บทที่ 321 อานุภาพของร่มราตรีนิรันดร์!
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี นึกถึงคำพูดที่อยู่ในแผ่นหยก เจ้าเต่าน้อยที่อยู่ข้างกันกรีดร้องเสียงแหลม กลายร่างเป็นรุ้งยาวหายวับเข้าไปในถุงเก็บของของป๋ายเสี่ยวฉุนในพริบตาเดียว
“เจ้าหนูป๋าย หากเจ้าตายไป ท่านเต่าจะจุดธูปให้เจ้าเอง เพียงแต่น่าสงสารนายท่านเต่าที่เพิ่งจะหนีจากน้ำมือมารมาได้ กลับต้องมาถูกกักขังอยู่ในนี้อีกแล้ว…” เจ้าเต่าน้อยหวีดร้องเสียงแหลม
“หุบปาก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างเดือดดาล ไม่มีเวลามาสนใจเต่าน้อย แต่กัดฟันพยายามเงยหน้าขึ้นคำรามเสียงดัง
“คางคกยักษ์ ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยินที่ข้าพูด ปล่อยข้าออกไป แล้วข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า!”
“ข้าเองก็รู้สึกว่านักพรตบรรพกาลคนนั้นทำเกินไป ทว่านี่มันไม่เกี่ยวข้องกับข้านี่นา ข้าคือผู้บริสุทธิ์ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน…”
“พวกเรามาปรึกษากันดูก็ได้ ไม่ต้องทำร้ายกันเองดีไหม หากข้าลงมือ แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเองจริงๆ นะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะพูดจบ เสียงตูมก็พลันระเบิดขึ้นในร่างของคางคกยักษ์ ทำให้พลังบีบเค้นปะทุขึ้นอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเยือกไปทั้งร่าง กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ แม้แต่กระดูกก็ยังส่งเสียงดังลั่นราวกับรับไม่ไหว
อีกทั้งภายใต้แรงบีบคั้นนี้เขายังสัมผัสได้ถึงความมาดร้าย คล้ายว่าคางคกยักษ์ได้ย้ายความเกลียดแค้นที่มีต่อนักพรตบรรพกาลมายังตัวของป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเอ่ยปากอย่างไร ก็ไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้แม้แต่นิด
“เจ้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น เวลานี้ตกอยู่ในวิกฤตความเป็นความตาย เขายังไม่ทันพูดจบ พลังบีบเค้นเยื้องกรายมาเยือนอีกครั้ง คราวนี้แม้แต่ถ้ำสถิตก็ยังพังทลายลงมาเป็นวงกว้าง ขณะที่เจ้าเต่าน้อยกรีดร้องโหยหวน ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็คลุ้มคลั่งไม่ต่างกัน
“เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!!” ภายใต้แรงบีบเค้นนี้ เรือนกายของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือดจำนวนนับไม่ถ้วน ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิดมาก ชัดเจนแล้วว่าคางคกยักษ์นั่นต้องการบีบเขาให้ตาย ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟัน ทำได้เพียงอิงตามวิธีการที่ว่าไว้ในแผ่นหยก มือขวายกขึ้นคว้าจับร่มสีดำคันนั้นแล้วเสียบลงไปบนพื้นอย่างแรง!
ปลายหัวของร่มคันนี้แหลมคมเกินจะเปรียบ ทิ่มแทงลงไปบนพื้นอย่างไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ เสียบทะลุโดนเลือดเนื้อของคางคกเฒ่าโดยตรง!
เมื่อเลือดสดพุ่งทะลักออกมา ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงคมกล้า มือหนึ่งถือร่มดำ มือหนึ่งทำมุทรา ปากก็ท่องคาถาที่ซับซ้อนยากจะเข้าใจออกมา ในที่สุด วินาทีที่ถ้ำแห่งนี้ถล่มลงมาอย่างสมบูรณ์แบบ มือขวาของเขาก็กำด้ามร่มเอาไว้แน่น คำรามเสียงแหบแห้งออกมาหนึ่งประโยค
“ราตรีนิรันดร์!”
