บทที่ 648 สะใจจริง
เจ้าเต่าน้อยร้อนใจอยากได้สมบัติ พอได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนและเห็นว่าห้องขังที่ตัวจริงของราชาผียักษ์ใช้ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปอีกไม่ไกล มันก็บินพรวดออกมาจากในถุงเก็บของโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ก่อนจะมาตกอยู่กลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนและถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกำเอาไว้
“เร็วเข้าๆ เจ้านี่มันเรื่องเยอะจริงๆ ให้ตายเถอะ เรื่องดีๆ อย่างปล้นครึ่งเทพแบบนี้ นายท่านเต่าอย่างข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่ามีอะไรให้เจ้าต้องลังเลอีก ความเสี่ยงนำมาซึ่งความรวย เจ้าไม่เสี่ยงแล้วจะรวยได้อย่างไร!” เจ้าเต่าน้อยเอ่ยเร่งเร้าพลางสั่งสอนไปด้วย
“ก็ข้าไม่มีประสบการณ์นี่นา นายท่านเต่าอย่างเจ้าต้องช่วยแนะนำข้ามากๆ ข้าอายุยังน้อย ท่านผู้อาวุโสอย่าได้ถือสาเลย” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหึ ขณะที่พูดประจบเอาใจอีกฝ่ายก็พุ่งตรงไปยังห้องขังของราชาผียักษ์ตัวจริงด้วย
เจ้าเต่าน้อยเพิ่งจะเคยได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนพูดจาคล้อยตามตนเช่นนี้เป็นครั้งแรก ในใจก็พลันปลอดโปร่งโล่งสบายให้รู้สึกลำพองใจ ครุ่นคิดว่าหลังจากนี้ตนจำเป็นต้องสั่งสอนชี้นำป๋ายเสี่ยวฉุนให้มากๆ เพื่อพิสูจน์ความฉลาดหลักแหลมของตน
และขณะที่เจ้าเต่าน้อยกำลังลำพองใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็บินเข้ามาใกล้ห้องขังของราชาผียักษ์แล้ว เพิ่งจะเข้ามาใกล้ ผู้เฒ่าที่มีปานแดงบนใบหน้าก็เงยหน้าขึ้นช้าๆ นัยน์ตาที่ฉายประกายคมกริบจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเย็นชา ตลอดทั้งร่างของเขาในยามนี้คล้ายอบอวลไปด้วยความหยามหยัน
สายตานั้นราวกับคนที่อยู่สูงมองต่ำลงมายังมดตัวเล็กตัวหนึ่ง
ทว่ายังไม่ทันรอให้ผู้เฒ่าเอ่ยปากอะไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันโบกป้ายคำสั่งในมืออย่างไม่ลังเล พริบตาเดียวประตูใหญ่ของห้องขังก็เปิดออก วินาทีที่ประตูเปิดอ้า ไม่รอให้เจ้าเต่าน้อยตั้งตัวได้ทัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามดังลั่น
“ตาแก่ กินอาวุธลับของข้าซะเถอะ!” เวลาเดียวกับที่เสียงคำรามดังออกมา มือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ขว้างเจ้าเต่าน้อยในมือที่ยังคงลำพองใจเข้าไป…กระแทกแสกหน้าของผู้เฒ่าจังๆ !
ทุกอย่างว่องไวหมดจด รวดเร็วสุดขีด พอขว้างไปแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปิดประตูใหญ่ของห้องขังดังปัง ส่วนตัวเองกลับถอยกรูดไปด้านหลัง ความเร็วนั้นทำให้กลายเป็นภาพติดตา ทว่าดวงตากลับจ้องเขม็งไปที่ภาพเหตุการณ์ในห้องขัง
แถมเขายังเตรียมการไว้แล้วว่าหากท่าไม่ดีจะเผ่นหนีไปทันที
“เจ้าเต่าน้อย อย่าโทษข้าเลย เจ้าไม่ตายไม่ดับ แต่ข้าไม่เหมือนเจ้านี่นา” ป๋ายเสี่ยวฉุนแก้ตัวให้ตัวเองอยู่ในใจอย่างไม่ละอายแม้แต่น้อย
“ไอ้หนูป๋าย เจ้าๆๆ!!” เจ้าเต่าน้อยตาค้างทันที ไม่ว่าอย่างไรมันก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนจะชั่วช้าถึงขนาดขว้างตนเข้ามาอย่างนี้
“อ๊าๆ ไอ้หนูป๋าย เจ้ามันไร้ยางอาย ต่ำช้า หน้าด้าน!!” เจ้าเต่าน้อยคำรามเดือดดาลอยู่ในใจ ทว่ากลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พุ่งตรงเข้าหาราชาผียักษ์เลยตามเลย
“บังอาจ!!” ตัวจริงของราชาผียักษ์ขมวดคิ้ว คำรามต่ำๆ หนึ่งที ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบกไปด้านตัวเอง
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง เจ้าเต่าน้อยที่กำลังจะชนเข้าบนร่างของราชาผียักษ์ถูกสกัดให้อยู่ห่างครึ่งจั้งราวกับมีม่านชั้นหนึ่งทำให้ร่างของเจ้าเต่าน้อยหยุดชะงัก ความโกรธในใจของมันไม่เพียงแต่ไม่ลดลง กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นตามเสียงตวาดเมื่อครู่ของราชาผียักษ์ด้วย
“ราชาผียักษ์ เจ้าคิดว่ามาหลบอยู่ที่นี่แล้วจะไม่มีใครรู้งั้นรึ เจ้าหลอกทุกคนได้ แต่หลอกนายท่านเต่าอย่างข้าไม่ได้!”
