บทที่ 63 บดขยี้ลั่วเฉิน!
หลี่ชิงโหวเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา ยืนอยู่ในค่ายกล สีหน้าเขามืดคล้ำเกินจะเปรียบ ตลอดทั้งร่างราวกับมีดที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณเล่มหนึ่ง อบอวลไปด้วยความดุร้าย
โอวหยางเจี๋ยมองหลี่ชิงโหวหนึ่งที ดวงตาทั้งคู่หดตัวลงเล็กน้อย ในจำนวนผู้นำทั้งสามภูเขาตลอดชายฝั่งทิศใต้ เขาให้ความสนใจหลี่ชิงโหวมากที่สุด ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็เป็นคนที่ทั้งสำนักธาราเทพใส่ใจมากที่สุด
นอกจากสถานะปรมาจารย์โอสถแล้ว พรสวรรค์ขั้นสูงของหลี่ชิงโหวเองก็หาได้ยากยิ่ง จนถึงวันนี้เพิ่งจะบำเพ็ญตบะได้เพียงร้อยปีก็อยู่ในขั้นท้ายๆ ของการสร้างฐานรากแล้ว ถึงขั้นถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในความหวังของสำนักที่จะสามารถทะลุขั้นสร้างฐานราก เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นยาอายุวัฒนะได้มากที่สุด หากสามารถไปถึงขั้นยาอายุวัฒนะได้ภายใน 120 ปี ก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ตำแหน่งที่เหนือล้ำกว่าผู้นำของแต่ละยอดเขา ถึงขั้นเหนือล้ำกว่าลำดับผู้สืบทอดของผู้อาวุโสไท่ซ่าง อยู่เหนือข้อพิพาทใดๆ
สำนักธาราเทพแตกต่างไปจากสำนักอื่น มีระบบอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือดูแลและปกปักษ์รักษาสำนัก อย่างที่สองคือพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มตำแหน่งในสำนักให้สูงขึ้น!
พลังรวมลมปราณต่ำกว่าขั้นสามคือนักการ พลังรวมลมปราณขั้นแปดลงไปคือศิษย์ฝ่ายนอก พอถึงการรวมลมปรามณขั้นแปดสามารถขอทดสอบกับฝ่ายใน เมื่อสำเร็จก็จะได้เลื่อนขั้นเป็นลูกศิษย์ฝ่ายใน
หากไปถึงขั้นสร้างฐานราก…ก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสขั้นสร้างฐานราก ถึงขั้นมีความหวังได้เป็นผู้นำของแต่ละยอดเขา หากหลังจาก 120 ปีสามารถฝ่าทะลุขั้นกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งของขั้นยาอายุวัฒนะ ก็จะเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างของสำนัก พิทักษ์สำนัก จัดการดูแลสำนัก สิ่งเหล่านี้ก็คือระบบอย่างแรก
ยังมีระบบอย่างที่สอง นั่นก็คือลำดับผู้สืบทอด!
วิธีเข้าสู่ลำดับผู้สืบทอดมีเพียงอย่างเดียว…ภายใน 120 ปีฝ่าทะลุถึงขั้นยาอายุวัฒนะได้สำเร็จ ก็สามารถเป็นหนึ่งในนั้น อยู่เหนือล้ำเกินผู้ใด เป็นหนทางแท้จริงที่จะทำให้ได้รับทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น เพื่อสะสมจนสามารถฝ่าทะลุตำแหน่งในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรของตัวเองได้!
