บทที่ 651 บุรพาจารย์ช่างปราดเปรื่อง
“ใครใช้ให้เจ้าทำตัวมีปัญหา! ข้าขอบอกไว้เลยนะตาแก่ อย่าได้บีบข้าเชียว หากข้าโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดอย่างฉุนเฉียว นึกถึงวิกฤตเมื่อครู่นี้เขาก็ยังหวาดผวาไม่คลาย หากช้าอีกแค่ก้าวเดียวจนราชาผียักษ์ควบคุมเต่าหินได้ ตนก็ต้องตายแน่ๆ
เพราะความหวาดกลัวป๋ายเสี่ยวฉุนจึงถลึงตาใส่ราชาผียักษ์อย่างดุดัน นัยน์ตาทอประกายไอสังหาร ไอสังหารนี้พอไปตกอยู่ในดวงตาของราชาผียักษ์ก็ทำให้เขาใจสั่นทันที เขาเข้าใจดีว่าหากตนยังกล้าไปแหยมอีกฝ่าย ด้วยนิสัยของป๋ายฮ่าวที่อำมหิตชั่วช้าไม่นับญาติกับผู้ใดจนแม้แต่พ่อแท้ๆ ของตัวเองก็ยังหมิ่นเกียรติได้ต้องสามารถทำเรื่องที่ตนอาจเสียใจภายหลังได้จริงๆ
“เขาต้องมีเรื่องอยากขอร้องข้า ข้าจะทน ไม่ไปหาเรื่องเขาก่อน” ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ ยามนี้ราชาผียักษ์จึงได้แต่สะกดกลั้นความเดือดดาล ก้มหน้าลงอีกครั้ง
และขณะที่ราชาผียักษ์ก้มหน้าลงนั้น ในเต่าหินด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน พวกประมุขตระกูลป๋ายพากันทะยานออกมา เห็นได้ชัดว่าคนตระกูลป๋ายมีวิธีต้านทานการกัดกร่อนเลือดเนื้อของน้ำแม่น้ำพิทักษ์เมืองจึงไล่กวดป๋ายเสี่ยวฉุนมาได้อย่างไร้ความกังวล
ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้านิ่งขรึม ไม่มีเวลามาสนใจราชาผียักษ์ สะบัดร่างได้ก็ถลาออกไปยังผิวน้ำ ทว่าชั่วพริบตาที่เขาขยับเข้าไปใกล้ผิวน้ำ ทันใดนั้นเจ้าเต่าน้อยก็หน้าเปลี่ยนสี กรีดร้องเสียงแหลม หดคอกลับไปอีกครั้ง
“ถอย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเหวี่ยงราชาผียักษ์มาไว้ด้านหน้าตัวเองอย่างไม่มีลังเล ร่างก็ถอยกรูดไปข้างหลัง และวินาทีที่เขาถอยออกไปนั้นเอง เสียงกัมปนาทที่ทำให้ดินสะท้านฟ้าสะเทือนก็ดังครั่นครืนขึ้นมา
เหมือนว่าจะมีพลังรุนแรงระลอกหนึ่งเยื้องกรายจากฟ้าลงมายังผิวน้ำแม่น้ำพิทักษ์เมือง ทำให้น้ำของแม่น้ำพิทักษ์เมืองถูกกระแทกจนแตกกระจุยกระจาย น้ำจำนวนมากพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าก่อนจะสาดกระเซ็นไปสี่ทิศ ขณะเดียวกันพลังมหาศาลนั้นก็ผสานรวมเข้ามาในน้ำ โจมตีลงมายังตำแหน่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่
ยังดีที่มีราชาผียักษ์สกัดขวางไว้ให้ พลังมหาศาลนั้นจึงตกลงมาบนร่างของราชาผียักษ์แทบทั้งหมด ราชาผียักษ์ตัวสั่น กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในจะแหลกสลาย เส้นผมหลุดร่วงออกมาเกือบครึ่ง ราวกับว่าเพียงครู่เดียว
จิงชี่เสิน (จิงชี่เสินคือสมบัติสามอย่างในร่างของมนุษย์ จิงคือสารหล่อเลี้ยงอันเป็นพื้นฐานในร่างกายมนุษย์ ชี่คือลมปราณ ในทางการแพทย์แผนจีนคือพลังแฝงอยู่ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ส่วนเสินคือจิตวิญญาณ) ในร่างของเขาก็เสียหายไปแล้วเกือบสองส่วน!
แม้แต่ตบะของเขาก็ยังไม่ใช่รวมโอสถอีกต่อไป แต่กลับกลายมาเป็นสร้างฐานรากในพริบตาเดียว…เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้…ต้องไม่ใช่วิชาอภินิหารของก่อกำเนิด แต่นี่คือการโจมตีของ…คนฟ้า!!
