บทที่ 258 แสงสีเลือดแห่งเขาจงเฟิง!
หญิงสาวผู้นี้…ก็คือ…ตู้หลิงเฟย!!!
ใบหน้านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีวันลืมเลือน และไม่มีทางลืมลงเด็ดขาด นางก็คือคนที่หายตัวไปวันนั้น…ตู้หลิงเฟย!
จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในสมองเกิดคลื่นยักษ์ซัดถาโถม ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าใต้หน้ากากของเซวี่ยเหมย จะเป็นดวงหน้าที่เขาคุ้นเคยเช่นนี้
แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดคำว่าตู้ตู้น้อยสามคำนั้นออกมา เซวี่ยเหมยที่หน้ากากหลุดออกก็จิตใจสั่นไหวไม่ต่างกัน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด สามคำนี้ กลายมาเป็นอสนีบาตที่ระเบิดอยู่ในสมองของนางดุจเดียวกัน พายุคลั่งพัดกระหน่ำในหัวใจ เขย่าคลอนคลื่นลูกใหญ่แห่งความทรงจำ
ทั้งชีวิตนี้ มีเพียงคนคนเดียวที่เรียกตนด้วยสามคำนี้ คนคนนั้นก็คือ…ป๋ายเสี่ยวฉุนแห่งสำนักธาราเทพ!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปาก จิตใจของตู้หลิงเฟยสะท้านสะเทือน ร้องเสียงหลงเช่นเดียวกัน
นางนึกว่าชีวิตนี้ของตัวเองคงไม่มีโอกาสได้เจอกับป๋ายเสี่ยวฉุนอีกแล้ว วันนั้นที่จากไป นางคิดจะตัดขาดความรู้สึกในหัวใจของตัวเอง ลบเลือนความทรงจำที่ตัวเองมี ทว่าตอนนี้ วินาทีที่ได้ยินคำว่าตู้ตู้น้อยสามคำ ร่างของนางก็สั่นสะท้าน นางรู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเอง…ลืมสำนักธาราเทพไม่ลง ลืมเหตุการณ์ที่เทือกเขาลั่วเฉินไม่ได้ และยิ่งไม่มีทางลืม…ป๋ายเสี่ยวฉุน
ราวกับเวลาหยุดหมุน ในโลกของห้องหัวใจแห่งนี้ สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนและตู้หลิงเฟยสบประสานกันนิ่ง
บัดนี้ ตรวนสลายลำคอที่รวบรวมจากตบะทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหยุดชะงัก ต่อให้ต้องโดนพลังโจมตีกลับก็ยังฝืนเปลี่ยนแปลง เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นออกมาจากในกระดูกแขนของเขา กลายมาเป็นความเจ็บปวดมหาศาล ทว่าจิตใต้สำนึกยังคงสั่งให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนทิศทางของมันอย่างฉับพลัน ทำให้ตรวนสลายลำคอของมือขวาเบี่ยงผ่านข้างกายของตู้หลิงเฟยไป
เพียงแต่ว่า…ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถฝืนควบคุมให้ตรวนสลายลำคอเปลี่ยนแปลงได้ นั่นเป็นเพราะพลังในการสู้รบของเขาแข็งแกร่ง แม้ว่าวิชาที่ร่ายออกมาจะเป็นขีดจำกัดของตัวเอง แต่กลับไม่ได้อยู่นอกเหนือขอบเขตเวทอภินิหารของตัวเอง ทว่า…วิชาแตะหินเป็นทองของตู้หลิงเฟย เห็นได้ชัดว่าจำเป็นต้องเผาผลาญพลังชีวิตถึงจะสามารถร่ายเวทอภินิหารที่เหนือล้ำเกินความสามารถของตัวเองได้ ดุจดั่งเด็กคนหนึ่งที่ควบคุมพยัคฆ์ร้าย ยากที่จะควบคุมได้ดังใจต้องการ ทั้งยิ่งไม่สามารถหยุดยั้งได้
“ไม่!!” ตู้หลิงเฟยร้อนรน ร่างสั่นเทิ้ม มือซ้ายยกขึ้นด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด กระแทกตูมลงไปบนมือแขนขวาของตัวเอง พยายามเปลี่ยนแปลงพลังวิชาอภินิหารนี้ เสียงกร๊อบดังลั่น มือขวาของนางบิดเบี้ยวทันที แม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย ทว่าเงามายารูปนิ้วมือขนาดมหึมาด้านหลังนั่นกลับไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิด ยังคงพุ่งกระแทกเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
ทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนยาว ทว่าในความเป็นจริงเกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาที พริบตาเดียวนิ้วมือมายานั่นก็ตกกระทบลงด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดสด ร่างกระเด็นกระดอนออกไปราวว่าวที่สายป่านขาด
ร่างปีศาจฟ้าด้านหลังเขาบัดนี้แตกสลายไปทีละชุ่น ด้านหนึ่งเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวฉุนถูกพลังของตัวเองตีกลับ อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะพลานุภาพวิชาอภินิหารนี้ของตู้หลิงเฟยลึกล้ำเกินคาดเดา!
