Skip to content

A Will Eternal 61

บทที่ 61 โจมตีตัดชีพ!

ป๋ายเสี่ยวฉุนรวดเร็วเกินไป ยามนี้กำลังวนอ้อมเฉินเหิง กระแทกหมัดแล้วหมัดเล่า เท้าแล้วเท้าเล่าโดยไม่เปิดโอกาสใดให้เขาได้ตั้งตัว กลายเป็นลมพัดโหมบ้าคลั่ง

สีหน้าเฉินเหิงบิดเบี้ยว เมื่อทำมุทราวงแสงคุ้มกันก็กระจายไปทั่วร่าง ไอหมอกจำนวนมากกว่าเดิมแผ่ซ่านออกมา ประมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างต่อเนื่องอยู่ในผืนป่าท่ามกลางสายฝน เสียงดังสนั่นเป็นระลอกดังลอยมาไม่หยุด

ยิ่งสู้เฉินเหิงก็ยิ่งหวาดผวา สำหรับลูกศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักธาราเทพที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ ก่อนหน้าเขาได้ประเมินอีกฝ่ายไว้สูงยิ่งอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ได้สัมผัสด้วยตัวเองถึงเข้าใจว่าตนประเมินอีกฝ่ายต่ำไป

สามารถฆ่าคนของตระกูลสิบกว่าคนติดต่อกัน กำจัดผู้ที่มีพลังรวมลมปราณขั้นแปดได้ ความสามารถเช่นนี้แม้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเป็นลูกศิษย์ที่มีพลังรวมลมปราณไม่ธรรมดาเท่านั้นที่สามารถทำได้ แม้ว่าสำนักธาราเทพจะเป็นสำนักใหญ่ ทรัพยากรที่ลูกศิษย์สำนักได้รับย่อมดีกว่าตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรอยู่เยอะมาก แต่ก็ไม่ควรมีความแตกต่างมหาศาลเช่นนี้

‘กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งเกินไป นี่เป็นวิชาฝึกฝนร่างกายชนิดใดกันแน่ถึงทำได้ขนาดนี้ พละกำลังและความเร็วของเขาล้วนได้มาจากการฝึกฝนร่างกาย!’ เฉินเหิงสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ไอหมอกรอบร่างแผ่กระจายบีบให้ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยร่น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่สนใจบาดแผล บุกกระโจนเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของเฉินเหิงยิ่งซีดเผือด

‘และที่น่ากลัวที่สุดก็คือพลังการฟื้นตัวของเขา! หากตบะของเขาถึงขั้นรวมลมปราณที่แปด…ถ้าเช่นนั้นข้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!’ เฉินเหิงนึกไม่ออกเลยว่าคนๆ หนึ่งมีบาดแผลมากมายถึงเพียงนี้ เหตุใดยังระเบิดพลังออกมาได้อีก ต้องเข้าใจว่าบาดแผลเหล่านั้นหากเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น ยามนี้เกรงว่าคงจะตายไปนานแล้ว

แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนคนนี้แม้พลังจะใกล้แห้งเหือดเต็มที แต่กลับยังยืนหยัดไว้ได้

‘ต้องเร่งมือโดยไว รีบฆ่าคนผู้นี้ทิ้งซะ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน!’ แววเย็นเยียบในดวงตาเฉินเหิงเปล่งวาบ แต่เวลานี้เอง ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกาย ร่างกายถอยร่นฉับพลัน มือทั้งสองทำมุทรา พลังลมปราณม่วงแปลงกระถางปรากฏออกมาอีกครั้ง เสียงตูมดังสนั่น กระถางขนาดยักษ์พุ่งตรงไปยังเฉินเหิง

เฉินเหิงหรี่ตาทั้งคู่ลง ไอหมอกทั้งหมดที่อยู่นอกกายพลันเกาะตัวกันกลายเป็นมือขนาดใหญ่หนึ่งข้าง เข้าขัดขวางกระถางยักษ์ วินาทีที่ทั้งสองสิ่งกระแทกเข้าด้วยกัน กระถางยักษ์กลับไม่มีพลังใดๆ แค่ปะทะก็แตกสลายทันที

