Skip to content

A Will Eternal 790

บทที่ 790 เริ่มโองการประทานคุณ

สำหรับเรื่องที่ในจวนตรวจการมีศพหุ่นเชิดเกราะดำปรากฏขึ้นอีกครั้ง คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่จับตามองเรื่องนี้ต่างก็จิตใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งพวกชนชั้นสูงก็ยิ่งเกิดความประหลาดใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด

“ไม่มีเหตุผล…”

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้น่าจะจมอยู่ท่ามกลางโคลนตม มิอาจถอนตัวออกมาได้สิ!”

“วิธีการเดียวที่เขาทำได้ก็คือลาออกจากตำแหน่งผู้ตรวจการ…แต่ตอนนี้ เขาไม่เพียงแต่ไม่เป็นไร แถมพลังอำนาจกลับยิ่งเพิ่มมากกว่าเก่าเสียอีก!”

บัดนี้ในนครจักรพรรดิขุยพลันเกิดคลื่นลูกยักษ์ถาโถม เนื่องจากเรื่องของจวนตรวจการ ชนชั้นสูงทุกคนที่รู้เรื่องนี้พากันระดมพลไปสืบหาสาเหตุของเรื่องราว ยิ่งพวกชนชั้นสูงที่เข้าร่วมกับเรื่องลักพาตัวป๋ายฮ่าวก็ยิ่งหวาดผวากว่าผู้ใด

พวกเขาแอบรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ผิดปกติ ทว่ากลับหาคำตอบไม่ได้ กระนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จึงได้แต่รอเงียบๆ พร้อมการคาดเดาไปเรื่อย และเชื่อว่าอีกไม่นานความจริงก็จะปรากฏ

ส่วนพวกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจที่เคยมีข้อพิพาทกับป๋ายเสี่ยวฉุนก็พากันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน การที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถรอดชีวิตจากสถานการณ์ที่มีแต่ตายกับตายแถมได้กลับมากุมอำนาจมากกว่าเดิมส่งผลให้ในใจของพวกเขาทั้งเดือดดาลทั้งคับแค้น

“ทำไมเขาถึงยังไม่ตาย!!”

“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ต้องแสร้งข่มขู่เพื่อตบตาให้ผู้คนหวาดกลัวแน่นอน!”

ผู้ฝึกวิญญาณอันเป็นความภาคภูมิใจเหล่านี้ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกหลานสายตรงในตระกูลของตัวเอง

อีกทั้งยังถูกผู้อาวุโสในตระกูลกำหนดให้เป็นผู้สืบทอด วันปกติมักจะได้รับการทุ่มเททรัพยากรจำนวนมาก ทำให้ตบะของพวกเขาไต่สูงได้อย่างในทุกวันนี้

ในตระกูลของพวกเขาเองก็มีพี่น้องที่เป็นบุตรอนุภรรยาและเป็นลูกหลานสายตรงแต่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดจำนวนมากเช่นกัน หากเปรียบเทียบกับศิษย์แห่งความภาคภูมิใจเหล่านี้แล้ว พี่น้องชายหญิงของพวกเขานับว่าชะตาชีวิตน่าหดหู่กว่านัก ไม่ว่าตบะหรือทรัพยากรในการฝึกตนก็ล้วนมีความต่างมหาศาล

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่อย่างไรซะเมื่อเทียบกับผู้ฝึกวิญญาณทั่วไปแล้ว ลูกหลานในตระกูลใหญ่ก็ยังถือว่ามีชีวิตที่ดีกว่ามากนัก เพียงแต่ว่าเมื่อยู่ในตระกูล พวกบุตรอนุภรรยาและลูกหลานสายตรงที่ไม่มีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดเหล่านี้ล้วนต้องพะเน้าพะนอเอาใจผู้ที่เป็นผู้สืบทอดของแต่ละตระกูลเท่านั้น เพราะมีเพียงวิธีนี้ พวกเขาถึงจะมีสิทธิ์ได้รับทรัพยากรจำนวนมากกว่าเดิม

และตระกูลชนชั้นสูงทั่วทั้งแดนทุรกันดารรุ่นแล้วรุ่นเล่าก็จะสืบทอดต่อกันไปด้วยวิธีนี้ แม้บางครั้งจะมีพวกกบฏเกิดขึ้นบ้าง ทว่าจุดจบของพวกเขามักจะอเนจอนาถอย่างถึงที่สุด

ตระกูลจ้าว หลังจากที่จ้าวตงซานรู้เรื่องนี้เขาก็ต่อยโครมเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในลานบ้าน เมื่อต้นไม้กลายมาเป็นเศษชิ้นส่วนปลิวว่อนไปแปดทิศ เศษส่วนจำนวนไม่น้อยก็กระแทกลงไปบนร่างของคนตระกูลจ้าว แต่พวกเขากลับไม่กล้าหลบเลี่ยง ได้แต่ยืนเงียบๆ อยู่ตรงนั้น

ในบรรดานั้นมีคนไม่น้อยที่เป็นพี่น้องของจ้าวตงซานซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากอนุภรรยา ยามอยู่ข้างนอก พวกเขามีหน้ามีตาไร้ที่สิ้นสุด แต่เมื่ออยู่ในตระกูล เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวตงซานผู้เป็นผู้สืบทอด พวกเขาก็ได้แต่ก้มหน้าประจบเอาใจอีกฝ่าย

จ้าวตงซานสีหน้ามืดคล้ำไม่น่ามอง นัยน์ตาฉายความไม่ยินยอม

“ป๋ายฮ่าว!!” เขากัดฟันกรอด สำหรับป๋ายฮ่าวผู้นี้ เขาทั้งกริ่งเกรงและทั้งริษยา นับแต่ที่อีกฝ่ายปรากฏตัวในปีนั้นก็ได้เหยียบเขาจมดินมาตลอดทางตั้งแต่กาวิญญาณจนถึงนครจักรพรรดิขุย ยิ่งเมื่อหลายเดือนก่อน ภาพการมาถึงของป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งได้บีบให้เขาจำต้องก้มหน้าคารวะอีกฝ่ายดั่งที่ผู้น้อยจำต้องปฏิบัติต่อผู้ใหญ่ นั่นก็ยิ่งทำให้ความเคียดแค้นโกรธเกรี้ยวของจ้าวตงซานคงอยู่ไม่จางหาย

ไอสังหารในใจของเขาเดือดพล่าน แต่เขาก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นไอสังหารนี้ลงไป ในช่วงเวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่เสียอำนาจอย่างสิ้นเชิง เขาเองก็ไม่กล้าออกหน้าออกตามากนัก เพราะเมื่อไหร่ที่เขานึกถึงภาพจุดจบของหลี่เทียนเซิ่ง ในใจก็ให้กดดันไปเสียทุกครั้ง

“ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เจ้าจะมีอำนาจแบบนี้ได้ตลอดกาล!” จ้าวตงซานอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก เขาสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปบนร่างของพี่น้องที่เกิดจากอนุภรรยา นิสัยเขาดุร้ายเจ้าอารมณ์ อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของตระกูล แต่ไรไหนมาจึงเคยชินกับการวางอำนาจเผด็จการต่อคนรุ่นเดียวกันมาโดยตลอดอยู่แล้ว เวลานี้จึงแค่นเสียงเย็นหนึ่งที

“พวกเจ้าเข้ามากันให้หมด มาสู้กับข้า!” เขาพูดจบก็พุ่งตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง หรือจะพูดให้ชัดเจน ชายหนุ่มคนนั้นก็คือน้องชายของจ้าวตงซานเอง เวลานี้ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับไม่กล้าปฏิเสธ จำต้องลงมือตอบโต้ แต่มีหรือที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของจ้าวตงซานได้ ท่ามกลางเสียงดังกัมปนาท ไม่นานชายหนุ่มคนนี้ก็กระอักเลือดถอยกรูดไปข้างหลัง

คนในตระกูลที่อยู่รอบด้านต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ทว่ากลับจำต้องแข็งใจเดินขึ้นหน้าเข้าหาอีกฝ่าย พริบตาเดียวเสียงปึงปังเสียงตูมตามก็ดังกึกก้องไม่หยุด ไม่นานคนตระกูลจ้าวหลายสิบคนต่างก็พากันกระอักเลือด ร่างถูกม้วนตลบออกไปไกลลิ่ว

“ไอ้พวกสวะ!!” จ้าวตงซานระบายความคับแค้นในจิตใจ คำพูดของเขาทำให้พวกคนในตระกูลที่หน้าซีดขาว กำลังปาดคราบเลือดพากันเกิดความเคียดแค้นในใจ แต่กลับไม่กล้าเปิดเผยความไม่พอใจนั้นออกมา ได้เพียงแต่ข่มกลั้นเอาไว้

จ้าวตงซานที่แม้จะมีนิสัยดุร้าย แต่กลับรับรู้การอดทนข่มกลั้นของพวกเขาได้เป็นอย่างดี ทว่าเขาไม่สนใจ เขาคือผู้สืบทอดของตระกูล คือพระยาสวรรค์รุ่นต่อไป ต่อให้ในใจคนเหล่านั้นมีความเดือดดาล แต่ก็จำเป็นต้องก้มหัวให้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา แล้วก็ยิ่งไม่มีใครกล้าทรยศ จ้าวตงซานแค่นเสียงเย็นหนึ่งที กำลังจะลงมือระบายความโกรธแค้นที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนต่อไป ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นก็มีรุ้งยาวหนึ่งเส้นทะยานเข้ามา ในรุ้งยาวนั้นคือผู้เฒ่าคนหนึ่ง ซึ่งผู้เฒ่าก็คือข้ารับใช้ของตระกูลจ้าว ยามนี้เขามีสีหน้าตะลึงระคนลนลาน หอบหายใจฮักๆ ราววัวเหนื่อยคล้ายคนขวัญกระเจิงเพราะเจอเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

เมื่อบินมาถึง ขณะที่เขากำลังจะผ่านพื้นที่ของจ้าวตงซานไปยังเจดีย์พระยาสวรรค์ ทว่าจ้าวตงซานที่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วกลับขมวดคิ้วฉับ

“ซุนฝู เจ้าทำท่าเร่งร้อนตะลีตะลานแบบนี้ มันสมควรแล้วรึ!”

ผู้เฒ่าเหมือนไม่ได้ยินจึงทำท่าจะบินผ่านไป จ้าวตงซานไม่สบอารมณ์ทันใด ยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง เสียงตูมดังลั่น ร่างของผู้เฒ่าพลันแข็งค้างอยู่กลางอากาศ มิอาจเคลื่อนหน้าต่อได้ ทั้งยังถูกโจมตีผ่านอากาศ มุมปากจึงมีเลือดซึม ยามนี้เพิ่งจะคืนสติ พอก้มหน้าลงมองก็เห็นจ้าวตงซานที่มีสีหน้ามืดทะมึนซึ่งยืนอยู่เบื้องล่าง

“นายน้อย เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!!” ผู้เฒ่ารีบพูดเสียงสั่น

“ข้างนอกเล่าลือกันว่า…ต้าเทียนซือจะออกคำสั่ง ประกาศโองการประทานบุณคุณแด่ประชา ประเด็นสำคัญของคำสั่งนี้ก็คือ…

จะต้องนำทรัพย์สินและทรัพยากรของแต่ละตระกูล แบ่งให้ลูกหลานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน…ไม่ว่าจะเป็นบุตรอนุภรรยาหรือลูกหลานสายตรง ขอแค่มีสายเลือดของตระกูลก็ล้วนได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาค!!”

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” จ้าวตงซานรู้สึกแค่ว่ามีอสนีบาตฟาดลงมาบนหัว ร่างพลันสั่นสะท้านอย่างเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็ให้รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลวไหลสิ้นดี เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว กระชากร่างของผู้เฒ่าที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วคำรามใส่หน้าอีกฝ่ายเสียงดัง

“เรื่องนี้ข้าไม่ได้เป็นคนพูดเอง ข้างนอกเขาเล่าลือกัน…” ผู้เฒ่าตัวสั่นเทิ้ม ขณะที่จ้าวตงซานกำลังจะคำรามเดือดดาลต่อ ทว่าเวลานี้กลับมีเสียงระฆังดังมาจากในพระราชวังที่อยู่บนท้องฟ้า เสียงนั้นดังสะท้อนนภากาศ ดังไปทั่วทั้งนครจักรพรรดิขุย

ทุกครั้งที่มีเสียงระฆังดังมาจากในพระราชวัง นั่นหมายความว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น!

ยามนี้ขณะที่เสียงระฆังดังสะท้อนก็มีน้ำเสียงเคร่งขรึมแผ่ลงมาจากท้องฟ้าดังกังวานไปทั่วทั้งนคร!

“จักรพรรดิขุยผู้เป็นบรรพชน ก่อตั้งราชวงศ์ มีราชโองการ….”

“ทุกสรรพชีวิตมีค่า ควรปฏิบัติอย่างเสมอภาค…”

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ลูกหลานทุกตระกูลในราชวงศ์ ไม่ว่าจะเป็นบุตรอนุภรรยาหรือลูกหลานสายตรง ล้วนมีสิทธิ์ในการสืบทอดทรัพยากรและทรัพย์สินของตระกูลตัวเอง!”

“ความรุ่งโรจน์ของราชวงศ์ เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้!”

เสียงนี้เป็นการเป็นงานอย่างถึงที่สุด เนื้อหาที่พูดถึงก็ยิ่งทำให้ทุกคนที่ได้ยินใจแกว่งไกว ลมหายใจของจ้าวตงซานพลันหอบหนัก ดวงตาที่ถลึงกว้างฉายแววเหลือเชื่อ ร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด รู้สึกเหมือนว่าท้องฟ้าทั้งผืนพลันกลายมาเป็นสีดำ รีบก้มหน้ามองไปยังพี่น้องชายหญิงของตัวเองที่อยู่บนพื้นทันที

สิ่งที่เขาเห็นก็คือในดวงตาของพวกเขาที่เดิมทีมืดมนหดหู่ มาบัดนี้เริ่มค่อยๆ มีประกายเพลิงลุกโชน เปลวเพลิงนั้น…จ้าวตงซานคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นคือ…ความทะเยอทะยาน!

“นี่เป็นไปไม่ได้ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…” จ้าวตงซานตัวสั่นเทา พึมพำแผ่วเบาอยู่กับตัวเอง ขณะเดียวกันตระกูลจำนวนนับไม่ถ้วนในนครจักรพรรดิขุยก็ล้วนตกอยู่ในความเงียบงัน พวกพระยาสวรรค์ก็ยิ่งพากันหน้าเปลี่ยนสีราวมีฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางจิตวิญญาณ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“โองการประทานคุณแด่ประชานี้มีมาเพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชัดๆ!!”

“เรื่องนี้ไร้สาระยิ่งนัก ต้าเทียนซือคิดจะทำอะไร!!”

“สมควรตายนัก บัดซบ ใครมันเป็นคนเสนอความคิดนี้ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าโองการประทานคุณแด่ประชานี้เหมือนกับแผนชั่วช้าวันพิธีเซ่นไหว้บรรพชนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน!!”

และขณะที่คนตลอดทั้งนครจักรพรรดิขุยระเบิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเอ็ดอึงหลังความเงียบสั้นๆ ที่โองการประทานคุณแด่ประชาถูกประกาศออกมา ในพระราชวังก็มีพลานุภาพสยบครึ่งเทพของต้าเทียนซือแผ่ออกมาสยบทั้งเมืองเอาไว้

ขณะเดียวกันก็มีปราณของเจ้าพระยาสวรรค์ห้าท่านที่ระเบิดออกมาข่มขวัญคนทั้งเมืองพร้อมๆ กับต้าเทียนซือ…

และเวลานี้ ในห้องลับกลางจวนตรวจการ ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นทันควัน นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแน่นขนัดของเขาเผยความเย็นชาและบ้าคลั่ง เมื่อได้ยินเสียงประกาศจึงผุดลุกขึ้นยืน เดินออกมาก้าวหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศเหนือจวนตรวจการ

“ศพหุ่นเชิดทั้งหมด จงตามข้าผู้แซ่ป๋าย…ไปดำเนินการบังคับใช้โองการประทานคุณแด่ประชา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง ทันใดนั้นในจวนตรวจการก็มีเสียงครืนครั่นดังลอยมา ก่อนที่ศพหุ่นเชิดทั้งห้าพันตนจะบินติดตามไปด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนพร้อมแผ่ปราณดุร้ายเขย่าคลอนนภากาศ

“เริ่มจากตระกูลของพระยาสวรรค์ก่อน!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน บินนำหน้าไปก่อนผู้ใด เป้าหมายแรกก็คือ…ตระกูลจ้าว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version