟื้นตัวเหมือนกัน จึงยากที่จะแบ่งแยกได้ว่าอาการของใครย่ำแย่มากกว่า
แต่หากจะว่ากันถึงที่สุด พลังการพิฆาตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่สามารถเขย่าคลอนนี่ฝานได้ แต่ทุกครั้งที่นี่ฝานลงมือกลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องทัดทานเต็มกำลัง ขณะเดียวกันก็ได้รับบาดเจ็บไปด้วย
“แต่จะอย่างไร ทุกอย่างก็ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว!”
นี่ฝานหรี่ตาทั้งคู่ลง ก่อนจะขยับร่างกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน มือก็ยิ่งยกขึ้น ทันใดนั้นนิ้วหัวแม่มือของเขาก็กลายมาเป็นสีดำทะมึน ราวกับว่าปราณทั้งหมดในร่างล้วนไปรวมตัวกันอยู่บนนิ้วข้างนี้ และรอบด้านของนิ้วหัวแม่มือก็เหมือนจะมีน้ำวนก่อตัวขึ้นมา แล้วแผ่ปราณแห่งการดับสูญที่ขานรับกับทั่วทั้งห้วงจักรวาล
“นิ้วดับชีวา!”
นี่ฝานเอ่ยเสียงเรียบเรื่อย ชั่วขณะที่ร่ายใช้นิ้วดับชีวานี้ ร่างแห่งเต๋าหนึ่งแสนแปดหมื่นร่างของเขาที่อยู่ตามซากปรักหักพังแห่งต่างๆ ก็ยกมือขวาขึ้นพร้อมกัน และนิ้วหัวแม่มือของทุกร่างต่างก็เป็นสีดำเพราะร่ายใช้… นิ้วดับชีวา!!
ร่างแห่งเต๋าทั้งหมดพร้อมใจกันร่ายนิ้วดับชีวา อานุภาพของมันจึงมากมหาศาลจนมิอาจหาคำใดมาบรรยาย ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง รีบถอยกรูดไปด้านหลัง เงาร่างแห่งเต๋าที่อยู่ในซากปรักหักพังทั้งหนึ่งแสนแปดหมื่นแห่งก็พากันถอยหนีเหมือนกัน
เพียงแต่ว่านิ้วดับชีวานี้เหมือนจะเล็งเป้าหมายทั้งหมดไว้แล้ว ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะถอยหนีอย่างไรก็มิอาจหลบเลี่ยงได้พ้น เมื่อนิ้วของนี่ฝานร่วงลงมา ห้วงจักรวาลส่งเสียงกัมปนาทอื้ออึง นิ้วดับชีวาหนึ่งแสนแปดหมื่นนิ้วระเบิดพลังออกพร้อมกัน!
วิกฤตคับขัน ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันชะงักค้าง ก่อนจะแผดเสียงคำรามพลางโคจรบทมิวางวายอย่างบ้าคลั่ง ชนาเขย่าภูเขาและผนึกมิวางถูกร่ายออกมาในทันที สุดท้ายก็เรียกตรวนสลายลำคอออกมาพุ่งปะทะเข้ากับนิ้วดับชีวาเหล่านั้น!
ในซากปรักหักพังหนึ่งแสนแปดหมื่นแห่ง ร่างแห่งเต๋าทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนพากันร่ายตรวนสลายลำคอ การปะทะหนึ่งแสนแปดหมื่นครั้งก่อให้เกิดเสียงดังอึงคะนึงที่พริบตานั้นได้รวมกันขึ้นเป็นเสียงหนึ่งเดียว
เสียงนี้เขย่าคลอนห้วงจักวาล กลายมาเป็นเสียงที่ดังกระหึ่มรุนแรงที่สุดในห้วงจักรวาล วินาทีที่แผ่ลามไปแปดทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนและร่างแห่งเต๋าทั้งหมดล้วนพากันกระอักเลือด ร่างกายก็อ่อนระโหยโรยแรงราวกับว่าพลังชีวิตทั้งหมดได้แหลกสลายไปแล้ว และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าปณิธานอันน่าครั่นคร้ามที่แฝงเร้นอยู่ในนิ้วดับชีวานี้ ยากที่บทมิวางวายจะช่วยรักษาให้ได้ ซ้ำร้ายคือ… มันยังไปเขย่าคลอนจิตวิญญาณด้วย
ขณะที่เขากระอักเลือดและถอยร่น ภายใต้สายตาเหี้ยมอำมหิตของนี่ฝาน นิ้วดับชีวากลับพุ่งเข้ามาสังหารอีกครั้งอย่างเหี้ยมเกรียม!
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงต้องตายแน่นอน!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นสะท้าน
