Skip to content

A Will Eternal 284

บทที่ 284 ฮั่นเหยียนลงมือ!

และเช่นเดียวกัน มีเพียงตอนนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงออกถึงพลานุภาพสยบทั้งหมดที่เขามีออกมา พวกเขาถึงจำเป็นต้องรับฟังคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน จำเป็นต้องให้ความสำคัญ…กับทุกประโยคที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ย

สำหรับสำนักธาราเทพแล้ว ลูกศิษย์ชีพจรฟ้า ลำดับผู้สืบทอด ทว่าสามารถควบคุมสัตว์รบทั้งหมดของชายฝั่งทิศเหนือได้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญ เหนือล้ำเกินกว่าทุกคนในสำนักธาราเทพ และเห็นได้ชัดว่าจากตบะของเขาที่ต้องเพิ่มสูงเรื่อยๆ สุดท้ายการที่เขาจะกลายมาเป็นเสาหลักของสำนักธาราเทพ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย

สำหรับสำนักธาราโลหิตแล้ว นับแต่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเผยพลังของนายแห่งโลหิตออกมา ความสำคัญของเขาก็ไม่เป็นรองใครอีกแล้ว…

เมื่อมีเขาอยู่ เพียงหนึ่งความคิด ก็สามารถทำให้พลังรบของสำนักธาราโลหิตเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เช่นเดียวกัน หนึ่งความคิด สามารถข่มทับพวกเขาได้ครึ่งหนึ่ง

ถึงขั้นที่ว่าบัดนี้ เมื่อปฐมาจารย์คนนั้นของสำนักธาราโลหิตมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน สิ่งที่ปรากฏในสมองของเขาก็คือ เรือนกายใหญ่โตเขย่าฟ้าสะเทือนดิน…ที่อยู่ในแม่น้ำทงเทียนของบรรบุรุษโลหิต!

“นายแห่งโลหิต…สามารควบคุมร่างของบรรพบุรุษโลหิตได้หรือไม่?” ในใจปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตเกิดความสงสัย เขาไม่กล้าบีบบังคับกดดันนายแห่งโลหิต ไม่กล้าเดิมพัน เพราะหากแพ้ขึ้นมา ค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายคือความพินาศของสำนักธาราโลหิต!

“รวมกันเป็นสำนักใหม่ แล้วประตูสำนักจะอยู่ที่ไหน?” ในสำนักธาราเทพ บุรพาจารย์เถี่ยมู่พลันเอ่ยปากถาม

“ประตูสำนักของสำนักใหม่ไม่จำเป็นต้องตั้งอยู่บนสถานที่เดิมของสำนักใดสำนักหนึ่ง สำนักธารฟ้าตอนกลางก็คือที่ตั้งประตูสำนักใหม่ของพวกเรา!” แนวความคิดของป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาโชนแสงโชติช่วง ในประกายแสงนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยปณิธานในการรบ!!

นั่นคือลักษณะอำนาจที่เกิดจากตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนและเย่จั้งสองคนหล่อหลอมเข้าด้วยกัน ซึ่งแตกต่างไปจากลักษณะพลังของป๋ายเสี่ยวฉุนในความทรงจำของทุกคน!

“ด้วยพลังนายแห่งโลหิตของข้า สามารถทำให้พลังสู้รบของสำนักธาราโลหิตเพิ่มขึ้นสามส่วน ด้วยพลังสัตว์รบของข้า สามารถทำให้สัตว์รบของสำนักธาราเทพรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก่อให้เกิดพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม!”

“สองสำนักรวมกัน ประหนึ่งดังมีดแหลมคมสองเล่มที่วางขนานกัน แล้วเราค่อยไปเขมือบกลืนสำนักธาราทมิฬ เขมือบกลืนสำนักธาราโอสถ ด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เราจะกวาดตะลุยและฮุบกลืนส่วนที่เหลือของสำนักธารฟ้าทั้งหมด แล้วขึ้นเป็น…สำนักของแม่น้ำตอนกลาง!!”

