Skip to content

A Will Eternal 700

บทที่ 700 นี่ข้าฝ่าทะลุขั้นจริงๆ หรือ

พายุงวงช้างสีทองนี้ประหนึ่งใบมีดแหลมคมที่ทนทานไม่มีวันดับสลาย ทว่ากล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้มีพลังการป้องกันที่น่าตะลึง อีกทั้งทั่วร่างยังมีแต่อาวุธหลอมพลังจิตจึงแทบจะไม่ต่างอะไรจากสัตว์ร้ายในร่างคน ระหว่างที่ก้าวเดิน พายุลูกนี้จึงมิอาจสกัดกั้นเขาได้แม้แต่น้อย

เสียงปังๆๆ ดังสะท้อนไม่ขาดสาย อักขระสีทองเหล่านั้นกระแทกลงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่กลับไม่ได้สร้างผลกระทบให้เขาได้เท่าไหร่นัก แทบจะพริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้ากงซุนอี้ด้วยสีหน้าดุร้าย มือขวากำเป็นหมัดแล้วต่อยโครมออกไป!

ทว่าชั่วขณะที่หมัดนี้เหวี่ยงเข้ามา ดวงตาของกงซุนอี้กลับมีแสงสีทองเปล่งวาบ อักขระสีทองแสนตัวรอบด้านพุ่งเข้ามาหาเขาทันทีทันใด ก่อนจะทับซ้อนกันอยู่เบื้องหน้าเขา ก่อเกิดเป็นกำแพงแสงสีทองที่กั้นขวางหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้

เสียงกัมปนาทสะเทือนไปทั้งชั้นฟ้า ฝีเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนหยุดชะงัก ม่านแสงสีทองนั้นสั่นไหว รอยปริร้าวปรากฏขึ้นพร้อมเสียงลั่นดังเปรี๊ยะๆ ทว่ากลับไม่ได้พังทลาย กงซุนอี้ที่อยู่หลังกำแพงแสงกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ แต่กลับฉวยโอกาสที่ป๋ายเสี่ยวฉุนชะงักเดินก้าวออกมาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน

“ป๋ายฮ่าว เจ้ามีความสามารถเพียงแค่นี้เองรึ!” กงซุนอี้คำรามกร้าว แต่ในใจก็ตกใจมากเหมือนกันที่ตบะในร่างของเขาถูกพลังไร้รูปลักษณ์ขุมหนึ่งข่มทับ ทำให้เขาเข้าใจทันทีว่าที่ป๋ายฮ่าวแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเวทลับมหัศจรรย์บางอย่างที่อีกฝ่ายใช้ฝึกตน

ยามนี้ไม่มีเวลามามัวคิดมาก เขาอาศัยปณิธานในการรบที่เข้มข้นระงับความไม่มั่นคงทั้งหมดในร่างกาย มือทั้งคู่ทำมุทราชี้เข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ทันใดนั้นกำแพงแสงก็พลันแตกสลายด้วยตัวเอง

เพียงแต่ว่าชั่วขณะที่แตกสลายนั้น อักขระหนึ่งแสนตัวกลับเข้ามารวมตัวกันอีกครั้งแล้วจำแลงมาเป็นหงส์สีทองตัวหนึ่ง หงส์ตัวนี้หวีดร้องเสียงแหลม พอจำแลงกายสำเร็จมันก็พุ่งพรวดเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนทันที

“เวทอภินิหารของราชาชัยน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดา ต้องได้มาจากราชาชิงชัยแน่นอน หากไม่เป็นเพราะข้าไม่มีวิชาก่อกำเนิด อีกทั้งเวทอภินิหารบางอย่างยังเผาผลาญพลังวิญญาณเยอะเกินไป การจะบีบให้ราชาชัยน้อยผู้นี้สิ้นชีพก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงเย็นอยู่ในใจ มองออกว่าตบะของกงซุนอี้เกินขั้นก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แบบไปแล้ว ราวกับว่าห่างจากครึ่งก้าวคนฟ้าอีกแค่ม่านบางๆ กางกั้นเท่านั้น

เพียงแต่ว่าม่านนี้ยากที่จะฝ่าทำลาย จำเป็นต้องอาศัยโอกาสและโชควาสนา ทั้งยังจำเป็นต้องมีความเด็ดเดี่ยวอย่างมากถึงจะได้ ยามนี้พอเห็นว่าหงส์ทองพุ่งเข้ามาหมายเขมือบกลืนเขา มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกขึ้นคว้าจับผ่านอากาศ ทันใดนั้นทวนยาวสีดำที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบหกครั้งก็พลันมาอยู่ในมือของเขา ก่อนจะถูกเขาแทงเข้าใส่หงส์ทองที่เข้ามาใกล้อย่างไร้ความลังเล!