ท่ามกลางเสียงกัมปนาท เมื่อน้ำของแม่น้ำพิทักษ์เมืองกระจายไปสี่ทิศ น้ำรอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็หายไปเกลี้ยง ลมหายใจของเขาชะงักค้าง พอเงยหน้าจึงมองเห็นทันทีว่ายามนี้บนท้องฟ้ามีบุรพาจารย์ตะกูลป๋ายยืนอยู่ด้วยสีหน้ามืดทะมึนราวกับใกล้จะคลุ้มคลั่งเต็มที!
ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นตระหนกจนปากคอแห้งผาก หัวใจเต้นกระหน่ำ เขาเข้าใจดี เมื่อครู่นี้หากเจ้าเต่าน้อยไม่ร้องเตือนตนต้องตายไปแล้วแน่นอน และต่อให้เจ้าเต่าน้อยเอ่ยเตือน หากไม่เพราะในมือมีราชาผียักษ์ การโจมตีเมื่อครู่นี้ตนที่เดิมทีก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ตายก็ย่อมบาดเจ็บสาหัส
การโจมตีนั้นมาจากฝีมือของบุรพาจารย์ตระกูลป๋าย เดิมทีเขากำลังตามหาตัวจริงของราชาผียักษ์ พอผ่านที่แห่งนี้ก็ได้รับข้อความเสียงจากประมุขตระกูลป๋ายเลยนึกถึงเจ้าป๋ายฮ่าวผู้น่ารังเกียจขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงถือโอกาสเงื้อมมือตบให้อีกฝ่ายตายไปทีเดียว!
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าการโจมตีสุดกำลังของเขากลับไม่สามารถตบป๋ายเสี่ยวฉุนให้ตายได้!!
นี่จึงทำให้บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายตกตะลึง
สายตากลอกมองมายังคนที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนเหวี่ยงมาข้างหน้าเพื่อแบกรับการโจมตีของตนอย่าง…ราชาผียักษ์!!
“เขาคือ…” พอบุรพาจารย์ตระกูลป๋ายมองพินิจราชาผียักษ์ ร่างของเขาก็พลันสั่นเยือก ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นยุ่งเหยิงจนมิอาจควบคุม ดวงตาทั้งคู่ก็ยิ่งระเบิดประกายแสงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเหมือนคนที่รอดชีวิตในวันโลกาวินาศ เหมือนคนที่คว้าความหวังซึ่งวาบผ่านมาท่ามกลางความสิ้นหวังไว้ได้!!
“นี่…นี่…” บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายร้องเสียงหลงอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะแหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนร่างกระเพื่อม เสียงนั้นดังไปทั่วนครผียักษ์ทันที อีกทั้งท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความฮึกเหิม ความปิติยินดี ความลำพองใจของเขาอย่างชัดเจน
ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหายวาบ ยามนี้ดวงตาของราชาผียักษ์ที่อยู่เบื้องหน้าเขาเผยความหม่นหมอง แต่กลับไม่ได้เสียกิริยาอย่างตอนที่เผชิญหน้ากับป๋ายเสี่ยวฉุน กลับกันคือเขายิ่งสุขุมเยือกเย็น เขาเข้าใจดีว่าบางทีนี่…อาจจะเป็นชะตาของเขา
“สวรรค์ไม่ดับตระกูลป๋ายของข้า ฮ่าๆ สวรรค์ไม่ดับตระกูลป๋ายของข้า!!”
“ราชาผียักษ์ ไม่ว่าอย่างไรข้าผู้อาวุโสก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาอยู่ที่นี่!!!”
บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายหัวเราะลั่นด้วยความตื่นเต้น ร่างสั่นสะท้านไม่หยุด แม้แต่สีหน้าก็ยังแดงก่ำ แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นของเขาได้เป็นอย่างดี เพราะว่าหลายชั่วยามก่อนหน้านี้สำหรับเขาแล้วถือเป็นความทุกข์ทรมานอย่างที่มิอาจหาคำมาบรรยายได้ เขาไม่ได้รู้สึกเสียใจแค่ครั้งเดียว ทว่าในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้ พอนึกถึงการละเล่นครั้งนี้ของราชาผียักษ์ เขาก็ให้หวาดกลัวถึงขีดสุด เขาเข้าใจดีว่าความเป็นไปได้ที่ตนจะตามหาราชาผียักษ์เจอนั้นแทบจะไม่มีเลย ต่อให้หาเจอจริง ด้วยวิธีการของราชาผียักษ์ก็ต้องมีการวางแผนรับมืออย่างครอบคลุม เกรงว่าตนคง…หนีไม่พ้นเส้นตาย
เขาสิ้นหวังแล้ว ความบ้าคลั่งในความสิ้นหวังทำให้พอเจอกับป๋ายฮ่าวจึงลงมือสังหารอีกฝ่ายทันทีโดยไม่พิจารณาถึงเรื่องที่ตนจะจุติใหม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ต่อให้ฝันก็ยังฝันไม่ถึงว่าบนเส้นทางแห่งความสิ้นหวังนี้ตนกลับ…พบเจอแสงสว่างแห่งความหวัง เขากลับ…หาตัวราชาผียักษ์เจอ อีกอย่างเห็นได้ชัดว่าราชาผียักษ์ที่อยู่เบื้องหน้านี้อ่อนแออย่างมาก ไอสังหารในดวงตาทั้งคู่ของเขาจึงราวกับเปลี่ยนมาเป็นของจริง มันแผดเผาลุกโชนอยู่ในกรอบดวงตา เขาเลิกมองป๋ายเสี่ยวฉุนนานแล้ว สิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาของเขาก็คือราชาผียักษ์ที่…อ่อนแออย่างถึงที่สุด!
