Skip to content

A Will Eternal 398

บทที่ 398 ยาอายุวัฒนะช่วงกลาง

เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนนำธงเจ็ดสีที่ผู้นำแดนฟ้ามอบให้ปักลงไปบนทะเลทรายนอกซากโบราณสถาน วินาทีที่รัศมีสิบลี้เปล่งประกายพริบพราวกลายมาเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของเขา นครฟ้าก็ครึกโครมกันไปทั้งเมือง

ข่าวนี้ถูกทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แพร่ไปทั่วนครฟ้าอย่างรวดเร็วราวลมพัด คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้ยินได้ฟังล้วนตื่นตะลึงและฮือฮา

“พื้นที่ส่วนบุคคล จะเป็นไปได้อย่างไร!”

“พื้นที่ส่วนบุคคลในนครฟ้ามีไม่ถึงสิบแห่ง ไม่ว่าแห่งใดก็ล้วนเป็นเพราะรุ้งแดนฟ้าสร้างคุณงามความดีอย่างยากลำบากถึงจะได้มาครอบครอง พรรคมังกรเขียวนี่…มีภูมิหลังเช่นไรกันแน่!!”

“ข้าก็ว่าแล้วว่าทำไมพรรคมังกรเขียวถึงได้กล้างัดข้อกับพรรคท้องฟ้า ตอนนี้เข้าใจแล้วล่ะ เพราะว่าผู้นำของพรรคมังกรเขียวมีความเป็นมาที่ลึกลับเกินคาดเดา ไม่แน่ว่าเขาก็อาจมีคนฟ้าคอยหนุนหลังให้ก็เป็นได้!”

ขณะที่คนทั้งนครฟ้ากำลังฮือฮา พรรคท้องฟ้าก็ยิ่งได้รับข่าวก่อนใคร หัวหน้าทุกคนของพรรคท้องฟ้าที่ได้ฟังล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง งุนงงอย่างสมบูรณ์แบบ

พวกเขาครุ่นคิดกันแทบล้มประดาตายเพื่อชิงไหวชิงพริบลับสติปัญญากับพรรคมังกรเขียว ทว่าบัดนี้กลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้าตาจนโจมตีกลับ ทั้งยังเป็นฝ่ายพลิกสถานการณ์จากที่ตกเป็นรอง เหตุการณ์นี้ทำให้พรรคท้องฟ้ามิอาจยอมรับได้

“ที่ดินส่วนบุคคล!!” ในพรรคท้องฟ้ามีเสียงแตกตื่นเหลือเชื่อฟังไม่ได้ศัพท์ดังลอยมา ท่ามกลางเสียงอุทานอย่างตกตะลึงนี้ยังมีความขมขื่นและหวาดกลัวอย่างลึกล้ำแฝงเร้นอยู่ด้วย

บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองพรรคมังกรเขียวได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพรรคมังกรเขียวในฐานะที่เป็นผู้กุมสิทธิ์เข้าออกซากโบราณสถานอย่างในตอนนี้

ส่วนคนเหล่านั้นที่จากพรรคมังกรเขียวไปก่อนหน้านี้ต่างก็รู้สึกเสียใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ต่อให้มีคนหน้าด้านกลับไป ทว่าพรรคมังกรเขียวเอ่ยปฏิเสธซึ่งๆ หน้าและไม่รับคนเพิ่มอีกแล้ว

ไม่นานภายใต้การจับตามองของคนทั้งนครฟ้า ข้างซากโบราณในทะเลทรายริมชายแดนของเมืองตะวันตกก็มีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ถูกคนร้อยกว่าคนของพรรคมังกรเขียวก่อสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เล็ก ขอบเขตกว้างใหญ่อย่างยิ่ง ไม่พูดถึงที่ด้านในมีหอเรือนอยู่หลายแห่ง รอบนอกก็ยังมีศาลาพักร้อนอีกหลายหลัง คนร้อยกว่าคนของพรรคมังกรเขียวผันตัวกลายมาเป็นลูกจ้างในร้านซึ่งคอยขายชาวิเศษโดยเฉพาะ

ผู้ที่คิดจะเข้าออกซากโบราณสถานแห่งนี้ ต่อให้มีป้ายคำสั่งของพรรคท้องฟ้าก็ไร้ผล จำเป็นต้องมาซื้อชาวิเศษหนึ่งถ้วยของที่นี่เท่านั้น…