“รีบเอาทรัพย์สมบัติของเจ้าออกมาซะ มิฉะนั้นนายท่านเต่าจะตบเจ้าให้ตาย!” เจ้าเต่าน้อยแผดเสียงตะโกน แล้วบุกตะลุยไปข้างหน้าเสียงดังตูม ชนกับปราการไร้รูปลักษณ์ครึ่งจั้งที่อยู่เบื้องหน้าราชาผียักษ์จนปราการนั้นแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนร่างของมันก็ทะยานต่อไป และใกล้จะชนเข้ากับร่างของราชาผียักษ์เต็มที
“เจ้าเป็นใคร!!” หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้าเต่าน้อย ราชาผียักษ์ก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เหลือความเย็นชาอีกต่อไป ทั้งดวงตายังเผยความเหลือเชื่อ เขาก็คือ…ราชาผียักษ์ตัวจริง!!
ตัวตนนักโทษนี้เขาวางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อน อีกทั้งยังมีค่ายกลของเต่าหิน เขาเข้าใจไปว่าแผนการนี้ไร้รูโหว่ใดๆ ทว่าตอนนี้ร่างจำแลงเพิ่งจะแหลกสลาย ตัวจริงกลับถูกคนจับได้ นี่จึงสร้างความสั่นสะเทือนให้เขาอย่างยิ่งยวด!
แต่ไม่นานไอสังหารของเขาก็พลันระเบิดออก วินาทีที่เจ้าเต่าน้อยเข้ามาใกล้ มือขวาของเขาก็ยกขึ้นแล้วชี้ไปยังเจ้าเต่าน้อย!
“ค่ายกลมายาดับสลาย!”
แทบจะวินาทีเดียวกับที่ราชาผียักษ์เอ่ยปาก เต่าหินอันเป็นที่ตั้งของคุกมารก็พลันสั่นสะเทือนอยู่พักหนึ่ง ตามหลังการสั่นสะเทือนก็คือพลังอำนาจไร้คำบรรยายที่ราวกับกำลังจะตื่นขึ้นมาจากนิทรา และเมื่อนิ้วของราชาผียักษ์ชี้ไป มันก็จะรวมตัวกันขึ้นเป็นวิชาอภินิหารที่สามารถดับทำลายทุกสรรพสิ่ง
ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นรัว ทว่าบัดนี้เอง เจ้าเต่าน้อยกลับถลึงตา ยืดคอออกมายาวๆ แล้วตะเบ็งเสียงคำราม
“ไม่ดับ!”
คำพูดนี้ดังจบ รอบด้านพลันเกิดเสียงดังอึกทึก ขณะเดียวกันปณิธานแห่งการดับสลายที่เพิ่งรวมตัวขึ้นมาเมื่อครู่นี้ก็ถูกกำราบให้…หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา!
