บทที่ 260 บรรพบุรุษโลหิตคนที่สอง!
ในความทรงจำเหล่านี้ ไม่มีที่มาของยักษ์บรรพบุรุษโลหิตตนนี้ ไม่มีความทรงจำตลอดชีวิตของเขา และยิ่งไม่มีช่วงเวลาที่ว่าเขาตายไปอย่างไร ราวกับว่าปณิธานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษโลหิตผู้นี้ล้วนสูญสิ้นไปหมด ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว
หรือไม่ก็เป็นเพราะก่อนที่บรรพบุรุษโลหิตจะตายในปีนั้น เขาไม่เคยคิดที่จะช่วงชิงให้ดวงวิญญาณตัวเองดำรงอยู่ในอีกหลายปีข้างหน้า สิ่งที่เขาคิดมีเพียงเรื่องเดียว นั่นก็คือ…การสืบทอด!
สืบทอด…วิชาอมตะมิวางวาย!!
ราวกับว่าสำหรับบรรพบุรุษโลหิตผู้นี้แล้ว การสืบทอดวิชาอมตะมิวางวายสำคัญกว่าทุกสิ่ง สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง!
เสียงตูมตามดังสะท้อนก้องอยู่ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างบ้าคลั่ง เศษชิ้นส่วนกระจัดกระจายในโลกใบนี้ เมื่อสายฟ้าหลุดออกไป เมื่อพลังชีวิตเส้นสุดท้ายถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็ว พวกมันก็กำลังดับแสงลงอย่างว่องไว
สายฟ้าเหล่านั้นหมุนวนอยู่รอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อมันซอกซอนเข้าไปในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดอยู่ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนค่อยๆ ประกอบเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ในที่สุดมันก็กลายมาเป็นบทสืบทอดหนึ่งบท!
นั่นคือ…ผิวหนังคงกระพัน!
บทที่หนึ่งของบทมิวางวาย วิธีการฝึกวิชาผิวหนังคงกระพัน ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดจนถึงที่สุด
ถึงกระทั่งที่ว่าเมื่อลองเปรียบเทียบกันดู เขาพบว่ามันมีความแตกต่างจากหนังคงกระพันที่ตัวเองฝึกเล็กน้อยราวกับว่าบทสืบทอดบทนี้เก่าแก่ยิ่งกว่า!
ยังไม่ทันที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเปรียบเทียบอย่างละเอียด ในสมองของเขาก็ระเบิดตูมขึ้นอีกครั้ง บทสืบทอดที่สองพลันปรากฏพรวดออกมา นั่นคือ…บทเนื้อคงกระพัน ที่น่าแปลกก็คือ บทสืบทอดบทนี้เหมือนกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับมาจากคนเฝ้าสุสานราวกับแกะ!
ไม่มีข้อแตกต่างใดๆ!
ลมหายใจป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น หลังจากกวาดตามองหนึ่งครั้ง บทสืบทอดที่สามก็ลอยครั่นครืนขึ้นมา ชั่วพริบตาที่บทสืบทอดนี้เผยกาย ในใจป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนรุนแรง นัยน์ตาเผยความฮึกเหิม
เพราะนั่นคือ…เอ็นคงกระพัน!
และประโยคขึ้นต้นของเอ็นคงกระพันก็คือ…
เอ็นยาวหนึ่งส่วน อายุยืนสิบปี!
แม้แต่ขั้นตอนการฝึกและสัจจคาถาของวิชาเอ็นคงกระพันต่างก็ลอยปรากฏอย่างเด่นชัด ป๋ายเสี่ยวฉุนหายใจถี่รัว เขาเข้าใจดี ต่อให้บทสืบทอดสิ้นสุดลงตอนนี้ ต่อให้เขาไม่ได้ครอบครองวัตถุนิจนิรันดร์มิดับสูญ เพียงแค่วิธีการฝึกเอ็นคงกระพันบทนี้ก็เพียงพอแล้ว!!
แต่เห็นได้ชัดว่าบทสืบทอดไม่ได้ยุติลงเพียงเท่านี้ หลังจากเอ็นคงกระพันปรากฏขึ้น ตามการไหลทะลักอย่างต่อเนื่องของสายฟ้ารอบด้าน บทสืบทอดที่สี่ก็ก่อตัวขึ้นมาในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง!