ภายใต้การจับตามองของคนทั้งเมือง ใช้เวลาไม่กี่วัน โรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็เปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เวลาเดียวกันนั้น สายรุ้งแดนฟ้าของนครฟ้าก็ไม่มีคำสั่งใดๆ ประกาศออกมา ราวกับว่าไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย นี่ทำให้ในใจของนักพรตนครฟ้าประจักษ์แจ้งได้เป็นอย่างดี และก็ยิ่งคาดเดากับความเป็นมาของผู้นำพรรคมังกรเขียวมากยิ่งขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป พรรคท้องฟ้าทำได้เพียงอดทนข่มกลั้น คนที่เข้าออกซากโบราณสถานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ และยิ่งพรรคมังกรเขียวเก็บผลพวงแค่ส่วนเดียวด้วยแล้ว นี่จึงทำให้นักพรตจำนวนมากกว่าเดิมเลือกมาทำภารกิจภายในซากโบราณสถานกันมากขึ้น ทุกวันจะต้องมีคนสัญจรไปมาเกินแสนคนขึ้นไป

กลุ่มคนมากมายเช่นนี้ทำให้พรรคมังกรเขียวเองก็เริ่มงานยุ่งกันมากขึ้น ศาลาพักร้อนเริ่มไม่พอใช้ ดังนั้นจึงสร้างเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง นั่นถึงจะพอบรรจุคนที่เดินทางไปมาได้

ส่วนคะแนนคุณความดีที่ได้รับ เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนตรวจสอบดูก็ถึงกับสำลักลมหายใจ เพราะเมื่อเทียบคะแนนคุณความดีตอนนี้กับตอนที่เขาขายยาหลอนประสาทก็เรียกได้ว่ามากกว่าจนน่ากลัว

“พรรคท้องฟ้าร่ำรวยได้เพราะไร้คุณธรรมขูดรีดผู้คนนี่เอง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลืนน้ำลายเอื้อก มองเห็นคะแนนคุณความดีที่ได้รับมาก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พวกจางต้าพั่งที่อยู่ข้างกันก็ดวงตาเปล่งประกาย พากันประนามพรรคท้องฟ้าด้วยความเดือดดาล

คะแนนคุณความดีของพรรคมังกรเขียวไม่ได้เก็บไว้เป็นของใครของมันทั้งหมด แต่เอามาสะสมไว้ในป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งของพรรคมังกรเขียว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ทำให้คนที่มีคะแนนคุณความดีเกินหนึ่งล้านคะแนนได้เลื่อนขั้นกลายเป็นลูกศิษย์ชุดเหลืองโดยไม่ได้ตั้งใจ

โดยเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนที่เป็นกังวลมากว่าหากวันใดตนไม่ระวังจนคะแนนครบแล้วกลายเป็นลูกศิษย์ชุดเหลืองขึ้นมา เขาต้องร้องไห้ตายแน่นอน ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คะแนนคุณความดีที่เขามีติดตัวจึงไม่เกินหลายแสน ส่วนคะแนนอื่นๆ ล้วนอยู่ในป้ายคำสั่งของพรรคมังกรเขียวทั้งหมด

หลายวันหลังจากนั้น เนื่องจากกิจการที่เจริญรุ่งเรืองของโรงเตี๊ยม อีกทั้งรายได้ของพรรคท้องฟ้าก็ลดฮวบฮาบลงมาในชั่วพริบตา หลังจากที่สูญเสียยาหลอนประสาทและซากโบราณสถานไป พรรคท้องฟ้าเองก็ลำบากยากแค้นอย่างถึงที่สุด ด้วยความจนใจจึงส่งคนมาติดต่อเจรจากับพรรคมังกรเขียว

สำหรับการติดต่อเจรจาครั้งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนยกให้เป็นหน้าที่ของเสินซ่วนจื่อและสวีเป่าไฉโดยตรง แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปรองดองกันได้ คนของพรรคท้องฟ้าจึงถูกไล่กลับไปอย่างรวดเร็ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้เต็มไปด้วยความลำพองใจ เห็นว่าตนมีบ้านมีกิจการอยู่ในนครฟ้าแล้ว อีกทั้งกิจการนี้ยังได้รับคะแนนคุณความดีจำนวนมหาศาลทุกวัน เขาก็พึงพอใจอย่างมาก

“นี่ต่างหากถึงจะเป็นชีวิตที่ข้าต้องการ” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอามือไพล่หลัง ยืนอยู่บนหอเรือนแห่งหนึ่งในโรงเตี๊ยม ทอดสายตามองไปยังกลุ่มคนที่เบียดเสียดกันอยู่ในศาลาพักร้อนและคนที่เดินทางไปมาด้านล่างด้วยนัยน์ตาเผยความพึงพอใจ