เฉินเหิงเห็นภาพนี้ก็รู้ว่าตนเองหลงกลอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว แต่สีหน้ากลับไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลง เพียงแค่ดวงตาดุดันขึ้น

“มหาเวทปีศาจแดง!” เขาเอ่ยปากเรียบๆ ตลอดทั้งร่างก็พลันปรากฏสีเลือดขึ้นจำนวนมาก พริบตาเดียวผิวหนังของเขาก็กลายเป็นสีแดง

แทบจะวินาทีที่เขากลายเป็นคนผิวแดงนั้น ขาซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตวัดอ้อมครึ่งรอบเข้าหาเฉินเหิง ก่อให้เกิดเสียงลมทะลุอากาศด้วยพละกำลังมากมาย ซึ่งเป็นกำลังทั้งหมดที่เขามี

เฉินเหิงหัวเราะเสียงเย็น วินาทีที่ขาซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้ามาใกล้ มือขวาของเขาพลันยกขึ้น สะบัดไปด้านข้างหนึ่งครั้งก็ตรงเข้ากระแทกกับขาซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุน

ตูม!

เสียงกัมปนาทดังลอยมาราวเสียงฟ้าผ่า และในนั้นยังมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังก้องอีกด้วย ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ็บจนน้ำตาไหล ร่างถอยหลังกรูด เขาเบิกตากว้างมองเฉินเหิง ใจเต้นโครมคราม

‘พลังของเจ้าหมอนี้เหตุใดอยู่ๆ ถึงเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ ปีศาจแดงระเบิดพลังทำให้เขาร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้เชียวรึ!’ ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ็บปวดจนใจสั่น ยามนี้ขาซ้ายของเขาบิดงอ แม้ว่าผิวหนังจะไม่มีรอยปริแตก แต่เลือดเนื้อกลับถูกบดแหลก กระดูกแตกหัก เจ็บจนต้องอ้าปากกว้างหอบหายใจ ตลอดทางมานี้เขาเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวแรง บาดแผลก็ยิ่งสาหัสขึ้นเรื่อยๆ หลายต่อหลายครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะไม่ไหวแล้ว แต่กลับค้นพบว่าร่างกายของตนฟื้นตัวรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา พลังฟื้นตัวที่น่าตกตะลึงเช่นนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็แปลกใจอย่างยิ่ง ราวกับว่าต่อให้บาดแผลหนักแค่ไหน ก็จะค่อยๆ หายดีขึ้นมาเอง เขาจึงมองว่าบางทีนี่อาจเป็นประโยชน์ของวิชาอมตะมิวางวายหรือเปล่า?

ทางฝ่ายของเฉินเหิง มือขวาของเขามองดูแล้วเหมือนปกติ แต่หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่ามือของเขากำลังสั่น ผิวหนังนอกกายแดงยิ่งขึ้น ส่วนภายใน กระดูกก็เต็มไปด้วยรอยปริแตก

“เจ้ามีวิชาฝึกฝนร่างกาย ตระกูลลั่วเฉินของข้าก็มีเช่นกัน!” ร่างกายของเฉินเหิงโจนทะยานไปด้านหน้า ความเร็วมีมากกว่าก่อนหน้านี้อยู่ไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่าเร็วกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเสียด้วยซ้ำ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พละกำลังมากมหาศาลหาขอบเขตมิได้

พริบตาเดียวคนทั้งคู่ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง

เสียงตูมตามดังสะท้อน ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่านนี้ ขาขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนบาดเจ็บ ขาซ้ายยังกระดูกแตกอีก ร่างกายยืนไม่มั่นคง ต้องถอยหลังอย่างต่อเนื่อง วิกฤตแห่งความตายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเฉินเหิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเจอมา

มองเห็นถึงวิกฤต ในดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มือขวาพลันยกขึ้น ฝ่ามือเป็นสีดำสนิท พลังตรวนสลายลำคอแผ่ขยาย พุ่งดิ่งเข้าหาลำคอของเฉินเหิงเหมือนสายฟ้าสีดำหนึ่งเส้น

