บทที่ 158 สำนักธาราเทพ ปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุน!
แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่ฟางหลินพุ่งไปยังสถานที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ ทางฝั่งจิ๋วต่าวก็มีเสียงดังกัมปนาทดังออกมาเช่นกัน ร่างของเขาดุจดั่งเทพมาร ลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ
เส้นผมปลิวไสว อักขระตลอดร่างเปล่งแสงระยิบระยับชัดเจนมากยิ่งขึ้น อักขระเหล่านั้นไม่ใช่สายโซ่ที่รัดพันรอบกายอีกต่อไป แต่กระจายออกไปล้อมวนอยู่นอกรัศมีหลายสิบจั้งรอบด้าน อักขระเหล่านี้ล้วนเป็นสีดำ พลังวายชีวาตม์ระเบิดออกไปรอบกายอย่างต่อเนื่อง ความปรารถนาในการดับทำลายลุกโชติช่วงขึ้นในดวงตาของเขา
พลังอำนาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าฟางหลิน!
“ฟางหลินไปฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าจะฆ่ากุ่ยหยาเอง หากไม่เพราะการต่อสู้กับเจ้าถ่วงเวลาให้ล่าช้า ข้าจะกลายเป็นคนที่สร้างฐานรากคนที่สี่ได้อย่างไร ตอนนี้ข้าไม่สามารถสร้างน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดได้ กุ่ยหยา หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ดึงเอาปราณชีพจรดินของเจ้ามา บางทีข้าอาจจะทำสำเร็จก็เป็นได้!” จิ๋วต่าวเงยหน้าคำรามเสียงดัง ในน้ำเสียงนั้นเผยความเคียดแค้นไร้ที่สิ้นสุดออกมา เมื่อเทียบกับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว เขาเกลียดกุ่ยหยามากกว่า โดยเฉพาะการโจมตีครั้งสุดท้ายที่ส่งผลให้เขาต้องล้มเหลวนั้น สาเหตุก็มาจากกุ่ยหยา
ส่วนซ่งเชวียเขาก็เกลียดเช่นกัน และไม่คิดจะปล่อยไป ทว่าหากต้องเลือกสักคน เวลานี้คนที่เขาเลือกก็คือกุ่ยหยา
เมื่อสะบัดร่าง ตลอดทั้งร่างของเขาแผ่ความกดดันของสร้างฐานรากอันน่าหวาดกลัวออกมา บินทะยานอยู่กลางอากาศตรงดิ่งไปยังสถานที่ที่กุ่ยหยาอยู่
“จิ๋วต่าวและฟางหลินไม่มีคุณสมบัติไล่ตามมาทันข้าแล้ว เหลือเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนและกุ่ยหยา…แต่ว่าทั้งสองคนนี้ล้วนมีคนไปก่อกวน นี่ก็คือโอกาสของข้า!” เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ ซ่งเชวียจึงผ่อนลมหายใจอยู่ในใจ ขับเคลื่อนน้ำขึ้นน้ำลงชั้นที่แปดอย่างเต็มกำลัง
นอกทะเลสาบ น้ำของทะเลสาบแห่งนี้ได้เหือดหายไปนานแล้ว กลายมาเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านล่างของหลุมลึกแห่งนี้ นอกถ้ำที่ป๋ายเสี่ยวฉุนขุดเอาไว้ แสงคุ้มกันบิดเบี้ยว ลูกศิษย์สามสำนักเกือบร้อยคนที่อยู่รอบด้านกำลังพุ่งเข้าจู่โจม ขณะที่ชั้นของแสงคุ้มกันเหลืออยู่ไม่ถึงหนึ่งร้อยชั้น ทันใดนั้นเงาร่างของฟางหลินก็พุ่งมาจากไกลๆ ราวสายฟ้าแลบ
ความรวดเร็วนั้นทำให้มาถึงได้ในชั่วพริบตา เขาไม่ได้หยุดพัก เมื่อยกมือขวาขึ้น ภาพเตากระถางฟ้าดินมายาที่อยู่เบื้องหลังของเขาพลันขยายใหญ่ แล้วกระแทกลงไปบนม่านแสงคุ้มกันอย่างแรง
“จงแหลกลาญ!”
เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้คนเกือบร้อยที่อยู่รอบๆ แก้วหูสั่นสะเทือน มีคนไม่น้อยที่กระอักเลือดสดเพราะแรงสะเทือนนั้น หลังจากถอยร่นด้วยความพรั่นพรึงจึงมองเห็นฟางหลินที่ในเวลานี้สร้างฐานรากสำเร็จแล้ว
พลานุภาพของเตากระถางฟ้าดินยามนี้ยิ่งเหนือชั้นกว่าเดิม การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ม่านคุ้มกันนับร้อยชั้นพังทลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยไปหมดทันที
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!” ไอสังหารในดวงตาของฟางหลินลุกโชน กำลังจะก้าวเข้าไปในถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าชั่วขณะนี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำพลันเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาแดงฉาน
“ฟางหลิน!” ชั่วขณะที่ฟางหลินเดินเข้ามานั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปิดใช้ยันต์อีกหกร้อยกว่าชิ้นชุดสุดท้ายที่เหลืออยู่ทั้งหมด
เสียงปังๆ ดังสะท้อนไปรอบด้าน ม่านแสงคุ้มกันหกร้อยกว่าชั้นสกัดกั้นฟางหลินให้อยู่ด้านนอก
“สมควรตายเอ๊ย นี่ยังมียันต์เหลืออีกหรือ!!” ฟางหลินขมวดคิ้ว เขาเพิ่งจะสร้างฐานรากสำเร็จ ยังปรับตัวได้ไม่เต็มที่นัก ยากที่จะแสดงพลังรบทั้งหมดออกมาในระยะเวลาอันสั้นนี้ได้
ส่วนลูกศิษย์อีกสามสำนักที่เหลือก็เบิกตากว้างกันทุกคน สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ สะท้านสะเทือนไปกับความร่ำรวยของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขารู้ชัดถึงราคายันต์เหล่านี้ เมื่อมาลองคำนวณดูแล้วพบว่ายันต์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอาออกมาใช้นั้นเกินหนึ่งพันชิ้น แต่ละคนจึงตะลึงลานกันไปทันที
“เขา…เขายังมียันต์อยู่อีกเท่าไหร่กันแน่?”
“ให้ตายสิ คนอื่นเวลาคุ้มกันตอนสร้างฐานรากหากไม่ใช่ค่ายกล ก็ใช้เวทคาถา ทว่าเขากลับใช้ยันต์!”
“ต่อให้มียันต์อีกมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ เจ้าอย่าฝันว่าจะสร้างน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดได้สำเร็จ!” ดวงตาฟางหลินวาววับ ลงมืออีกครั้ง
เสียงกัมปนาทดังสะท้อน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำร้อนใจ และยิ่งเดือดดาล
เขารู้ดีว่าหากไม่มีฟางหลินก็ยังพอว่า เวลานี้ฟางหลินที่สร้างฐานรากสำเร็จมาหาเรื่อง ถ้าเช่นนั้นคงป้องกันไว้ได้อีกไม่นานเท่าไหร่นัก
“เขาเพิ่งจะสร้างฐานราก น่าจะยังปรับตัวไม่ได้นัก นี่ก็คือโอกาส!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน บังคับตัวเองไม่ให้สนใจเสียงดังเลือนลั่นด้านนอก ทุ่มเทกายใจจมจ่อมอยู่กับการเพิ่มความเร็วขับเคลื่อนน้ำวนในร่างกาย
น้ำวนชั้นที่แปดในร่างกายของเขายิ่งหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากม่านแสงคุ้มกันด้านนอกหายไปทีละชั้น หลังจากการลงมือโจมตีของฟางหลินรวมไปถึงคนนับร้อยรอบด้าน เวลาผ่านไป ขณะที่การป้องกันเหลืออยู่แค่ไม่ถึงครึ่งนั้น ฟางหลินก็ต้องร้อนใจขึ้นมา หน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน
“แย่แล้ว!”
และเวลานี้เอง น้ำวนรอบที่แปดในร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันชะงักกึก
น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปด…สำเร็จ!
แรงโจมตีแผ่กระจายไปทั่วร่าง บนมหาสมุทรวิญญาณชั้นที่เจ็ดในร่างกายพลันปรากฏมหาสมุทรวิญญาณชั้นที่แปดขึ้นมา ขณะเดียวกันนั้นน้ำวนรอบที่แปดบนฟากฟ้าก็นิ่งสงบลง และคล้ายว่าน้ำวนรอบที่เก้ากำลังจะก่อตัวขึ้น
“น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าของข้าก็คือ…วิชาอมตะมิวางวาย!” สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยความคลุ้มคลั่ง ครั้งนี้เขาทุ่มเทสุดชีวิต ยามนี้วิชาอมตะมิวางวายหมุนโคจร แสงสีเงินลอยวนเป็นเกลียวอยู่ทั่วร่าง และยิ่งมีแสงสีทองอ่อนจางเปล่งประกายออกมา
จากการโคจรนี้ น้ำวนของน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าบนท้องฟ้าส่งเสียงดังตูมตามแล้ว…เผยร่างออกมา!