หลังจากที่บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายเอ่ยขึ้น พวกประมุขตระกูลป๋ายที่ไล่ตามมาต่างก็พากันชะงักกึก ทุกคนล้วนเบิกตากว้าง
เมื่อมองตามสายตาของบุรพาจารย์ตระกูลป๋ายไป พวกเขาแต่ละคนก็สูดลมเฮือกใหญ่ มองผู้เฒ่าที่อยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“เขา…เขาคือราชาผียักษ์!!”
“สวรรค์ นึกไม่ถึงเลยว่าราชาผียักษ์จะมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่!!”
“ข้าก็ว่าแล้วว่าคนผู้นี้เรือนกายแปลกประหลาด ทนรับการโจมตีจากพวกเราได้มากขนาดนั้น แต่กลับยังไม่เป็นอะไร!! ที่แท้เขาก็คือราชาผียักษ์นี่เอง!!”
ไม่เพียงแต่คนตระกูลป๋ายที่ตื่นตะลึง คนของตระกูลอื่นๆ รวมถึงกองทัพของพระยาสวรรค์ทั้งหกที่อยู่รอบด้าน หรือแม้แต่สายลับของขั้วอำนาจอื่นๆ ที่ซ่อนตัวเข้ามาในนครผียักษ์ต่างก็เกิดเสียงดังอึงอลในสมอง พากันหันมามองราชาผียักษ์ และยิ่งมีคนไม่น้อยที่สังเกตเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน สังเกตเห็นมือของป๋ายเสี่ยวฉุนที่คว้าอยู่ตรงลำคอของราชาผียักษ์ เห็นได้ชัดว่าราชาผียักษ์ถูกเขาจับเป็นเชลย
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกกันอีกครั้ง
“นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้ นั่นคือป๋ายฮ่าว? เขา…เขาจับตัวราชาผียักษ์?”
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้เหี้ยมหาญเกินไปแล้ว เขา…เขาถึงกับจับตัวราชาผียักษ์เชียวหรือนี่!! ราชาผียักษ์ตัวจริงที่ทุกคนตามหากันให้ควั่กกลับอยู่ในมือของเขา!!”
“สวรรค์ ก่อนหน้านี้ข้าดูหมิ่นเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้เกินไป ไอ้หมอนี่มันร้ายกาจยิ่งนัก แกร่งกร้าวขนาดนี้ ชื่อเสียงของเขาต้องดังสะเทือนไปแปดทิศแน่นอน!!”
เสียงสูดหายใจและเสียงฮือฮาดังไปทั่วบริเวณ ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่รีบนำข่าวนี้ส่งไปให้ขั้วอิทธิพลเบื้องหลังของตัวเอง สามารถจินตนาการได้ว่าอีกไม่นานคนทั่วทั้งนครผียักษ์ก็จะรับรู้กันหมดว่า…ป๋ายฮ่าวจับตัวราชาผียักษ์!!
อีกทั้งคนมากมายที่อยู่ที่นี่ต่างก็นึกถึงเรื่องในปีนั้นที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจับตัวประมุขตระกูลป๋าย ความสะท้านสะเทือนและพลังการโจมตีนี้จึงดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง เวลาเพียงครู่เดียว ผู้ฝึกวิญญาณทุกคนในนครผียักษ์ที่ได้รับข่าวนี้ต่างก็ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“ป๋ายฮ่าว…ใจดำอำมหิต ไม่นับญาติกับผู้ใด ทั้งยังดุร้ายอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ ไม่เพียงแต่จับตัวบิดาของตัวเอง ทั้งยังจับราชาผียักษ์เป็นเชลยด้วย!!”
สามารถพูดได้ว่าบัดนี้ทุกการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนได้สร้างความสะเทือนขวัญสั่นสยบไปทั้งเมือง…อย่างแท้จริง!!