ดวงตาเฉินเหิงเผยประกายดุดัน วิชานี้เขาเคยได้เห็นมาแล้วก่อนหน้า จึงทำการป้องกันไว้นานแล้ว ยามนี้ร่างกายมีแสงสีแดงกะพริบวาบ วินาทีที่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งเข้ามาใกล้ เขาก็คว้าหมับเข้าที่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วบิดแรงๆ หนึ่งครั้ง เสียงกร๊อบดังลั่น กระดูกตลอดแขนขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนแหลกละเอียดทันที

ภาพนี้ทำให้เฉินเหิงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ จากนั้นใจเขาก็กระตุก เมื่อนึกถึงภาพที่ประมือกับป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้า วิธีการเหี้ยมโหดที่อีกฝ่ายยอมบาดเจ็บเพื่อสังหารอีกฝ่าย ดังนั้นจึงถอยกรูดโดยพลัน ลำคอก็รีบเบี่ยงหลบไปด้านหลัง

เวลาเดียวกันนี้ มือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนมีประกายแสงสีดำ ยื่นพรวดเข้ามาใกล้ แม้จะตวัดวืดผ่านด้านหน้าลำคอของเฉินเหิง แต่เขาก็ไม่ชะงัก ตะปบเข้าบนไหล่ของเฉินเหิง

พลังตรวนสลายลำคอระเบิดออก เสียงกร๊อบดังลั่น!

เฉินเหิงสีหน้าซีดขาวโดยพลัน น้ำตาหล่นร่วง กระดูกทุกชิ้นของไหล่ข้างซ้ายแตกละเอียดทันที ความรู้สึกเจ็บปวดมหาศาลเช่นนั้นทำให้เฉินเหิงเปล่งเสียงคำรามต่ำ

แสงสีแดงทั่วร่างของเขากะพริบวาบๆ ส่งต่อพลังจำนวนมาก คว้าจับเข้าที่แขนซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะดึงมือกลับ แต่ยามนี้เฉินเหิงก็เคลื่อนไหวรวดเร็วเช่นกัน คว้าหมับเข้าที่มือของป๋ายเสี่ยวฉุน

“ตายซะ!” ลูกตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย คำรามเสียงต่ำทำมุทรา เตรียมจะชี้ไปที่หว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน

ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีแววเหี้ยมโหมพาดผ่าน พลันร่างก็สั่นสะท้าน เสียงกร๊อบดังหนึ่งครั้ง ปล่อยให้นิ้วของมือข้างซ้ายหักแล้วพลิกตัวหมุน วาดเท้าขวาจนเกิดเสียงกรีดผ่าอากาศ ตวัดเข้าที่ตัวของเฉินเหิง

เฉินเหิงกระอักเลือด ร่างถอยร่นออกไป มือที่จับป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ก็จำต้องปล่อยออก ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยหลังไปด้วยความรวดเร็วเช่นกัน

การถอยครั้งนี้ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างคนทั้งสองมากถึงสิบกว่าจั้ง มือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนใช้งานไม่ได้แล้ว กระดูกตลอดทั้งแขนขวาแหลกละเอียด แม้แขนซ้ายจะยังยกขึ้นมาได้ แต่นิ้วมือล้วนหักงอ ไม่สามารถใช้ตรวนสลายลำคอได้อีก

โดยเฉพาะขาทั้งสองข้างของเขา ยามนี้ก็ยิ่งสั่นสะท้าน ขาซ้ายเปลี่ยนรูปไปอย่างสิ้นเชิง ขาขวามีเลือดไหลอาบ การตวัดเตะเมื่อครู่นี้ทำให้บาดแผลบนขาขวาของเขายิ่งสาหัสมากขึ้น

เวลานี้ยืนได้ไม่มั่นคงอีกต่อไป ทำได้เพียงพิงตัวไว้บนต้นไม้ใหญ่ กัดลิ้นตัวเองแรงๆ ฝืนไม่ให้สลบ หอบหายใจหนักหน่วง ร่างกายเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ยามนี้ตลอดทั้งร่างมีเพียงแขนซ้ายเท่านั้นที่ยังขยับได้ ส่วนอื่นๆ ที่เหลือล้วนชาหนึบ แต่กลับตั้งท่าแสร้งว่ายังต่อสู้ไหวอีกเช่นเคย