ยามที่อุบัติขึ้นมานั้น ดวงตาทั้งคู่ของเขาหนักอึ้ง ไม่อาจฝืนลืมตาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงช้าๆ บัดนี้ทั้งร่างคล้ายจะระเบิดออกมา!
ตลอดทั้งโลกกระบี่อุกกาบาต ทุกคนไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็ล้วนจิตใจสั่นไหว เบิกตากว้างอ้าปากค้างกันทั้งหมด
“น้ำขึ้นน้ำลง…เก้าครั้ง…”
“นึกไม่ถึงเลยว่า…จะเกิดน้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้งขึ้นมาได้จริงๆ!”
“ครั้งที่แล้วที่อุบัติขึ้นคือเมื่อแปดร้อยปีก่อน สวรรค์…”
นอกถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุน ฟางหลินตาเหลือกถลน สั่นเทาไปทั้งร่าง ดวงตายิ่งแดงก่ำมากกว่าเดิม เขารับไม่ได้กับการที่ตัวเองสร้างน้ำขึ้นน้ำลงได้เพียงเจ็ดครั้ง แล้วมีคนทำได้เก้าครั้ง
จิ๋วต่าวที่กำลังโจมตีสถานที่ที่กุ่ยหยาอยู่ เวลานี้ร่างก็สั่นเยือกขึ้นมาเช่นกัน เงยหน้าขึ้นทันควัน จ้องเขม็งไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ หายใจถี่รัว
“สำนักธาราเทพ…น้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้ง ข้าไม่มีทางยอมให้น้ำขึ้นน้ำลงเก้ารอบเกิดขึ้นอีกครั้งเด็ดขาด!” จิ๋วต่าววางความแค้นส่วนตัวระหว่างกุ่ยหยาลงโดยพลัน บึ่งทะยานตรงไปยังสถานที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่
เวลาเดียวกันนั้นซ่งเชวียเองก็หายใจถี่กระชั้น ทว่าดวงตากลับเปี่ยมไปด้วยปรารถนาในการสู้รบ ยามนี้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดของเขาก็มีลางที่จะพังทลาย เพราะการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าของป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้าเขาฉายแววเด็ดเดี่ยว มือทั้งคู่ทำมุทรา ตบลงไปบนพื้นดินแรงๆ หนึ่งที เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ทั้งนอกและในโลกกระบี่อุกกาบาตแห่งนี้ มีเก้าพื้นที่เกิดเสียงเปรี๊ยะลั่นเบาๆ คล้ายฝืนดึงเอาปราณชีพจรดินระลอกหนึ่งของโลกใบนี้มาล่วงหน้าเกินจำนวนที่กำหนดไว้ แล้วหลอมรวมเข้ากับร่างกายเขาด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดของเขามั่นคงขึ้นมา
กุ่ยหยาเงียบงัน สัมผัสได้ว่าจิ๋วต่าวจากไปแล้ว สีหน้าของเขาหดหู่เล็กน้อย แต่ที่มากกว่าคือความไม่ยินยอม ทว่าเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เขาสัมผัสได้แล้วว่าน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดของเขาซึ่งเดิมทีก็ง่อนแง่นอยู่แล้ว ได้เริ่มพังทลายลงเพราะการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าของโลกใบนี้
เวลานี้ซ่างกวานเทียนโย่วกำลังรวมน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่ห้า ความมั่นใจทั้งหมดของเขา ความภาคภูมิใจทั้งหมดของเขา มาบัดนี้หลังจากที่สัมผัสได้ถึงน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าของป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกอย่างได้ย่อยยับลงไปหมดสิ้น
“เจ้าคนกากเดนไม่มีพ่อแม่สั่งสอน ดีแต่ก่อความวุ่นวายขายขี้หน้า กลับสามารถสร้างน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าได้ ช่างเป็นเรื่องตลกยิ่งนัก!” ซ่างกวานเทียนโย่วหัวเราะเสียงเศร้ากำสรด
เป่ยหันเลี่ยขมขื่น กำหมัดแน่น เขาได้สัมผัสกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าเขาไม่เคยคิดยอมแพ้และยอมก้มหัวให้ เวลานี้ก็เช่นเดียวกัน ท่ามกลางการกัดฟัน เขาก็ยิ่งยืนกรานในความเชื่อที่ต้องเหนือกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนให้ได้
ทุกคนที่อยู่ในโลกกระบี่อุกกาบาต หลังจากเงียบงันกันไปชั่วระยะเวลาสั้นๆ เสียงของฟางหลินและจิ๋วต่าวก็ดังก้องไปสี่ทิศ
“เชื่อว่าพวกเราทั้งสามสำนัก ย่อมไม่ยอมให้เกิดน้ำขึ้นน้ำลงเก้ารอบอีกครั้งเด็ดขาด พวกเจ้ารู้ดีว่าควรทำเช่นไร!”
“ฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน หยุดยั้งน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่เก้าของเขา ให้ปราณชีพจรดินกลับคืนสู่โลก สำนักธาราทมิฬ สำนักธาราโลหิต สำนักธาราโอสถ หากพวกเจ้ายังไม่ลงมือตอนนี้แล้วคิดจะลงมือตอนไหน!!”
และเสียงเย็นเยียบของซ่งเชวียก็ดังสะท้อนขึ้นมาในยามนี้เช่นกัน
“สังหารป๋ายเสี่ยวฉุน!”
ถึงกระทั่งที่ว่าไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งสามเอ่ยปาก ยามนี้ตลอดทั้งหุบเหวกระบี่อุกกาบาต ทุกคนที่ไม่ได้สร้างฐานรากล้วนเคลื่อนพลกันออกมาจากสี่ด้านแปดทิศ ตรงดิ่งมายังสถานที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ เจตนารมณ์ในการเข่นฆ่าสูงเทียมฟ้า
“เสี่ยวฉุน ยามศึกตระกูลลั่วเฉินเจ้าปกป้องข้า คราวนี้ให้ข้าได้ปกป้องเจ้าบ้าง!” โหวอวิ๋นเฟยยิ้มออกมา ยิ้มอย่างยินดี น้ำขึ้นน้ำลงสามรอบของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว เวลานี้เขาสละน้ำขึ้นน้ำลงครั้งที่สี่ของตัวเองที่ดำเนินไปได้ครึ่งหนึ่งอย่างไม่ลังเล ปล่อยให้มันร่วงโรย เลือกสร้างฐานรากทันที
เขารู้ว่ายามนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนคือเป้าหมายที่ทุกคนพุ่งเข้าโจมตี และก็เป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอมากที่สุด เขาจะต้องไป…ปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุน!
“ลูกศิษย์สำนักธาราเทพ ข้าคือโหวอวิ๋นเฟย ข้าจะยุติการสร้างฐานรากของตัวเองเพื่อไปปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุน มีใครคิดจะไปกับข้าบ้างหรือไม่!” น้ำเสียงของโหวอวิ๋นเฟยดังออกมา สิ้นสุดการชักนำน้ำขึ้นน้ำลงทันทีทันใด
หลังจากเงียบงันไปชั่วระยะเวลาสั้นๆ เสียงของลูกศิษย์สำนักธาราเทพคนแล้วคนเล่าก็ทยอยกันคำรามออกมา
“อาจารย์อาป๋ายปกป้องข้าให้เข้ามาในโลกใบนี้ ยามนี้ข้าจะไปเป็นผู้พิทักษ์ให้เขา!”
“แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเกเร ทว่าเขาคือสหายร่วมสำนักของพวกเรา!”