เพียงแต่กลายเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นยาอายุวัฒนะภายใน 120 ปี ช่างยากเย็นเหลือแสน…
‘ได้ยินว่าในศิษย์ฝ่ายนอกสี่คนนั้น มีหนึ่งคนที่มีความสัมพันธ์กับหลี่ชิงโหว…’ โอวหยางเจี๋ยทอดถอนใจ ขณะที่กำลังครุ่นคิดบางอย่าง ค่ายกลรอบกายก็เริ่มเกิดเสียงดังสนั่น เส้นแสงบาดตาเหลือคณานับกะพริบวิบวับ พริบตาเดียวก็ส่งเสียงดังกัมปนาท ทำให้เงาร่างของเขารวมไปถึงหลี่ชิงโหว และคนอีกสองพันกว่าคนเลือนรางหายวับไป
สถานที่ซึ่งตอนนั้นพวกป๋ายเสี่ยวฉุนสามคนต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเดินทางมาถึง ยามนี้ภายใต้การนำส่งของค่ายกลสำนักธาราเทพ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วลมหายใจก็มาถึงแล้ว
เสียงตูมตามราวเสียงฟ้าผ่าโหมซัดสาดอยู่เหนือสถานที่ที่ร่างของตู้หลิงเฟยหมดสติ ตลอดทั่วทั้งท้องฟ้าพลันมืดสลัว ชั้นเมฆจำนวนไม่ถ้วนเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นเปิดแหวกออก เสียงกัมปนาทสะท้านสะเทือน ชั่วพริบตาเงาของค่ายกลขนาดมหึมาก็ปรากฏ
มันทิ้งตัวลงพื้นอย่างรุนแรงดังโครม ประทับตราลงบนพื้นดินโดยตรง ทำให้พื้นในรัศมีร้อยลี้รอบด้านสั่นสะเทือน ราวกับมีเปลวเพลิงเป็นเส้นๆ ปรากฏตามร่องบนพื้นดิน แผล็บเดียวก็ประทับตราค่ายกลขนาดยักษ์ลงไป
ในร้อยลี้นี้ พืชหญ้าทุกต้น หินทุกก้อน รวมไปถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง ล้วนสลายสูญกลายเป็นเถ้าถ่าน หายวับไปราวกับไม่เคยมีมาก่อนในชั่วพริบตา พลังของค่ายกลนี้ร้ายกาจเกินไป เมื่อมาเยือนก็ทำลายทุกสิ่งสิ้น
รอบด้านของตู้หลิงเฟยได้รับการคุ้มครองทันทีที่ค่ายกลนี้มาเยือน ทำให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ยามนี้เมื่อค่ายกลร่วงลงพื้น ท่ามกลางการสั่นสะเทือนของพื้นดิน เงาของแต่ละร่างที่เดิมทีเลือนรางก็ปรากฏชัดเจนอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ลูกศิษย์ฝ่ายในสองพันกว่าคนของชายฝั่งทิศใต้ก็ปรากฏตัวออกมาทั้งหมด บนร่างของพวกเขายังมีพลังนำส่งหลงเหลืออยู่ ยังสามารถนำส่งตัวเองได้อีกครั้ง โอวหยางเจี๋ยและหลี่ชิงโหวก้าวออกมาเร็วๆ ตรงดิ่งมายังตู้หลิงเฟยที่สลบไสล เรียกลูกศิษย์หญิงฝ่ายในสองสามคนให้ไปป้อนยา คลุมเสื้อผ้า รวมถึงบำรุงพลังชีวิตให้กับตู้หลิงเฟย ทำให้ตู้หลิงเฟยค่อยๆ ลืมตา สีหน้ามีสติตระหนักรู้ก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากมองเห็นคนของสำนักนางก็ร้องไห้ ความซาบซึ้งใจแผ่ซ่านไปทั่วกาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวนางซึ่งเป็นศิษย์ฝ่ายนอกของเขาเซียงอวิ๋น เมื่อได้เห็นผู้นำของเขาเซียงอวิ๋นอย่างหลี่ชิงโหวแล้ว น้ำตาก็ยิ่งไหลพราก รีบเอ่ยปากร้อนรนท่ามกลางการประคับประคองจากเพื่อนร่วมสำนักข้างกาย
