Skip to content

A Will Eternal 704

บทที่ 704 ข้าผู้อาวุโสกลับมาแล้ว

ระหว่างทางมีหลายครั้งที่อู๋ฉางกงอยากเปิดปากถาม แต่เขามีลางสังหรณ์ที่เลวร้ายมากอย่างหนึ่งจึงยังสองจิตสองใจ เพียงมองประเมินป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เงียบๆ

เขาเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ข้างกายตนมีสีหน้าซีดขาวคล้ายหวาดผวาไม่คลาย ทั้งยังคอยหันกลับไปมองข้างหลังและเอ่ยเร่งตนเป็นระยะเหมือนรู้สึกว่าความเร็วเท่านี้ยังช้าไม่ทันใจเขา

ทุกอย่างนี้ทำให้ใจของอู๋ฉางกงร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง…

“ไอ้หมอนี่ไปทำอะไรมากันแน่?”อู๋ฉางกงยิ่งตกตะลึง กระตุ้นเรือราชาผีเต็มกำลัง ทำให้เรือราชาผียิ่งเคลื่อนไปเร็วมากกว่าเดิม

“เจ้าทำอะไรกันแน่?” เงียบไปพักใหญ่ ในที่สุดอู๋ฉางกงก็ถามออกมาอย่างอดไม่ไหว

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่จับตัวทุกคนที่เข้าไปในนั้นกลับมาด้วย อยู่ในนี้หมดเลย” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งที แม้ว่าจะยังผวาอยู่มาก แต่ช่วงเวลาโอ้อวดตนเช่นนี้เขาย่อมไม่พลาดที่จะเชิดหน้าพูดอย่างผ่อนคลาย

“ว่าไงนะ!! เจ้าจับตัว…ทุกคนมาหมดเลยหรือ?!” ต่อให้อู๋ฉางกงจะเป็นคนฟ้า ยามนี้ในสมองของเขาก็ยังมีเสียงอื้ออึงดังสนั่นอย่างห้ามไม่ได้ เขายืนบื้ออยู่ตรงนั้นเหมือนคนที่โดนค้อนอันโตทุบลงมาหนักๆ จากนั้นก็อ้าปากสูดลมดังเฮือก

มองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะเหลือบมองไปยังถุงเก็บของของป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมหนังหน้าที่กระตุกยิกๆ

“เจ้า…เจ้า…” ลมหายใจของอู๋ฉางกงไม่มั่นคงอีกแล้ว เขาถึงกับพูดไม่ออก แต่รู้ดีว่าเรื่องนี้ใหญ่มากจนมิอาจหาคำมาบรรยาย เขาจึงจำต้องใช้พลังแฝงทั้งหมดระเบิดตบะออกมาจากเดิมสิบส่วนเป็นสิบสองส่วน เมื่อผสานรวมเข้าไปในเรือราชาผีจึงทำให้ความเร็วของเรือทะยานไปถึงขีดสุด!

เรือราชาผีพุ่งฉิวไปไกลพร้อมเสียงดังตูมตาม…

ขณะที่อู๋ฉางกงและป๋ายเสี่ยวฉุนเร่งความเร็วของเรือราชาผีเต็มกำลังเพื่อโกยแนบไปยังนครผียักษ์ นอกกาหลอมวิญญาณ เหล่าผู้พิทักษ์ที่ติดตามศิษย์แห่งความภาคภูมิใจในตระกูลมาต่างก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

โดยเฉพาะผู้เฒ่าที่มาจากนครเก้านรกภูมิที่ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น จุดลึกในดวงตาที่มองไปยังศิษย์แห่งความภาคภูมิใจฉายแสงคมกริบ เพียงแต่ว่าถึงแม้เขาจะมีตบะคนฟ้า ทว่ากาหลอมวิญญาณแห่งนี้ประหลาดมาก ด้วยตบะของเขาก็ยังมิอาจมองทะลุเข้าไปถึงฟ้าดินในกาหลอมวิญญาณได้

หญิงชราที่มาพร้อมกับซวี่ซานซึ่งยืนอยู่ข้างเขาก็ยิ่งร้อนใจ นางคอยมองไปที่กาหลอมวิญญาณเป็นระยะ และบางครั้งก็ยังหันกลับไปมองทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจากไปด้วยสีหน้ากังขา ความร้อนใจยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นทุกขณะ

“เวลาผ่านไปเกินครึ่งแล้ว นี่มันผิดปกติแล้วนะ…”

“ต่อให้พวกเขาจะแย่งชิงกันขนาดไหนก็ไม่น่าจะดุเดือดถึงระดับนี้ และทุกคนก็รู้ดีว่าหากไม่ออกมาภายในหนึ่งชั่วยาม เมื่อกาหลอมวิญญาณปิดลงก็ยากที่จะได้ออกมาอีกครั้ง!”