และที่ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจก็คือในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ตบะของเขาได้ฝึกฝนมาจนมีวี่แววว่าจะฝ่าทะลุขั้นกลายมาเป็นยาอายุวัฒนะช่วงกลางในเร็ววันนี้แล้ว

เขาจึงถือโอกาสวางเรื่องทั้งหมดไว้ภายนอก เดินเข้าไปในห้องลับของโรงเตี๊ยมแล้วเริ่มปิดด่าน ช่วงชิงเวลามาฝ่าทะลุสู่ยาอายุวัฒนะช่วงกลางให้ได้โดยเร็วที่สุด

การปิดด่านครั้งนี้ใช้เวลาหนึ่งเดือน

หนึ่งเดือนให้หลัง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งอยู่ในห้องลับพลันเบิกตาโพลง บัดนี้ดวงตาของเขามีแสงสีฟ้าเปล่งประกาย ทั้งในและนอกร่างของเขาพลันแผ่ไอเย็นเยียบน่าตะลึงซึ่งแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มากมายนัก

ไอเย็นนี้ปกคลุมไปรอบด้านทันที ทำให้ห้องลับที่เขาอยู่อากาศเย็นเฉียบเหมือนวันที่หนาวเย็นที่สุดในฤดูหนาว ทั้งยังมีเสียงคึ่กๆ ดังลั่น แล้วทั้งห้องลับก็พลันถูกปิดผนึกด้วยน้ำแข็งทันใด

“ผู้ที่มีความเย็นระดับล่างสามารถรวมเงาแห่งไอเย็นให้ก่อตัวกันขึ้นเป็นเวทความเย็น

ส่วนผู้ที่มีความเย็นระดับกลางสามารถทำให้รัศมีพันจั้งถูกปิดผนึกด้วยความเย็นในชั่วพริบตา!” ขณะที่พึมพำ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ก้มหน้ามองมือขวาของตัวเองไปด้วย

บัดนี้มือขวาของเขาค่อยๆ กลายมาเป็นผลึกใส ใสถึงขั้นมองเห็นหลอดเลือด มองเห็นน้ำเลือดที่ไหลรินใต้ผิวหนังด้วย และดูเหมือนว่าไอความเย็นในห้องลับแห่งนี้จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้

“ใกล้จะฝ่าทะลุแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วลุกพรวดขึ้นยืน สะบัดร่างทีเดียวก็ออกไปจากห้องลับ ซึ่งเขาได้หายตัวไปจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้โดยที่ไม่มีใครรู้

กลายร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งแล่นฉิวออกไปไกล มาปรากฏตัวอีกครั้งที่สุดปลายทางของทะเลทรายผืนนี้ ที่นี่เงียบสงัดไร้ผู้คน ต่อให้เป็นนักพรตนครฟ้าเองก็มีน้อยคนนักที่จะมาที่นี่

ดวงอาทิตย์กลางนภาร้อนแรงแผดเผา แม้ว่าจุดที่ห่างออกไปอีกหน่อยก็คือแม่น้ำทงเทียนและมหาสมุทรทงเทียน ทว่าที่ทะเลทรายแห่งนี้กลับยังคงแห้งแล้ง ทั่วทิศทางมีแต่ไอความร้อนระอุขึ้นมาบิดเบือนเส้นสายตา ทำให้ความว่างเปล่าที่ห่างออกไปไกลมองดูพร่าเลือน

ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้น สีฟ้าในดวงตาของเขาก็ยิ่งเข้มข้น หลังจากมองไปรอบด้านจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหลับตาทั้งคู่ลง วินาทีที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดเข้าหากัน บนร่างของเขาก็พลันมีไอความเย็นน่าตะลึงระเบิดออกมา และไอความเย็นนี้ก็ปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยจั้งในชั่ววินาทีเดียว ทุกที่ที่ผ่าน ไอความร้อนที่ระเหยขึ้นมาบนทะเลทรายในรัศมีร้อยจั้งล้วนถูกระงับเอาไว้ บนพื้นก็ยิ่งเกิดเป็นผนึกน้ำแข็ง!

อีกทั้งเมื่อความร้อนและความเย็นตัดสลับกันก็ทำให้รอบด้านมีเสียงตูมๆๆ ดังราวกับฟ้าผ่า ยังไม่สิ้นสุด เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนโคจรตบะในร่าง

เมื่อคาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดแผ่กระจายออกไป มือทั้งสองของเขาทำมุทรากางออกแล้วกดลงไปสองข้างกาย ไอความเย็นที่ก่อนหน้านี้ปกคลุมขอบเขตหนึ่งร้อยจั้งก็ได้ระเบิดออกไปอีกครั้ง

ตูมๆๆ!

สองร้อยจั้ง สามร้อยจั้ง…ห้าร้อยจั้ง!

และยังคงไม่สิ้นสุด เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวสยาย แม้ว่าเขาจะหลับตา ทว่าแสงสีฟ้าก็ยังคงลอดทะลุหนังตาออกมาแล้วแผ่กระจายไปรอบด้าน และตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่มือสองข้างของเขาเท่านั้นที่เป็นผลึกใส ตำแหน่งอื่นๆ ในร่างของเขาก็ยังกลายมาเป็นผลึกโปร่งแสงไปด้วย หากมองเผินๆ ก็คงนึกว่าเขากลายมาเป็น…คนน้ำแข็ง!

ท่ามกลางเสียงกัมปนาท ไอความเย็นนี้แผ่ไปได้เจ็ดร้อยจั้งแล้วก็ยังคงทอดขยายต่อไปอีก เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นไม่ขาดระยะ ไอความร้อนในทะเลทรายถูกขับไล่ ไอความเย็นแผ่ซ่านหนาวเหน็บ จนกระทั่งขยายวงกว้างออกไปได้เก้าร้อยจั้ง!

เก้าร้อยยี่สิบจั้ง เก้าร้อยห้าสิบจั้ง เก้าร้อยแปดสิบจั้ง…และเวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจ ขอบเขตที่ไอความเย็นนี้ปกคลุมไปก็บรรลุถึงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าจั้ง!

ขาดอีกแค่จั้งเดียว…ก็จะเป็นหนึ่งพันจั้ง!

ขาดอีกแค่จั้งเดียว…ก็คือความเย็นระดับกลาง!

“ความเย็นระดับกลาง!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกโพลง คำรามกร้าวหนึ่งครั้ง ตบะในร่างส่งเสียดังราวอสนีบาต โดยเฉพาะในยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าของเขาที่เวลานี้ขอบเขตของไอความเย็นได้กลิ้งซัดตลบแล้วระเบิดออกเช่นเดียวกัน

ท่ามกลางการระเบิดนี้ ขอบเขตของไอความเย็นพลัน…ไต่ไปถึงหนึ่งพันจั้ง!! วินาทีที่ขอบเขตขยายไปได้ถึงหนึ่งพันจั้ง ไอความเย็นนี้ก็ยิ่งหนาวยะเยือก เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นดุเดือดจนไร้คำบรรยาย

ผนึกน้ำแข็งบนพื้นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าขยายแผ่ขึ้นไปข้างบน ไม่นานในขอบเขตหนึ่งพันจั้งก็กลายมาเป็นโลกน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์แบบ!

และนาทีนี้ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฝ่าทะลุยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าช่วงต้น กลายมาเป็นยาอายุวัฒนะช่วงกลาง และปณิธานแห่งวิถีฟ้าก็ระเบิดสะเทือนเลือนลั่นตามมาด้วย

นอกระยะพันลี้ยังคงเป็นทะเลทราย หลังจากที่ความร้อนและความเย็นตัดสลับปะทะกันก็ทำให้ความว่างเปล่าเกิดรอยปริแตกมากมาย มองไกลๆ แล้วน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววฮึกเหิม เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาเปล่งประกายวาบ ในรัศมีพันจั้งพลันปรากฏเงามายาจำนวนมาก ทุกเงาต่างก็มีรูปร่างเหมือนเขาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งนั่นก็คือเงาน้ำแข็งแห่งความเย็นของเขา

และร่างของเขาก็สลับตำแหน่งกับเงาร่างเหล่านั้นได้ในชั่ววินาที นี่ไม่เรียกว่าระดับความเร็วแล้ว แต่ไม่ต่างไปจากการเคลื่อนที่เหนือความเร็วแสง หากมีคนมองมาจากที่ไกลๆ ต้องสำลักลมหายใจเพราะตกตะลึงไปกับเงาร่างจำนวนนับไม่ถ้วนของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้แน่นอน

ไม่นานหลังจากนั้น เงาน้ำแข็งทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีพันจั้งก็กลับมารวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว เผยให้เห็นเรือนกายที่แท้จริงของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของเขาฉายประกายตื่นเต้น สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งเสียงสะเทือนเลือนลั่นก็ดังสนั่น น้ำแข็งในรัศมีพันจั้งหายวับไปในพริบตา เมื่อไอความร้อนหวนกลับคืนก็กลายมาเป็นพายุรุนแรงที่พัดหมุนไปรอบด้าน พัดพาให้เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวสยาย และเสียงหัวเราะของเขาในยามนี้ก็ดังกังวานไปสี่ทิศเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version