นั่นคือ…กระดูกคงกระพัน!!
ความแข็งแกร่งของพละกำลังกระดูก ค้ำประคองให้พละกำลังทั้งหมดไร้ที่สิ้นสุด!
ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น ในดวงตาเหมือนมีเปลวเพลิงโหมลุกไหม้ เขามองวิธีการฝึกวิชากระดูกคงกระพันที่ลอยขึ้นมาในสมองของตัวเอง ใจของเขาก็เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง เขาเริ่มเป็นฝ่ายดูดซับเอาสายฟ้าจากรอบด้านมาเป็นครั้งแรก ให้สายฟ้าเหล่านั้นหลอมรวมเข้ามาเร็วยิ่งขึ้น
“บทต่อไป แน่นอนว่าต้องเป็น…บทสุดท้ายของบทมิวางวายอย่าง เลือดคงกระพัน!!” วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนก้องอยู่ในใจ ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในที่สุดสมองของเขาก็ปรากฏ…
เลือดคงกระพัน!
เลือด ต้นกำเนิดแห่งเนื้อหนังมังสา!
บัดนี้ ห้าบทของบทมิวางวายล้วนถูกสืบทอดออกมา ก่อรูปขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน!
บทมิวางวายที่สมบูรณ์แบบ สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ระดับความล้ำค่าของมันนั้นยากที่จะพรรณนา หากไม่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ หลังจากที่เขาฝึกเนื้อคงกระพันสำเร็จ คิดจะฝึกขั้นต่อไป จำเป็นต้องได้รับวิชาเอ็นคงกระพัน ทว่าแผ่นดินใหญ่ทงเทียนนั้นกว้างใหญ่เกินไป วิธีการฝึกวิชาเอ็นคงกระพัน ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ซึ่งแนวความคิดใดๆ เขาคงทำได้เพียงคลำหาทางไปด้วยตัวเอง หรือไม่ก็สูญเสียเวลามากมายในการตามหา
สถานการณ์ที่ราวกับงมเข็มในมหาสมุทรเช่นนี้คงต้องดำเนินต่อไป ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมีโชควาสนาได้รับวิชาฝึกเอ็นคงกระพันมา ทว่าเขายังจำเป็นต้องได้รับกระดูกคงกระพัน และสุดท้ายคือเลือดคงกระพัน
ทว่าตอนนี้ จากการสืบทอด บทมิวางวายที่สมบูรณ์แบบลอยขึ้นมา เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางในการฝึกฝนของป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรง โอกาสเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นเอกในปฐพี!!
จากการที่บทสมบูรณ์แบบทั้งห้าหมุนเวียนเป็นวงจร ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเข้าใจบทมิวางวายได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ผิวหนังคือการป้องกันภายนอก เนื้อคือวัชระอันแข็งแกร่งทรงพลัง เอ็นสามารถขยายพละกำลัง กระดูกคือรากฐานที่มั่นคง เลือดคือต้นกำเนิด!
เมื่อทั้งห้าด้านนี้หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก็คือบทมิวางวาย หากฝึกสำเร็จ บนโลกใบนี้ผู้ที่สามารถดับทำลายได้ มีน้อยยิ่งกว่าขนหงส์เขากิเลน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เรียกมันว่ามิวางวาย!
แม้แต่ร่างปีศาจฟ้าของเขาในตอนนี้ เนื่องจากบทมิวางวายหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน มันก็ระเบิดพลังขึ้นมาด้วย ปราณเลือดไร้ที่สิ้นสุดก่อกำเนิดขึ้นมาจากรอบด้าน ไหลกรากเข้ามาพร้อมกับสายฟ้า หลังจากเข้ามาอยู่ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วก็เกาะตัวกันขึ้นมาเป็นร่างปีศาจฟ้าตนที่สอง!
กำลังของกล้ามเนื้อเขาพลันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเยือกไปทั้งร่าง เงยหน้าขึ้นฟ้าแผดเสียงคำรามอีกครั้ง บทสืบทอด…ยังไม่สิ้นสุดลง
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง บัดนี้สายฟ้ารอบด้านต่างก็เข้ามารวมตัวกัน กลายเป็น…ผลึกสายฟ้าหนึ่งก้อน!