เพียงแต่ทุกอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องการ ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ สายตาของคนรอบด้านทำให้เขาตื่นเต้นหวาดกลัวจนหน้าอกกระเพื่อมแรงไม่หยุด กัดริมฝีปากสีหน้ามืดทะมึน
ทางฝ่ายของราชาผียักษ์กลับนิ่งเฉย ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขายังไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว นัยน์ตาสงบนิ่งอยู่นานแล้ว อีกทั้งบารมีอันน่ากริ่งเกรงก็ได้หายไปไม่มีเหลือ บัดนี้สิ่งที่ปรากฏบนร่างของเขาคือเคารพในตัวเองที่ราวกับว่าต่อให้ตาย เขาก็ต้องตายอย่างสมเกียรติ เพียงแต่นัยน์ตาที่ยังมีความเสียดายกลับทอดไกลไปยังทิศทางหนึ่ง พึมพำแผ่วเบาอยู่ในใจตัวเอง
“น่าเสียดายที่จะไม่ได้เจอกับบุปผาของราชาผียักษ์อีกแล้ว…”
“ป๋ายฮ่าว ตอนนี้เจ้าสามารถปล่อยมือได้แล้ว” ราชาผียักษ์เอ่ยเสียงเรียบเฉย
“ทำไงดี ทำไงดี…” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจ พอเห็นว่าบุรพาจารย์ตระกูลป๋ายที่อยู่กลางอากาศยกมือขวาขึ้นคล้ายจะเอื้อมลงมาคว้า ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีแสงเหี้ยมเกรียมวาบผ่านแล้วพลันตะโกนขึ้นเสียงดัง
“บุรพาจารย์ช่างปราดเปรื่องยิ่งนักที่มองออกตั้งแต่แรกว่าเจ้าโจรเฒ่าผียักษ์ผู้นี้ต้องมีแผนรับมือ ฮ่าวเอ๋อร์โชคดีที่ทำภารกิจซึ่งบุรพาจารย์มอบหมายได้สำเร็จ ต้องทนรับความอัปยศเพื่อภาระใหญ่หลวง ไม่สนใจหากใครเข้าใจผิดว่าข้าทรยศต่อตระกูลป๋าย ในที่สุดก็ได้รับความเชื่อใจจากราชาผียักษ์ จับตัวราชาผียักษ์ผู้นี้ได้สำเร็จดังที่ท่านต้องการ!”
“ฮ่าวเอ๋อร์จะมอบโจรเฒ่าผียักษ์ผู้นี้ให้กับบุรพาจารย์ด้วยมือของข้าเอง ขออวยพรให้บุรพาจารย์รุ่งเรืองค้ำฟ้า ให้ตระกูลป๋ายของเราดำรงอยู่สืบนานไปนิจนิรันดร์!”
เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ดังออกมาทำเอาทุกคนอึ้งงันกันหมด ราชาผียักษ์ขมขื่น บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายยืนงง ส่วนคนอื่นๆ ก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง มองป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังบินเข้ามาใกล้บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายอย่างต่อเนื่องหมายจะมอบตัวราชาผียักษ์ให้กับบุรพาจารย์ด้วยท่าทางตื่นเต้น
แม้แต่บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายเองก็ยังตะลึงงันไปกับคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนจนไม่ทันคิดถึงอย่างอื่น เพราะถ้อยคำของป๋ายเสี่ยวฉุนช่างพูดได้อย่างเหมาะเจาะสมจริงจนทำให้คนฟังมองข้ามเรื่องอื่น
เห็นได้ชัดว่าเขายกคุณความชอบทั้งหมดให้กับบุรพาจารย์ตระกูลป๋าย อีกทั้งขอแค่บุรพาจารย์ตระกูลป๋ายเอ่ยปากคำเดียวก็เท่ากับรับคุณความชอบนี้ไปอย่างสมเหตุสมผล เห็นได้ชัดว่าด้วยความชอบนี้จะทำให้เขาได้เปรียบในการช่วงชิงตำแหน่งราชา เมื่อความคิดในสมองโลดแล่น ดวงตาทั้งคู่ของบุรพาจารย์ตระกูลป๋ายจึงเปล่งแสงวาบอย่างอดไม่ได้
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้…น่าสนใจ…” บนใบหน้าของบุรพาจารย์ตระกูลป๋ายพลันเผยรอยยิ้ม มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่มีท่าทางว่านอนสอนง่ายแต่ดูกระวนกระวายซึ่งขยับเข้ามาใกล้ตนในระยะสิบลี้แล้ว ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก
ทว่าเวลานี้เอง เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็พลัน…บังเกิดขึ้น!!