บทที่ 22 ศิษย์พี่หญิงโปรดวางใจ!
“พวกเจ้าดูป้ายศิลาแผ่นที่สองสิ เต่าน้อย…ปรากฏตัวอีกแล้ว!!”
“และก็อยู่อับดับหนึ่งอีกครั้ง เจ้าเต่าน้อยนี่เป็นใครกันแน่ อยู่อันดับหนึ่งติดต่อกันมาสองป้ายแล้ว!”
“ศิษย์พี่หญิงโจวรักษาอันดับหนึ่งทั้งแปดป้ายไม่ได้ กลายเป็นอันดับหนึ่งเจ็ดป้ายแล้ว!”
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบทิศฮือฮากันขึ้นมาทันที เสียงแห่งความตกตะลึงสุดคณานับลอยออกไป โดยเฉพาะในกลุ่มคน ยังมีเสียงของสาวน้อยที่มีพลังในการทะลุทะลวงมากกำลังไชโยโห่ร้อง
“เจ้าเต่าน้อยสู้ๆ!” สาวน้อยคนนี้ก็คือโหวเสี่ยวเม่ย ก่อนหน้านี้นางถูกป๋ายเสี่ยวฉุนชักจูงจนเริ่มเลื่อมใสเจ้าเต่าน้อยแล้ว ในเวลานี้จู่ๆ ได้เห็นเจ้าเต่าน้อยมาอยู่อันดับหนึ่งของป้ายศิลาที่สอง ความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาจึงเพิ่มพรวดขึ้นมาทันใด และอยู่เหนือตำแหน่งโจวซินฉีในใจนางไปแล้ว
เสียงฮือฮาดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนท้ายที่สุดทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนส่งเสียงตะลึงอื้ออึง เพราะเจ้าเต่าน้อยตัวนี้มีชื่อเสียงมากเกินไป ในเวลานี้ก็ยิ่งใช้การกระทำมาบอกกับทุกคนว่าเขามีคุณสมบัติในการท้าแข่งกับโจวซินฉีต่อไป
มีบางคนถึงขั้นเริ่มรอคอยแล้วว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ บนป้ายศิลาทั้งสิบแผ่น เจ้าเต่าน้อยจะสามารถอยู่เหนือโจวซินฉีได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่
ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในกลุ่มคน ถึงแม้ว่าความกลัดกลุ้มก่อนหน้านี้ยังคงอยู่ แต่ความรู้สึกภาคภูมิใจกับตัวเองเงียบๆ ก็เพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพียงแต่เสียดายนิดหน่อยที่คนอื่นไม่รู้ตัวตนของตน
‘หึ ต้องมีสักวันหนึ่ง ข้าจะอยู่ในที่ที่มีสายตาผู้คนนับหมื่นนับพันมากกว่านี้ ให้ทุกคนรู้ว่าข้าก็คือท่านเต่า!’ ป๋ายเสี่ยวฉุนสาบานกับตัวเองอยู่ในใจ
หลังจากเอ่ยคำสาบานแล้ว เขายังไม่พอใจ ดังนั้นจึงเข้าร่วมโห่ร้องไปกับกลุ่มคนด้วย สามารถได้ยินเสียงแหลมเล็กของเขาชักนำฝูงชนรอบทิศให้ฮือฮาอยู่ตลอดเวลา
“สวรรค์ เขาเป็นใคร นี่ข้าเริ่มนับถือเขาแล้วนะเนี่ย!”
“บุคคลตัวอย่างของผู้คนนับหมื่น ท่านเต่าไร้พ่าย!”