“หรือว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น? ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา…” ไม่เพียงแต่คนฟ้าทั้งสองเท่านั้นที่สงสัย เหล่าผู้พิทักษ์ทุกคนที่อยู่รอบด้านต่างก็รู้สึกกระวนกระวายไม่เป็นสุข สายตาแต่ละคนมองไปยังกาหลอมวิญญาณ เมื่อเวลาผ่านไปอีกครั้ง พวกเขาก็ยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ เพราะศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทุกคนที่อยู่ในนั้นสำคัญกับพวกเขาอย่างมากจริงๆ

เพราะอย่างไรซะ…คนเหล่านี้ก็เป็นลูกหลานของผู้มียศศักดิ์ ไม่เพียงแต่มีฐานะสูงส่ง ตัวตนสูงศักดิ์ อีกทั้งพรสวรรค์และตบะของแต่ละคนก็ยังเลิศล้ำไม่ธรรมดา อีกทั้งหลายคนยังมีชื่อติดอยู่บนป้ายศิลาจักรพรรดิหมิง

สำหรับแดนทุรกันดารแล้ว คนเหล่านี้ก็ยิ่งเป็นเหล่ายอดฝีมือของในรุ่นพวกเขา สามารถมั่นใจได้ว่าในอนาคตพวกเขาต้องกลายมาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งของแดนทุรกันดารอย่างแน่นอน ยิ่งในนั้นยังมีผู้กล้าที่โดดเด่นอีกหลายคน แถมคนไม่น้อยก็เป็นเหมือนเมล็ดพันธ์ที่จะได้เติบโตเป็นคนฟ้า ซึ่งบางคนยังถึงขั้นมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นครึ่งเทพในอีกหลายปีให้หลังด้วยซ้ำ

หากมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับใครบางคนที่อยู่ข้างใน สำหรับแดนทุรกันดารแล้ว นั่นถือเป็นเรื่องครึกโครมเล็กๆ ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว และหากอุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นกับคนเกินสิบคนขึ้นไป ความครึกโครมนั้นก็จะเพิ่มจากเดิมไปอีกสิบเท่า…

ความใหญ่ของเรื่องนี้ต่อให้เป็นราชาสวรรค์ทั้งสามก็ยังมิอาจแบกความรับผิดชอบได้ไหว เพราะนั่นเท่ากับไปแตะเกล็ดใต้คอของมังกรทุกตัวเข้า…

(เกล็ดใต้คอมังกรหันไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด และฆ่าคนผู้นั้น ปัจจุบันเปรียบเทียบหมายถึงทำให้ผู้มีอำนาจโกรธ)

คิดมาถึงตรงนี้ทุกคนก็ยิ่งจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แถมด้านในนั้นยังมีองค์ชายรอง มีเฉินม่านเหยา นี่จึงทำให้ชายวัยกลางคนที่มาจากวังหลวงหน้าเปลี่ยนสี

“เวลาผ่านไปเกินครึ่งแล้ว!! รออีกไม่ได้แล้ว!!” เมื่อเห็นว่ากาหลอมวิญญาณใกล้จะปิดลง เหล่าผู้พิทักษ์ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันร้อนใจ เสียงอุทานฮือฮาดังเซ็งแซ่ไปรอบด้าน

“พี่หลิน ข้างในเกิดเรื่องแล้ว!!” ผู้เฒ่าจากนครเก้านรกเก้าภูมิสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแสงคมกล้ามองไปยังชายวัยกลางคนที่มาจากในวัง

“ถูกต้อง พี่หลิน เรื่องนี้ใหญ่เกินไป กาหลอมวิญญาณแห่งนี้เป็นของเชื้อพระวงศ์ คิดว่าต้าเทียนซือน่าจะมีวิธีมองผ่านไปในกาหลอมวิญญาณนี้ได้!” หญิงชราจากนครเทพจุติเองก็กล่าวด้วยน้ำเสียงมืดทะมึน สายตามองไปยังชายวัยกลางคนเช่นกัน