“ท่านผู้นำ ช่วยศิษย์น้องป๋ายด้วย…” ตู้หลิงเฟยสีหน้าซีดขาว น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความวิงวอน
“ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นอะไร!” หลี่ชิงโหวเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว พริบตาเดียวก็ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าตู้หลิงเฟย ดวงตาสะกดกลั้นความโกรธและร้อนใจเอาไว้ เอ่ยปากถามอย่างร้อนรน
“ศิษย์น้องป๋าย…เพื่อช่วยข้าและศิษย์พี่โหวอวิ๋นเฟย เขาจึงออกไปเพียงลำพัง หลอกล่อให้คนตระกูลลั่วเฉินที่ไล่ฆ่าพวกเราไปอีกทาง…” ตู้หลิงเฟยหวนไห้ พรั่งพรูเรื่องราวของป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดการเดินทางออกมาจนหมดสิ้น
ลูกศิษย์สองพันกว่าคนที่อยู่รอบด้าน แทบทุกคนล้วนไม่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุน แต่พอฟังคำพูดของตู้หลิงเฟย สีหน้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เผยความประทับใจ ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาทุกคนล้วนสูดหายใจเฮือก
เพื่อปกป้องเพื่อนร่วมสำนักเฝิงเหยียนก็ต้องต่อสู้จนตัวตาย โหวอวิ๋นเฟยและตู้หลิงเฟยทุ่มเทสุดพลังเพื่อหนีเอาตัวรอดจากความตาย ส่วนตระกูลลั่วเฉินถึงขนาดส่งคนมาถึงสองชุด หลายคนมีพลังรวมลมปราณขั้นแปด และยังมีคนที่มีพลังรวมลมปราณขั้นเก้า…
การไล่ฆ่าเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นลูกศิษย์ฝ่ายในคนอื่นออกมาทำภารกิจ เกรงว่าโอกาสรอดคงมีแค่หนึ่งในสิบ
โดยเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตู้หลิงเฟยพูดถึง นี่คือบุคคลที่มีน้ำใจมีคุณธรรม หรืออาจถึงขั้นได้เป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจแล้วเสียด้วยซ้ำ
เดิมทีเขาสามารถหนีเอาตัวรอดไปเพียงลำพังได้ แต่เขาเลือกกลับมาช่วยเหลือเพื่อนร่วมสำนัก ทั้งยังต้องเข่นฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งมากมาย ระเหเร่ร่อนกันมาตลอดทาง คอยประคับประคองเพื่อนร่วมสำนักสองคนที่บาดเจ็บหนัก หนีเอาชีวิตรอดมาได้เกินครึ่งเดือน ต้องเดินทางเกือบหมื่นลี้
สุดท้ายยังยอมสละชีวิตเพื่อคุณธรรม ล่อศัตรูตัวฉกาจออกไป มอบความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อให้กับสหายร่วมสำนัก ตู้หลิงเฟยถึงได้ส่งข้อความไปบอกได้ มิเช่นนั้นล่ะก็ เกรงว่ายามนี้ทางสำนักก็ยังคงไม่ทราบเรื่องที่ตระกูลลั่วเฉินก่อกบฏ
ไม่นาน เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ประทับอย่างเด่นชัดเกินจะเปรียบอยู่ในหัวใจของลูกศิษย์ฝ่ายในทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ นั่นคือชายห้าวหาญคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยไมตรีจิต สูงส่งเกินผู้ใด ไม่ต่างจากวีรบุรุษผู้หนึ่ง