คำพูดนี้ดังออกมา แสงสีดำเส้นหนึ่งก็พลันระเบิดออกจากร่มราตรีนิรันดร์คันนี้ แล้วแผ่ขยายไปรอบด้าน พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปทั่วถ้ำ ทั้งยังปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในร่างกายของคางคกตัวนี้
เวลาเดียวกันนั้น คล้ายว่าการแผ่กระจายของแสงสีดำนี้ได้ไปกระตุ้นผนึกต้องห้ามจำนวนนับไม่ถ้วนในร่างของคางคก ทำให้ผนึกต้องห้ามเหล่านี้ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้จะผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานจนมีบางส่วนที่พังเสียหาย ทว่าก็ยังหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากที่ขานรับกัน ผนึกต้องห้ามหลายพันจุดพลันสร้างแรงดึงดูดอย่างรุนแรงพร้อมกันราวกับหลุมดำหลุมหนึ่ง!
ผนึกต้องห้ามนับพันจุดก็คือหลุมดำนับพันหลุมที่ระเบิดตูมออกมาในร่างของคางคกยักษ์ โดยมีร่มราตรีนิรันดร์เป็นจุดศูนย์กลาง เมื่อมันระเบิดออก แรงดูดนั้นจึงมากพอที่จะเขย่าคลอนฟ้าดิน
พริบตาเดียวแรงดึงดูดนี้ก็ปกคลุมไปทั่วร่างของคางคก คางคกเฒ่าตัวสั่นอย่างรุนแรง ทั้งยังมีเสียงคำรามที่แฝงไว้ด้วยความพลุ่งพล่านดังกึกก้องไปแปดทิศ ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้นพลังชีวิตที่หลุมดำของผนึกต้องห้ามนับพันนี้ดึงดูดมาก็ไหลทะลักทลายเข้ามาในร่มราตรีนิรันดร์ที่เป็นจุดศูนย์กลาง!
ปราณเลือดลมมหาศาลยากบรรยายระลอกหนึ่งไหลรินออกจากในร่มส่งตรงเข้าไปตามมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุน
ตูม!
สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดเสียงดังอื้ออึง เงยหน้าขึ้นพรวด เส้นผมปลิวสยายยุ่งเหยิง ดวงตาทั้งคู่เลื่อนลอย คล้ายว่าจิตวิญญาณได้หลุดออกจากร่าง สมองของเขาขาวโพลน ทว่าทันใดนั้นร่างของเขาก็พลันถูกกรอกด้วยพลังเลือดลมไร้ที่สิ้นสุด!
เลือดลมก็คือพลังชีวิต ท่ามกลางการไหลทะลักเข้ามาอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ วิชาอมตะมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงโคจรด้วยตัวเอง ประหนึ่งพื้นดินแตกระแหงที่ได้รับฝนชะให้ชุ่มฉ่ำ ความเร็วในการโคจรนั้นไต่ระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงท้ายที่สุด ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะท้าน พละกำลังกล้ามเนื้อระเบิดออกทุกด้านด้วยความรวดเร็วที่มากจนน่าเหลือเชื่อ!
ร่างปีศาจฟ้าร่างที่สาม!
ร่างปีศาจฟ้าร่างที่สี่!
พริบตาเดียวด้านหลังเขาก็มีร่างปีศาจฟ้าถึงสี่ร่างเงยหน้าคำราม ปลดปล่อยบารมีไร้ขีดจำกัด ขณะเดียวกันการดิ้นรนของคางคกตัวนี้ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงอึกทึกดังแผ่ออกไปไม่หยุด จนกระทั่งแม้แต่ผนึกต้องห้ามพันกว่าจุดนั้นก็ยังทยอยกันพังถล่ม เสียงแผดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดที่ดังออกมาจากปากของคางคกตัวนี้จึงยิ่งดังสนั่นสะท้านฟ้า
ทว่าแรงดึงดูด…ยังคงดำเนินต่อไป ทุกชั่วลมหายใจจะต้องมีพลังชีวิตไร้ที่สิ้นสุดไหลจากผนึกต้องห้ามเหล่านั้นเข้าไปในร่มราตรีนิรันดร์ และกรอกรินเข้าสู่ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ร่างปีศาจฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนรวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้ง!
ตนที่ห้า!
ตนที่หก!!
