บทที่ 334 บดขยี้รอบด้าน!
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ไอสังหารในดวงตาของหญิงสาวเข้มข้น นางโมโหจนหัวเราะออกมา ตบะของนางอยู่ในขอบเขตสร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ทั้งยังถนัดในการสังหาร ฆ่านักพรตขั้นสมบูรณ์แบบไปไม่น้อย ทว่าหากไม่เป็นเพราะมีภารกิจอย่างอื่น บวกกับที่รู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ธรรมดา เกรงว่าคงจะเสียเวลาไม่น้อย ก่อนหน้านี้มีหรือที่นางจะคิดจากไป
ทว่าตอนนี้ อีกฝ่ายกลับไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีถึงขนาดมาขัดขวางตน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเป็นปกติ ทว่าดวงตากลับมีเส้นเลือดฝอยปรากฏ ความเข้มข้นของปราณดุร้ายทั่วร่างแผ่กระจายออกไปรอบด้าน ทำให้อาณาเขตที่สร้างขึ้นจากโลหิตปลิดโลกาบิดเบือน มือขวาของเขายกขึ้นชี้ไปยังศพไร้ศีรษะของผู้อาวุโสโจวที่นอนกองอยู่บนพื้น
ภายใต้การชี้นี้ เลือดสดของผู้อาวุโสโจวที่ไหลนองเต็มพื้นพลันเกาะตัวเข้าหากัน ค่อยๆ ลอยขึ้น…แล้วรวมตัวกันเป็นกระบี่สีเลือดเล่มหนึ่ง!
“อย่ารีบร้อน…อีกเดี๋ยว ข้าจะใช้กระบี่นี้ สังหารเจ้า!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวชุดดำผู้นั้น ขณะที่เขาเอ่ยปากเน้นย้ำทีละคำ หญิงสาวชุดดำกลับหัวเราะเสียงดัง ทว่าหัวเราะไปหัวเราะมานางเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจถึงได้เริ่มกระวนกระวายไม่เป็นสุข โดยเฉพาะสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ที่ยิ่งทำให้ลมหายใจของนางติดขัดน้อยๆ
“ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนา!” ไอสังหารในดวงตาของหญิงสาวเปล่งวาบ เมื่อมือทั้งคู่ทำมุทรา จิตสังหารในใจก็ซัดโหม สะบัดร่างหนึ่งครั้ง เรือนกายของนางพลันพร่าเลือน มีควันสีดำเก้าเส้นระเบิดกระจายออกไปรอบด้านคล้ายว่าดึงดูดเอาพลังของฟ้าดินที่ล่องลอยอยู่ทั่วทุกทิศมา
และเวลาแค่ชั่วพริบตาเดียวก็กลายมาเป็นคลื่นกลุ่มควันสีดำเก้ากลุ่ม คำรามอู้เข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนจากเก้าทิศทางที่ต่างกันพร้อมเสียงอึกทึกครึกโครม
ประหนึ่งว่าหากคลื่นควันทั้งเก้านี้รวมตัวเข้าด้วยกันเมื่อไหร่ก็จะระเบิดพลังน่าตะลึงออกมาเมื่อนั้น!
ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนช้า ทว่าในความเป็นจริงหญิงสาวผู้นี้ลงมือได้คล่องแคล่วและเด็ดขาดอย่างมาก เวลาชั่วสายฟ้าแลบ คลื่นควันเก้าลูกก็เข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน ตัดสลับรัดพันหมายปลิดชีวิต
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเย็นเยียบ ในใจเขายังคงรวดร้าว การตายของผู้อาวุโสโจว เสียงร้องหวนไห้ของนกฟ่งเหนี่ยวทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเข้าใจสงคราม และเข้าใจการบำเพ็ญตบะอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ท่ามกลางความขมขื่น จุดลึกในดวงตาของ
ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันระเบิดไอสังหาร ไม่ได้ถอยหลัง แต่ยกมือขวาขึ้นโบกไปด้านหน้าอย่างแรงหนึ่งครั้ง
ภายใต้การโบกนี้ ควันสีม่วงกลิ้งซัดไล่หลังกันออกไปเป็นวงกว้าง ล้อมวนรอบกายเขาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็แปลงกายออกมาเป็นกระถางสีม่วงใบใหญ่หนึ่งใบ กระถางใหญ่นี้มีขนาดพอร้อยจั้ง ปกคลุมร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ภายในคล้ายต้องการปกป้อง
ตูม!
เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้า แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่กระถางใหญ่ก่อตัวสำเร็จ มหาสมุทรควันทั้งเก้านั้นก็กระแทกเข้าโจมตี เมื่อปะทะกับกระถางใหญ่นี้จึงเกิดเป็นเสียงดังสนั่นแก้วหู
กระถางใหญ่สั่นสะเทือน การโจมตีของมหาสมุทรควันทั้งเก้าเพิ่มความรุนแรงขึ้นในทุกชั้น ทำให้กระถางใหญ่คล้ายจะพังทลาย
“ตาย!” กลางอากาศที่ห่างออกไปไม่ไกล ร่างพร่าเลือนของหญิงสาวเผยออกมาจากความว่างเปล่า นัยน์ตาเย็นชา เมื่อเอ่ยปาก มือขวาของนางก็ยกขึ้นชี้อย่างดุดัน
การชี้ครั้งนี้ มหาสมุทรควันทั้งเก้าพลันแปลงกายมาเป็นใบไม้สีดำจำนวนนับไม่ถ้วน เส้นใยบนใบไม้เหล่านี้เด่นชัดสะดุดตา บินวนล้อมรอบกระถางใหญ่เร็วจี๋ ปล่อยปราณแหลมคมออกมาเป็นระลอก ดุจดั่งใบมีดมากมายที่ตรงเข้าหากระถางใหญ่
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเกิดขึ้นอีกครั้ง กระถางใหญ่สั่นคลอน เมื่อถูกใบไม้ที่ราวกับใบมีดกรีดเถือไม่หยุดจึงเกิดรอยปริร้าวขยายไปทั่วแล้วแตกทลายทันใด ทำให้ใบไม้เหล่านั้นบุกฝ่าเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในกระถางใหญ่ด้วยความเร็วที่มากที่สุด
ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งขรึม เวทคาถาของหญิงสาวผู้นี้น่าพิศวง ทั้งยังมีประสบการณ์ในการประชันเวทอย่างโชกโชน ทว่าเขาไม่สนใจแม้แต่นิด เวลานี้สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อใบไม้สีดำเหล่านั้นคำรามเข้ามาหา มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนยกขึ้นตบลงไปบนถุงเก็บของ ร่มสีดำคันหนึ่งจึงเผยพรวดขึ้นมากลางฝ่ามือของเขา
นั่นก็คือร่มราตรีนิรันดร์!
วินาทีที่จับร่มคันนี้ไว้มั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกร่มราตรีนิรันดร์ขึ้นแล้วกางออกอย่างไร้ซึ่งความลังเล!
ตบะในร่างระเบิดตูม ผลึกเก้าชั้นที่แปลงเป็นมหาสมุทรวิญญาณก็ยิ่งแผ่ซ่านออกมาในนาทีนี้ ปราณวิถีฟ้ามากมายหลายเส้นล่องลอยอยู่ในร่างของเขาคล้ายกำลังสื่อสารกับฟ้าดิน ทำให้นภากาศของสนามรบแห่งนี้ปรากฏคลื่นผิดแผกเกิดขึ้น
ร่มสีดำขนาดยักษ์คล้ายเป็นตัวแทนของรัตติกาลมืดมิด วินาทีที่กางออกก็บดบังเรือนกายผอมแห้งของป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ด้านหลังจนมิด อีกทั้งเมื่อตบะทุกด้านของป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมรวมเข้าไป ร่มคันนี้ก็ยิ่งเปล่งประกายแสงสีดำที่ดำสนิทอย่างถึงที่สุด!
นี่คือแสงของราตรีอันมืดมิด!
วินาทีที่แสงนี้ปรากฏขึ้น แรงดึงดูดน่าตื่นตระหนกระลอกหนึ่งพลันระเบิดออก หญิงสาวผู้นั้นที่อยู่กลางอากาศหน้าถอดสีทันควัน ร้องอุทานด้วยความตกใจ ร่างของนางสั่นเทิ้ม เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเรือนกายซูบผอมแห้งเหี่ยวลงฉับพลัน ควันสีขาวมากมายไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของนางอย่างมิอาจควบคุมได้ ตรงดิ่งเข้าหาร่มสีดำ
นี่คือพลังชีวิตของนาง!!