การแทงครั้งนี้คล้ายแหวกฟ้าผ่าดิน เสียงอากาศระเบิดติดต่อกันเป็นทอดๆ ทวนยาวปะทะเข้ากับหงส์ทองตัวนั้นทันที เสียงกัมปนาทสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน พลังโจมตีระลอกหนึ่งแผ่ออกไปรอบทิศ ผลักให้กงซุนอี้ถอยร่นไปด้านหลัง

ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันระเบิดความเร็วกลายมาเป็นดาวตกดวงหนึ่งที่ไล่ตามไป ทวนยาวสีดำอยู่ในมือ ทำให้มองไกลๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนกลายมาเป็นสายฟ้าสีดำเส้นหนึ่งที่ราวกับจะฉีกกระชากนภากาศ ลักษณะพลังนั้นน่าครั่นคร้ามยิ่ง

ทางฝ่ายของกงซุนอี้นั้นเซถอยไปไกลถึงร้อยจั้ง เลือดสดพุ่งทะลักออกจากปากไม่หยุด หลังจากบังคับร่างให้หยุดมั่นคง เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกระโจนเข้ามาสังหาร ลมหายใจของเขาก็เปลี่ยนมาเป็นถี่กระชั้น ปณิธานแห่งการสู้รบในดวงตายิ่งดุเดือด เขาคำรามดังลั่น แต่ไม่ได้เลือกถอยหลัง ยิ่งไม่เบี่ยงหลบ กลับถลาบุกเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“ข้าคือราชาชัยน้อย มีหรือจะมาแพ้ด้วยน้ำมือของเจ้า!” ดวงตาของกงซุนอี้แดงฉาน ขณะที่พุ่งใส่อีกฝ่ายมือทั้งคู่ก็กดลงไปด้านหน้าอย่างแรง อักขระหนึ่งแสนตัวที่อยู่รอบกายพลันมารวมตัวกันในชั่วพริบตา ก่อนจะกลายร่างเป็นขวานศึกสีทองเบื้องหน้าเขาซึ่งจามใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้ามาใกล้อย่างเหี้ยมหาญ!

เสียงตูมตามดังเกริกก้องเขย่าคลอนไปแปดทิศอีกครั้ง ขวานศึกสีทองแตกสลายไปทีละชั้น อักขระหนึ่งแสนตัวแหลกสลายทันใด ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกระเพื่อมไหว ทว่าความเร็วกลับไม่ผ่อนลงแม้แต่น้อย หลังจากลอดผ่านขวานศึกที่พังทลายลงมาได้ เขาก็ยังคงกลายร่างเป็นสายฟ้าสีดำพุ่งเข้าหากงซุนอี้!

กงซุนอี้กระอักเลือดจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างถูกพละกำลังมหาศาลผลักให้ม้วนตลบออกไปหลายสิบจั้ง มุมปากยกยิ้มขื่น ทว่าปณิธานการต่อสู้ในดวงตากลับไม่ลดน้อยลง ท่ามกลางเสียงร้องคำรามเขาคล้ายคนไม่สนใจความเป็นความตาย มือทั้งคู่ทำมุทรา ทันใดนั้นอักขระหนึ่งแสนตัวที่กระจายตัวกันก็ยิ่งส่องแสงสีทองเจิดจ้า พริบตาเดียวก็เคลื่อนมาอยู่เบื้องหน้ากงซุนอี้แล้วรวมตัวกันกลายมาเป็นกระบองยาวสีทองอันหนึ่ง!

กงซุนอี้พลันเหวี่ยงควงกระบองยาวในมือ ทั้งยิ่งโคจรตบะตลอดร่างให้ระเบิดออก กล้ามเนื้อของเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เมื่อสองอย่างผสานรวมเข้าด้วยกันจึงก่อให้เกิดพายุสีทองที่หมุนคว้างมาพร้อมกระบองที่ฟาดกระแทกป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง!

“ไม่นึกเลยว่าเวทอภินิหารของกงซุนอี้จะเปลี่ยนแปลงจนเกินคาดเดาเช่นนี้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตกใจเหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงของอักขระหนึ่งแสนตัวของอีกฝ่ายทำเอาเขาที่มองอยู่รู้สึกอิจฉาตาร้อน แต่เขาเองก็รู้ดีว่านี่ต้องเป็นเวทลับของราชาชิงชัย คนนอกไม่มีทางได้ฝึกฝน เมื่อเห็นว่ากระบองสีทองนั้นพุ่งเข้ามาหาดุจพลิกภูเขาตลบมหาสมุทร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แผดเสียงคำรามต่ำๆ ทวนยาวที่อยู่ในมือไม่แทงไปข้างหน้าอีกต่อไป

แต่ถูกเขาทิ่มขึ้นไปด้านบนอย่างแรง พริบตานั้นความว่างเปล่าบิดเบือน ตบะของเขา พลังกล้ามเนื้อของเขาไล่ตามทวนยาวขึ้นสู่เบื้องบนแล้วระเบิดออกอย่างกล้าแกร่ง

ตูมๆๆ!

คนทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ สะท้านฟ้าเขย่าดิน กงซุนอี้กระอักเลือดคำใหญ่อีกหลายคำ

ทว่าเขาเหมือนเสียสติไปแล้ว ต่อให้อาการบาดเจ็บจะร้ายแรงถึงระดับนี้ กระนั้นเขาก็ยังไม่ถอยหนี แต่บุกเข้าไปฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ใช่กระบองอีกต่อไป เพราะกระบองนั้นแตกสลายออกเป็นเศษชิ้นส่วน อักขระหนึ่งแสนตัวจึงถูกกงซุนอี้รวบรวมมาจากรอบด้านแล้วแปลงให้เป็นอาวุธวิเศษทั้งหมดหนึ่งร้อยชิ้น!

อาวุธวิเศษเหล่านี้มีทั้งมีด ทวน กระบี่ ง้าว ขวาน ขวานวงพระจันทร์ ตะขอ ตรีศูล มีครบหมดทุกรูปแบบ ทว่าไม่มีชิ้นใดที่เป็นอาวุธป้องกันกาย ทุกชิ้นล้วนมีปราณดุร้ายเทียมฟ้า พวกมันต่างก็พุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมกับตัวของกงซุนอี้

“ป๋ายฮ่าว จงแสดงท่าไม้ตายของเจ้าออกมา ไม่ข้าตายก็เป็นเจ้าที่ต้องดับสูญ!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงสีหน้าประทับใจ กงซุนอี้ผู้นี้มีปณิธานในการต่อสู้ที่กร้าวแกร่งอย่างมาก อีกทั้งวิชาอภินิหารยังแปลกประหลาด รวมไปถึงความบ้าระห่ำไม่กลัวตาย ทุกอย่างนี้ล้วนทำให้ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง

เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่แท้จริงของแดนทุรกันดารไม่ใช่ทุกคนที่เป็นอย่างกลุ่มคนที่เขาจับตัวไปก่อนหน้านี้ เพราะบางคนมีใจที่แข็งแกร่งอยู่อย่างแท้จริง!

อย่างเช่นกงซุนอี้ผู้นี้ หรือแม้แต่โจวหงก็ยังพอนับรวมได้อย่างกล้อมแกล้ม แม้แต่ละคนจะมีข้อบกพร่องต่างกัน ทว่าความบ้าคลั่งกระหายการต่อสู้ของพวกเขา ปณิธานที่โหดเหี้ยมและความยืนหยัดของพวกเขา ต่อให้เป็นในสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็ยังมีน้อยคนที่จะเป็นเช่นนี้

“เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่กลับยังคงเลือกจะสู้กับข้าอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด นึกถึงการกระทำของเขาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเขาใช้ข้าเป็นหินขัดเกลาฝีมือจริงๆ ต้องการฝึกฝนตัวเองในระหว่างความเป็นและความตาย”

ในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยแววนับถือ เขารู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องเคารพคู่ต่อสู้แบบนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งเข้ามาเข่นฆ่า เห็นปราณดุร้ายของอาวุธวิเศษทั้งร้อยชิ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อยกมือขวาขึ้น ทวนยาวสีดำที่อยู่ในมือก็หายวับไป

เขาไม่ได้ใช้อาวุธวิเศษต่อ แต่ยืนอยู่ระหว่างฟ้าดิน ปราณของเขาในเวลานี้ก็หดหายไปเช่นกัน ในร่างมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่น จิงชี่เสิน (จิงชี่เสิน (精气神)ศาสนาเต๋าถือว่าจิงชี่เสินเป็นหัวใจหลักของมนุษย์ โดยจิง (精)หมายถึงสสารที่สำคัญต่อร่างกาย ชี่ (气)คือลมปราณ และเสิน (神)คือจิตวิญญาณ) รวมไปถึงจิตใจต่างก็ถูกบีบอัด

หลังจากการบีบอัดนั้น น้ำวนสีดำก็ปรากฏขึ้นที่มือขวาของเขา คลื่นน่าหวาดกลัวระลอกหนึ่งแผ่ออกมาจากในน้ำวนนี้อย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านหลังของเขาก็มีเงาร่างหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความเผด็จการรวมตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เงาร่างนั้นสวมอาภรณ์จักรพรรดิ ทั้งยังสวมมงกุฎจักรพรรดิ นัยน์ตามองหมิ่นใต้หล้า

“เจ้าต้องการบรรลุระหว่างความเป็นความตาย ข้าก็จะมอบโอกาสนี้ให้กับเจ้า!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าประโยคนี้ของตัวเองกล่าวได้อย่างมีบารมีน่าเกรงขาม มือขวาพลันกำเข้าหากันเป็นหมัด รวมปราณให้มั่นคง ก่อนจะเหวี่ยงหมัดต่อยไปยังกงซุนอี้ที่เข้ามาใกล้!