ภาพนี้ทำให้ราชาผียักษ์เบิกตากว้างอย่างห้ามไม่ได้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริดเพราะคาดไม่ถึง ทว่ายังไม่ทันรอให้เขาตั้งตัวได้ เจ้าเต่าน้อยกลับยิ่งเพิ่มความเร็ว เสียงตูมดังหนึ่งครั้งมันก็ชนเข้าที่หน้าอกของราชาผียักษ์อย่างจัง
ราชาผียักษ์ร้องอึกอักอยู่ในลำคอ สีหน้าพลันซีดขาว ร่างถอยกรูดไปหลายก้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตะลึงระคนความเคืองแค้นที่พวยพุ่งเทียมฟ้า
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ จงดับ!!” ราชาผียักษ์ใจหายวาบ ยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังเจ้าเต่าน้อยอีกครั้ง ทว่าค่ายกลของเต่าหินนี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นั่นจึงทำให้ราชาผียักษ์หน้าขาวเผือดไปในบัดดล
หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วอย่างห้ามไม่ได้ เขาจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนแล้วที่ตัวเองไม่เคยตื่นตระหนกแบบนี้ วิกฤตรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่ามันร้ายแรง มันสร้างความสะท้านสะเทือนยิ่งกว่าสามตระกูลใหญ่ก่อกบฏเสียอีก
“ดับกะผีย่าเจ้าสิ!” เจ้าเต่าน้อยยืดคอยาวหัวเราะฮ่าๆ ก่อนจะพุ่งเข้าชนอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่นอกห้องขังมองทุกอย่างตาไม่กะพริบ ดวงตาทั้งคู่ทอประกายแสงเจิดจ้า ทั้งยังแหงนหน้าแผดเสียงหัวเราะ เขารู้แล้วว่าคนผู้นี้ก็คือราชาผียักษ์จริงๆ และตอนนี้ก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายมีตบะแค่รวมโอสถ แถมพอค่ายกลไม่ทำงานแบบนี้ อีกฝ่ายก็เหมือนเสือป่วยที่ไร้เขี้ยวเล็บ นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนวางใจได้เต็มร้อย เสียงหัวเราะยังไม่จางหายเขาก็ถลันเข้าไปในห้องขัง พริบตาเดียวก็เข้ามาอยู่ด้านใน
“ราชาผียักษ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับปลอมตัวเป็นนักโทษมาหลบอยู่ที่นี่…ราชาผียักษ์ ข้าดูถูกเจ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดคางขึ้นน้อยๆ อย่างฮึกเหิมลำพองใจ วางมาดประหนึ่งว่าฟ้าใหญ่ดินใหญ่ข้าใหญ่สุด แถมยังสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งอย่างโอหัง
“ข้าป๋ายฮ่าวแค่ดีดนิ้ว ราชาผียักษ์ก็สิ้นราบพนาสูร ฮ่าๆ” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะดังลั่น ปราณในร่างของราชาผียักษ์เกิดคลื่นกระเพื่อมไหว เขาร้อนใจ กระนั้นดวงตากลับยังเผยความเย็นชาน่าสะพรึง อย่างไรซะเขาก็คือหวังเหย่ครึ่งเทพ ต่อให้เป็นช่วงเวลาอย่างนี้ก็ยังคงบารมีน่าเกรงขามเอาไว้ได้
“ป๋ายฮ่าว…” เขากำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง
ทว่าไม่รอให้เขาพูดจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว แล้วอยู่ๆ ก็ยกมือขวาสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง
เสียงเพียะดังลั่นที่ศีรษะของราชาผียักษ์ พริบตาเดียวตบะของราชาผียักษ์ก็ถูกปิดผนึก เจ้าเต่าน้อยที่อยู่ด้านข้างก็ยิ่งร้องเย้วๆ อย่างคึกคะนอง
“ปล้นเขาเลย ปล้นเขาเลย!!” ราชาผียักษ์ได้ยินประโยคนี้ก็ตัวสั่นน้อยๆ พลันเงยหน้าขึ้นจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง นัยน์ตาฉายไอสังหารดุเดือด
ทว่าไอสังหารนี้เพิ่งก่อตัว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมาอีกก้าวแล้วพลิกตัวราชาผียักษ์ ลูบคลำขึ้นๆ ลงๆ อยู่สองสามทีก็เจอแหวนวงหนึ่ง จากนั้นก็ลูบสะเปะสะปะไล่ค้นหาไปทั่วร่างของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่เจออะไรอีก
“แหวนวงเดียวเนี่ยนะ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่พอใจขึ้นมาทันที ส่วนราชาผียักษ์ก็ไม่เคยถูกหยามเกียรติขนาดนี้มาก่อน ไฟโทสะในใจจึงลุกโชนอย่างที่มิอาจหาคำใดมาบรรยายได้
ก่อนหน้านี้ในสายตาของเขา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นแค่หมากตัวเล็กๆ ที่ไม่มีค่าพอให้กล่าวถึง เป็นหมากที่เขาแค่จัดวางไว้เพื่อให้การละเล่นครั้งนี้มีอรรถรสมากขึ้น สามารถจัดการได้ตามใจชอบ คิดจะฆ่าก็ฆ่า คิดจะบดขยี้ให้แหลกลาญอยู่ในกำมือก็ยังได้ ชะตาชีวิตของอีกฝ่ายอยู่ที่แค่ความคิดเดียวของตนเท่านั้น ทว่าแม้แต่ฝันเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าหมากตัวเล็กๆ ตัวนี้จะกลายมาเป็นมือใหญ่ที่กุมความเป็นความตายของเขาเอาไว้!