แม้แต่คนของศาลาพิพากษ์เองก็ยังจิตใจสะท้านไหว เฉียนต้าจินก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาอึ้งไปครู่ เขาไม่อาจนำภาพของป๋ายเสี่ยวฉุนมารวมเข้ากับคนผู้นั้นที่ตู้หลิงเฟยเอ่ยถึง แรกเริ่มเขาบุ่มบ่ามวางแผนสกปรกอย่างลับๆ ภายหลังก็กระวนกระวายใจว่าทางสำนักจะตรวจสอบ ในใจลึกๆ ก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือเจ้าเต่าน้อย แต่เขาเป็นคนจิตใจคับแคบ ด้วยความเกลียดแค้นริษยาจึงยอมฆ่าผิดตัวแต่ไม่ยอมปล่อยไป ยามนี้ก็คลายใจลงมาบ้างแล้ว เฝิงเหยียนตายไป ก็เท่ากับว่าผีไม่รู้เทพไม่เห็นในสิ่งที่เขาทำ
โอวหยางเจี๋ยผู้มีสมญานามว่าหมาใน ชายเลือดเหล็กไร้ปราณี ยามนี้ก็ยังสูดหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเผยแววชื่นชมเลื่อมใส ด้วยตบะของเขาย่อมทำให้มองออกว่าตู้หลิงเฟยไม่ได้โกหก ถึงขั้นที่ว่าสิ่งที่นางพูด เกรงว่ายังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเรื่องจริงเสียด้วยซ้ำ
“ลูกศิษย์เช่นนี้ สำนักธาราเทพของเราไม่ยอมให้เขาตายตกในที่แบบนี้เด็ดขาด!” โอวหยางเจี๋ยสะบัดปลายเสื้อแขนยาวหนึ่งครั้ง รีบสั่งความให้ลูกศิษย์ฝ่ายในหลายร้อยคนออกค้นหาโหวอวิ๋นเฟยและป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเต็มกำลังทันที
หลี่ชิงโหวเงียบงัน เงยหน้าขึ้นเชื่องช้า ในดวงตาของเขามีเส้นเลือดฝอยเผยให้เห็น ในใจขมปร่า วิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองมองเด็กคนนั้นไม่ผิด แต่เขาก็รู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความเป็นไปได้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีชีวิตรอด…น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
“ข้าเป็นคนพาเจ้าขึ้นเขามา…” ไอสังหารทั่วกายหลี่ชิงโหวระเบิดออกมาดังสนั่น เดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว ประกายแสงตลอดทั้งร่างเปล่งประกาย ยืมเอาพลังนำสั่งของสำนักธาราเทพที่ยังหลงเหลืออยู่บนตัวทุกคนมาใช้ พริบตานั้นกายของเขาก็เลือนราง พุ่งตรงดิ่งไปยังตระกูลลั่วเฉิน
โอวหยางเจี๋ยถอนหายใจเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดของตู้หลิงเฟย ในใจก็เข้าใจดีเช่นกันว่าป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมโชคร้ายมากกว่าโชคดี ยามนี้จึงสะบัดร่างหนึ่งครั้ง นำพาคนสองพันกว่าที่เหลือเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด
เสียงกัมปนาทดังก้องสะท้อนไปแปดทิศ หลี่ชิงโหวและโอวหยางเจี๋ยนำลูกศิษย์ฝ่ายในจำนวนสองพันคนปรากฏตัวพรวดอยู่ที่เทือกเขาลั่วซิง กลางอากาศเหนือที่พักตระกูลลั่วเฉิน
คราวนี้ชั้นเมฆกลางอากาศพลันปริแตก กลายร่างเป็นพลังโจมตีพัดกวาดไปรอบด้าน พลังฟ้าดินระเบิดตูมออกมา ขณะเดียวกันกับที่เสียงร้องด้วยความตกตะลึงมากมายดังลอยมาจากในที่พัก เงาร่างของค่ายกลก็ย่างกรายมาถึง ตรงดิ่งเข้าหาตระกูลลั่นเฉินทันควัน
ตูมๆๆ!