ร่างของเขากำลังเปลี่ยนเป็นสีทองอย่างรวดเร็ว นั่นไม่ใช่แสงของหนังทองคงกระพัน แต่เป็นเพราะโครงสร้างตลอดร่างกำลังถูกเปลี่ยนแปลงว่องไว เสมือนจะกลายมาเป็นคนร่างทองคำอย่างแท้จริง
ตู้หลิงเฟยน้ำตาไหลพราก ขวัญหายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บินทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับคนบ้า
“เสี่ยวฉุน…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าขาวซีด ท่ามกลางแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากบนร่าง ความซีดขาวของใบหน้ายังคงเห็นได้เด่นชัด สายตาจับจ้องอยู่แต่ตู้หลิงเฟย เขามีคำพูดมากมายอยากจะถาม มีความคิดมากมายอยากจะพูด นัยน์ตาของเขาเผยความซับซ้อน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากกลับกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ร่างกายบินลิ่วไม่หยุด ประหนึ่งว่าตบะตลอดทั้งร่างล้วนยุ่งเหยิงวุ่นวาย ภาพเบื้องหน้าของเขาเริ่มพร่าเลือน
ตู้หลิงเฟยร้อนใจ บัดนี้เหมือนนางจะลืมการประลองบุตรโลหิตไปแล้ว ลืมภารกิจของตัวเองไปสิ้น ในดวงตาของนางมีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุน สะบัดร่างหนึ่งครั้ง กำลังจะเข้าไปใกล้ ทว่าเวลานี้เอง…ผลึกเลือดที่ก่อนหน้านี้บินขึ้นมาจากหัวใจ คล้ายสัมผัสได้ถึงเลือดสดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักออกมา มันจึงโหมลุกไหม้รุนแรง ก่อเกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่น ความเร็วเพิ่มพรวดพราดคล้ายหายตัวได้ พุ่งทะยานกรีดผ่านห้วงอากาศ พริบตาเดียว…ก็มาปรากฏอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุน
ไร้ซึ่งความลังเลใด ผลึกเลือดที่ราวกับกำลังไชโยกู่ร้องและปิติยินดี ทั้งยังมากด้วยความตื่นเต้นหึกเฮิมก้อนนี้ บินตรงเข้าไปตรงหน้าอกของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อสัมผัสโดนก็กลายเป็นปราณเลือดมากมายหลายเส้นเจาะทะลุทะลวงเข้าไปหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจของเขาอย่างง่ายดาย!!
ชั่วขณะที่หลอมรวมเข้าด้วยกันนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นไปทั้งร่าง ความเจ็บปวดมหาศาลส่งตรงมาจากหัวใจ เขาคำรามเสียงแหบพร่า ภายใต้การโจมตีนี้ ร่างของเขาถูกกระชากลอยออกไปอีกครั้ง จนกระทั่งไปกระแทกเข้ากับผนังหลอดเลือดหนาใหญ่ที่แห้งเหี่ยวไปแล้ว เพิ่งจะสัมผัสกัน หลอดเลือดที่เดิมทีแห้งแข็งโรยรานี้กลับเปลี่ยนมาเป็นมีชีวิตชีวา ให้สัมผัสอ่อนนุ่ม ทั้งยังมีแรงดึงดูดรุนแรงส่งมา…
ดูดเอาป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่ดูดตัวเขาเข้าไป หลอดเลือดที่แห้งเหี่ยวเส้นนี้พลันส่งแสงสีเลือดทะยานขึ้นฟ้า มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเมื่อแสงสีเลือดแผ่ขยายออก หลอดเลือดนี้ก็ฟื้นตัวขึ้นมาจากภาวะโรยราทันที
ยังไม่สิ้นสุด เมื่อแสงสีเลือดแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง เวลาชั่วพริบตาเดียว หลอดเลือดทั้งหมดในโลกห้องหัวใจบัดนี้ล้วนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เวลาชั่วลมหายใจเดียว หลอดเลือดทั้งหมดในโลกใบนี้ก็กลายมาเป็นแบบเดียวกันหมด หลังจากที่มันเริ่มเต้นตุบๆ ก็คล้ายจะมีพลังมหาศาลระลอกแล้วระลอกเหล่าส่งผ่านหลอดเลือดเหล่านี้ไปยังจุดศูนย์กลางอย่าง…หัวใจ!
