Skip to content

A Will Eternal 318

บทที่ 318 ทั้งตระกูลเจ้าคือลูกอ๊อด

ป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์เสีย ตบลงไปบนถุงเก็บของแรงๆ หนึ่งครั้ง สำหรับเจ้าเต่าน้อยตัวนี้ เขาปวดหัวอย่างมาก แต่กลับจัดการมันไม่ได้ เวลานี้จึงถอนหายใจหนึ่งครั้ง ดึงสายตาที่มองแผ่นหลังของโจวซินฉีกลับคืนมา ส่ายหัว บินไปยังชายฝั่งทิศเหนือ ตรงไปที่หอร้อยสัตว์

เถี่ยตั้นไม่รู้ว่าหายไปไหน สำหรับการมาถึงของป๋ายเสี่ยวฉุน มันแค่ส่งเสียงคำรามดังลอยมาจากชายฝั่งทิศเหนือเท่านั้น แต่ไม่ได้ปรากฏตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนพอเห็นว่าแม้แต่เถี่ยตั้นก็ยังไม่สนใจตัวเองจึงยิ่งอึดอัดขัดใจมากกว่าเดิม

“พอลูกเติบใหญ่ก็ไม่สนพ่อแก่ๆ อีกแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปลงอนิจจัง เดินเข้าไปในหอร้อยสัตว์

หอร้อยสัตว์สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วก็เหมือนกับบ้านของเขา เพิ่งจะเข้ามาข้างใน พวกสัตว์รบที่อยู่ในนั้น พอมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็พากันส่งเสียงคำรามด้วยความตกใจและปิติยินดี

“เด็กดี ต้าเฮย เจ้าห้ามรังแกเสี่ยวฮวานะ!”

“หมีดำเจ้าทำอะไรอยู่น่ะ ทะเลาะกันอีกแล้ว คราวที่แล้วข้าบอกกับเจ้าว่าไง ไป ลงโทษให้ยืนนิ่งๆ หนึ่งชั่วยาม!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนทักทายไปตลอดทาง ตรงดิ่งไปยังหุบเหวลึกอันเป็นที่อยู่ของมังกรนิลเขาสวรรค์ท่ามกลางการห้อมล้อมของสัตว์รบที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ พอมาถึง บุรพาจารย์ห้าท่าน และลำดับผู้สืบทอดทั้งหมดล้วนทยอยกันปรากฏตัว ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเคร่งขรึม

พอป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าในบรรดาคนทั้งกลุ่ม ตัวเองมีตบะอ่อนด้อยมากที่สุด จึงเริ่มระมัดระวังตัวขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ หลังจากโบกมือไล่ให้สัตว์รบพวกนั้นจากไป เขาก็มาหยุดยืนอยู่ด้านข้างหุบเหวลึก มองลงไปข้างล่างก็เห็นเงาร่างของมังกรนิลเขาสวรรค์ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ล่างหุบเหว

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลังจากที่ทุกคนมากันครบหมด บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งก็กวาดตามองทุกคน เอ่ยปากเนิบช้า

“เมื่อหลายปีก่อน ข้าผู้อาวุโสเคยเจอกระดูกสัตว์ระดับคนฟ้าชิ้นหนึ่งในหุบเหวลึก น่าเสียดายที่ไม่มีกำลังเก็บกลับมาได้ คราวนี้สงครามใกล้จะปะทุขึ้น จำเป็นต้องสร้างเรือรบทงเทียน และกระดูกคนฟ้าก็ถือเป็นกระดูกงูเรือรบที่ดีที่สุด!”

“คราวนี้พวกข้าผู้อาวุโสห้าคนจะรวมกำลังกันเอากระดูกสัตว์ชิ้นนั้นกลับมา ส่วนพวกเจ้าสามารถติดตามไปด้วย หรือแยกตัวไปในหุบเหว ต่างคนต่างหาโชควาสนาของตัวเอง!