“นี่มันวัตถุอะไรกัน!” หญิงสาวตัวสั่น กรีดร้องโหยหวน หมายจะถอยออกไป ทว่าคล้ายถูกกักตัวอยู่กลางอากาศ มิอาจเคลื่อนไหวได้ เห็นว่าพลังชีวิตของตัวเองหายไปหลายส่วนในพริบตาเดียว หรือแม้แต่เส้นผมของนางก็ยังเริ่มเป็นสีขาว หญิงสาวจึงกัดปลายลิ้นของตัวเองอย่างแรง ทำให้ดวงตาข้างขวาของนางระเบิดโพล๊ะ!
เมื่อดวงตาข้างขวาระเบิดออก เลือดสดจึงสาดกระเซ็นไปสี่ทิศ พลังระเบิดระลอกหนึ่งถูกกระตุ้นจากในร่างของนางก่อเกิดเป็นแรงโจมตี ในที่สุดร่างของนางก็ถูกดีดกระเด็นจากแรงดึงดูดนี้ไปไกลหลายสิบจั้ง นางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ตอนที่มองป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ตาดุร้ายแฝงไว้ด้วยความตะลึงระคนหวาดกลัว โดยเฉพาะตอนที่มองไปยังร่มราตรีนิรันดร์คันนั้นก็ยิ่งกริ่งเกรงถึงขีดสุด
เพิ่งจะถอยออกไปได้ร่างของนางก็พลันพร่าเลือนทันที หมายจะหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าอีกครั้ง ส่วนลึกในใจนางถึงขั้นไม่อยากต่อสู้แล้วด้วยซ้ำ พยายามฝืนฝ่าออกไปจากโลกโลหิตที่กักอยู่รอบด้าน อยากหนีไปจากที่นี่
ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ซึ่งความลังเล เก็บร่มราตรีนิรันดร์กลับมา ขยายความเร็วทะยานดิ่งเข้าหาหญิงสาว ขณะเดียวกันในใจก็แอบเสียดาย เมื่อครู่นี้เขาจงใจล่อให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ เป้าหมายก็เพื่อจะหยิบเอาร่มราตรีนิรันดร์ที่แปลกประหลาดคันนี้ออกมาดูดเอาพลังชีวิตของอีกฝ่าย
ทว่าหญิงสาวผู้นี้เป็นถึงศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของสำนักธารฟ้า ห่างจากยาอายุวัฒนะแค่เส้นเดียว ไม่ธรรมดาอย่างมาก บวกกับตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้มิอาจควบคุมร่มคันนี้ได้ดังใจ นั่นถึงทำให้หญิงสาวผู้นี้หนีไปได้
เวลานี้เขาระเบิดความเร็วถลาพรวดเข้าไปใกล้หญิงสาว ทว่าหญิงผู้นั้นได้หายตัวไปอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงคลื่นกระเพื่อมเป็นชั้นๆ ที่สะท้อนอยู่รอบด้าน
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือกอย่างที่เขาไม่รู้ตัว ความเย็นเยียบนี้ราวกับลมที่พัดโชยในวันที่อากาศหนาวจัด เมื่อมันพัดผ่านไปรอบด้าน ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของเขา เนตรทงเทียนก็พลันเบิกโพลง
เมื่อดวงตาที่สามลืมขึ้น เขาก็กวาดตามองไปรอบด้านหนึ่งครั้ง มือขวายกขึ้นอย่างไม่ลังเล แล้วต่อยโครมลงไปบนความว่างเปล่าทางฝั่งขวามืออย่างแรง
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ความว่างเปล่าทางขวามือของป๋ายเสี่ยวฉุนบิดเบือน เงาร่างของหญิงสาวแปลงกายออกมาอีกครั้ง มุมปากมีเลือดสดไหลซึม ดวงตาฉายความลนลานหวาดกลัวอย่างคนคาดคิดไม่ถึง
“เขาหาข้าเจอ!!”