ตึกตัก ตึกตัก!
หัวใจที่เหี่ยวเฉาดวงนี้พลันเต้นตึกตักขึ้นมาทันทีทันใด เสียงกัมปนาทเกินเสียงฟ้าผ่าดังแผ่ไปรอบทิศ ทั้งยังดังสะท้อนไปทั่วร่างของบรรพบุรุษโลหิต
แต่ก็เป็นเพียงการเต้นครู่หนึ่งเท่านั้น เหมือนว่าพลังทั้งหมดของมันได้ยืมใช้การเต้นครั้งนี้ แผ่แรงผลักดันที่น่าตะลึงระลอกหนึ่งออกมาจากในหัวใจ ผลักดันป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้ามาอยู่ในหลอดเลือดให้ไหลตามหลอดเลือดไปยังจุดๆ หนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นที่ใด
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ หัวใจกลับมาแห้งเหี่ยวอีกครั้ง หลอดเลือดรอบด้านก็เป็นเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีแรงผลักดันรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเยื้องกรายลงมา ไม่ว่าตู้หลิงเฟยจะอยากอยู่ต่ออีกแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ นางมองจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหายเข้าไปด้วยความซับซ้อน ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง รู้ว่าถึงแม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะบาดเจ็บ แต่เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีบทสืบทอดอย่างอื่นอยู่อีก เขาย่อมปลอดภัยแน่นอน
ท่ามกลางความเงียบงัน นางยกมือซ้ายขึ้นมาเก็บหน้ากาก ร่างกายเริ่มพร่าเลือน ไม่นานก็ถูกขับออกมาจากร่างของบรรพบุรุษโลหิต
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นที่ถูกขับออกมา ซ่งจวินหว่านที่อยู่บนเส้นทางดึกดำบรรพ์นอกห้องหัวใจ ร่างก็พร่าเลือนและหายไปท่ามกลางการขับไล่นี้เช่นกัน
บัดนี้ในโลกของบรรพบุรุษโลหิต มีเพียงคนตายเท่านั้นที่ได้อยู่ต่อ และผู้ที่มีชีวิต…ก็มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียว!
เสียงหัวใจเต้นที่ดังออกมาก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะดังแค่ครู่เดียว แต่กลับสั่นสะเทือนไปทั่วฟ้าดิน ดังออกมายังโลกภายนอก ทำให้ท้องนภาเปลี่ยนสี พื้นดินเขย่าคลอน แม้แต่แม่น้ำทงเทียนก็ยังซัดกระเพื่อมเกิดเป็นลูกคลื่น!
บัดนี้หัวใจของนักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนในสำนักธาราโลหิตต่างเต้นกระหน่ำอย่างมิอาจควบคุมได้ แม้แต่ตบะก็ยังชะงักงันไปด้วย
ล่างถึงฝ่ายนอก บนถึงบุรพาจารย์ ล้วนเป็นเหมือนกันหมด!
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”
“ไม่ถูกสิ เมื่อครู่หัวใจของข้าเต้นอย่างควบคุมไม่ได้!”
“ตบะหยุดชะงัก คล้ายปรากฏลางไม่มั่นคง เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง!! แล้วก็เมื่อครู่นี้อีก นั่นมันเสียงอะไร!” เขาเส้าเจ๋อเฟิง เขาอู๋หมิงเฟิง เขาจงเฟิง เขาซือเฟิง นักพรตทุกคน ผู้อาวุโสใหญ่ หรือแม้แต่บุตรโลหิตล้วนหน้าเปลี่ยนสี พากันบินออกมาอย่างพร้อมเพรียง ผู้อาวุโสใหญ่ของแต่ละยอดเขา รวมไปถึงบุตรโลหิตแต่ละรุ่นที่ปิดด่านบำเพ็ญตบะเพื่อเลื่อนขั้นเป็นอังคุฐโลหิต และยังมีบุรพาจารย์ของสำนักธาราโลหิตล้วนใจเต้นกระหน่ำกันหมด
บุรพาจารย์ตระกูลซ่งที่นั่งทำสมาธิอยู่ ดวงตาทั้งคู่พลันเบิกโพลง สีหน้าเปลี่ยนน้อยๆ อู๋จี๋จื่อเองก็เดินออกมาจากในถ้ำ ทอดสายตามองออกไปไกล นัยน์ตาเผยประกายล้ำลึก
“หรือบุตรโลหิตของเขาจงเฟิงถูกเลือกแล้ว?”
“แต่ต่อให้เลือกบุตรโลหิตได้แล้วก็ไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เกินสมควรไปมากขนาดนี้…”
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงนั้นเอง เงาร่างของเซวี่ยเหมย ซ่งจวินหว่าน และพวกซ่งเชวียก็ล้วนมาปรากฏอยู่กลางอากาศ ถูกพลังมหัศจรรย์ในร่างบรรพบุรุษโลหิตส่งกลับออกมา
ซ่งจวินหว่านหายใจถี่กระชั้น มองปราดเดียวก็เห็นเซวี่ยเหมยที่ห่างออกไปไม่ไกล แต่หาอยู่รอบหนึ่งก็ยังหาเย่จั้งไม่เจอ ใจนางหล่นลงดังโครม นึกว่าเย่จั้งล้มเหลว แต่กลับพบว่าเซวี่ยเหมยเองก็ดูไม่เหมือนคนที่ได้เลื่อนขั้นเป็นบุตรโลหิต
เซวี่ยเหมยสวมหน้ากาก นัยน์ตาเผยความเลื่อนลอย ตลอดทั้งร่างคล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลังจากที่ทุกคนปรากฏตัว หลังจากการเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ขณะที่ทุกคนของสำนักธาราโลหิตต่างกำลังเกิดความกังขา ทันใดนั้น บนเขาจงเฟิงพลันมีลำแสงสีเลือดลำหนึ่งระเบิดครั่นครืนออกมา ลำแสงนี้พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า รวมตัวกันกลางอากาศ กลายมาเป็นใบหน้าขนาดยักษ์ใบหน้าหนึ่ง
ใบหน้านี้ก็คือหน้าของเย่จั้ง!
“ลำแสงโลหิตเขาจงเฟิง สัญลักษณ์ของบุตรโลหิต!!”
“นี่…การช่วงชิงบุตรโลหิตในรุ่นที่ผ่านๆ มา ผู้ที่เลื่อนขั้นได้สำเร็จ ทุกยอดเขาจะก่อเกิดเป็นลำแสงรวมตัวกันออกมาเป็นใบหน้า เย่จั้ง…เขาคือบุตรโลหิต? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!!”
“บุตรโลหิตของยอดเขาจงเฟิงครั้งนี้ น่าจะเป็นหนึ่งในสองคนระหว่างเซวี่ยเหมยและซ่งจวินหว่าน ทำไมถึงเป็น…เย่จั้ง!!”
วินาทีที่มองเห็นใบหน้านี้ นักพรตทุกคนในสำนักธาราโลหิตล้วนเบิกตากว้าง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเซ็งแซ่ เสียงร้องอุทานด้วยความตะลึงพรึงเพริดดังลอยมาไม่หยุด ทุกคนล้วนสะท้านสะเทือนอย่างใหญ่หลวงกับภาพเหตุการณ์นี้
โดยเฉพาะบนเขาจู่เฟิง ที่บัดนี้ยิ่งมีพลังจิตหลายเส้นระเบิดออก และพลังจิตของบุรพาจารย์ที่อยู่ในนั้นก็คล้ายจะตื่นตะลึงถึงขีดสุด!
แต่ไม่ว่าคนเหล่านี้จะตกใจมากแค่ไหน ยามนี้ในร่างของนักพรตทุกคนของเขาจงเฟิงล้วนเกิดเสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว พลานุภาพสูงส่งไร้คำบรรยายกำลังก่อเกิดขึ้นมาในร่างกายของพวกเขาอย่างมิอาจควบคุมได้ ต่อให้พวกเขาจะไม่ยินดีแค่ไหนก็ล้วนไร้ผล ทำให้นักพรตทุกคนของเขาจงเฟิงหายใจถี่กระชั้น เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเย่จั้งที่อยู่บนฟากฟ้าโดยไม่รู้ตัว พากันคุกเข่าคารวะอย่างพร้อมเพรียง
ซ่งเชวีย ซ่งเจิน ซ่งจวินหว่าน เซวี่ยเหมย เสินซ่วนจื่อ ทุกคน…ใครก็ตามที่ฝึกวิชาลับของเขาจงเฟิง นาทีนี้จำต้องนั่งคุกเข่ากันหมด หากไม่คุกเข่าคำนับ ก็คล้ายกับว่าปราณเลือดในร่างจะพังทลาย
นี่ ก็คือพลังของบุตรโลหิต ควบคุมหนึ่งยอดเขา!