เหตุการณ์ที่พลิกตาลปัตรเช่นนี้ วิกฤตการณ์เช่นนี้ มีหรือที่จะทำให้ราชาผียักษ์ยินยอม เขาเป็นถึงครึ่งเทพ เขาวางแผนทุกอย่าง เดิมคิดว่าแผนนี้สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ ทว่ากลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นคงเป็นบ้าไปนานแล้ว แต่อย่างไรซะเขาก็คือราชาผียักษ์ ยามนี้จึงกัดฟันกรอด บังคับตัวเองข่มอารมณ์ให้สงบจากความเดือดดาล
ทว่าชั่วขณะที่เขาสงบจิตสงบใจลงได้นั้น เจ้าเต่าน้อยกลับร้องโหวกเหวกขึ้นมาอีกครั้ง
“เรื่องค้นหาสมบัติแบบนี้ ไอ้หนูป๋ายเจ้าไม่มีฝีมือพอ!” กล่าวจบ เจ้าเต่าน้อยก็ตรงเข้าไปหาราชาผียักษ์ ทันใดนั้นมันก็ลอดทะลุทะลวงเข้าไปในร่างเขาตั้งแต่บนลงล่าง ยิ่งทะลุวนไปนานเท่าไหร่ วัตถุมากมายก็ยิ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้น
ทวนยาวสีชาดหนึ่งเล่ม แผ่นหยกสีฟ้าหนึ่งแผ่น และยังมีขวดวิเศษที่มีสีสันแพรวพราวอีกหนึ่งขวด…นอกจากนี้ยังมีก้อนหินสีดำขนาดเท่ากำปั้นอีกหนึ่งก้อน!
มองเห็นวัตถุเหล่านี้ร่วงลงมา สีหน้าของราชาผียักษ์ก็พลันเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด ทั้งยังระงับความสะท้านสะเทือนในใจเอาไว้ไม่อยู่ วัตถุเหล่านี้เขาซ่อนไว้ในพื้นที่ส่วนตัวที่เขาสร้างขึ้นมาเอง นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครหาเจออีก ทว่าเจ้าเต่าน้อยนี่…กลับโยนของพวกนี้ออกมาได้
“เจ้า…” ลมหายใจของราชาผียักษ์ถี่กระชั้นน้อยๆ ดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า แม้ว่าของพวกนี้จะมีไม่มาก ทว่าทุกชิ้นต่างก็เป็นวัตถุที่สามารถเขย่าคลอนฟ้าดิน!
ทวนยาวสีแดงนั้นคืออาวุธขึ้นชื่อของเขา หากไม่ใช่คนฟ้าก็มิอาจใช้ได้ มันสร้างขึ้นจากหินอุกกาบาตนอกโลก มีตราผนึกหนึ่งพันล้านผนึก อานุภาพเกรียงไกร ในระดับชั้นของครึ่งเทพก็ถือว่าเป็นวัตถุระดับสูง!
และยังมีแผ่นหยกสีฟ้านั่นอีก วัตถุนี้มองดูเหมือนธรรมดา แต่ความเป็นจริงแล้วกลับมีวิถีแห่งการสืบทอดของเขา มีความสำคัญอย่างถึงที่สุด ส่วนขวดวิเศษนั่นก็คือขวดที่มีชื่อว่าปราณฟ้าดิน หากไม่ใช่คนฟ้าก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน
เมื่ออยู่ในมือของคนฟ้าจะสามารถดูดซับเอาหมื่นสรรพสิ่งใต้หล้ามาเก็บไว้ด้านในเพื่อนำมาหลอมโอสถเม็ดใหญ่ ตอนนั้นเพื่อได้ครอบครองวัตถุชิ้นนี้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมหาศาล อีกทั้งเขาคิดว่าที่ราชาเก้านรกภูมิลงมือในคราวนี้ก็เป็นเพราะวัตถุชิ้นนี้ด้วย!