พื้นที่ลับหุบเหวลึกคือสถานที่วิเศษแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับยุคก่อนประวัติศาสตร์ ด้านในมีหลายพื้นที่ที่แม้แต่ข้าผู้อาวุโสก็ยังไม่เคยไป มีทั้งโชควาสนาและมีทั้งอันตราย ดังนั้นพวกเจ้าจงจำไว้ว่าอย่าเดินออกไปไกลนัก หากเจอเห็นท่าไม่ดีก็จงบีบแผ่นหยกในมือให้ละเอียดเพื่อกลับมาที่เดิมทันที!” บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากที่ทุกคนพากันพยักหน้า บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งจึงสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง แผ่นหยกหลายแผ่นสำหรับเดินทางกลับสู่ที่เดิมบินออกมาตกอยู่ในมือของทุกคน

ป๋ายเสี่ยวฉุนรับเอาแผ่นหยกมา หลังจากมองดูแล้วก็สัมผัสได้ถึงพลังนำส่งของภูเขาลูกที่เก้าจากแผ่นหยกนั้น นั่นถึงได้ทำให้เขาคลายใจลง เพราะยังไงซะพื้นที่ต้องห้ามนี้ก็เป็นของสำนักธาราเทพ การวางค่ายกลไว้ด้านในจึงถือเป็นเรื่องที่เหมาะที่ควรแล้ว

หลังจากกำชับทุกคนเรียบร้อย บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งมองลงไปยังหุบเหวลึก ดวงตาทั้งคู่โชนแสงคมกล้า

“เขาสวรรค์ เปิดพื้นที่ลับ!”

คำพูดนี้ดังออกมา ในหุบเหวลึกก็มีเสียงคำรามดั่งเสียงฟ้าคำรณลอยออกมาทันที ศีรษะมโหฬารของมังกรนิลเขาสวรรค์โผล่ขึ้นมา ดวงตาฉายประกายประหลาด แล้วกระแทกศีรษะลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง

เสียงกัมปนาทเขย่าคลอนฟ้าดิน ตลอดทั้งพื้นดินสั่นไหวน้อยๆ สัตว์รบทุกตัวในหอร้อยสัตว์เงียบกริบกันหมด หรือแม้แต่สัตว์รบของตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือก็ยังพากันตัวสั่น เถี่ยตั้นที่กำลังเดินป้อวนไปวนมารอบสัตว์รบเพศเมียรูปร่างคล้ายกิเลนตัวหนึ่งเพื่อประจบเอาใจ พลันร่างสั่นเยือก รีบเงยหน้าขึ้นทันที

เวลาเดียวกันนั้น น้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏอยู่เบื้องล่างหุบเหวลึก โคจรครั่นครืน มีลมพายุบ้าคลั่งพัดลอยออกมาจากในน้ำวนนั้น ทำให้อาภรณ์ของทุกคนโบกสะบัดอย่างรุนแรง ทั้งยังมีควันสีดำจำนวนมากลอดทะลุออกมาจากน้ำวน เมื่อแผ่กระจายไปทั่วด้าน ความรู้สึกของกาลเวลาอันโชกโชนจึงลอยมาปะทะใบหน้า

ในน้ำวนโปร่งใสนี้พอมองเห็นได้รำไรว่าด้านในคล้ายมีโลกใบหนึ่งดำรงอยู่ ข้างในนั้นมีภูเขาลูกใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ต้นไม้ใบหญ้ามากมายเหลือคณานับ บนท้องฟ้ามีสัตว์ร้ายที่เรือนกายมหึมาราวมังกรมีปีกกำลังส่งเสียงคำรามแหบโหย คล้ายตกใจกับการปรากฏตัวของน้ำวนนี้ แต่ไม่ได้ถอยหนี กลับพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุร้าย