ไม่นานทุกคนที่อยู่รอบด้านก็พากันหันมามองชายวัยกลางคนอย่างพร้อมเพรีง

ถูกคนมากมายจับจ้องขนาดนี้ ชายวัยกลางคนเองก็รู้สึกกดดันมากเหมือนกัน เขาเข้าใจดีว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแทนของตระกูลผู้สูงศักดิ์เกือบแปดส่วนของทั้งแดนทุรกันดาร…เบื้องหลังมีคนฟ้าหลายคน รวมถึงครึ่งเทพสามท่าน

“เรื่องนี้ข้าคงต้องขอคำแนะนำจากต้าเทียนซือ ให้ท่านผู้อาวุโสเป็นคนตัดสินใจ” กล่าวจบชายวัยกลางคนก็รีบหยิบแผ่นหยกหนึ่งแผ่นออกมาส่งข้อความเสียงอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักหยกนี้ก็พลันเปล่งแสงเจิดจ้า ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะบีบแผ่นหยกให้แตกละเอียด

ชั่วขณะที่แผ่นหยกนี้แตกออกมันก็กลายมาเป็นฝุ่นผงที่กระจายไปทั่วด้าน ก่อนจะลอยขึ้นไปรวมตัวกันกลางอากาศแล้วกลายมาเป็นน้ำวนขนาดเท่ากำปั้น ในน้ำวนนี้มีแสงสีฟ้าเส้นหนึ่งที่แหวกอากาศออกมาตรงเข้าหาชายวัยกลางคน หลังจากที่เขาคว้าจับเอาไว้แล้วมันจึงจำแลงมาเป็น…กระจกสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือบานหนึ่ง!

กระจกนี้เก่าแก่อย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นของโบราณ ด้านบนมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าอักขระเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนพร่าเลือนสลัวราง แม้จะเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังคงมีปณิธานแห่งความยิ่งใหญ่ไพศาลแผ่ออกมาจากในกระจก สะเทือนฟ้าสะท้านดิน!

“กระจกนี้ต้าเทียนซือใช้เวทลับส่งมาให้ใช้ชั่วคราว ข้าคนเดียวมิอาจโคจรมันได้ ขอทั้งสองท่านโปรดช่วยข้าด้วย” ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึก หันไปมองผู้เฒ่าจากนครเก้านรกภูมิและหญิงชราจากนครเทพจุติ

คนทั้งสองรีบบินมาใกล้อย่างไม่ลังเล ทั้งสามแผ่ตบะออกมาพร้อมกัน ปราณแห่งคนฟ้าระเบิดกระจายทำให้ฟ้าดินแห่งนี้เปลี่ยนสีในพริบตา พลังตบะของพวกเขาก็กรอกเข้าไปในกระจกสีฟ้าอย่างพร้อมเพรียงกันด้วย

แสงในกระจกเจิดจ้าขึ้นมาทันใด ชั่วขณะที่ผู้พิทักษ์รอบด้านพากันถอยห่าง พวกชายวัยกลางคนก็ตวาดกร้าวขึ้นมาพร้อมกัน ทันใดนั้นแสงที่สาดออกมาจากในกระจกสีฟ้าพลันกลายมาเป็นลำแสงที่พุ่งตูมตามดิ่งลงไปยังกาหลอมวิญญาณที่อยู่ด้านล่าง!

ทุกที่ที่ลำแสงนี้ผ่าน ความว่างเปล่าบิดเบือนราวกับถูกปิดผนึกทั้งหมด ทุกการป้องกันล้วนมิอาจสกัดกั้นลำแสงนี้ได้แม้แต่น้อย และบนกาหลอมวิญญาณก็ยิ่งมีลูกคลื่นกระเพื่อมปกคลุมไปทั่ว ก่อนจะค่อยๆ …เปลี่ยนมาเป็นโปร่งแสง โลกที่อยู่ภายในปรากฏเบื้องหน้าคนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน…พริบตาเดียวทุกคนก็พากันหน้าเผือดสี

“ไม่มีคน!!”