ค่ายกลร่วงหล่น นาบตราลงบนผืนดิน พื้นที่ปูด้วยหินสีเขียวทั้งหมดรอบตระกูลลั่วเฉิน ยามนี้ล้วนพังทลายกลายเป็นธุลี ยังมีที่พักแห่งนั้นที่พอส่ายไหวอยู่ชั่วครู่ก็ถล่มพังลงมา
เสียงตะโกนโกรธแค้นหลายเสียงดังออกมาจากด้านในที่พัก เงาร่างแต่ละร่างบินออกมาด้วยความรวดเร็ว มาพร้อมความแค้นเคือง มาพร้อมกับความสิ้นหวัง เปล่งเสียงโหยหวน
สิงโตหินสองตัวหน้าประตู และต้นผลไม้หลายต้นที่อยู่ในลานที่พักกลายร่างเป็นหุ่นเชิด กระโจนเข้าเข่นฆ่าผู้คนรอบด้านทันที หลี่ชิงโหวเดินออกไปเป็นคนแรก สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง สิงโตหินสองตัวพลันเกิดเสียงตูมทีหนึ่งก็พังทลาย ต้นผลไม้สั่นไหว ผลไม้ที่อยู่บนต้นทั้งหมดร่วงหล่นลงพื้น ขณะที่พยายามหนีเอาชีวิตก็ถูกคนฆ่าล้างบาง
เสียงตูมตามดังอย่างต่อเนื่อง สถานที่แห่งนี้ถูกลูกศิษย์ของสำนักธาราเทพล้อมเอาไว้หมดแล้ว พวกเขามาก็เพื่อสังหารทุกสิ่งให้สิ้นซาก
ร่างของหลี่ชิงโหวบินตรงดิ่งเข้าไปกลางซากปรักหักพังของที่พักคนตระกูลลั่วเฉิน มือขวาทำมุทราชี้ไป ลูกไฟสีเขียวปรากฏขึ้น โบกสะบัดไปรอบด้าน ขณะที่ผมของเขาปลิวไสว พลังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินระลอกหนึ่งระเบิดตูมออกมา
ทะเลเพลิงรอบด้านขยายวงกว้าง เข้าจู่โจมซากปรักหักพังในชั่วพริบตา ทำให้ที่พักของตระกูลลั่วเฉินแห่งนี้ถูกล้อมเอาไว้ และคนในตระกูลหลายคนที่ฝ่าออกมาก็ล้วนพากันกรีดร้องโหยหวน ร่างกายถูกเพลิงลุกไหม้ แปบเดียวก็สิ้นใจตาย
เท้าขวาของหลี่ชิงโหวกระทืบลงไปบนพื้นดินแรงๆ หนึ่งครั้ง ผืนดินใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ปริแตกออกทันควัน เกิดช่องโหว่ขนาดยักษ์ราวกับฉีกกระชากออก เผยให้เห็นวังใต้ดินที่อยู่ข้างใต้
พริบตาที่วังใต้ดินแห่งนี้ปรากฏตัว ทะเลสาบสีเลือดพลันม้วนตัวขึ้น ผู้อาวุโสของตระกูลลั่วเฉินที่อยู่ด้านในเหินออกมาด้วยความรวดเร็ว
หลังจากมองเห็นหลี่ชิงโหว สีหน้าของเขาก็สิ้นหวัง สำนักธาราเทพมาอย่างกะทันหันเกินไป ค่ายกลของเขาอีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว หากคนอื่นมา อาศัยการเตรียมการก่อนหน้านี้ของเขา บางทีอาจจะยังพอถูไถรอดตัวไปได้ แต่ผู้ที่มากลับเป็นหลี่ชิงโหวและโอวหยางเจี๋ย!
ร่างของเขาถอยกรูดอย่างรวดเร็ว ปากก็เปล่งเสียงแหลมเศร้ารันทด
“หนี หนีได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!”