ภายใต้เสียงร้องตะโกนที่ตะเบ็งเต็มที่ของป๋ายเสี่ยวฉุน การวิพากษ์วิจารณ์ของลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบทิศจึงค่อยๆ ดุเดือดขึ้นมา มองเห็นว่าคลื่นลูกแล้วลูกเล่าถูกปลุกระดมขึ้น แต่ในเวลานี้เสียงหึอย่างเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังออกมา จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็กระโดดพรวดออกมาจากกลุ่มคนขึ้นมายืนอยู่บนบ้านไม้
“อย่าให้ข้ารู้เชียวว่าเจ้าเต่าน้อยสมควรตายคนนี้คือใคร ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่มาแย่งตำแหน่งอันดับหนึ่งของศิษย์พี่หญิงโจว!” ผู้พูดคือชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาคนหนึ่ง น้ำเสียงเย็นเยียบดังสะท้อนไปทั่วทิศ
“ถูกต้อง เจ้าเต่าน้อยคนนี้ตอนนี้น่าจะซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน ข้าจะหาเจ้าจนเจอ!” อีกเสียงหนึ่งดังลอยมา เป็นชายหนุ่มอีกคนขึ้นไปยืนบนบ้านไม้เช่นกัน มองฝูงชนด้วยสายตาเย็นชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ ก่อนหน้านี้เสียงแหลมเล็กของเขาดังชัดเจนมาก เมื่อชายคนนี้มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ถึงแม้จะไม่คิดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือเจ้าเต่าน้อย แต่ก็ยังคงประสงค์ร้ายอยู่ดี
ไม่นานเงาร่างเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นไม่หยุด มากถึงเจ็ดแปดร่าง อีกทั้งแต่ละคนก็ล้วนมีพลังจากการฝึกฝนวิชาแผ่ออกมาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้น ท่าทางจะมีพลังถึงขั้นที่เจ็ดของการรวมลมปราณ
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้โดดเด่นในกลุ่มคนที่บูชาในตัวโจวซินฉี การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้ฝูงชนรอบทิศไม่วิพากษ์วิจารณ์กันต่ออีก ค่อยๆ เงียบเสียงลง เพียงแต่ในใจไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ขณะที่มองไปยังคนเหล่านี้ก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากขึ้น
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะสนับสนุนโจวซินฉี แต่ก็เพียงแค่โจวซินฉีคนเดียวเท่านั้น อีกอย่างในใจแต่ละคนล้วนเข้าใจดี ว่าการที่ใช้ความสามารถของตนเองท้าแข่งกับโจวซินฉีเช่นนี้เป็นเรื่องน่านับถือจากใจจริง
ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกอีกฝ่ายจ้องเขม็งเช่นนี้ แม้ว่าในใจจะหวาดกลัว แต่รอบทิศมีคนตั้งมากมาย เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่กล้ากระตุกต่อมโกรธของฝูงชน ดังนั้นจึงเงยหน้ามองอีกฝ่าย ท่าทางประมาณว่าหากเจ้ากล้ามาตีข้า ข้าก็จะสู้ตายกับเจ้า
และขณะที่บรรยากาศ ณ ที่แห่งนี้กลายเป็นต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันนั้น ก็มีสายรุ้งเส้นยาวหนึ่งเส้นบินเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ด้านในสายรุ้งบนแพรต่วนสีฟ้ามีเงาร่างอรชรอ้อนแอ้นร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือโจวซินฉี
“ศิษย์พี่หญิงโจว”
“ศิษย์พี่หญิงโจวมาแล้ว” ภาวะที่ต่างฝ่ายต่างไม่อ่อนข้อให้กันถูกทำลายลงทันที หลังจากที่ลูกศิษย์ฝ่ายนอกเหล่านั้นมองเห็นโจวซินฉีก็เผยรอยยิ้มโดยพลัน
ส่วนชายหนุ่มเจ็ดแปดคนที่เลื่อมใสนางเหล่านั้นก็ล้วนเก็บอาการตนเอง แต่ละคนพากันเผยสีหน้าที่คิดว่าสง่างามที่สุดออกมา หันไปประสานมือคารวะโจวซินฉี