“สำหรับพวกเราแล้ว สำนักของแม่น้ำตอนกลางคือสิ่งแปลกใหม่ หากคิดจะฝังรากฐานลงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนั้น สิ่งที่พวกเราเชื่อถือได้มีเพียงกันและกันเท่านั้น!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้อง นัยน์ตาของบุรพาจารย์สองสำนักต่างก็เผยความคิดลึกล้ำ หลังจากมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน บางคนก็ทอดถอนใจด้วยความปลงตก

สงครามครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อีกแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนสำคัญกับสำนักธาราโลหิตมากเกินไป แล้วก็สำคัญกับสำนักธาราเทพมากดุจเดียวกัน และก็มีเพียงบุคคลเช่นนี้…ที่บางที ถึงจะสามารถกลายเป็นตัวแปรสำคัญ กลายเป็นจุดพลิกผันได้อย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเทียบกับสำนักธาราโลหิตแล้ว สำนักธาราเทพจึงเลือกที่จะเชื่อป๋ายเสี่ยวฉุน เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับสำนักธาราเทพ สำนักธาราโลหิตเองก็เชื่อได้เพียงป๋ายเสี่ยวฉุน

ไม่นาน แม้ว่ารอบด้านจะยังคงเงียบสงัดเนื่องจากหลายคนกำลังใคร่ครวญ ทว่ามีคนไม่น้อยเริ่มเอนหัวกระซิบกระซาบ วิพากวิจารณ์กันเสียงเบา ความรู้สึกตึงเครียดในสนามรบของทั้งสองฝ่ายจึงลดฮวบฮาบลงไปมาก ดูเหมือนว่าอีกไม่นานก็คงหายไปเกินครึ่ง

ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงค่อยๆ วางลงได้

ทว่าเวลานี้เอง!

ในบรรดาบุรพาจารย์แปดคนของสำนักธาราโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศ ผู้ที่ปลุกกระดูกไม่สลายให้ฟื้นตื่นในวันนั้น…บุรพาจารย์ฮั่นเหยียน บัดนี้ดวงตาทั้งคู่เปล่งวาบ ไอสังหารรุนแรงที่ฉายชัดในดวงตาพลันระเบิดออก

“เหลวไหลทั้งเพ เจ้าต้องทำร้ายเย่จั้งบุตรโลหิตของเขาจงเฟิงเราแล้วสวมรอยแทนอย่างแน่นอน ใช้คำพูดล่อลวงมอมเมาทุกคน ข้าผู้อาวุโสจะสังหารเจ้า!”

น้ำเสียงของบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนเย็นเยียบ ขณะที่คำพูดของเขายังคงดังสะท้อน ร่างก็ได้ถลาพรวดออกมาแล้ว ความรวดเร็วนั้นทำให้เข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา มือขวายกขึ้น ตบะของขั้นก่อกำเนิดที่คล้ายจะสามารถดับฟ้าทำลายดินพลันระเบิดตูมตาม ความแข็งแกร่งของพละกำลังนั้นทำให้นภากาศเปลี่ยนสี ทำให้พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือน ทั้งยังทำให้รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏน้ำวนขนาดยักษ์ลูกหนึ่งขึ้นมากะทันหัน

น้ำวนนี้หมุนโคจรครั่นครืน ก่อเกิดเป็นจิตสังหารรุนแรงโหมซัดสาดซึ่งกลายร่างมาเป็นปราณกระบี่ไร้ที่สิ้นสุดตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ร่างของเขาคล้ายถูกพันธนาการ ยากที่จะดิ้นรน ขณะเดียวกันวิกฤตความเป็นความตายรุนแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พลันระเบิดตูมอยู่ในสมองของเขา

ความรู้สึกถึงความตายไม่เคยดุเดือดเท่านี้ นี่คือการลงมือของบุรพาจารย์ขั้นก่อกำเนิดผู้หนึ่ง ส่วนตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับอยู่แค่สร้างฐานรากช่วงกลางเท่านั้น…

ความต่างระหว่างทั้งสองฝ่าย ดุจดั่งมหาสมุทรกับบ่อน้ำ!

