Skip to content

A Will Eternal 735

บทที่ 735 หยุดเดี๋ยวนี้นะ

การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการนำยาวิญญาณออกขายของโจวอีซิงประสบความสำเร็จดีมาก การนำยาวิญญาณออกมาทยอยขายหลายชุดติดต่อกัน ทำให้จำนวนคนที่ติดกับมีไม่น้อย แต่ยังดีที่ตอนแรกเขาทำตามข้อเรียกร้องของป๋ายเสี่ยวฉุนนั่นคือเน้นบริเวณโดยรอบพื้นที่ที่แปดสิบเก้าโดยเฉพาะ แม้เขตอื่นๆ จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทว่าอย่างไรซะก็ยังอยู่ห่างไกล ยากจะเกิดเป็นภัยพิบัติได้

เพียงแต่เนื่องจากเขตที่แปดสิบเก้าและพื้นที่รอบๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงติดกันถี่เกินไป ดังนั้นควันขุ่นคลั่กนี้จึงแทบจะเชื่อมโยงเข้าเป็นผืนเดียวกัน มองไกลๆ ก็เหมือนเมฆทะมึนที่เยื้องกรายมายังโลกมนุษย์ ทำให้คนมองอกสั่นขวัญผวา

ทั้งหมดนี้ก็ทำให้โจวอีซิงประหวั่นพรั่นพรึงมากเหมือนกัน เขารีบทำตามแผนการนั่นคือบอกให้ทุกคนที่เข้าร่วมแผนการครั้งนี้แยกย้ายกันอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเองที่พอเปลี่ยนโฉมหน้าเรียบร้อยก็ไปซ่อนตัว แต่เขาไม่ลืมขั้นสุดท้ายของแผนการนี้ ดังนั้นขณะที่ซ่อนตัวเขาก็กัดฟัน หยิบเอายาวิญญาณระดับสูงที่ผ่านการแปรสภาพออกมา ก่อนจะสูดเข้าไปในร่างของตัวเอง

ทั้งยังโคจรตบะอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาได้สัมผัสกับประสบการณ์เสียงปุ้งๆๆ ระเบิดในร่างตัวเอง สีหน้าเขาซีดขาว แต่ก็ยังตะเบ็งเสียงร้องคำรามแหบโหย

“เป็นยาวิญญาณ เป็นยาวิญญาณระดับสูงบัดซบพวกนี้ ข้าเพิ่งจะสูดยาวิญญาณเข้าไปถึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ สมควรตายนัก บนยาวิญญาณนี้มีตราประทับของซือหม่าเทา!”

พอคำพูดของเขาดังออกมา ทำเอาผู้ฝึกวิญญาณรอบด้านที่ไฟโทสะเดือดพล่านอึ้งงัน แต่กลับเกิดความลังเล เพียงแต่ความลังเลของพวกเขาดำรงอยู่ได้ไม่นานก็มีคนทยอยกันตรวจสอบเจอสาเหตุที่ร่างกายตัวเองเกิดปัญหา ดังนั้นจึงเริ่มพากันคำรามเดือดดาลคล้ายต้องการระบายความไม่เป็นธรรมที่ตัวเองได้รับออกมา

“เป็นยาวิญญาณระดับสูง ก่อนหน้านี้ข้าดูดซับยาวิญญาณที่มีตราประทับของซุนอี้ฝานเข้าไปก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เป็นเขา!!”

“ถูกต้อง ข้าก็ดูดซับยาวิญญาณระดับสูงเข้าไปเหมือนกัน มันมีตราประทับของ

ซือหม่าเทา!!”

“ข้าก็เหมือนกัน!”

เสียงเช่นนี้ดังสะท้อนขึ้นๆ ลงๆ ไม่ขาดสายอยู่ในหลายพื้นที่ ผู้ที่ถูกทำร้ายซึ่งจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็แผดเสียงคำรามด้วยถ้อยคำทำนองเดียวกัน เวลานี้พวกเขาต่างก็โกรธแค้นและอับอายอย่างถึงที่สุด และคนที่ติดร่างแหไปเพราะพวกเขาก็ยิ่งมีมากกว่า ซึ่งทุกคนต่างก็ระเบิดความเดือดดาลออกมา

พร้อมกับพากันเคลื่อนพลไปตามหาคนที่ขายยาวิญญาณระดับสูงให้กับพวกเขาในคราแรก แต่เนื่องจากโจวอีซิงจัดการเรียบร้อยตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะตามหากันอย่างไรก็ล้วนหาไม่เจอ

ดังนั้นความสนใจทั้งหมดของพวกเขาจึงไปตกอยู่ที่ซือหม่าเทาและซุนอี้ฝานโดยปริยาย เพราะตราประทับบนยาวิญญาณพวกนี้ก็คือสัญลักษณ์ที่ดีที่สุด

“ไปหาซือหม่าเทา ยาวิญญาณที่เขาหลอมเป็นแค่ยาชั้นต่ำ คนผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่กลับเป็นพวกลวงโลก!”

“ยังมีซุนอี้ฝานอีกคน นี่คือยาวิญญาณของเขา เขาเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการหลอมวิญญาณกลับมาหลอกพวกเราได้ลงคอ!!”

“ไปหาพวกเขากัน!!”

ไฟโทสะของทุกคนพวยพุ่ง เมื่อคนในแต่ละพื้นที่ร้องคำรามเสียงแหบแห้ง คนทั้งกลุ่มก็พากันพุ่งเข้าไปเข่นฆ่าที่เขตพื้นที่ที่แปดสิบเก้า ไม่นานรอบถนนที่ตั้งร้านของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีผู้ฝึกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนไหลบ่ากันเข้ามา

ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่รับเคราะห์มีเพียงส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่ติดร่างแหเดือดร้อนไปด้วย

ด้วยความแค้นเคือง ความโกรธเกรี้ยวนี้จำต้องหาทางระบายโดยเร็วที่สุด พวกเขาจึงพากันบุกเข้าไปเข่นฆ่าในร้านของซือหม่าเทาและซุนอี้ฝาน

ตลอดทั้งพื้นที่ที่แปดสิบเก้าโกลาหลอย่างสิ้นเชิง คนเหลือคณานับบุกกรูกันเข้ามาพร้อมไฟพิโรธสะท้านฟ้า ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เป็นตัวการพอมองเห็นภาพเหตุการณ์เหล่านี้เขาเองก็อกสั่นขวัญผวาไม่น้อย แต่เขาก็รู้ดีว่าความแค้นเคืองที่มาจากปวงประชานั้นยากจะคลี่คลายได้ ข้อนี้เขามีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง

“พวกเจ้าบีบบังคับข้าเองนะ ช่วยไม่ได้เหมือนกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะนั่งแปะลงไปหน้าประตูอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ตาก็มองลอดช่องประตูดูเหตุการณ์ข้างนอก บางครั้งก็เอามือพัดโบกสองสามที เพราะหากไม่พัด กลุ่มควันพวกนั้นจะลอดผ่านช่องประตูเข้ามา

วิญญาณป๋ายฮ่าวมองทุกอย่างนี้แล้วก็ถอนหายใจยาวเหยียด อาจารย์ที่ไม่น่าเชื่อถือของตนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกอีกครั้งว่าอะไรคือความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงของจริง แถมเขายังถึงขั้นรู้สึกด้วยว่าอาจารย์ของตัวเอง ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนผู้แข็งแกร่งก่อกำเนิด ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่เป็นเช่นนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่พวกที่อยู่สูงเกินอื้อม แต่เป็นคนที่อยู่ข้างกายเขาอย่างแท้จริง ดังนั้นแม้เขาจะยิ้มเจื่อน กระนั้นกลับอดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเองสนิทสนมกับอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นไม่น้อย

และขณะที่วิญญาณป๋ายฮ่าวทอดถอนใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังแอบมองเหตุการณ์ข้างนอกอย่างหวั่นวิตกอยู่นั้น เสียงแผดตะโกนของข้างนอกก็ยิ่งดุเดือด ท่ามกลางเสียงอึกทึกนั้นสามารถมองเห็นได้ว่าในกลุ่มหมอกมีเงาร่างที่นับไม่หวาดไม่ไหวกำลังห้อทะยานตรงเข้ามา ขณะที่บุกเข้ามา พวกเขาก็ได้ร่ายเวทอภินิหารจำนวนนับไม่ถ้วนหมายจะขับไล่กลุ่มควันที่อวลอยู่รอบด้านไปด้วย

ไม่นานนัก เมื่อพวกเขามาถึง ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่จำเป็นต้องทำหูตั้งก็สามารถได้ยินเสียงกัมปนาทที่ดังครืนครั่นออกมาจากร้านทั้งสองข้างฝั่งได้อย่างชัดเจน อำนาจจิตของเขาที่แผ่ออกไปสัมผัสได้ทันทีเลยว่าร้านทั้งสองได้มีคนบุกเข้าไปสังหารแล้ว พริบตาเดียวเสียงคำราม เสียงร้องด่าก็ดังระงมแทบฟังไม่ได้ศัพท์

“พวกเจ้าทำอะไร!!”

“ทำอะไร? ก็ไม่ใช่เพราะเรื่องดีๆ ฝีมือพวกเจ้าหรืออย่างไร บนยาวิญญาณเม็ดนี้มีตราประทับของเจ้าซือหม่าเทา!”

“ซุนอี้ฝาน ข้าจะฆ่าเจ้า!!”

“หยุดนะ พวกเจ้าฟังข้าผู้อาวุโสพูดก่อน ยาวิญญาณนี้ไม่เกี่ยวกับข้าผู้อาวุโส!”

เสียงตูมตาม เสียงปึงปังดังก้องกังวานไม่ขาดสาย อำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้ร้านทั้งสองที่อยู่ด้านข้างชุลมุนพัวพันกันวุ่นวาย ในร้านถูกคนเข้ามาทุบทำลาย แม้แต่ป้ายชื่อที่อยู่ด้านนอกก็ถูกคนฟาดทุบจนป่นปี้

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ แม้ว่าแผนการจะสำเร็จ แต่ความกระวนกระวายในใจกลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าควรจะแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีขึ้นอย่างไร ทันใดนั้นหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสี อำนาจจิตสัมผัสได้ว่าท่ามกลางฝูงชนนอกร้านที่เคืองขุ่น มีบางคนเตรียมจะดิ่งเข้ามาที่ร้านของตน

“แย่แล้ว พวกเขารู้ว่าเป็นฝีมือของข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงงัน ทว่าพอฉุกคิดขึ้นมาได้กลับรู้สึกว่าไม่น่าจะใช่อย่างที่คิด

“ผิดปกติ พวกเขาน่าจะยังไม่รู้” เพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ เสียงตูมก็ดังลั่น ประตูใหญ่ของร้านเขาถูกคนระเบิดให้เปิดออก พอประตูเปิดอ้าซ่าก็มีผู้ฝึกวิญญาณอารมณ์เกรี้ยวกราดจำนวนไม่น้อยพุ่งเข้ามาในร้าน

“พวกเจ้าทำอะไร ที่นี่ไม่ใช่ร้านของซุนอี้ฝาน และไม่ใช่ร้านของซือหม่าเทา ที่นี่คือร้านหลอมพลังจิตอันดับหนึ่งในใต้หล้าของข้าป๋ายฮ่าว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนปลุกระดมความกล้าคำรามดังลั่น เสียงคำรามนั้นดังสนั่นราวฟ้าคำรณ

เขายังแผ่ตบะให้กลายเป็นพลานุภาพสยบ มองไปยังคนที่บุกเข้ามาด้วยสายตาเดือดดาล

พวกผู้ฝึกวิญญาณที่บุกเข้ามาอึ้งไปครู่ ก่อนจะหน้าเปลี่ยนสี ละล่ำละลักขอโทษแล้วถอยห่างออกจากที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้เข้าร้านผิด แต่คิดจะฉวยโอกาสปล้นยามไฟไหม้ เพราะอย่างไรซะคนด้านนอกก็วุ่นวายกันไม่น้อย มังกรและงูปนกันมั่วจนแยกไม่ออก ไม่เพียงแต่ร้านของป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่มีคนจงใจบุกเข้ามา ร้านอื่นๆ ที่อยู่รอบด้านก็เดือดร้อนไม่ต่างกัน

ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าเหตุการณ์ลุกลามก็ร้อนใจอย่างมาก เพราะเรื่องราวที่มีสาเหตุมาจากกลิ่นเหม็นนี้ได้หลุดออกจากการควบคุมของเขาไปแล้ว ขณะที่เขาร้อนใจคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา ทันใดนั้นดวงตาของวิญญาณป๋ายฮ่าวที่อยู่ด้านข้างก็เผยประกายคมกริบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาเบาๆ

“อาจารย์ ข้ามีแผนการหนึ่ง”

รับฟังแผนการของป๋ายฮ่าว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่มีเวลามัวคิดมาก พอพยักหน้าให้อีกฝ่ายเขาก็ทะยานออกไปนอกประตูใหญ่ มองเงาร่างของคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในหมอกควันสีขุ่น เห็นร้านข้างๆ ทั้งสองและร้านรวงอื่นๆ ที่ถูกทำลายย่อยยับ รวมถึงเสียงคำรามและเสียงการต่อสู้ เขาก็รีบแผ่ตบะทั่วร่างให้ระเบิดออกมาอย่างเต็มกำลัง

ภายใต้การระเบิดของตบะนี้ ปากของเขาก็ตะโกนเสียงที่ดังสะท้านฟ้ายิ่งกว่าก่อนหน้านั้น

“หยุดกันเดี๋ยวนี้!!” เสียงนี้ดังมาก เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกับใช้เจตจำนงของหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญ ทำให้เสียงนั้นมีบารมีอำนาจทั้งที่ไม่แสดงความโกรธ แฝงเร้นไว้ด้วยอานุภาพขุมหนึ่งที่ทำให้คนจำต้องยอมเชื่อฟัง

เสียงยังดังสะท้อน ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับโผล่มาปรากฏอยู่นอกร้านแห่งหนึ่ง ก่อนจะยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง เสียงตูมดังลั่นทีเดียวก็พัดเอาพวกคนที่กำลังบ้าระห่ำอยู่ในร้านม้วนตลบออกไป

“พวกเจ้าจงตามข้ามาปราบปรามความวุ่นวายครั้งนี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหันไปพูดกับพวกลูกจ้างในร้านนั้นอย่างเร่งร้อน เดิมทีคนพวกนี้ก็โกรธแค้นกันอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา แต่กลับถูกพวกคนเสียสติที่หมายฉวยโอกาสตอนสถานการณ์วุ่นวายหาผลประโยชน์ใส่ตัวบุกเข้ามารังแก พอได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนพูดประโยคนี้ พวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนจะติดตามอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน ร่วมกับเขาสกัดกั้นความวุ่นวายครั้งนี้

ไม่นาน วิกฤตนอกร้านที่สองก็ถูกคลี่คลายไปได้เพราะพวกป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ จากนั้นพวกเขาก็บุกเข้าไปยังร้านที่สาม

แผล็บเดียวผู้ที่ติดตามอยู่ด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งด้วยความห้าวหาญไม่กลัวใครของเขา ทุกที่ที่ผ่านก็ล้วนนำกลุ่มคนบุกเข้ากำราบพวกบ้าคลั่ง เวลาแปบเดียว ภายใต้ความช่วยเหลือจากป๋ายเสี่ยวฉุน ร้านทั้งหมดที่อยู่รอบด้านก็ร่วมกันลงมือกำราบความวุ่นวายอย่างเต็มกำลัง ทั้งยังมีเสียงคำรามที่ดังออกมาไม่หยุด

“หยุดนะ!”

“มีอะไรก็พูดกันดีๆ ใครยังลงมือ ฆ่าไม่มีเว้น!!”

“ที่นี่คือนครจักรพรรดิขุย พวกเจ้าอย่าได้หวังว่าจะก่อกบฏ!!”

เมื่อร้านเหล่านี้ร่วมมือกันโดยมีป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นผู้นำ ความโกลาหลทั้งหมดจึงถูกยับยั้ง แม้ว่าเมื่อเทียบกับผู้ฝึกวิญญาณที่เสียสติ จำนวนของพวกเขาจะน้อยกว่ามาก ทว่าอย่างไรซะพวกเขาก็เป็นฝ่ายที่ยืนอยู่บนเหตุผล อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังกร้าวแกร่งเกินไป เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกผู้ฝึกวิญญาณที่มาหาเรื่องค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้ ความวุ่นวายครั้งนี้จึงยุติลงในที่สุด

การลงมือของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้ทุกอย่างอยู่ในความควบคุม คนในร้านรวงต่างๆ ที่อยู่รอบด้านจึงพากันหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความซาบซึ้งใจ อีกทั้งยังรู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้ตัวเองมีอคติต่อป๋ายฮ่าว เวลานี้เมื่อวิกฤตมาเยือน ถึงได้รู้ว่าคนผู้นี้มากน้ำใจ สายตาของพวกเขาจึงพากันเผยความเคารพเลื่อมใส

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่สามารถแสดงตัวให้ความช่วยเหลือในเวลาเช่นนี้ ทั้งยังระงับความชุลมุนได้สำเร็จก็ล้วนสมควรได้รับการนับถือจากผู้คน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version