การมาถึงของโจวซินฉีในครั้งนี้ หนึ่งเพราะได้ยินเรื่องอันดับรายชื่อของป้ายศิลาที่สอง สองคือมีธุระอย่างอื่น ในเวลานี้หลังจากที่เข้ามาใกล้ มองแวบเดียวก็เห็นสภาวะแข็งขืนต่อกันเมื่อครู่ นางกวาดดวงตาคู่งามมองครั้งหนึ่งก็เดาออกถึงสาเหตุ เมื่อมองไปยังผู้ชื่นชมตนเองเจ็ดแปดคนนั้น แววตาก็เผยความไม่พอใจรวมไปถึงเอือมระอา
“เรื่องของข้าโจวซินฉี คนอื่นไม่จำเป็นต้องมาออกหน้าให้ อีกอย่างเขาเซียงอวิ๋นมีลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจปรากฏขึ้นมา สำหรับสำนักแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี หากคราวหน้าพวกท่านยังทำเช่นนี้อีกก็อย่ามาโทษว่าศิษย์น้องอย่างข้าไม่ไว้หน้า” โจวซินฉีเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา น้ำเสียงประหนึ่งดาบแหลมคม ทำให้ผู้ที่เลื่อมใสนางเจ็ดแปดคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี พากันคับแค้นใจ แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร
“อันดับหนึ่งของป้ายศิลาพืชหญ้าเล่มหนึ่งและสอง ศิษย์น้องคนนี้ที่ทำได้เหนือข้า บางทีเจ้าอาจจะอยู่ในกลุ่มคน ในเมื่อไม่ยอมเผยตัว งั้นก็ตามใจเจ้า” โจวซินฉีเงยหน้ามองไปยังเต่าน้อยที่อยู่บนป้ายศิลาแผ่นที่สอง เก็บกลั้นความรู้สึกไม่ยอมแพ้ในใจเอาไว้ กวาดสายตาไปยังฝูงชน ขณะที่เอ่ยปากเนิบนาบ รัศมีความลำพองตนก็แฝงเร้นออกมาจากคำพูด
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกรอบทิศที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็ยิ่งส่งเสียงไชโยให้กับโจวซินฉีมากขึ้น ทุกคนรู้สึกว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นโจวซินฉี ลูกศิษย์อันเป็นที่ภาคภูมิใจของเขาเซียงอวิ๋นที่พวกเขาสนับสนุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในกลุ่มคน แอบคิดในใจว่าไม่เสียทีที่อีกฝ่ายเป็นความภาคภูมิใจของสำนัก พูดประโยคนี้ได้อย่างสวยงามมาก เขากลอกตา แน่นอนว่าฟังคำลำพองของอีกฝ่ายออก ได้แต่ทอดถอนใจว่าไม่ใช่ตนไม่ยอมปรากฏตัว แต่ผู้ชื่นชอบพวกนั้นที่อยู่รอบกายนาง แววตาแต่ละคนล้วนแฝงไว้ด้วยไอสังหาร
“วันนี้ที่ข้ามาที่นี่ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง หวังว่าสหายร่วมสำนักทุกท่านจะสามารถช่วยได้” สีหน้าโจวซินฉีสงบนิ่ง มองไปยังฝูงชนพลางเอ่ยปากเนิบนาบ
เมื่อนางพูดออกมา ฝูงชนรอบด้านก็เกิดความสนใจทันที แต่ละคนล้วนมีสีหน้าตั้งใจฟัง
“ช่วงนี้บนเขาเซียงอวิ๋นไม่ค่อยสงบนัก ไก่หางวิเศษของท่านอาจารย์หลี่ชิงโหวหายไปเป็นจำนวนมาก ท่านผู้อาวุโสออกไปข้างนอกยังไม่กลับมา บางทีท่านอาจไม่สนใจ แต่ข้าในฐานะที่เป็นศิษย์ แน่นอนว่าต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ หวังว่าสหายทุกท่านจะร่วมมือกันช่วยข้าจับเจ้าโจรขโมยไก่คนนี้ หากมีใครสามารถจับโจรคนนี้ได้ ข้ายินดีมอบหยกล้ำค่าให้หนึ่งชิ้น!” ขณะที่พูด โจวซินฉีหยิบหยกสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากหน้าอก หยกชิ้นนี้เปล่งแสงนุ่มนวล มองดูแล้วไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
“วัตถุชิ้นนี้มีพลังในการป้องกันตัว ข้าได้มาโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน” เสียงของโจวซินฉีสะท้อนกลับไปมา ศิษย์ฝ่ายนอกแต่ละคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้รีบมองมายังหยกชิ้นนั้นทันที ไม่นาน แทบจะทุกคนล้วนเผยสีหน้าสนใจ พากันเอ่ยปากรับรอง
“ศิษย์พี่หญิงโจวโปรดวางใจ เราจะทำให้เจ้าโจรขโมยไก่คนนั้นไร้ที่ให้ซ่อนตัวแน่!”