ในวังใต้ดิน คนตระกูลลั่วเฉินทุกคนล้วนตัวสั่น ห้อทะยานออกไปรอบด้าน แต่แปดทิศนี้ล้วนถูกโอบล้อมเอาไว้ พอโอวหยางเจี๋ยโบกมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ลูกศิษย์ฝ่ายในทุกคนก็พุ่งเข้าไปฆ่าทันที
ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ชิงโหวจ้องไปที่น้ำของทะเลสาบสีเลือดรอบกายของผู้อาวุโสลั่วเฉิน สีหน้าพลันกระตุก ไม่เพียงเขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ โอวหยางเจี๋ยเองหลังจากที่มองเห็นทะเลสาบเลือดก็เผยความโกรธออกมาเช่นกัน
“กำเริบเสิบสานสังหารมนุษย์ ตระกูลนี้หากไม่ทำลายให้สิ้น กฎแห่งสวรรค์ก็มิอาจให้อภัย!” หลี่ชิงโหวสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ทะเลเพลิงรอบด้านพลันระเบิดออกในบัดดล
เวลาเดียวกันนี้ เสียงร้องโหยหวนรอบด้านก็ดังออกมาไม่หยุด การโอบล้อมของลูกศิษย์ฝ่ายในสำนักธาราเทพ ไม่ใช่เพื่อสังหาร แต่เพื่อบดขยี้ให้แหลกลาญ!
คนสองพันคน ไล่ฆ่าคนไม่กี่ร้อยคน
มองเห็นว่าคนในตระกูลตายกันไปทีละคน ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของตัวเองหรือคนในตระกูลที่มีสายเลือดเดียวกัน ล้วนตายอย่างอนาจภายใต้การทำลายล้างของสำนักธาราเทพ ผู้อาวุโสเงยหน้าขึ้นฟ้าคำรามเสียงแหลมดังก้อง ยิ่งถอยหลังเร็วขึ้น
แต่ทันทีที่เขาก้าวถอยนั้นเอง เสียงดังสนั่นลอยมา ทะเลเพลิงม้วนตัวกลับมาจากแปดทิศด้วยความว่องไว พลานุภาพแข็งแกร่งปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน ตรงเข้าคลุมตัวของผู้อาวุโสลั่วเฉิน สีหน้าหลี่ชิงโหวมืดคล้ำ มือขวายกขึ้นบีบลงไปแรงๆ หนึ่งที
ตูม!
ผู้อาวุโสตระกูลลั่วเฉินเปล่งเสียงโหยหวน ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเปลวไฟโหมไหม้ เลือดเนื้อปะปนกันจนแยกไม่ออก พริบตาเดียวก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ถูกหลี่ชิงโหวสังหารสิ้น…ในการจู่โจมเดียว!
ภาพนี้ทำให้ลูกศิษย์ฝ่ายในทุกคนที่อยู่รอบด้านล้วนสูดลมหายใจเฮือก แม้แต่โอวหยางเจี๋ยเองก็ยังเบิกตากว้าง ขณะที่มองหลี่ชิงโหวในใจก็ให้สะท้านไหว
หลี่ชิงโหวยืนอยู่กลางอากาศเนิ่นนานถึงได้โบกมือหนึ่งที ทะเลเพลิงรอบด้านของเขาระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง ปกคลุมไปทั่วตระกูลลั่วเฉิน หลังจากเผาทำลายทุกอย่างของที่นี่หมดสิ้นแล้วเขาก็มองออกไปไกล สีหน้าดูเลื่อนลอยเล็กน้อย ถอนหายใจเบาหนึ่งครั้ง
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าหลี่ชิงโหว…ทำผิดต่อตระกูลป๋ายของพวกเจ้า” เขาเดินจากไปไกลท่ามกลางความรู้สึกขมเฝื่อน เขาไม่วางใจให้คนอื่นออกตามหาป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิด เขาก็จะต้องออกไปตามหาด้วยตัวเองดูสักครั้ง
เมื่อหลี่ชิงโหวจากไปไกล ทะเลเพลิงเบื้องหลังโหมซัดสาด ลูกศิษย์ฝ่ายในเหล่านั้นที่อยู่รอบด้าน แต่ละคนล้วนเผยความฮึกเหิมออกมาท่ามกลางแสงไฟ ยิ่งสำนักแข็งแกร่งเท่าไหร่ อนาคตของพวกเขาก็ยิ่งรุ่งโรจน์มากเท่านั้น
———