ส่วนทางฝ่ายของเฉินเหิง เวลานี้ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน ไหลซ้ายของเขาแหลกละเอียดอย่างสมบูรณ์แบบ มือซ้ายมิอาจยกขึ้นมาใช้ได้อีก ส่วนตรงหน้าอกด้านในก็มีกระดูกหลายท่อนแตกหัก ทำให้เลือดสดไหลซึมออกจากมุมปากไม่หยุด

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป!” เฉินเหิงจ้องมองป๋ายเสี่ยวฉุน เอ่ยปากเสียงแหบแห้ง เขาคิดไม่ถึงว่าด้วยตบะของตัวเอง แค่ไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่บาดเจ็บสาหัสจะเป็นเรื่องยากเย็นถึงเพียงนี้ การฝึกฝนร่างกายของอีกฝ่าย เขามองว่าแทบจะใกล้เคียงกับวิชาลับเป็นอมตะที่แม้จะบาดเจ็บถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ตาย

และเขาก็ใช้ทุกคาถาที่มีแทบจะหมดสิ้นแล้ว แม้แต่มหาเวทปีศาจแดงก็เอามาใช้แล้วด้วย

“แต่ว่า การต่อสู้ครั้งนี้ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว!” เฉินเหิงสูดลมหายใจเข้าลึก สีแดงตลอดทั่วทั้งร่างชั่วพริบตาเดียวก็สลายเป็นไอลอยออกมาจากในร่างกายแล้วรวมตัวกันกลางอากาศ กลายเป็นกลุ่มหมอกสีเลือด ร่างกายของเขากลับมามีสีผิวปกติอย่างรวดเร็ว แต่มองดูอ่อนแอลงไปไม่น้อย การต่อสู้ตัดสินเป็นตายครั้งนี้ ต่อให้เป็นเฉินเหิงเองก็ยังรู้สึกว่าช่างยากเย็นแสนเข็ญนัก คนตรงหน้ามีความปณิธานที่จะมีชีวิตอยู่รุนแรงเกินไป โดยเฉพาะพลังในการฟื้นตัวอันน่าตะลึงเกินไป การที่เขาใช้อาการบาดเจ็บแลกมาด้วยการเข่นฆ่า ทำให้คนสะพรึงกลัว

“วิชาลับปีศาจแดง มีดโลหิต…ตวัดฟัน!” เฉินเหิงกัดปลายลิ้น พ่นเลือดสดออกมาหนึ่งคำ พริบตานั้นเลือดก็กลายเป็นหมอกโลหิตหลอมรวมเข้าไปอยู่ในไอหมอกรอบด้าน กลุ่มหมอกพลันโหมซัดสาด ครู่เดียวก็กลายเป็นมีดยาวสีเลือดหนึ่งเล่ม!

มีดเล่มนี้เป็นภาพมายาใหญ่พอหนึ่งจั้งกว่า ด้านในมีใบหน้าลวงตาจำนวนมากปรากฏ แต่ละหน้าล้วนเปล่งเสียงคำรามแหบต่ำอย่างเจ็บปวด เมื่อเฉินเหิงชี้นิ้ว มีดยาวสีเลือดเล่มนี้ก็พุ่งตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

หลังจากใช้วิชาลับนี้แล้ว ร่างกายของเฉินเหิงก็อ่อนแอลงไปอีก เขาใช้ต้นไม้ใหญ่ด้านข้างพยุงตัว สีหน้าซีดเผือด เส้นผมก็อ่อนจางกลายเป็นสีเทาบางส่วน

“ตายซะเถอะ!” เขามองป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาเผยความเหี้ยมเกรียม

ยามนี้วิกฤตร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนระเบิดตูมตามอยู่ในกายของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาถึงขั้นมีลางสังหรณ์อย่างรุนแรงว่าไม่ว่าตนเองจะหลบเลี่ยงเช่นไรก็มิอาจหลบพ้น เหมือนดั่งว่ามันได้ถูกกำหนดมาแล้ว

แม้แต่พื้นดินเบื้องหน้าของเขา ยามนี้ก็ยังปริแตกออกเป็นช่องโหว่หนึ่งเส้น ต้นไม้ใหญ่เบื้องหลังเขายังแห้งเหี่ยวทันควัน ดาบสีเลือดเล่มยาวนั้นพุ่งเข้ามากลางแสกหน้าแล้ว…ตวัดฉับ!

ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน ลูกตาหดตัว เขาไม่อยากตาย เขากลัวตาย แม้ว่ายามนี้วิชาอมตะมิวางวายจะฟื้นตัว แต่ก็ยังยากที่จะฝืนชะตาฟ้าลิขิต ยามนี้ร่างของเขาสั่นระริก ตามองเห็นมีดเล่มยาวนั้นเข้ามาใกล้ พลันในสมองของเขาก็ราวกับมีแสงวิเศษกะพริบวาบขึ้นมา เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ยกแขนซ้ายขึ้นโบกสะบัดไปด้านหน้าหนึ่งที การโบกสะบัดคราวนี้ทำให้แสงสีดำหนึ่งเส้นพลันลอยออกมาจากในร่างของเขาแล้วขยายใหญ่โดยพลัน เข้าสกัดกั้นเบื้องหน้าเขา กลายร่างมาเป็น…หม้อใบใหญ่!

นั่นก็คือหม้อลายกระดองเต่า!

วินาทีที่หม้อใหญ่ใบนี้ปรากฏ มีดยาวสีเลือดเล่มนั้นก็ตวัดฉับลงบนหม้อ ก่อให้เกิดเสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดินราวหูจะดับ ขณะที่เสียงนี้ดังสะท้อน มีดยาวสีเลือดเล่มนั้นก็สั่นไหว และถึงกับ…แตกออกทีละชุ่น เสียงเพล้งดังหนึ่งครั้ง มันก็พังทลายกลายมาเป็นเศษเสี้ยวจำนวนนับไม่ถ้วน

ส่วนหม้อลายกระดองเต่ากลับไม่มีรอยปริแตกใดๆ ปรากฏให้เห็น เพียงแต่เมื่อถูกพลังมหาศาลนี้เข้ากระแทก ก็เปลี่ยนเป็นแสงสีดำหายลับเข้าไปในกายของป๋ายเสี่ยวฉุน

“เป็นไปไม่ได้!” เฉินเหิงตัวสั่น กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เขาไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เดิมทีการใช้วิชานี้ก็ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแออยู่แล้ว ยามนี้อาคมถูกทำลาย ในร่างจึงถูกพลังตีกลับ พลังชีวิตแห้งขอดทันควัน เบื้องหน้าพร่ามัวไปหมด

“นั่นมัน…นั่นมันอะไร!!”

“นั่นคือท่านปู่เต่าของเจ้าไง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีพ้นจากความตาย เลือดสดไหลซึมมุมปาก ร่างกายโอนเอน ลื่นไถลลงมาตามต้นไม้ใหญ่ที่พิงอยู่เบื้องหลังแล้วนั่งอยู่ตรงนั้น เขาหัวเราะ ในเสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความน่าเวทนา

“น่าเสียดาย ไม่มีอาวุธอีกแล้ว…” เขาสัมผัสได้แล้วว่าพลังชีวิตในร่างกายกำลังมืดดับลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้าพร่าเลือนหมดสิ้นแล้ว เขาอยากจะเรียกกระบี่ไม้ออกมาอีกครั้ง แต่กลับไร้ซึ่งพละกำลัง อยากเรียกหม้อลายกระดองเต่า แต่กลับพบว่าแม้กระทั่งพลังวิญญาณในการเรียกก็ยังไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเปิดถุงเก็บของ