ทว่านี่ยังไม่ใช่เวทอันเป็นไม้ตาย เวทไม้ตายที่แท้จริงคือฝ่ามือข้างขวาของบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนที่กำลังเข้ามาใกล้ แล้วตบฉาดลงมาอย่างแรงนั่นต่างหาก!

ฝ่ามือนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้น เสียงกัมปนาทก็ดังสะเทือนฟ้าดินทันที เปลวไฟคุกรุ่นปะทุขึ้นในพริบตา เผาไหม้นภากาศ กลายมาเป็นมือยักษ์เปลวเพลิงขนาดร้อยจั้งข้างหนึ่ง ลุกไหม้ความว่างเปล่ามาตลอดทาง แฝงไว้ด้วยการดับทำลายพลังชีวิต พลังที่ทำให้เรือนกายมอดดับ จิตวิญญาณแตกสลาย ระเบิดโครมครามเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

การลงมือของบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนครั้งนี้กะทันหันเกินไป ไม่เพียงแต่คนของสำนักธาราเทพเท่านั้นที่คิดไม่ถึง ต่อให้เป็นบุรพาจารย์ของสำนักธาราโลหิตเองก็ยังมิอาจคาดการณ์ได้ เวลานี้คนของทั้งสองฝ่ายล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันไปหมด

“ฮั่นเหยียนหยุดนะ!!” น้ำเสียงของปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตที่แหบพร่าแก่ชราแฝงไว้ด้วยความร้อนใจ แทบจะใกล้เคียงกับการคำรามเดือดดาลดังขึ้น มือขวาพลันยกออกมาคว้าจับฉับพลัน หมายจะขัดขวาง

เพียงแต่ว่าตบะของเขาถูกระงับครึ่งหนึ่ง ตอนนี้พอลงมือ แม้จะสัมผัสโดนบุรพาจารย์ฮั่นเหยียน ทว่ากลับไม่สามารถห้ามได้อย่างเต็มที่ ทำได้เพียงช่วยให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเล็กน้อยเท่านั้น

ปฐมาจารย์สำนักธาราโลหิตหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายเย็นชา ความสำคัญของป๋ายเสี่ยวฉุนมีมากเกินไป สามารถพูดได้ว่าบัดนี้หากป๋ายเสี่ยวฉุนตาย สองสำนัก…ต้องเปิดศึกกันต่ออย่างแน่นอน!! และจะไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับการประนีประนอมอีกต่อไป!

เพราะว่า จุดเชื่อมสัมพันธ์ขาดไปแล้ว!

บุรพาจารย์ตระกูลซ่งที่อยู่ข้างกันก็ยิ่งลูกตาหดตัว จิตสังหารระเบิดสนั่นหวั่นไหว ไม่ว่าอย่างไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือลูกบุญธรรมของเขา มีคนคิดจะฆ่าลูกบุญธรรมต่อหน้าต่อตาเขา มีหรือที่จะเขาจะทนได้ เวลานี้จึงคำรามเสียงต่ำและพุ่งออกมา มือขวาทำมุทราแล้วชี้ ปราณกระบี่เส้นหนึ่งพลันปะทุซัดโหม ตรงดิ่งเข้าหาฮั่นเหยียน

แต่ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากตบะถูกระงับครึ่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงดังกัมปนาทนั้น ปราณกระบี่ของบุรพาจารย์ตระกูลซ่งจึงแตกสลายลงทันที มือยักษ์เปลวเพลิงของบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนแม้จะมืดสลัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังส่งเสียงตูมตามตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

เวลาเดียวกันนี้ บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งของสำนักธาราเทพเดือดดาลถึงขีดสุด คำรามเสียงดังน่าตกใจ มือขวายกขึ้นทำมุทรา โซ่เหล็กเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เมื่อปะทะเข้ากับลมก็ยืดยาวออกมาร้อยจั้ง พุ่งเข้าขัดขวางฮั่นเหยียน