ทว่าวินาทีที่มังกรมีปีกตัวนี้เพิ่งจะพุ่งเข้ากระแทกโจมตี ศีรษะของมังกรนิลเขาสวรรค์ที่ใหญ่โตยิ่งกว่าเรือนกายของมังกรมีปีกตัวนั้น พลันยื่นพรวดลงไปด้านล่าง อ้าปากกัดกร้วมหนึ่งคำ เสียงร้องโหยหวนของมังกรมีปีกตัวนั้นยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ก็ถูกมังกรนิลเขาสวรรค์เขมือบกลืนลงไปโดยตรง

ส่วนร่างกายมหึมาของมันก็มุดพรวดเข้าไปตามน้ำวน บินเข้าไปอยู่ในพื้นที่ลับโดยตรง หยุดนิ่งอยู่บนท้องฟ้าของพื้นที่ลับ เปล่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นฟ้าดิน ทำให้เสียงคำรามของสัตว์ร้ายรอบด้านเงียบสนิทลงไปทันควัน…

ความรู้สึกอิสระเสรีเช่นนั้นมากพอจะบอกได้ถึงระดับความคุ้นเคยที่มังกรนิลเขาสวรรค์มีต่อพื้นที่ลับแห่งนี้ เพราะยังไงซะ…มันก็มาจากที่แห่งนี้!

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังสำลักลมหายใจ เสียงของบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งก็ดังก้องขึ้นมา

“มังกรนิลเขาสวรรค์จะคุ้มกันอยู่ที่นี่ตลอดเวลา สถานที่แห่งนี้เปิดออกหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนให้หลัง พวกเจ้าทุกคนต้องกลับคืนสู่จุดเดิม!” พูดจบ บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งและบุรพาจารย์อีกสี่คนก็สะบัดร่าง บินตรงเข้าไปในน้ำวน พริบตาเดียวก็ลอดทะลุน้ำวนแปลงกายเป็นรุ้งยาวห้าเส้น ห้อทะยานไปยังทิศทางหนึ่ง

ลำดับผู้สืบทอดอีกสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนมีความถือตัว แม้ว่าพวกเขาจะเคารพนับถือป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ยังไงซะป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังอยู่แค่สร้างฐานราก ส่วนพวกเขาคือยาอายุวัฒนะ เวลานี้จึงทำเพียงแค่พยักหน้าให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วจึงสะบัดร่างทยอยกันเข้าไปด้านในเช่นกัน

“เสี่ยวฉุน เมื่อเข้าไปแล้วห้ามเดินไปไกล หากเห็นท่าไม่ดีก็รีบบีบแผ่นหยกให้แตกทันที!” หลี่ชิงโหวเอ่ยกำชับสองสามประโยค เมื่อได้ยินเสียงเร่งเร้าจากลำดับผู้สืบทอดคนอื่น เขาถึงได้เดินเข้าไปในน้ำวน เริ่มทำการสำรวจพร้อมกับอีกสองสามคนที่นัดหมายกันไว้แล้ว สถานที่ที่พวกเขาจะไป ถือว่าอันตรายต่อสร้างฐานรากอย่างมาก จึงไม่สะดวกที่จะพาป๋ายเสี่ยวฉุนไปด้วย

อีกอย่างเรื่องที่เกี่ยวกับโชควาสนาเช่นนี้ก็บังคับกันไม่ได้

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองส่งหลี่ชิงโหวจากไปไกล ยืนอยู่ข้างหุบเหวลึกด้วยความลังเลเล็กน้อย ครุ่นคิดว่าตัวเองควรจะเข้าไปดีหรือไม่…

“เจ้าหนูป๋าย มาๆๆ ที่นี่ปลอดภัยมากนักล่ะ ขอแค่เจ้าอยู่ในรัศมีพันลี้รอบกายข้า ข้ารับรองว่าเจ้าจะปลอดภัยแน่นอน!” มังกรนิลเขาสวรรค์ที่อยู่ในพื้นที่ลับเบื้องใต้น้ำวนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง หลังจากคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ายังไงซะที่นี่ก็เป็นพื้นที่ลับของสำนักธาราเทพ อีกอย่างตนก็มีแผ่นหยกนำส่ง คงไม่น่าจะมีอันตรายมากเท่าไหร่นัก อีกอย่างสำหรับพื้นที่ลับแห่งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็สงสัยใคร่รู้อย่างมาก ดังนั้นสองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้กระโดดผ่านน้ำวนลงไป เยื้องกรายเข้าไปในโลกใบนี้