“ไม่ว่าเจ้ามีความลับอะไร เมื่อตายไปแล้ว ทุกอย่างล้วนตกเป็นของข้า” เฉินเหิงหอบหายใจ พลังแห้งเหือดเช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เล็กน้อย เขาจ้องป๋ายเสี่ยวฉุน หลังจากเงียบงันไปหลายชั่วลมหายใจก็ฝืนหยัดร่างขึ้น หยิบเอากระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมาจากในถุงเก็บของแล้วเดินเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็มองเขาอย่างเงียบงันไร้คำพูด ดวงตาเลื่อนลอย เขาคิดถึงหมู่บ้าน คิดถึงต้าพั่ง คิดถึงหลี่ชิงโหว คิดถึงสำนักธาราเทพ แล้วก็คนอีกมากมาย ตู้หลิงเฟย โหวอวิ๋นเฟย โหวเสี่ยวเม่ย…

แต่ละก้าวผ่านพ้น เฉินเหิงเดินมาหยุดเบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน ก้มลงมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่กลิ่นอายความตายอบอวลไปทั่วร่าง เขามองออกว่าตลอดร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนใช้งานไม่ได้แล้ว แม้แต่จะเปิดถุงเก็บของก็ยังทำไม่ได้ พลังวิญญาณในร่างก็ยิ่งแห้งเหือด

“จำชื่อของข้าเอาไว้ ผู้ที่ฆ่าเจ้า…ตระกูลลั่วเฉิน เฉินเหิง” เฉินเหิงค่อยๆ ยกกระบี่ในมือขึ้นมา กระบี่บินที่ยามปกติแค่เขาสะบัดปลายแขนเสื้อก็ลอยออกมานี้ เวลานี้พอถืออยู่ในมือกลับรู้สึกหนักอึ้ง

“ฆ่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจผู้หนึ่งได้ ความรู้สึกนี้ช่างดียิ่งนัก” เฉินเหิงอดกลั้นความรู้สึกเหนื่อยล้าอยากสลบเอาไว้ ดวงตาเผยความดุร้าย มือขวาถือกระบี่ยาว ทิ่มแทงลงไปที่หน้าอกของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง

แต่พริบตาที่เขาแทงลงไปนั้น แขนซ้ายที่ขยับได้เพียงหนึ่งเดียวของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันทิ่มลงไปบนพื้นดินด้านข้างอย่างแรง เสียงกร๊อบดังลั่น กระดูกแขนพลันแตกหัก ปลายกระดูกที่แหลมคมท่อนหนึ่งโผล่ทะลุผิวหนังยาวออกมาพอสามชุ่นกว่า

เขาพลันยันตัวขึ้นมาในยามนี้ แขนซ้ายโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ระเบิดพลังชีวิตเส้นสุดท้ายออกมา วินาทีที่กระบี่ยาวแทงเข้าหน้าอกของเขา แขนของเขาก็ตวัดลงไปบนลำคอของเฉินเหิง ปลายกระดูก…แทงตรงเข้าไปข้างลำคอของเฉินเหิง

ทำทั้งหมดนี้เสร็จ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ล้มลง ลมหายใจรวยริน หมดสติลงไปทันที

ร่างของเฉินเหิงสั่นสะท้าน ทุกอย่างนี้รวดเร็วเกินไป เร็วจนเขาไม่อาจตั้งรับได้ทัน เร็วจนร่างกายที่อ่อนล้าของเขาในยามนี้ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ในปากและบนลำคอล้วนมีเลือดจำนวนมากพวยพุ่งออกมา ย้อมพื้นดินรอบด้านให้แดงฉาน เฉินเหิงคิดจะอุดบาดแผล แต่กลับหยุดเลือดที่ไหลพุ่งออกมาไม่ได้ เขาเหม่อมองปลายกระดูกบนแขนซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกย้อมด้วยเลือด เขารู้สึกว่ามันช่างเหลวไหล รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ นัยน์ตาเผยแววไม่ยินยอม อนาคตของเขา สิ่งที่เขาเสาะแสวงหา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ในเวลานี้ล้วนกลายเป็นเสียงหัวเราะน่าเวทนา

“โจมตีก่อนตายรึ…” เฉินเหิงโซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว ขณะที่ค่อยๆ ล้มลงก็หมดลมสิ้นใจตาย แม้ตายไปแล้ว ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ยังคงเบิกถลน

———

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version