เจ้าเต่าน้อยโผล่หัวออกมาจากในถุงเก็บของด้วยความระมัดระวัง มองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยอาการเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ท้ายที่สุดมันยังถึงขั้นรู้สึกอิจฉาป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยซ้ำ
“บัดซบ…นี่มันโชควาสนาอะไรกัน!!” เจ้าเต่าน้อยกลอกตามองสูงใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน เงียบงันอย่างที่หาได้ยาก มันมองออกว่าหากว่ากันตามความสามารถที่แท้จริง ต่อให้มีหนึ่งหมื่นป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคางคกยักษ์ตัวนี้ ทว่า…ในร่างของเจ้าคางคกยักษ์กลับมีผนึกต้องห้ามดำรงอยู่ แล้วก็เห็นได้ชัดว่าร่มคันนั้นคือวัตถุที่เป็นจุดศูนย์กลางซึ่งชักนำผนึกต้องห้ามเหล่านี้
จะพูดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังดูดซับเอาพลังชีวิตของคางคกใหญ่มา ก็สู้พูดว่า…ร่มคันนั้นกำลังดูดซับมาเองเสียดีกว่า และที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องทำก็แค่ท่องคาถาเท่านั้น
“นี่มันถ้ำของใครกันแน่…วิธีการยิ่งใหญ่เช่นนี้ หาได้ยากจริงๆ!” เจ้าเต่าน้อยถอนหายใจ
เวลาเดียวกันนั้น โลกด้านนอก ท่ามกลางภูเขารกร้างกว้างขวาง เสียงคำรามของคางคกยักษ์ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมและเมฆซัดตลบ ภูเขาหลายลูกที่อยู่โดยรอบถล่มทลาย ร่างของคางคกยักษ์พุ่งเข้าชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นดินสั่นไหว ส่วนร่างของมันก็แห้งเหี่ยวโรยราลงไปอย่างรวดเร็ว
นกและสัตว์จำนวนนับไม่ถ้วนตัวสั่น และยังมีไม่น้อยที่ตายไปโดยตรงเพราะเสียงเขย่าคลอนฟ้าดินนั้น ขณะที่คางคกยักษ์บ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ ห่างออกไปหมื่นลี้ บุรพาจารย์ทั้งห้าท่านของสำนักธาราเทพ และยังมีลำดับผู้สืบทอดทุกคนต่างก็บินดิ่งมาใกล้อย่างรวดเร็ว
มังกรนิลเขาสวรรค์ก็ตามมาด้วยอยู่ข้างกัน คอยนำทางให้ บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งสีหน้าร้อนรน ตอนที่พวกเขาได้รับข่าวจากมังกรนิลเขาสวรรค์เป็นช่วงเวลาสำคัญที่กำลังเก็บเอากระดูกสัตว์ฟ้ามาพอดี ไม่สามารถแบ่งแยกสมาธิไปทำอย่างอื่น จึงทำได้เพียงเพิ่มความเร็วด้วยความร้อนใจ กว่าจะเก็บเอากระดูกสัตว์ฟ้ามาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงรีบเรียกรวมลำดับผู้สืบทอดทั้งหมดเพื่อให้มาช่วยป๋ายเสี่ยวฉุน โดยดูตามการขานรับระหว่างมังกรนิลเขาสวรรค์กับเกล็ดแผ่นนั้นที่มันมอบไว้ให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน
“ต่อให้คางคกเฒ่าตัวนั้นมีพลังในการสู้รบเทียบเคียงได้กับก่อกำเนิดช่วงท้าย ทว่าหากมันกล้าทำร้ายบุรพาจารย์น้อยของสำนักข้า ข้าผู้อาวุโสก็จะแล่เนื้อเถือหนังมันออกมาเหมือนกัน!!” ขณะที่บุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เถี่ยมู่เจินเหริน หลี่จื่อโม่ รวมไปถึงบุรพาจารย์คนอื่นๆ ต่างก็ร้อนรน หากเกิดอะไรขึ้นกับป๋ายเสี่ยวฉุนจริงๆ สำหรับสำนักสยบธารแล้ว เรียกได้ว่าเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ทีเดียว
แม้สถานการณ์ส่วนใหญ่จะยังควบคุมไว้ได้ ทว่าอนาคตย่อมเกิดรอยร้าวและความขัดแย้งอย่างแน่นอน
หลี่ชิงโหวเองก็อยู่ในกลุ่มคน เวลานี้ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ห้อทะยานรวดเร็วถึงขีดสุด ไอสังหารและความเย็นชาในดวงตาซัดโหมเทียมฟ้า
มังกรนิลเขาสวรรค์รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำได้เพียงนำทางอย่างสุดความสามารถ ไม่นานคนทั้งกลุ่มก็มาอยู่ในรัศมีหมื่นลี้ของคางคกยักษ์ ไม่รอให้มังกรนิลเขาสวรรค์เอ่ยปาก เสียงตูมสะเทือนฟ้าดังลอยมาจากทิศไกล ภูเขาพังถล่ม พื้นดินปริแตก นกและสัตว์ตายเกลื่อนกลาด รวมไปถึงฟ้าดินที่พลิกตลบคละคลุ้งไปด้วยฝุ่นในรัศมีหมื่นลี้ก็ทำให้พวกบุรพาจารย์รุ่นที่หนึ่งต่างสำลักลมหายใจ
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น!!”