หมัดนี้ที่กระแทกลงไม่ใช่พลังทั้งสิบส่วน เขายังกักพลังเอาไว้อีกห้าส่วน ทว่าเพียงแค่พลังห้าส่วนนี้ก็ทำให้นภากาศเปลี่ยนสี ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนจนหมอกรอบด้านกลิ้งซัดตลบปั่นป่วน น้ำวนสีดำลูกนั้นก็ยิ่งขยายใหญ่คล้ายกลายมาเป็นหลุมดำที่ตรงเข้าดูดร่างกงซุนอี้!

ขณะเดียวกันดวงตาของเงาจักรพรรดิด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายแสงคมกริบ ร่างบิดเบือนกลายมาเป็นปณิธานแห่งความเผด็จการซึ่งผสานรวมเข้าไปในหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุน ผสานรวมเข้าไปในน้ำวนจนกลายมาเป็นท่าไม้ตายของป๋ายเสี่ยวฉุน

หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญ! ตูมๆๆ!

เมื่อหมัดนี้ต่อยออกไปก็คล้ายทำให้ความเคลื่อนไหวตลอดทั้งฟ้าดินกลายมาเป็นเชื่องช้า แสงของโลกทั้งใบมารวมอยู่ด้วยกัน แทนที่ทุกสิ่งทุกอย่างในความว่างเปล่า กลายมาเป็นจุดรวมสายตาเพียงหนึ่งเดียวของที่แห่งนี้!

กงซุนอี้ร้องคำรามแหบโหยดุดัน ดวงตาทั้งคู่ที่แดงก่ำจ้องเขม็งไปยังหลุมดำที่แฝงเร้นไว้ด้วยความเผด็จการซึ่งเกิดจากหมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน เห็นได้ชัดว่าหลุมดำนั้นสูงส่งอยู่เหนือผู้ใด นั่นทำให้เขาที่ร้องคำรามพลันโบกมือทั้งคู่ไปยังเบื้องหน้าอย่างแรง

“สวรรค์ชิงชัย!” เมื่อเสียงที่ดังราวอสนีบาตก้องกังวาน อาวุธวิเศษร้อยชิ้นของเขาก็เพิ่มความเร็วพุ่งเข้าหาหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุน

เสียงอึกทึกกึกก้องฟ้าดินพลันระเบิดออกมา หลังจากที่อาวุธเหล่านั้นปะทะเข้ากับหลุมดำของหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญ อาวุธทุกชิ้นก็แหลกลาญย่อยยับ แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ มิอาจสกัดกั้นอะไรเอาไว้ได้เลย

เขาได้เพียงมองดูอาวุธวิเศษจากอักขระนับแสนตัวของตนพังพินาศไปต่อหน้าต่อหน้า ได้แต่มองหลุมดำนั้นพุ่งโครมครามเข้ามาหาหมายเขมือบกลืนตนไว้ด้านใน วิกฤตความเป็นความตายอันรุนแรงพลันก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่โถมตัวสูงเทียมฟ้าอยู่ในหัวใจของกงซุนอี้

วินาทีที่จะถูกเขมือบกลืน ชั่วเวลาแห่งความเป็นความตาย ปณิธานในการต่อสู้ของกงซุนอี้ไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง กลับยิ่งระเบิดออกอย่างเหี้ยมหาญ ภายใต้การระเบิดของปณิธานในการต่อสู้ ท่ามกลางความบ้าคลั่งยืนหยัดในเจตจำนงของตัวเอง ร่างของเขาพลันสั่นเยือกอย่างแรง ข้างหูมีเสียงแตกลั่นดังเปรี๊ยะๆ

เหมือนว่าพันธการบางอย่างในร่างได้พังทลายลง ณ บัดนั้น ตามมาติดๆ ด้วยพลังอำนาจน่าตกใจยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ที่พวยพุ่งจากในร่างระเบิดสู่ฟากฟ้า

เมื่อการระเบิดนี้เกิดขึ้น นภากาศที่เปลี่ยนแปลงพลันมีเมฆหมอกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และก็คล้ายจะมีเงามายาใหญ่ยักษ์เงาหนึ่งเผยกาย หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าเงามายานี้มีใบหน้าเหมือนกงซุนอี้!

แม้จะปรากฏตัวเพียงชั่วแวบเดียวก็สลายหายไป ทว่าการระเบิดพลังอำนาจบนร่างเขาในนาทีนี้ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ได้ว่าตบะของเขา ฝ่าทะลุขั้นแล้ว!!

กลายมาเป็นครึ่งก้าวคนฟ้า!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version