Skip to content

A Will Eternal 660

บทที่ 660 เลือดวิญญาณของราชาผียักษ์

ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมขึ้นมาโดยพลัน แต่ไม่นานใจเขาก็ร่วงลงไปอยู่ตาตุ่ม หน้าซีดขาว!

เดิมทีเขาก็ไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าค่ายกลของที่นี่จะเป็นค่ายกลนำส่งแสนลี้ ยังนึกไปว่ามันเป็นเพียงค่ายกลนำส่งทั่วไปจึงหมายใช้มันทิ้งระยะห่างออกไปจากที่นี่

ทว่าในใจเขากลับวิเคราะห์และตัดสินไว้แล้วเรียบร้อย นอกเสียจากว่าสวีซื่อโหย่วจะพูดปด หาไม่แล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็มั่นใจว่าตนอยู่ห่างจากค่ายกลนำส่งแสนลี้อีกไม่ไกลแล้ว

เพราะอย่างไรซะก่อนหน้านี้เขาก็เคยทดลองใช้ค่ายกลมาแล้วไม่น้อย จำนวนรวมมากถึงเจ็ดส่วนกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ขอแค่สวีซื่อโหย่วพูดความจริง ถ้าเช่นนั้นอีกไม่นานตนก็ต้องหาเจอ

แต่ตอนนี้ ที่นี่กลับเป็น…ค่ายกลนำส่งแสนลี้ การเผยตัวของค่ายกลมองดูเหมือนมอบโอกาสรอดชีวิตแก่ป๋ายเสี่ยวฉุน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจดีว่าที่มาพร้อมกับโอกาสรอดชีวิตก็คือเคราะห์ภัยแห่งความตาย!!

ลมหายใจของเขาถี่รัว ทว่ากลับไม่มีเวลาให้คิดมากจึงยกมือขวาขึ้นตบลงไปบนพื้นดินอย่างแรง เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง แสงค่ายกลนำส่งที่อยู่โดยรอบก็ยิ่งระเบิดพร่างพราว

แสงค่ายกลเปล่งประกายระยิบระยับ

ทว่านัยน์ตาที่แฝงความบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด เขารู้ดีว่าเวลาอย่างนี้คือเวลาที่อันตรายที่สุดสำหรับตน ก่อนหน้านี้เนื่องจากบุรพาจารย์ตระกูลไช่กริ่งเกรงวิธีการของตน ดังนั้นในตบะสิบส่วนของเขาจึงมีเกินครึ่งที่เอาไปใช้หลบเลี่ยงการโจมตี นี่ถึงทำให้ตนพาราชาผียักษ์หนีมาถึงที่นี่ได้อย่างถูไถ…

ทว่าแสงของค่ายกลนำส่งย่อมทำให้บุรพาจารย์ตระกูลไช่ไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีก…

และเรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ บุรพาจารย์ตระกูลไช่สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ความโกรธเคืองในดวงตาหายไป แทนที่มาด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ต่อให้เขาจะกริ่งเกรงแค่ไหนแต่เวลานี้ก็ไม่ลังเลอีกแล้ว ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมีวิธีการรับมือซ่อนอยู่จริงๆ เขาก็จำต้องลงมือ หาไม่แล้วความร้ายแรงของผลที่จะตามมาย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาแบกรับได้

ยามนี้ตบะตลอดทั้งร่างของบุรพาจารย์ตระกูลไช่จึงแผ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างไม่มีลังเล ชั้นเมฆบนนภากาศซัดตลบอบอวล สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแลบปลาบขึ้นมากลางอากาศ พอจะเห็นได้รำไรว่าบนท้องฟ้ามีใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์จำแลงออกมา ใบหน้านี้เป็นของบุรพาจารย์ตระกูลไช่

เวลาเดียวกันนั้นร่างของบุรพาจารย์ตระกูลไช่ก็เดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว วินาทีที่ก้าวนี้เหยียบลงมาอย่างมั่นคง บนท้องฟ้าก็มีสายฟ้าหนาแน่นที่ผ่าเปรี้ยงลงมาสู่พื้นดินราวกับฝนสายฟ้าสีทอง

ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ร่างของบุรพาจารย์ตระกูลไช่ก็ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มั่นคง ยามนี้เขาร้อนใจจริงๆ แล้ว ก่อนหน้านี้เขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีค่ายกลนำส่งแสนลี้อยู่ ตามแผนการเดิมของเขาคือคิดจะอาศัยค่ายกลแห่งนี้หลบหนีไปเพื่อดึงระยะห่าง จากนั้นค่อยหาค่ายกลนำส่งแสนลี้ให้เจอแล้วเผ่นหนี แม้เวลาอาจจะกระชั้นชิดไปบ้างแต่ก็ไม่แน่ว่าจะไม่พอ

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปแล้ว

“จบกันๆ ข้าเล่นใหญ่จนเลยเถิดเกินไปแล้ว…ทำไงดีๆ …ต่อให้ตอนนี้ยอมมอบตัวราชาผียักษ์ บุรพาจารย์ตระกูลไช่ก็ไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่”

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจ อยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา แล้วก็ใช่ว่าเขาเองจะไม่เคยพิจารณาเรื่องโยนราชาผียักษ์เข้าไปในค่ายกล แต่เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เขาเข้าใจดีว่าหากตนทำเช่นนั้น มองภายนอกเหมือนมีเวลาเพิ่มขึ้น

ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าราชาผียักษ์จะมีผลลัพธ์เช่นไร

บุรพาจารย์ตระกูลไช่ก็ย่อมไม่มีทางปล่อยตนไปแน่นอน รวมไปถึงตระกูลเฉินและตระกูลป๋ายด้วย

อีกอย่างหากราชาผียักษ์ช่วงชิงเวลาจนตบะฟื้นคืนมาได้ ถ้าเช่นนั้นตนก็ยิ่งต้องตายอนาถมากกว่าเดิม…ต่อให้มีตราผนึกอยู่ ทว่าในคำสาบานที่ให้ไว้กับราชาผียักษ์ก็ไม่ได้บอกว่าต่อให้ตนโยนราชาผียักษ์ให้กับสามตระกูลแล้วสัญญาจะยังเป็นจริงได้

“แม่งเอ๊ย สู้ตายโว้ย!!” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนแดงก่ำในชั่วพริบตา เขากลัวตาย ทว่าเมื่อความตายเยื้องกรายมาเยือน ในช่วงเวลาที่ไม่มีทางเลือก ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับบ้าคลั่งขึ้นมาทันที ไม่มัวลังเลใจอีกต่อไป ต่อให้เขาจะไม่ชอบเดิมพัน ทว่าตอนนี้ก็ได้แต่ลงเดิมพันดูสักตั้ง

เดิมพันว่าตัวเองจะยืนหยัดไปได้จนกระทั่งค่ายกลเปิดทำงานหรือไม่!

และวินาทีนี้ร่างจำแลงที่อ่อนแอของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เผยกายขึ้นมาอีกครั้ง พลังอำนาจตลอดทั้งร่างระเบิดออกอย่างไม่กลัวตาย ส่วนมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คลายตัวราชาผียักษ์ออกเป็นครั้งแรก ทำให้ราชาผียักษ์ร่วงลงไปบนค่ายกลบนพื้นดิน

ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเงยหน้าด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง หมายจะสกัดกั้นบุรพาจารย์ตระกูลไช่

“ป๋ายฮ่าว ตาย!” เสียงของบุรพาจารย์ตระกูลไช่ประหนึ่งปณิธานจากสวรรค์ แฝงเร้นไว้ด้วยกฎแห่งฟ้าดิน วินาทีที่ดังก้องไปทั่ว สายฟ้านับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาแล้วรวมตัวกันกลายมาเป็นขวานศึกขนาดใหญ่ยักษ์เล่มหนึ่ง

ขวานศึกสายฟ้านี้ดิ่งลงมาพร้อมเสียงกัมปนาท บุรพาจารย์ตระกูลไช่กระโดดผลุงขึ้นกลางอากาศแล้วยื่นมือคว้า ก่อนจะเหวี่ยงมือตวัดฟันเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน…อย่างแรง!

ความเร็วที่เร็วสุดขีดเช่นนั้น ต้องร่วงมาตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนที่ค่ายกลนำส่งจะทำงานแน่นอน!