การปะทะครั้งนี้เหนือล้ำเกินกว่าของปฐมาจารย์และบุรพาจารย์ตระกูลซ่งของสำนักธาราโลหิต กลายมาเป็นเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง ทำให้มือยักษ์เปลวเพลิงข้างนั้นพังทลายลงไปครึ่งหนึ่ง เพียงแต่ว่า…บุรพาจารย์ฮั่นเหยียนชิงลงมือก่อนจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ เวลานี้ต่อให้ถูกขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังคงมิอาจลบล้างได้ทั้งหมด!

ฝ่ามือเปลวเพลิงพิการครึ่งหนึ่งตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างรวดเร็ว…ท่ามกลางเสียงร้องอุทานตกใจและเสียงคำรามเคืองแค้นของนักพรตทั้งสองฝ่าย

“เสี่ยวฉุน!!”

“เย่จั้ง!!”

ระหว่างเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่เกิดขึ้น ฝ่ามือเปลวเพลิงเข้ามาใกล้ ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าซีดขาว ความรู้สึกความถึงเป็นความตายเช่นนั้น ทำให้เขาต้องเปล่งเสียงคำรามแหบแห้งสะเทือนฟ้าดินออกมา

เส้นเอ็นปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเขา ตลอดทั้งร่างส่งเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น เหมือนกระดูกจะแตกละเอียด ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรงนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนมีลางสังหรณ์ว่า คราวนี้ตน…มีสิทธิ์ตายมากกว่ารอด!!

ทว่าเขาไม่ยินยอม บัดนี้ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน ท่ามกลางเสียงคำราม มือทั้งสองข้างทำมุทรา โคมไฟสีม่วงดวงหนึ่งพลันลอยมาปรากฏกลางมือของเขา แล้วขว้างเข้าใส่ฝ่ามือเปลวเพลิงพิการบนท้องฟ้าที่ลอยเข้ามาใกล้นั่น

ตูมๆๆ!

โคมไฟสีม่วงลุกไหม้โดยพลัน ระเบิดเปลวเพลิงสีม่วงแผ่ขยายไปสี่ทิศ กลายมาเป็นใบหน้าของคนขนาดมหึมาใบหน้าหนึ่งที่พุ่งเข้าใส่มือพิการ โคมไฟสีม่วงนี้บุรพาจารย์ตระกูลซ่งเป็นผู้มอบให้ พลานุภาพยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด ทว่าเมื่อเทียบกับเฒ่าเจ้าเล่ห์แบบบุรพาจารย์ฮั่นเหยียนแล้ว ก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี!

วินาทีที่ทั้งสองสิ่งปะทะเข้าด้วยกัน พลังโจมตีกระจายไปทั่ว เสียงกึกก้องดังกระหึ่ม ทะเลเพลิงของโคมสีม่วงแตกสลาย ส่วนมือยักษ์เปลวเพลิงนั้น แม้จะแหว่งชำรุดลงไปอีกส่วนหนึ่ง ทว่ากลับยังคงมีพลังเหนือล้ำ ทั้งยังเข้ามาใกล้ไม่หยุดยั้ง!

ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด ร่างถูกพลังโจมตีพัดตลบให้ถอยร่นไม่เป็นท่า เลือดสดถูกพ่นออกมาอีกรอบ เขากัดฟันกลืนเลือดนั้นลงไป มือขวายกขึ้นโบกอีกครั้ง ทันใดนั้นแผ่นหยกสี่สีชิ้นหนึ่งแปลงกายอยู่เบื้องหน้าเขา ปลดปล่อยสีสี่ชนิด ก่อเกิดเป็นม่านแสงสี่ชั้น

และวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้น มือยักษ์เปลวเพลิงพิการข้างนั้นก็กระแทกลงบนม่านแสงสี่สีนอกร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนทันที ปังๆๆๆ…ม่านแสงสี่ชั้นพลันแตกทลายไปทีละชั้น