ส่วนก้อนหินสีดำก้อนสุดท้ายนั่นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ที่มา ว่ากันว่าเป็นวัตถุที่จักรพรรดิขุยรุ่นที่หนึ่งทิ้งไว้ เขาได้มาอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้
ของเหล่านี้สามารถพูดได้ว่าเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของเขา ตอนนี้ต้องมาเห็นเจ้าเต่าน้อยหยิบออกมาคาตาของตัวเอง มีหรือที่ใจของราชาผียักษ์จะไม่ร้อนรนราวกับมีไฟแผดเผา
ป๋ายเสี่ยวฉุนปิติยินดีอย่างบ้าคลั่งทันใด รีบรับเอามาตรวจสอบดู แม้จะมองอะไรไม่ออก อีกทั้งยังมิอาจร่ายใช้ได้เพราะด้านบนนั้นมีตราประทับของราชาผียักษ์อยู่ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังมองออกว่าวัตถุเหล่านี้ไม่ธรรมดา
“ถูกราชาผียักษ์เก็บเอาไว้อย่างนี้ต้องเป็นของล้ำค่าแน่นอน! ต่อให้ตอนนี้ข้ายังใช้ไม่ได้ ทว่าภายภาคหน้าก็อาจเอามาใช้ได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบเก็บไปอย่างเบิกบาน เจ้าเต่าน้อยลำพองใจสุดขีด เหล่ตามองราชาผียักษ์
“อยู่ต่อหน้านายท่านเต่า คิดจะซ่อนของไว้งั้นรึ ฝันไปเถอะ!”
ราชาผียักษ์ฝืนใจสะกดอารมณ์ของตัวเอง เขาเข้าใจดีว่าในเมื่อผลลัพธ์เป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้จะเดือดดาลแค่ไหนก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ แม้ในใจจะกำลังหลั่งเลือด…ก็ได้แต่กัดฟันบอกให้ตัวเองสงบลง
“เป้าหมายของเจ้าคืออะไร!” ราชาผียักษ์สูดลมหายใจเข้าลึก พูดเน้นย้ำทีละคำ แม้ตบะของเขาจะอ่อนแอ อีกทั้งความเป็นความตายก็ไม่ได้อยู่ในมือของตัวเองอีกต่อไป
ทว่าพอสงบอารมณ์ได้แล้วดวงตาที่ล้ำลึกเกินหยั่งรวมไปถึงบารมีที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขาก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่มองอยู่รู้สึกร้อนตัวอย่างอดไม่ได้ โดยเฉพาะนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงครึ่งเทพ เขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจ
“ขู่ข้ารึ?!” พอตื่นตระหนกเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบโกรธกลบเกลื่อนความอายของตัวเองทันที คิดว่าไหนๆ อีกฝ่ายก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว ตนจะมัวมากลัวอยู่ได้อย่างไร แถมพอนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่อีกฝ่ายมองตนเป็นหมากตัวหนึ่งจึงลดสถานะของตนให้เป็นเพียงนักโทษ บวกกับสายตาของเจ้าเต่าน้อยที่กำลังมองมายังตนมีความเหยียดหยามแฝงอยู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันทีทันใด ใช้ความโกรธกลบเกลื่อนความอาย ปรี่ขึ้นหน้ามาได้ก็ยกมือขึ้นตบผลัวะลงไปบนหัวของราชาผียักษ์
“หลับตาพูดเดี๋ยวนี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวอย่างมีโทสะ จากนั้นจึงเลียริมฝีปาก พอเห็นราชาผียักษ์โกรธจนตัวสั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
“ข้าไม่เคยตบหัวครึ่งเทพมาก่อนเลย สะใจจริง…” หัวใจป๋ายเสี่ยวฉุนเร่าร้อน ท่ามกลางความคึกคะนองนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น…แล้วตบลงไปอีกครั้ง
“เฮ้ย ไม่เชื่อฟังใช่ไหม ข้าบอกให้หลับตาพูดกับข้าไง!”
“ป๋ายฮ่าว เจ้ารนหาที่ตาย!!!” ราชาผียักษ์ใกล้จะเป็นบ้าเต็มที หากตอนนี้ตบะเขาฟื้นคืนมา ต่อให้จะตบป๋ายเสี่ยวฉุนตายได้ด้วยฝ่ามือเดียว เขาก็จะต้องตบอีกฝ่ายติดต่อกันเป็นร้อยๆ ครั้ง ให้เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ได้รู้ผลลัพธ์จากการถูกคนอื่นตบหัวเสียบ้าง!