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่าในดวงตาของราชาผียักษ์ที่กำลังก้มหน้ามีประกายแสงประหลาดวูบผ่าน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะหวั่นไหวเพราะซาบซึ้งใจกับการกระทำและคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เขาเป็นคนเหลี่ยมจัดเจ้าแผนการ อีกทั้งจิตใจของเขายังด้านชา นอกจากญาติตัวเองแล้ว เขาก็ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น

ต่อให้คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำให้เขาประทับใจจนเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาชั่วครู่ แต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้ดำรงอยู่นานนัก อีกอย่างวิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่น่าเชื่อถือ เพียงแต่…เมื่อค่ายกลนำส่งแสนลี้นี้ปรากฏขึ้น การเลือกและการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเหมือนการซ่อมแซมที่จะดำรงอยู่ตลอดกาล ซ่อมแซมให้ทุกข้อบกพร่องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกระทำลงไปก่อนหน้านี้สมบูรณ์แบบขึ้นมาในชั่วพริบตา!

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ก็ทำตามคำสัญญาจริงๆ เขากำลังใช้ชีวิตของตัวเองมาปกป้องราชาผียักษ์…

ที่สำคัญที่สุดก็คือป๋ายเสี่ยวฉุนยอมปล่อยมือที่จับเขาเอาไว้ตลอดเวลาออก!!

การกระทำนี้ทำให้ในใจของราชาผียักษ์ถูกกระแทกโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง เขาเข้าใจดี นี่แสดงให้เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีความคิดที่จะโยนตัวเองทิ้งไป…ต่อให้เขาจะเป็นคนด้านชาขนาดไหนก็ยังอดตื้นตันใจอีกครั้งไม่ได้

เวลาหนึ่งวัน ความซาบซึ้งใจที่เกิดขึ้นติดต่อกันหลายครั้งทำให้ราชาผียักษ์สูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาเขาเผยความเด็ดเดี่ยว วินาทีที่เห็นบุรพาจารย์ตระกูลไช่เข้ามาใกล้ ราชาผียักษ์ก็พลันยกมือขวาขึ้นตบลงไปกลางหว่างคิ้วของตัวเองอย่างแรง

เสียงตูมดังลั่น หว่างคิ้วของเขามีรอยปริแตกปรากฏขึ้น ก่อนที่ในรอยแยกนั้นจะมีเลือดสดสีทองหยดหนึ่งบินเข้าไปหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างรวดเร็ว

“ป๋ายฮ่าว นี่คือเลือดวิญญาณของข้าผู้อาวุโส ผสานรวมเข้าในกายจะทำให้เจ้ามีพลังโจมตีหนึ่งครั้งของครึ่งก้าวครึ่งเทพ ถือทวนยาวสีชาดของข้า…โจมตีไปด้วยกำลังทั้งหมดของเจ้า!!” เสียงของราชาผียักษ์อ่อนระโหย การบินออกมาของเลือดวิญญาณหยดนี้ทำให้ร่างของเขาเหมือนแก่ลงไปอีก เรือนกายซูบผอมราวกับหนังหุ้มกระดูก แถมปราณยังอ่อนแออย่างถึงที่สุดเหมือนคนที่พลังชีวิตใกล้จะหมด สายตาก็ขุ่นมัวพร่าเลือน

เลือดวิญญาณนี้ในร่างของเขามีอยู่แค่สามหยดเท่านั้น สำหรับเขาแล้วจึงสำคัญอย่างยิ่งยวด แม้ว่าจะทำให้ตบะของผู้อื่นเพิ่มสูงขึ้นไม่มากนัก ทำได้เพียงระเบิดตบะในชั่วเวลาสั้นๆ ทว่าประโยชน์ที่แท้จริงของเลือดวิญญาณก็คือทำให้คนผู้นั้นกระจ่างแจ้งถึงกฎแห่งคนฟ้า หรืออาจถึงขั้นประจักษ์แจ้งถึงกฎแห่งครึ่งเทพ!

ด้วยความเด็ดเดี่ยวของราชาผียักษ์ เลือดวิญญาณหยดนี้จึงถูกส่งออกมา!

ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนยาว แต่ความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในเวลาชั่วสายฟ้าแลบ ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งงัน คำพูดของราชาผียักษ์ยังดังก้องอยู่ข้างหู เลือดวิญญาณหยดนั้นก็บินเข้ามาที่หน้าอกของตนแล้วผสานเข้าไปในร่างทันใด

เมื่อเลือดวิญญาณหลอมละลาย คลื่นความร้อนระลอกหนึ่งก็ระเบิดตูมขึ้นมาในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน ภายใต้การระเบิดนี้เส้นเอ็นบนใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนปูดนูน เขาแหงนหน้าแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้าด้วยความเจ็บปวด

ขณะที่ร้องคำราม ในร่างของเขาก็มีเสียงปังๆๆ ดังกึกก้อง กล้ามเนื้อของเขาคล้ายเคลื่อนโคจรพร้อมกันหมดเพื่อแบกรับการระเบิดของเลือดวิญญาณหยดนี้

ตบะของเขาก็ยิ่งแผ่พลังอำนาจที่ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ปราณนี้ใช้ความเร็วเกินคำบรรยายไต่ทะยานขึ้นสูง พริบตาเดียวก็ฝ่าทะลุยาอายุวัฒนะกลายมาเป็นก่อกำเนิดช่วงต้น ก่อนจะไปสู่ขั้นสมบูรณ์แบบ จากนั้นก็ฝ่าทะลุอีกครั้งกลายเป็นคนฟ้า

ทว่ายังไม่สิ้นสุด เพียงแค่เสี้ยวนาที ปราณของเขาก็ไต่ระดับสู่คนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบอยู่ห่างจากครึ่งเทพอีกแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น!

นี่คือ…ครึ่งก้าวก่อนครึ่งเทพ!!

อ๊าก!!

ป๋ายเสี่ยวฉุนแหงนหน้าแผดเสียงคำรามยาว เส้นผมปลิวสยายยุ่งเหยิง

ในสมองของเขายังมีความเข้าใจต่อคนฟ้า การประจักษ์แจ้งต่อการเป็นครึ่งเทพของราชาผียักษ์ลอยขึ้นมา แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด ทว่าสำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ความเข้าใจเหล่านี้มีค่าอย่างหาสิ่งใดมาเปรียบไม่ได้ โชควาสนาเช่นนี้เรียกได้ว่าพบเจอได้แต่มิอาจเรียกร้องครอบครอง!

หลังจากนี้จะยิ่งทำให้เขาเดินไปบนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญตบะได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งจะไม่มีทางก้าวพลาด หรืออาจทำให้เขาเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ซัดคลื่นลูกเก่า เหนือยิ่งกว่าราชาผียักษ์!

ทุกอย่าง…ล้วนเป็นไปได้!

นี่ก็คือพลังของเลือดวิญญาณ แม้จะไม่ทำให้คนคนหนึ่งเหยียบขึ้นสวรรค์ได้ในก้าวเดียว ทว่าประโยชน์ของมันกลับทอดไกลยาวนานจนทำให้เหนือกว่าคนก่อนหน้านี้!

บุรพาจารย์ตระกูลไช่หน้าเปลี่ยนสี ร้องอุทานเสียงหลง

“เลือดวิญญาณ!!” เขาคิดไม่ถึงว่าราชาผียักษ์ผู้เห็นแก่ตัวจิตใจหยาบกระด้างจะยอมมอบเลือดวิญญาณให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน ลมหายใจของเขาจึงหนักแน่น ไอสังหารในดวงตายิ่งรุนแรง มือที่ถือขวานศึกสายฟ้าเหวี่ยงฟันลงมายังป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยอำนาจแหวกฟ้าผ่าดิน

การโจมตีนี้มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงปร้าง พลังอำนาจฟ้าดินซัดพวยพุ่งประหนึ่งสวรรค์พิโรธหมายจะลงโทษทุกสรรพชีวิต มองไกลๆ ท้องฟ้าก็ราวกับกลายมาเป็นบ่อสายฟ้าที่สายฟ้าไหลกรากลงมาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนตามขวานที่ตวัดฟัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version