แม้ว่าทุกครั้งที่พังทลายลงจะทำให้มือยักษ์พิการสลัวรางลงไปไม่น้อย แต่กลับไม่สามารถทำให้มันสลายไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ พริบตาเดียว ท่ามกลางเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของบุรพาจารย์ทั้งสองฝ่ายที่อยู่รอบด้าน ท่ามกลางความร้อนใจจากคนนับไม่ถ้วนที่คุ้นเคยกับป๋ายเสี่ยวฉุน ม่านแสงสีชั้นก็พังทลายลงหมด!

มือยักษ์พิกลพิการข้างนั้นราวกับพายุที่กวาดตะลุยทุกอย่างให้พังราบเป็นหน้ากอง วินาทีที่มันกำลังจะกระแทกลงตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน มือขวาป๋ายเสี่ยวฉุนได้หยิบยันต์แผ่นหนึ่งขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว!

นั่นก็คือ…

ยันต์พลังเทพเจ้า!!

หลังจากเขาตบยันต์ลงไปบนหน้าอกของตัวเองอย่างแรงหนึ่งครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เงยหน้าแผดเสียงคำรามกร้าวเขย่าปฐพีแปดทิศ วิชาอมตะมิวางวายในร่างพลันระเบิดออก เสียงตูมตามดังสะเทือนฟ้าดิน เงาปีศาจฟ้าขนาดมหึมาสองร่างปรากฏพรวดขึ้นเบื้องหลังเขา พวกมันแหงนหน้าคำรามกึกก้อง ร่างปีศาจฟ้าสองตนนี้เมื่ออยู่ภายใต้การผลักดันของยันต์พลังเทพเจ้าจึงทรงพลังมากกว่าปกติ ทำให้พละกำลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า

แล้วชนโครมเข้ากับมือยักษ์เปลวเพลิงที่เข้ามาใกล้โดยตรง

เมื่อมองไกลๆ หากนำภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มาวาดเป็นภาพ ต้องทำให้คนมองขวัญผวาได้อย่างแน่นอน เบื้องใต้มือยักษ์เปลวเพลิง มองไม่เห็นเงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เห็นเพียงแต่ปีศาจฟ้าผิวหนังสีเขียวสองตน…ที่ทำท่าคล้ายจะสยบสวรรค์!!

ตูมๆๆ!!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเขย่าคลอนไปแปดทิศ หลังจากที่มือยักษ์เปลวเพลิงอ่อนกำลังลงครั้งแล้วครั้งเล่า ในเวลานี้จึงพังทลายลงในที่สุด กลายมาเป็นสะเก็ดไฟเหลือคณานับ ขณะเดียวกันร่างปีศาจฟ้าสองตนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปริแตก รอยร้าวนี้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสุดท้ายก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ส่วนร่างของเขา บัดนี้เป็นเหมือนดาวตกที่ร่วงคว้างลงสู่พื้นแผ่นดิน รุนแรงจนผืนดินสั่นไหว ปรากฏเป็นหลุมใหญ่ลึกสิบจั้งหลุมหนึ่ง!

ในหลุม ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนราวกับขี้เถ้ามอด มุมปากมีเลือดสดไหลริน หายใจผะแผ่ว สลบไปทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบัดนี้มือขวาของเขามีแสงสีดำเส้นหนึ่งค่อยๆ หายไป

แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหมดสติ การระงับตบะของเขาที่มีต่อทุกคนของสำนักธาราโลหิต ก็พลัน…คลายลง!

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า วินาทีที่ฮั่นเหยียนลงมือกับป๋ายเสี่ยวฉุน บนเทือกเขาลั่วเฉิน มีลิงเฒ่าตัวหนึ่ง นัยน์ตาฉายความดุดัน ขณะเดียวกันในชั้นเมฆบนท้องฟ้าของสำนักธาราโลหิตก็มีดวงตาสีแดงคู่หนึ่งกะพริบวาบหนึ่งครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version