“ขนาดไก่ของท่านผู้นำยังกล้าขโมย เจ้าโจรขโมยไก่คนนี้ใจกล้ายิ่งนัก พวกข้าจะจับตาดูเรื่องนี้ยิ่งขึ้นแน่นอน!” เสียงลอยมาเป็นทอดๆ ไม่นานฝูงชนล้วนเอ่ยรับปาก โดยเฉพาะผู้ที่บูชาโจวซินฉี นัยน์ตาแต่ละคนก็ยิ่งลุกโชติช่วง เสียงฮึกเหิมดังสะท้อนไปมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนเซ่ออยู่ในกลุ่มคน ผู้คนที่อยู่รอบกายฮึกเหิมกันยิ่งกว่าอะไรดีจนเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ความรู้สึกหิวโหยจากการฝึกวิชาอมตะมิวางวายทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่คิดก็รู้สึกทรมานแล้ว เวลานี้หน้าผากเขามีเหงื่อผุดซึม หัวสมองหมุนติ้ว ไม่นานดวงตาทั้งคู่ก็เป็นประกาย ตบหน้าอกแรงๆ หนึ่งที เสียงมีพลังมากพอที่จะลอดทะลุไปในฝูงชน
“ศิษย์พี่หญิงโจว ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ว่าจะต้องขึ้นภูเขามีดลงกระทะน้ำมันก็จะต้องทำภารกิจที่ศิษย์พี่หญิงมอบหมายให้สำเร็จ จับตัวเจ้าโจรขโมยไก่คนนั้นมาให้ได้!” เสียงของเขาแหลมเล็ก ชัดเจนเป็นพิเศษ แถมยังเบียดออกจากกลุ่มคนมายืนอยู่ด้านหน้าสุดอีกด้วย
เขาถลาออกมาแบบนี้จึงกลายเป็นจุดรวมสายตาของฝูงชนทันที โดยเฉพาะเขาออกแรงตบลงไปบนหน้าอกเสียงดังปั่บๆ ท่าทางเช่นนั้นขนาดพวกที่บูชาโจวซินฉียังทอดถอนใจที่สู้ไม่ได้ แม้แต่โจวซินฉีเองก็ยังต้องมองมาที่เขา
เห็นว่าลูกศิษย์ร่วมสำนักสนับสนุนตนเองขนาดนี้ ใบหน้าของโจวซินฉีก็เผยรอยยิ้ม พยักหน้าเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะจากไปก็ได้ยินเสียงแหลมเล็กนั่นลอยทับเสียงของคนอื่นออกมา
“ศิษย์พี่หญิงโจว ข้ามีข้อเสนออย่างหนึ่ง ทำไมพวกเราไม่รวมกลุ่มเล็กๆ เพื่อตามจับหัวขโมยล่ะ ร่วมมือร่วมใจกันเช่นนี้ ต้องทำให้เจ้าโจรร้ายนั่นลงมือไม่ได้ ปกป้องไก่หางวิเศษของท่านผู้นำเราไว้ได้อย่างแน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าตาจริงจัง มีลักษณะราวกับว่าเพื่อทำภารกิจของศิษย์หญิงโจวแล้ว ต่อให้สูญเสียอะไรก็ไม่เสียดาย
โจวซินฉีตะลึง หลังจากคนรอบด้านได้ยิน มีคนไม่น้อยที่คิดว่าความคิดนี้ไม่เลว พากันเห็นด้วย
“ก็ดี แต่ว่าสำหรับพวกเราการบำเพ็ญเพียรต่างหากที่สำคัญสุด เรื่องแบบนี้แล้วแต่ความสมัครใจแล้วกัน” โจว ซินฉีพยักหน้า มองป๋ายเสี่ยวฉุนอีกหนึ่งที รู้สึกว่าถึงแม้จะไม่คุ้นหน้าศิษย์น้องคนนี้ แต่เขาขาวสะอาดสะอ้าน แค่มองก็รู้สึกเอ็นดูอย่างมาก โดยเฉพาะตอนที่สนับสนุนตน ดูให้ความเลื่อมใสบูชาอย่างยิ่ง นางประทับใจมากจึงยิ้มน้อยๆ ให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน
“ความคิดนี้ ในเมื่อศิษย์น้องผู้กระตือรือร้นคนนี้เป็นผู้เสนอ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นคนจัดกลุ่มเล็กจับขโมยแล้วกัน ที่ข้ามีผ้าแพรอยู่สิบเส้น ใช้เป็นเครื่องหมายที่ระลึกของกลุ่มเล็กเถอะ” นางพูดไปพลางหยิบผ้าแพรสีฟ้าสิบเส้นออกมาจากถุงเก็บของ โบกมือเบาๆ หนึ่งที ผ้าแพรสิบเส้นนี้ก็ลอยมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ตกลงบนมือของเขา
“ศิษย์พี่หญิงโปรดวางใจ ข้าจัดการให้เอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนยืดอกหน้าเชิดถือผ้าแพร ทำท่าทางราวกับว่าเพื่อไก่หางวิเศษของท่านผู้นำแล้วจะแบกรับหน้าที่อย่างไม่ลังเล ยอมสละชีพได้อย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาทั้งคู่ของโจวซินฉีเผยแววชื่นชม ในใจแอบคิดว่าศิษย์น้องเล็กที่มีความรับผิดชอบเช่นนี้ในสำนักมีไม่มากนัก นางจดจำท่าทางน่าเอ็นดูของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ถึงได้หมุนตัวจากไป
มองเห็นว่าโจวซินฉีมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาแตกต่างออกไป ผู้ที่บูชาโจวซินฉีเหล่านั้นต่างไม่พอใจ แอบแค้นเคืองกับตนเองว่าทำไมถึงนึกความคิดดีๆ เอาใจโจวซินฉีแบบนี้ไม่ออกบ้าง
หลังจากโจวซินฉีจากไป เหล่าลูกศิษย์ที่เลี้ยงไก่หางวิเศษพวกนั้นก็รีบเดินออกมาขอบคุณฝูงชน โดยเฉพาะกับป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนยืดอก ประณามโจรขโมยไก่อย่างเจ็บแสบ ท้ายที่สุดเหล่าลูกศิษย์ที่เลี้ยงไก่แต่ละคนล้วนพากันซาบซึ้ง ภายใต้การชี้นำของป๋ายเสี่ยวฉุน สุดท้ายกลุ่มจับขโมยถึงได้ประกอบกันขึ้นมาด้วยลูกศิษย์ที่ไม่มีใครมีพลังไปมากกว่าเขาแม้แต่คนเดียว
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินอยู่บนทางกลับที่พัก เช็ดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ถอนหายใจออกมายาวๆ หนึ่งที
“เมื่อครู่นี้เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตัดอาหารของข้าในวันหน้าเสียแล้ว ยังดีที่ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนฉลาดหลักแหลม หึๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ภาคภูมิใจขึ้นมาอีก ฮึมฮำเพลงกลับมาถึงลานที่พัก มองไผ่เหมันต์วิเศษในที่นาวิเศษหนึ่งที ต้นไผ่พวกนี้ทุกวันนี้เติบโตขึ้นมาอย่างน่ากลัวจนถึงขีดสุด ขนาดหนาพอๆ กับลำแข้งคน มองแล้วน่าตะลึงยิ่งนัก
ค่ำคืนนี้เมฆหมอกหนาแน่น รอบทิศดำมืด ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิ เลียริมฝีปาก
“คืนเดือนดับลมพัดแรง เหมือนว่าข้าจะหิวอีกแล้ว…”
———-