เพิ่งจะเข้ามาได้ เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงลมพายุบ้าคลั่ง ลมที่นี่ไม่เหมือนกับข้างนอก แรงกว่า บ้าระห่ำยิ่งกว่า พัดมาโดนทีก็ทำให้รู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งร่าง

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองนภากาศเบื้องบนก็เห็นน้ำวนขนาดยักษ์ มองผ่านน้ำวนนั้นไปก็จะมองเห็นสำนักธาราเทพ ส่วนมังกรนิลเขาสวรรค์ก็ขดตัวล้อมอยู่รอบน้ำวน เวลานี้กำลังมองมาที่ตัวเองด้วยรอยยิ้ม

“จงจากไปอย่างสบายใจเถอะ ที่นี่ข้าคุ้นเคยดี ขอแค่ไม่ไปหาเรื่องเจ้าพวกที่น่ากลัวเหล่านั้น ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา อีกอย่างเจ้าพวกที่น่ากลัวเหล่านั้น แต่ละตนล้วนกำลังหลับลึก เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะมอบปราณของข้าให้หนึ่งเส้น รับประกันว่าเจ้าปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน!” มังกรนิลเขาสวรรค์หัวเราะฮ่าๆ พ่นควันสีดำออกมาคำหนึ่ง กลายเป็นเกล็ดหนึ่งแผ่น ตกอยู่ด้านหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเอื้อมมือคว้าเอาไว้ ถูกอกถูกใจขึ้นมาทันควัน ประสานมือคารวะมังกรนิลเขาสวรรค์ จากนั้นจึงหมุนกายจากไปไกล ตั้งใจมั่นแล้วว่าจะไม่มีทางเดินออกไปนอกรัศมีพันลี้เด็ดขาด

สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆ ของที่แห่งนี้ที่พัดโชยมา ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไปยังพื้นดิน ตลอดทั้งแผ่นดินล้วนเป็นสีเขียว เทือกเขาสูงตระหง่านจำนวนนับไม่ถ้วนที่ห่างออกไปไกลคล้ายซุกซ่อนไว้ด้วยความลับที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ในความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุน โลกใบนี้เป็นดั่งพื้นที่รกร้างที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง

ท้องฟ้าเป็นสีเทาขมุกขมัว ไม่มีก้อนเมฆ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังมองไม่เห็น แต่กลับไม่ได้มืดมิด ป๋ายเสี่ยวฉุนมองหาอยู่นาน ในที่สุดถึงได้มองเห็นว่าปลายสุดขอบฟ้าคล้ายจะมีต้นกำเนิดของแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ดำรงอยู่

ที่พัดโชยมาพร้อมกับลมคือกลิ่นแปลกประหลาด คล้ายกลิ่นของร่างกายและอุจจาระปัสสาวะของสัตว์ร้ายผสมรวมกัน แม้จะเจือจางอย่างมาก แต่กลับทำให้คนรู้สึกได้ถึงความตึงเครียด

ที่นี่ไม่มีร่องรอยของคน มีเพียงกลิ่นของสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ถึงขั้นที่ว่าเพียงแค่บินออกมาในระยะร้อยกว่าลี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ว่าในผืนป่าเหล่านั้นเต็มไปด้วยสายตาที่ดุร้ายที่แฝงไว้ด้วยความหวาดเกรง

เห็นได้ชัดว่าเกล็ดของเขาสวรรค์ที่อยู่บนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้สัตว์ร้ายเหล่านั้นกริ่งเกรง ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ถึงขั้นที่ว่าในบรรดาปราณเหล่านี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนยังสัมผัสได้ถึงสัตว์ร้ายที่มีตบะเทียบเคียงกับยาอายุวัฒนะด้วยซ้ำ