ผลึกนี้แวววาวงดงามจับตา ด้านในมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วน เมื่ออักขระเหล่านี้เปล่งแสงพริบพราวก็ราวกับว่ามีความคิดล้นหลามกำลังเกาะตัวเข้าหากันอยู่ภายใน เมื่อมองอย่างละเอียด ความคิดเหล่านี้ก็คล้ายแปลงมาเป็นใบหน้ามากมาย
หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นใบหน้าเหล่านี้ ในใจก็เต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจเขาถี่กระชั้นอย่างอดไม่อยู่ เพราะในบรรดาใบหน้าเหล่านี้ เขามองเห็นนักพรตสำนักธาราโลหิตมากมายที่ตัวเองคุ้นเคย
ด้านในนั้นมีซ่งจวินหว่าน มีซ่งเชวีย มีบุรพาจารย์ตระกูลซ่ง มีอู๋จี๋จื่อ มีสวีเสี่ยวซาน มีบุตรโลหิตของแต่ละยอดเขา…และยังมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
“นี่คือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดนานนักก็เดาได้ถึงที่มาของใบหน้าเหล่านี้…
“ทุกคนที่อาศัยมือใหญ่ของบรรพบุรุษโลหิตบำเพ็ญตบะ…ขณะเดียวกันกับที่พวกเขายืมมือของบรรพบุรุษโลหิตฝึกบำเพ็ญตบะ ก็เท่ากับว่า…ได้สร้างความเชื่อมโยงบางอย่างกับบรรพบุรุษโลหิตอย่างลึกล้ำ!”
ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับมีสายฟ้าฟาดกระหน่ำ วินาทีที่เขามองเห็นผลึกสายฟ้านั้นปรากฏตัว เศษซากแผ่นดินจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบด้านก็พลันดับแสงลงในที่สุด สูญเสียพลังชีวิตทั้งหมดไป ทว่าขณะเดียวกันแสงของผลึกสายฟ้านี้กลับแผ่ขยายออกไปหมื่นจั้ง
เมื่อผลึกสายฟ้านั้นปรากฏตัว ไม่เพียงแต่เศษชิ้นส่วนรอบด้านที่ดับแสงลง แม้แต่ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่ในร่างของบรรพบุรุษโลหิตก็มืดสลัวลงไปด้วย ประหนึ่งว่า…ผลึกสายฟ้านี้ อยู่เหนือล้ำเกินทุกสิ่งอย่าง
“บทสืบทอด แบ่งเป็นสองส่วน!”
“ส่วนที่หนึ่งคือการสืบทอดบทมิวางวาย ส่วนที่สอง ก็คือ…การสืบทอดของตัวบรรพบุรุษโลหิตเอง!!”
“หลายปีมานี้ นักพรตที่ยืมร่างบรรพบุรุษโลหิตฝึกบำเพ็ญตบะ พวกเขาได้สร้างความเชื่อมโยงกับบรรพบุรุษโลหิตอย่างลึกล้ำ ความเชื่อมโยงเหล่านี้ก็คือส่วนหนึ่งของการสืบทอด!”
“ในร่างของบรรพบุรุษโลหิต นอกจากบทสืบทอดของบุตรโลหิตแล้ว ในตำนานเล่าว่ายังมีการสืบทอดสุดท้ายอีกอย่างหนึ่งซุกซ่อนอยู่…นั่นก็คือ…การสืบทอดของมารโลหิต!!”
“และตอนนี้ที่ข้าได้สัมผัส…ก็คือ…การสืบทอดของมารโลหิต!” ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดเสียงดังอื้ออึง วินาทีที่ประจักษ์แจ้งทุกอย่าง ผลึกสายฟ้านี้ก็บินตรงเข้ามายังหว่างคิ้วของเขา พริบตาเดียวก็ละลายเข้าไปด้านใน เมื่อมันละลาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามกร้าวเสียงดังสะเทือนฟ้าดิน ความเจ็บปวดมหาศาลระลอกหนึ่งแผ่จากหว่างคิ้วไปทั่วกาย
ท่ามกลางความเจ็บปวดทรมานนี้ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม จิตสำนึกของเขาคล้ายจะหลุดลอยออกจากร่าง เป็นครั้งแรกที่มันแผ่ขยายจากในร่างออกไปด้านนอก หลังจากที่ทอดยาวไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่งแล้ว มันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างที่ใหญ่โตของบรรพบุรุษโลหิต…โดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง!