ทุกคนตกตะลึง ยิ่งมากด้วยความร้อนใจ ขณะที่พวกเขาเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ในร่างของคางคกยักษ์ ปีศาจฟ้าตนที่เจ็ดของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเผยกายออกมาท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ตามมาติดๆ คือร่างที่แปด ร่างที่เก้า!
ร่างปีศาจฟ้าเก้าตน หลังจากที่รวมตัวกันอยู่ด้านหลังของเขา พลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การฝึกวิชาอมตะมิวางวายจำเป็นต้องใช้พลังชีวิต ขอแค่พลังชีวิตมีมากพอก็สามารถเพิ่มความรวดเร็วได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ปีนั้นตอนที่อยู่ในสำนักธาราโลหิต มีปราณเลือดของบรรพบุรุษโลหิต ทำให้วิชาอมตะมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวทะยานพรวดพราด ตอนนี้บวกกับเลือดลมตลอดร่างของคางคกยักษ์ตัวนี้ ทำให้ขั้นที่สองวิชาอมตะมิวางวาย บรรลุถึงระดับที่น่าหวาดกลัว!
โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ร่างปีศาจฟ้าสิบร่างกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หากสำเร็จเมื่อใด ขั้นที่สองวิชาอมตะมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็จะสามารถบรรลุถึงขอบเขตร่างอสูร!
และหลังจากร่างอสูร ก็คือ…ขอบเขตสูงสุดของขั้นที่สองบทมิวางวาย…ร่างวัชระมิวางวาย!
เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะสามารถฝ่าทะลุพันธนาการขั้นที่สองของชีวิตตัวเอง ทั้งยังอาจจะหลอมรวมออกมาเป็น…ยาสำหรับกล้ามเนื้อหนึ่งเม็ด หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า…ยาวัชระมิวางวาย!
ตูม!
ป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง ท่ามกลางขั้นตอนการก่อตัวของร่างปีศาจฟ้าทั้งสิบตนนี้ ภายใต้พลังชีวิตมหาศาล มหาสมุทรวิญญาณในร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มหัศจรรย์ขึ้นเช่นกัน
มหาสมุทรวิญญาณชั้นที่เจ็ดพลันตกผลึก มหาสมุทรวิญญาณชั้นที่แปดก็กลายมาเป็นผลึกด้วยความเร็วที่น่ากลัวราวกับถูกแช่แข็ง หรือแม้แต่มหาสมุทรวิญญาณชั้นที่เก้าก็ยังตกผลึกไปแล้วเกินครึ่ง ทั้งยังตกผลึกต่อไปด้วย
การเพิ่มพูนของพลังทุกด้านเช่นนี้ สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วถือเป็นโชควาสนาครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง และทั้งหมดนี้ก็ล้วนมาจาก…ร่มราตรีนิรันดร์!
ร่มคันนี้แฝงไว้ด้วยปราณชั่วร้าย เวลานี้กำลังทำการดึงดูดอย่างต่อเนื่อง หลังจากผนึกต้องห้ามเหล่านั้นพังทลายไปทีละจุด แม้ว่าแรงดึงดูดจะลดน้อยลงไปมาก ทว่าพลังชีวิตของคางคกใหญ่ตัวนี้ก็ถึงเวลาแห้งขอดแล้ว!