เขามองเห็นด้วยว่าสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่รูปร่างเหมือนเสือดาวพลันอ้าปากสีแดงฉาน ขยายร่างให้เรือนกายใหญ่พอร้อยจั้งแล้วเขมือบกลืนวัวตัวหนึ่งที่มีขนาดหลายสิบจั้ง แม้แต่กระดูกก็กินไม่เหลือ จากนั้นร่างของมันก็กลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา แล้วสะบัดร่างหายไปท่ามกลางผืนป่าที่อยู่ด้านล่าง

“ที่นี่อันตรายเกินไปแล้ว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเล็กน้อย หันกลับไปมองยังท้องฟ้าที่ห่างไปไกล ยังพอมองเห็นน้ำวนได้เลือนราง นั่นถึงได้ทำให้เขาสูดลมหายใจเข้าลึก เคลื่อนหน้าต่อไป จนกระทั่งบินออกมาได้หลายร้อยลี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็นั่งลงบนก้อนหินที่อยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มองไปรอบด้าน จากจุดนี้เขามองเห็นเนินขึ้นๆ ลงๆ บนพื้นแผ่นดินใหญ่ รู้สึกได้ถึงความกว้างขวาง

“น่าเบื่อจริงๆ ที่นี่ไม่สนุกเลยสักนิดเดียว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหยิบหินขึ้นมาหนึ่งก้อนแล้วขว้างลงไปในผืนป่าด้านล่าง ต้นไม้พลันส่ายไหว นกดุร้ายกลุ่มใหญ่ที่มีหัวขนาดใหญ่สองหัว เรือนกายประมาณครึ่งตัวคนบินแตกฮือขึ้นมา นกเหล่านี้ร้องเสียงบาดหู จ้องเขม็งมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาดุดัน มองจนป๋ายเสี่ยวฉุนขนลุกขนพอง พวกมันถึงได้พกพาความหวั่นเกรงบินวนอยู่กลางอากาศหลายรอบ แล้วกลับเข้าไปในผืนป่าอีกครั้ง

“ช่างเถอะ ข้ากลับไปดีกว่า สัตว์ของที่นี่ไม่เป็นมิตรสักตัว” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนน้ำลายลงคอ รีบลุกขึ้นแล้วบินออก หมายจะกลับไปยังจุดที่มังกรนิลเขาสวรรค์อยู่

ทว่าวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบินขึ้นนั้นเอง ทันใดนั้นในภูเขาลูกหนึ่งที่ห่างออกไปไกลพลันมีเสียงคำรามแหบพร่าแค้นเคืองถึงขีดสุดดังออกมา

เพียงแค่เสียงคำรามเดียวก็เขย่าคลอนโลกทั้งใบ ทำให้เทือกเขาจำนวนนับไม่ถ้วนส่ายไหว สัตว์ร้ายเหลือคณานับกรีดร้องโหยหวน ตัวสั่นเทาไม่กล้าเงยหน้า

แม้แต่พื้นดินก็ยังสั่นคลอน ป๋ายเสี่ยวฉุนหนังหัวแทบจะระเบิดออก ในสมองเกิดเสียงดังอึงอลหนึ่งครั้ง ขณะที่แก้วหูทั้งสองข้างสะเทือนรวดร้าวอยู่นั้น เขาก็มองเห็นว่าจุดที่ห่างไปไกล มีเงาที่คุ้นเคยเงาหนึ่ง กำลังกรีดร้องบินตะบึงเข้ามาหาตัวเอง

“ก็แค่ลูกอ๊อดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ ร้ายกาจแค่ไหนกันเชียว กล้ามาทำดุร้ายใส่ข้า คราวก่อนที่นายท่านเต่าของเจ้าฟื้นตื่นยังเห็นพ่อของเจ้าอยู่เลย เจ้าคือลูกอ๊อด พ่อเจ้าคือลูกอ๊อด ทั้งตระกูลเจ้าก็คือลูกอ๊อด…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version