“ไม่มีใครเลยสักคนเดียว!!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขานับร้อยคน…หายไปไหนกันหมด!!” เสียงอุทานด้วยความเหลือเชื่อระเบิดออกมาทันที ผู้เฒ่าจากนครเก้านรกภูมิและหญิงชราจากนครเทพจุติถึงกับตบะไม่มั่นคง แสดงให้เห็นถึงความสั่นสะเทือนในจิตวิญญาณของพวกเขา พวกเขาไม่อยากจะเชื่อและยิ่งมากด้วยความร้อนรน

ด้วยกลัวว่าจะตาฝาด พวกเขาจึงโคจรให้แสงจากกระจกกวาดไปทั่วโลกในกาหลอมวิญญาณ ทุกที่ที่แสงกวาดผ่าน กลุ่มหมอกพลันละลายราวหิมะที่เจอกับแสงแดด ทว่าต่อให้พวกเขากวาดไปทั่วพื้นที่แค่ไหน ก็ยังคง…มองไม่เห็นเงาร่างใครแม้แต่คนเดียว!

ชายวัยกลางคนจากวังหลวงตัวสั่นสะท้านน้อยๆ สำลักลมหายใจ ในสมองมีเสียงดังอึงอล ใบหน้าเหลือเชื่อ แต่ไม่นานเขาก็ร้องคำรามเสียงดัง

“ในนี้มีปราณของราชาผียักษ์!”

คนอื่นๆ ที่อยู่รอบด้านต่างก็ประจักษ์แจ้งทันใด ดวงตาแต่ละคนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ทั้งยังมีความเดือดดาลอย่างบ้าคลั่งที่พวยพุ่งขึ้นเทียมฟ้า

“ทุกคนหายตัวไปหมด มีแค่ป๋ายฮ่าวคนเดียวที่ออกมาได้ นี่ต้องเป็นฝีมือของราชาผียักษ์แน่นอน!”

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ก็แค่ก่อกำเนิด มีหรือจะทำอย่างนั้นได้ นี่ต้องเป็นวิธีการของราชาผียักษ์แน่ๆ!!”

“ท่าทางของป๋ายฮ่าวเมื่อครู่นี้มันคือการแสดงชัดๆ สมควรตายนัก!” ทุกคนพากันร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ผู้เฒ่าจากนครเก้านรกภูมิและหญิงชราจากนครเทพจุติต่างก็ขยับร่างไล่ตามไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปทันที

คนอื่นๆ เองก็โกรธจัด ไล่ตามไปในชั่วพริบตา!

พวกเขาทุกคนไม่ใช่คนโง่ และตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของตัวเองต้องถูกป๋ายฮ่าวจับตัวไปด้วยวิธีการที่ราชาผียักษ์มอบไว้ให้ ยิ่งนึกภาพที่อีกฝ่ายเดินจากไปซึ่งๆ หน้าใต้จมูกของตัวเอง ความอับอายที่พานมาเป็นความโกรธของคนเหล่านี้ก็ยิ่งดุเดือดอย่างน่าตกใจ

พวกเขาไม่กล้าล่วงเกินราชาผียักษ์ จึงทำได้เพียงระบายความคลั่งแค้นนี้ลงบนตัวของป๋ายเสี่ยวฉุน

ท่ามกลางเสียงอึกทึก เมฆและลมที่พัดตลบอบอวลล้วนหยุดชะงัก ผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนระเบิดพลังอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เงาร่างเหล่านั้นคล้ายจะฉีกกระชากความว่างเปล่าพุ่งตามไปไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุน

ทว่าพวกเขาถูกถ่วงเวลานานเกินไป แถมป๋ายเสี่ยวฉุนและอู๋ฉางกงก็ยังมีเรือราชาผี เมื่ออยู่ภายใต้การกระตุ้นอย่างเต็มกำลังของอู๋ฉางกง รุ้งยาวที่แปลงมาจากเรือราชาผีจึงเข้าไปใกล้นครผียักษ์แล้ว!

ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นกระวนกระวายไปตลอดทาง หลังจากมองไกลๆ ไปเห็นนครผียักษ์ ในใจก็พลันคลายลงได้ นัยน์ตาจึงเผยความฮึกเหิม

“ราชาผียักษ์เจ้าคนสารเลว ข้าผู้อาวุโสกลับมาแล้ว!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version