“น้ำขึ้นน้ำลงเก้าครั้งคือลางแห่งความโดดเด่นของสำนักธาราเทพเรา ใครคิดฆ่าอาจารย์อาป๋าย ข้าไม่มีทางยอมเด็ดขาด!” ขณะที่เสียงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เวลานี้ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักธาราเทพทุกคนล้วนกัดฟันพุ่งถลาออกมา เร่งรุดไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เช่นเดียวกัน
และกุ่ยหยาที่ประคองตัวมาได้อย่างยากลำบาก ยามนี้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่แปดของเขาค่อยๆ มืดสลัวลง น้ำขึ้นน้ำลงล้มเหลว หลังจากเงียบงันไปครู่หนึ่ง เขาก็ไม่ได้ไปสนใจเรื่องราวทางฝั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน ที่เขาเลือกก็คือ…ไปรังควานซ่งเชวีย ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั้น ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา
เป่ยหันเลี่ยคำรามเสียงต่ำหนึ่งครั้ง เวลานี้เขาข่มกลั้นความโกรธที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนลงไป เลือกยุติน้ำขึ้นน้ำลงเช่นกัน ปล่อยให้น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้าของตัวเองโรยราลง เลือกสร้างฐานรากทันที เพื่อออกไปปกป้องป๋ายเสี่ยวฉุน
“ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า ข้าทำเพื่อสำนักธาราเทพ!” เป่ยหันเลี่ยกระโจนออกไปพร้อมคำรามเสียงทุ้มต่ำ
ยังมีลูกศิษย์สำนักธาราเทพอีกหลายคนกำลังสร้างน้ำขึ้นน้ำลง เงียบงันอยู่ชั่วครู่ก็พากันกัดฟัน ยุติน้ำขึ้นน้ำลงแล้วออกไป
ไม่นานคนตลอดทั้งสำนักธาราเทพ นอกจากป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ผู้ที่ยังประคองน้ำขึ้นน้ำลง…มีเพียงคนเดียว คือซ่างกวานเทียนโย่ว!
เขาไม่ได้สนใจโลกภายนอกเลยแม้แต้นิด เวลานี้กำลังพยายามประคับประคองน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่ห้าที่เปราะบางของตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ
การเข่นฆ่าเริ่มขึ้นตั้งแต่บนเส้นทางที่ทุกคนเดินทางไปยังสถานที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่แล้ว และนอกถ้ำของป๋ายเสี่ยวฉุนการห้ำหั่นก็ยิ่งดุเดือดรุนแรง ลูกศิษย์สำนักธาราเทพมีไม่มาก แค่ไม่กี่สิบคน ทว่าศัตรูของพวกเขากลับมีมากนับร้อยคน
เวลาผ่านไป การฆ่าฟันยิ่งเหี้ยมโหด ภายใต้การล้อมโจมตีของฟางหลินและจิ๋วต่าว โหวอวิ๋นเฟยบาดแผลเต็มกาย เป่ยหันเลี่ยเองก็เช่นกัน ลูกศิษย์สำนักธาราเทพทุกคนยิ่งพ่ายแพ้ถอยร่นไม่เป็นท่า การคุ้มกันของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ลดน้อยลงไปอย่างต่อเนื่อง
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในถ้ำสัมผัสได้ถึงภาพด้านนอกนี้ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม คิดจะยุติ แต่กลับพบว่าหลังจากที่น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้าก่อร่างขึ้นมาแล้วก็คล้ายไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง มิอาจยุติได้ตามใจต้องการ แม้แต่ร่างกายก็มิอาจขยับเคลื่อนไหวได้ หนังตาก็ลืมไม่ขึ้น
นั่นเป็นเพราะว่าน้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้านี้ก็คือจุดสุดยอดของชีพจรดิน!
คิดจะยุติ มีเพียงสามวิธีเท่านั้น หากไม่ไต่ไปสู่จุดสุดยอดของชีพจรดินให้สำเร็จ เสร็จสิ้นลงไปด้วยตัวเอง ก็ต้องรอให้ปราณชีพจรดินในโลกใบนี้เหลือไม่พอ โรยราจนยุติไปเอง และวิธีสุดท้ายก็คือปล่อยให้คนที่อยู่ข้างกายสังหารตัวเอง
ใต้หนังตาที่ปิดลงของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงฉาน เขาสัมผัสได้ว่าสหายร่วมสำนักสู้สุดชีวิตเพื่อตนเอง สัมผัสได้ถึงเลือดสดที่พ่นทะลักออกมาจากร่างกายอันอ่อนล้าของพวกเขา ใจเขาราวถูกฉีกกระชากให้แตกสลาย เปล่งเสียงร้องคำรามกู่ก้องอยู่ภายใน เขาอยากจะลืมตา อยากจะสิ้นสุดน้ำขึ้นน้ำลง ทว่าเขาทำไม่ได้
“น้ำขึ้นน้ำลงรอบที่เก้า จะสำเร็จหรือล้มเหลว รีบยุติให้ข้าเร็วเข้า อ๊าก…อ๊าก…!!” เสียงคำรามปวดร้าวจากก้นบึ้งจิตใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ดังออกไป มีเพียงร่างกายเท่านั้นที่สั่นสะท้านเบาๆ
————