“บัดซบ เหตุใดในสำนักสยบธารถึงมีบุคคลเช่นนี้ได้ ตบะไม่อ่อนด้อย กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เวทคาถาแปลกประหลาด ทั้งประสบการณ์การรบยังโชกโชน โดยเฉพาะการยับยั้งที่มีต่อตัวข้า!!” ในใจของหญิงสาวสั่นระรัว ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง รู้ดีว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ นี้ยากที่นางจะหนีออกไปได้ อีกทั้งวิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ก็แปลกพิกล ทั้งยังไม่คิดจะให้เวลานางได้ฝ่าออกไปจากโลกโลหิต ดวงตาทั้งคู่ของนางจึงพลันเผยให้เห็นเส้นเลือดฝอย ไม่คิดหนีอีก แต่ทุ่มเทสุดพลังเพื่อต่อสู้ตัดสินเป็นตาย!
“เลือดไหลย้อนวิญญาณปราดเปรียว!” หญิงสาวกรีดร้องเสียงแหลม
เลือดตลอดทั้งร่างไหลย้อนกลับกลายมาเป็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ ภายใต้เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ปราณของพืชหญ้าเข้มข้นแผ่กระจายจากในกายของนางออกไปรอบด้าน
เมื่อมองไกลๆ แสงสีเขียวส่องประกายระยิบระยับ ทั้งยังมีพืชหญ้ามากมายหลายต้นงอกออกมาจากบนร่างของหญิงสาวผู้นี้ คล้ายว่านางได้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับผืนป่า ภายใต้การระเบิดของพลังอำนาจนี้ พืชหญ้าจำนวนเหลือคณานับพลันบิดเบือน คำรามอู้เข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างบ้าคลั่ง
ราวกับว่านาทีนี้ผู้ที่ประมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ใช่เพียงแค่หญิงสาวผู้นี้คนเดียว ทว่าแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดของผืนป่ารอบด้านก็ยังลงมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย!
“อยากรู้นักว่าเจ้าจะยังยับยั้งได้อย่างไร!”
จิตสังหารของหญิงสาวพุ่งสูงเทียมฟ้า ขณะที่พูดออกมา ใบไม้ กิ่งไม้ กลีบดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็กลายมาเป็นพายุคลั่งสูงพอหลายร้อยจั้ง หมุนพัดกวาดไปรอบด้าน เพียงครู่เดียวโลกโลหิตที่ปิดผนึกรอบด้านก็เกิดความไม่มั่นคง ส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ คล้ายจะพังทลาย
แม้แต่นักพรตสองฝ่ายที่อยู่ในพื้นที่อื่นของป่าก็ยังสังเกตเห็นภาพนี้ พากันตกตะลึง
“ข้าจะยับยั้งให้เจ้าดู!” สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเย็นชา ขณะที่เอ่ยปากเนิบช้า เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง มือทั้งคู่ทำมุทราอยู่หน้ากายตัวเองอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาโชนแสงคมกล้า แทบจะวินาทีเดียวกับที่ลมพายุลูกนั้นพัดเข้ามาใกล้ มือทั้งคู่ของเขาก็โบกออกไปด้านนอกอย่างแรงหนึ่งครั้ง ปากพ่นคำออกมาห้าคำ!
“พืชหญ้า แปลงกองทัพ!”
บึ้ม!
เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวสยาย พลังอำนาจบีบคั้นน่าครั่นคร้าม ใช้ตบะสร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบของเขา ใช้ปราณวิถีฟ้าของเขา ใช้ความรู้ด้านวิถีโอสถของเขา อาศัยวิชาพืชหญ้าแปลงกองทัพที่หลี่ชิงโหวถ่ายทอดให้ระเบิดพลังออกมา!
ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น พายุซึ่งก่อตัวขึ้นจากพืชหญ้าเมื่อหมุนคว้างเข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับชะงักงันกะทันหัน แม้ว่าพายุยังคงอยู่ ทว่ากลับส่ายโอนเอนอย่างเห็นได้ชัด คล้ายว่ามีปณิธานสองอย่างกำลังแย่งชิงกันคว้าสิทธิ์ควบคุมพืชหญ้าในพายุหมุนลูกนี้!
“เป็นไปไม่ได้!!” หญิงสาวร้องเสียงหลง หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง อุทานด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง