Skip to content

A Will Eternal 546

บทที่ 546 ธนูลายเส้นสีทอง

เสียงตูมตามดังออกมาอย่างต่อเนื่องในช่องทางของเขาวงกต ความแข็งแกร่งของร่มราตรีนิรันดร์ก็ได้ปรากฏออกมาในนาทีนี้ ไม่ว่าลูกธนูวิญญาณทั้งสิบแปดดอกจะโจมตีหนักหน่วงแค่ไหน มันก็ไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ แถมตอนที่ลูกธนูวิญญาณโจมตีเข้าใส่ ใบหน้ายิ้มชวนขนหัวลุกที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไม่เห็นแต่โจวอีซิงเห็นอย่าชัดเจนนั้นกลับยิ่งเปลี่ยนมาเป็นเด่นชัดขึ้นอีกด้วย

ใบหน้ายิ้มแปลกพิลึกนั่นทำเอาโจวอีซิงขนลุกขนพองไปเช่นกัน แถมยังมีความรู้สึกเหมือนตอนที่เจอกับหมวกแดงก่อนหน้านี้ด้วย

“นี่มันร่มผีบ้าอะไร !” โจวอีซิงชาหนึบไปทั้งหนังหัว เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกระโจนเข้ามาอย่างเหี้ยมหาญ ทั้งยังมองเห็นไอความเย็นรอบด้านที่พุ่งทะยานมา แถมในและนอกร่างของเขาก็เริ่มเย็นเฉียบ

วิกฤตคับขัน ดวงตาโจวอีซิงเผยความบ้าคลั่ง ถอยกรูดออกห่างก่อนจะขึ้นสายธนูอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่รวบรวมลูกธนูวิญญาณอีกแล้ว แต่หยิบเอาลูกธนูสีแดงดอกหนึ่งออกมาจากในถุงเก็บของ !

­ลูกธนูนี้เป็นสีแดงฉาน เพิ่งจะหยิบออกมาก็แผ่อุณหภูมิความร้อนที่น่าตกใจ ทำให้ไอความเย็นรอบด้านหยุดชะงักไปเล็กน้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หน้าเปลี่ยนสี เมื่อหันไปมอง ดวงตาของเขาก็จ้องนิ่งไม่กะพริบ

“นี่คือ …นี่คืออะไร … ทำไมมันถึงทำให้ข้ารู้สึกเหมือนว่ามันคือไฟเก้าสี!!  ไม่ถูกสิเป็นไฟสิบสี…สวรรค์…” ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ตอนนี้เขาพลันตระหนักได้ว่าบนร่างของโจวอีซิงมีวัตถุวิเศษมากมาย

โดยเฉพาะลูกธนูดอกนี้ที่ทำให้ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น หากมองปราดเดียวมันคือลูกธนูแต่หากกะพริบตาและมองไปอีกครั้งกลับเป็นไฟกลุ่มหนึ่ง!!

ประหนึ่งว่ามันกําลังเปลี่ยนแปลงไประหว่างของจริงและภาพมายา มองดูแล้วไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด และ

ที่ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนประทับใจก็คือบนลูกธนูดอกนี้เขากลับมองเห็น …ลายเส้นสีทองหนึ่งเส้น!!

­“เส้นสีทอง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่รู้ว่าเส้นสีทองนี้คืออะไร แต่เขาก็เหมือนจะเคยได้ยินคนพูดถึงลายเส้นสีทองมาก่อน ตอนนี้จึงรีบค้นหาความทรงจําในสมองของตัวเองทันที

“นี่…นี่ก็คืออาวุธลํ้าค่าที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้ง !!”

หลอมพลังจิตสิบครั้งคือลายเส้นสีเงิน มีเพียงหลอมพลังจิตได้ถึงสิบเอ็ดครั้งเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนจากสีเงินมาเป็นสีทองหนึ่งเส้น!!

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ตาฝาดจริงๆ ลูกธนูดอกนั้น … คือลูกธนูวิญญาณไฟที่หลอมพลังจิตมาแล้วสิบเอ็ดครั้ง !

โจวอีซิงเองก็อับจนหนทางเหมือนกัน หากเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากเอาลูกธนูดอกนี้ออกมา นี่คือท่าไม้ตายของเขา และมีเพียงแค่ดอกเดียวเท่านั้น คือวัตถุป้องกันกายที่ตระกูลมอบให้ตัวของลูกธนูก็เป็นวัตถุที่ผ่านการหลอมพลังจิตมาก่อน ไม่ใช่เก้าครั้ง แต่เป็น …สิบเอ็ดครั้ง !!

อาวุธลํ้าค่าที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้ง บวกกับธนูวิเศษที่หลอมพลังจิตเก้าครั้ง ลูกธนูดอกนี้จึงสามารถสังหารนักพรตก่อกําเนิดได้เลย !

ยามนี้เมื่อหยิบเอาลูกธนูออกมาจึงแสดงให้เห็นถึงความเกลียดแค้นและเจตจํานงหมายเอาชีวิตที่เขามีต่อป๋ายเสี่ยวฉุน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ตายซะเถอะ!” โจวอีซิงตะโกนกร้าวแล้วขึ้นสายธนูโดยพลัน วินาทีที่เขาขึ้นสายธนูรูขุมขนทั่วร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ลุกชัน ลมหายใจของเขาชะงักค้าง ดวงตาทั้งคู่หดตัวลง ความรู้สึกถึงวิกฤตแห่งความเป็นความตายที่รุนแรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้พลันระเบิดออกมาทั่วตั้งแต่ในยันนอกร่างของเขา

เขามีความรู้สึกอย่างจริงจังว่า ลูกธนูดอกนี้ … สามารถฆ่าเขาได้เลย !!

ไม่มีเวลาให้มัวคิดมาก เห็นว่าโจวอีซิงจะขึ้นสายธนูแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แผดเสียงคํารามดังลั่น ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วเบิกโพลง วินาทีที่เปิดออกก็หันขวับมามองโจวอีซิง โจวอีซิงชะงักค้าง สีหน้าเลื่อนลอยเล็กน้อย มือที่หมายจะปล่อยลูกธนูออกจากสายหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

เวลาที่หยุดไปนี้ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังออกมา เขาร่ายใช้คาถาคนขุนเขาทันทีขณะที่เขาคํารามเดือดดาล มือทั้งคู่ก็ยกขึ้นตบลงไปด้านหน้าอย่างแรง ขณะเดียวกันก็ร่ายใช้เขตแดนธาราด้วย !

เมื่อพื้นดินกลายมาเป็นบึงน้ำในชั่วพริบตา ไอความเย็นของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันหดตัวเข้าหากัน ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นลมพายุที่พัดคว้างไปรอบด้านอย่างบ้าคลั่ง ยังไม่สิ้นสุด วิชาอมตะมิวางวายของเขาก็ระเบิดออกเช่นเดียวกัน เมื่อมันว่ายวนไปทั่วร่าง ทำให้พลังกล้ามเนื้อของเขาไต่ทะยานไปถึงจุดสูงสุด

ทั้งหมดนี้พูดแล้วเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เวลาเดียวกันนั้นรอยบากรูปดวงดาวที่อยู่ตรงกลางหว่างคิ้วของโจวอีซิงก็ระเบิดแสงดาวออกมาอีกครั้ง พอหลุดพ้นจากการควบคุมของป๋ายเสี่ยวฉุน หน้าผากของเขามีเหงื่อผุดออกมา มือขวาพลันคลายออก เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง …ลูกธนูวิญญาณไฟที่หลอมพลังจิตสิบเอ็ดครั้งดอกนั้นก็แล่นฉิวไปข้างหน้าพร้อมเสียงดังตูม!

ตอนที่บินออกมา มันไม่ใช่ลูกธนูอีกแล้ว แต่กลายมาเป็นมังกรเพลิงตัวหนึ่งที่เหมือนจริง ระหว่างที่ร้องคํารามก็ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน มันปะทะเข้ากับพายุความเย็นของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นอันดับแรก เสียงครืนๆๆ ก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมที่แผ่ออกไปอย่างรุนแรง ลมพายุไอความเย็นขยายตัวเข้าไปโจมตีมังกรเพลิง และชนเข้ากับหนามแหลมที่ผุดขึ้นมาโดยตรง

เสียงกัมปนาทที่ดังพลุ่งพล่านยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เกือบสั่นสะเทือนให้แก้วหูดับ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนบินพรวดออกมา ตลอดทั้งร่างกลายมาเป็นมนุษย์หินใหญ่ยักษ์มือขวายกขึ้น ชนาเขย่าภูเขาระเบิดออกทันที ตรวนสลายลําคอตามมาติดๆ อาศัยพลังของคนขุนเขา อาศัยพลังกล้ามเนื้อของเขา บัดนี้เขาไม่ได้ถอยหนีไม่ได้หลบเลี่ยง แต่กระแทกเข้าไปโจมตีโดยตรง

เพราะเขารู้ว่าหากตนเบี่ยงหลบ เมื่ออยู่ภายใต้ลูกธนูที่สามารถสังหารก่อกําเนิดดอกนี้เขาย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย!

วิธีเดียวที่มีก็คือทุ่มสุดกําลัง…เพื่อจับคนผู้นี้ทั้งเป็น !

ยาอายุวัฒนะในร่างของเขาหมุนเร็วจี๋ บัดนี้เขาทำทุกอย่างสุดความสามารถ ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว วินาทีที่ลูกธนูวิญญาณไฟเข้ามาใกล้ ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีแสงสีดําเปล่งวาบหนึ่งครั้ง ก่อนที่หม้อกระดองเต่าจะปรากฏตัวสกัดกั้นปราณคมกริบของลูกธนูวิญญาณไฟเอาไว้

เสียงอึกทึกดังกึกก้อง หลังจากที่ชนโครมเข้ากับหม้อกระดองเต่าแล้ว ในลูกธนูดอกนั้นก็คล้ายจะมีเสียงร้องโหยหวนดังออกมา คลื่นระลอกหนึ่งแผ่ซ่าน ลักษณะเหมือนกําลังจะพังทลาย ภาพเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เมื่อเกิดจากการจงใจอําพรางของป๋ายเสี่ยวฉุน โจวอีซิงจึงมองไม่เห็นแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าลูกธนูวิญญาณไฟใกล้จะพังลง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รวบรวมกําลังของกล้ามเนื้อและคนขุนเขา เมื่ออยู่ภายใต้การเพิ่มพลังให้กับชนาเขย่าภูเขา ตรวนสลายลําคอจึงถูกรวมพลังขึ้นใหม่อีกครั้ง พอปะทะกับมังกรเพลิง มือของเขาก็คว้าหมับเข้าที่ลําคอของมังกรเพลิง ผนึกมิวางวายตามมาติดๆ เพื่อขัดขวางการพังทลายของมัน !

เสียงกัมปนาทดังสะเทือนเลื่อนลั่น บัดนี้ฟ้าดินสั่นคลอน กําลังโจมตีแผ่ออกไปรอบด้านอย่างกําเริบเสิบสาน โจวอีซิงกระอักเลือด ร่างถอยกรูดดั่งว่าวที่สายป่านขาด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด นัยน์ตาเผยความเหลือเชื่อ ทั้งยังเคว้งคว้างราวกับคาดไม่ถึง

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเห็น นั่นมันลูกธนูวิญญาณไฟที่สามารถฆ่าก่อกําเนิดได้เลย ทว่าตอนนี้กลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนคว้า! จับ! เอาไว้ !  อย่างอยู่มือ!

นาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าหมับเข้าที่ลูกธนูวิญญาณไฟนี้ ท่ามกลางเสียงเกริกก้องนั้น หนามแหลมของเขตแดนธารายุบตัวลง พายุไอความเย็นแตกสลายออกเป็นเสี่ยงๆ เรือนกายที่เป็นก้อนหินของเขาก็ยิ่งระเบิดกระจัดกระจาย บัดนี้เขาเองก็กระอักเอาควันสีเลือดออกมาจํานวนมากเช่นกัน

แถมขาทั้งคู่ของเขาก็ถอยกรูดออกไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว เสื้อเกราะที่มีอยู่ทั่วร่างสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ทว่าลูกธนูดอกนั้นกลับยังคงถูกกําอยู่ในมือเขาแน่น ไม่ว่ามังกรเพลิงตัวนั้นจะร้องคํารามหรือดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นผล สุดท้ายโจวอีซิงก็เห็นคาตาตัวเองว่ามังกรเพลิงตัวนั้นหดเล็กลง สุดท้าย… กลายมาเป็นลูกธนูหนึ่งดอกที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนถือเอาไว้ในมือ!

“ เป็นไปไม่ได้ !!” โจวอีซิงร้องอุทานเสียงหลง ร่างสั่นเทิ้ม ดวงตาแทบจะหลุดออกมานอกเบ้า ลมหายใจของเขาหอบหนัก ความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงพลันระเบิดอยู่ในร่างของเขา เขาไม่อยากกเชื่อภาพที่ตัวเองเห็นอยู่นี้แม้แต่น้อย และที่ตามมาติดๆ ก็คือความหวาดกลัวถึงขีดสุด เขาจึงกระตุ้นใช้รอยดวงดาวกลางหว่างคิ้วให้มันแผ่พลังนําส่งออกมา

“โจวอีซิง เจ้ารนหาที่ตาย !” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาทั้งคู่แดงกํ่า ไอสังหารพวยพุ่งเทียมฟ้า พลันเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว

ก้าวนี้เสมือนเหยียบลงบนหัวใจของโจวอีซิง ทำให้โจวอีซิงตัวสั่น กรีดร้องเสียงแหลม แม้แต่ลูกธนูวิญญาณไฟก็ยังมิอาจสังหารคนผู้นี้ได้ แล้วเขาโจวอีซิงจะเอาอะไรไปฆ่าอีกฝ่ายได้อีกก ยามนี้ในสมองของโจวอีซิงมีเสียงดังอึงอล ไม่มีเวลาให้คิดมากนัก จึงตบป้าบลงไปกลางหว่างคิ้ว ทันใดนั้นรอยดวงดาวที่สลัวรางก็พลันส่องแสงดาวเจิดจ้า ม้วนตลบเอาร่างของเขานําส่งจากไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่กล้าไม่หนี พอนึกถึงภาพของป๋ายเสี่ยวฉุนเมื่อครู่นี้ เขาก็รู้สึกสั่นสะเทือนไปทั้งจิตวิญญาณ

ขณะเดียวกันกับที่โจวอีซิงหายตัวไป ป๋ายเสี่ยวฉุนกําลังกระอักเลือดออกมาหนึ่งคํา พอกระอักเลือดเสร็จกลับพบว่า อยู่ๆ โจวอีซิงก็หายตัวไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนเลยยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง

“ ทำไมถึงหนีเร็วขนาดนี้ ข้ายังไม่ทันกระอักเลือดเสร็จดีเลย …” ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัดกลุ้ม ก่อนหน้านี้เขาเองก็มองออกแล้วว่าโจวอีซิงจะหนีไป สัมผัสได้ถึงพลังนําส่งที่แผ่ออกมาจากรอยดวงดาวของโจวอีซิง ดังนั้นจึงรีบแสดงละคร หมายให้โจวอีซิงเห็นว่าตัวเองอ่อนกําลัง ขณะที่กําลังสองจิตสองใจว่าจะใช้เล่ห์กลอื่นดีหรือไม่นั้นก็กระอักเลือดออกมาประกอบให้มันสมจริง เพื่อที่โจวอีซิงจะล้มเลิกความคิดนําส่งตัวเองจากไป

เมื่อเป็นเช่นนั้นตนก็จะสามารถสังหารเขาได้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าโจวอีซิงผู้นี้จะกลัวจนไม่รอให้ตนกระอักเลือดเสร็จ ละครยังไม่ทันเล่นจบ อีกฝ่ายก็เผ่นหนีไปเสียก่อน

ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจหนึ่งครั้ง รีบหยิบเอายาเทพสถิตเม็ดหนึ่งออกมาแล้วกลืนลงไปทันที สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณเปี่ยมล้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เมื่ออาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขามองลูกธนูที่อยู่ในมือตัวเอง นัยน์ตาก็เผยความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่งแล้วหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง

“โจวอีซิงผู้นี้เอาจริงๆ แล้วข้าก็ตัดใจฆ่าเขาไม่ลงหรอก เพราะทุกครั้งเขาจะต้องมอบสมบัติลํ้าค่ามาให้ข้าเสมอ ไฟเก้าสีเอย ลูกธนูวิญญาณไฟเอย ฮ่าๆ …

ยังมีธนูอีกคันที่กําลังรอข้าอยู่ ” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้สีหน้าก็พลันฮึกเหิม แต่พอย้อนนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเขาเองก็ตกใจมากเหมือนกัน

ลูกธนูที่ผ่านการหลอมพลังจิตมาสิบเอ็ดครั้งดอกนี้มีอานุภาพสูงมากเกินไป ทำให้เขายังหวาดกลัวไม่คลาย หากไม่เป็นเพราะเนตรทงเทียนช่วงชิงเวลามาให้เขาได้ครู่หนึ่ง ทั้งยังมีหม้อกระดองเต่าสกัดกั้นความแหลมคมของลูกธนูให้ เกรงว่าหากโดนลูกธนูนั้นจังๆ ตนย่อมต้องดับสลายทั้งกายและจิต นั่นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะจับตัวอีกฝ่ายได้เลย !

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version