เริ่มตั้งแต่ศีรษะ แผ่ไปยังเรือนกาย ต่อมาก็ขาทั้งสองข้าง สุดท้ายคือมือทั้งสอง…
เมื่อจิตสำนึกของเขากลายร่างเป็นกลุ่มควันนับหมื่นนับพันเส้นหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของบรรพบุรุษโลหิต…เขาสัมผัสได้ถึงน้ำของแม่น้ำทงเทียน สัมผัสได้ว่าร่างของตัวเองจมอยู่ในแม่น้ำทงเทียน มือขวาของตัวเองยกขึ้นจากจุดลึกในแม่น้ำ โผล่ทะลุขึ้นมาคล้ายจะคว้าจับนภากาศเอาไว้ แต่กลับไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน เขาสัมผัสได้ว่าบนมือขวาของตัวเองมีสำนักหนึ่งตั้งอยู่…และยังสัมผัสได้ถึงเหล่าผู้คนในสำนักนั้นที่ยืมใช้มือของตัวเองฝึกบำเพ็ญตบะ
คนเหล่านั้น บนสุดถึงบุรพาจารย์ ล่างสุดถึงลูกศิษย์ฝ่ายนอก ในสายตาของเขา ทุกคนล้วนเป็นจุดสีเลือดหนึ่งจุด ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ทันได้สัมผัสกับมันอย่างละเอียด ทุกอย่างก็สิ้นสุดลงเสียแล้ว
จิตสำนึกของเขาหายไป เมื่อลืมตาขึ้น เขายังคงอยู่ในร่างของบรรพบุรุษโลหิต ราวกับว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ภาพมายาในความฝันเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเลื่อนลอย ชั่วขณะเมื่อครู่นี้ เหมือนว่าเขา…ได้กลายเป็นบรรพบุรุษโลหิต!
ถึงแม้ว่าความรู้สึกนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าในจิตสำนึกของเขาตอนนี้มีความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนเพิ่มขึ้นมา ความคิดเหล่านั้นไม่ใช่ของเขา แต่เป็นความคิดของคนที่ยืมร่างบรรพบุรุษโลหิตฝึกบำเพ็ญตบะมาตลอดกาลเวลาอันยาวนาน
หลังจากที่เศษชิ้นส่วนรอบด้านดับแสงสนิท การสืบทอดจึงสิ้นสุดลงในที่สุด แม้ว่าจะจบลงอย่างเงียบเชียบ ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้ถึงความแตกต่างอย่างหนึ่ง
เขามีลางสังหรณ์ว่า ตนเองสามารถระงับ…ตบะของนักพรตทุกคนที่ใช้ร่างบรรพบุรุษโลหิตฝึกวิชา ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือว่าซากศพ หัวปีศาจ…ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์ฝ่ายนอก ลูกศิษย์ฝ่ายใน ผู้พิทักษ์ ผู้อาวุโส บุตรโลหิต ผู้อาวุโสไท่ซ่าง อังคุฐโลหิต หรือแม้แต่…บุรพาจารย์!
แม้ว่าจะไม่สามารถระงับได้ทั้งหมด แต่ความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุนบอกกับตัวเขาว่า แค่หนึ่งความคิดของเขา สามารถยับยั้งตบะของทุกคนได้ อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง!
ผู้ที่ระงับตบะของคนเหล่านี้ ไม่ใช่เขา แต่เป็นบรรพบุรุษโลหิต ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษโลหิต เมื่อพูดกันโดยความหมายบางประการแล้ว เขา ก็คือบรรพบุรุษโลหิต!
แม้ว่าตบะจะไม่เพียงพอ แม้ว่าจะไม่น่าหวาดกลัวและแข็งแกร่งเท่าบรรพบุรุษโลหิต ทว่าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ…หลังจากที่เขาได้รับสืบทอดความคิดทั้งหมดแล้ว เขาก็คือ…บรรพบุรุษโลหิตคนที่สองซึ่งยังมีชีวิตอยู่!