บทที่ 805 หลอมไฟในตำหนัก
พอจบคำพูดที่แฝงไว้ด้วยความท้าทายก็เหมือนกับการเทน้ำลงในกระทะที่น้ำมันเดือดพล่าน ทำให้พระยาสวรรค์ทั้งหมดระเบิดอารมณ์กันทันใด
“ป๋ายฮ่าว เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก!”
“เจ้าทำผิดนับร้อยข้อ ในตำหนักเทียนซือแห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำตัวกำเริบเสิบสานได้!!”
โดยเฉพาะหลิวหย่งก็ยิ่งดวงตาโชนแสงจ้าคล้ายจับจุดอ่อนของป๋ายเสี่ยวฉุนได้ เขาถึงกับกระโดดผลุงออกมาชี้หน้าป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วคำรามเสียงดัง
“ป๋ายฮ่าว เจ้ามองไม่เห็นหัวผู้ใด อยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เจ้ากลับกล้าดูหมิ่นการตัดสินโทษอย่างเข้มงวดของพวกข้า หาว่าเป็นการแสดง นี่คือความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ผิดฐานพูดจาโอหัง ผิดฐานใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น! ตอนนี้เจ้าไม่ได้มีแค่ร้อยโทษแล้ว แต่มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสามโทษ!”
หลิวหย่งกล่าวจบ ทุกคนที่อยู่รอบด้านก็มีสีหน้ากระตือรือร้นทันใด พากันรู้สึกว่าหลิวหย่งผู้นี้คือสหายร่วมรบของพวกเขาที่ไม่ต่างไปจากทวยเทพ ร่วมมือกับคนเช่นนี้ช่างทำให้คนสบายใจยิ่งนัก
ทันใดนั้นเสียงขานรับจึงดังกระหึ่มขึ้นมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหยัน ไม่แม้แต่จะชายตามองพวกพระยาสวรรค์ที่คำรามเดือดดาลใส่ตน แต่มองไปที่ต้าเทียนซือแล้วประสานมือคารวะ
“ต้าเทียนซือ ข้ามีของอย่างหนึ่งอยากให้ท่านดู!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่รอบด้านพากันหัวเราะเยาะเย้ย แอบคิดในใจว่าหรือเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นี้จะเอาหลักฐานอะไรที่บอกว่าโจวอู่เต้าเป็นกบฏออกมาได้? แต่ต่อให้มีจริงก็ละเว้นโทษมหันต์ฐานฆ่าคนตายโดยพละการของเขาไม่ได้อยู่ดี!
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง!
สายตาของต้าเทียนซือที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายน้อยๆ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะกระวนกระวาย แต่เขาไม่เคยแสดงความสิ้นหวังออกมา นี่ไม่สอดคล้องกับที่ต้าเทียนซือวิเคราะห์เอาไว้ ยามนี้เขาจึงทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้า อยากรู้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเอาอะไรออกมาให้เขาดูกันแน่
รอจนได้รับคำอนุญาตจากต้าเทียนซือ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงตบถุงเก็บของหนึ่งครั้ง หยิบเอายาวิญญาณเม็ดหนึ่งออกมาจากข้างใน ยาวิญญาณเม็ดนี้แตกต่างจากยาวิญญาณทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด สีสันของมันมีเยอะมาก ส่องสว่างพร่างพราวหาที่สิ้นสุดไม่ได้ เพิ่งจะหยิบออกมาก็ปล่อยแสงสดใสสาดส่องให้ตำหนักเทียนซือสว่างไสวประหนึ่งสมบัติล้ำค่า ทั้งยังมีคลื่นพลังจิตวิญญาณที่เข้มข้นถึงขีดสุดแผ่ขยายไปแปดทิศในชั่วพริบตา!
นั่นก็คือ…ยาวิญญาณขั้นยอดเยี่ยม…ซึ่งมาตรฐานต่ำสุดก็ต้องเป็นไฟสิบแปดสีถึงจะหลอมออกมาได้!!
พอยาวิญญาณเม็ดนี้ปรากฎออกมา ดวงตาของต้าเทียนซือก็ฉายแสงคมกริบ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ พวกเจ้าพระยาสวรรค์อย่างเฉินฮ่าวซงก็หน้าเผือดสีกันไปในพริบตา พากันหันมามองอย่างพร้อมเพรียง ส่วนพวกพระยาสวรรค์ที่เห็นยาวิญญาณเม็ดนั้นในมือของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาทั้งคู่ก็เบิกกว้างทันที
“ยาวิญญาณขั้นยอดเยี่ยม!!”
“ต่ำสุดคือต้องใช้ไฟสิบแปดสีถึงจะหลอมออกมาได้…ยาวิญญาณขั้นยอดเยี่ยม!!”
“ยาวิญญาณขั้นยอดเยี่ยมก็เรียกว่ายาวิญญาณชั้นดินได้เหมือนกัน ไม่ว่าเม็ดใดก็ล้วนหาได้ยากยิ่ง แต่ป๋ายฮ่าวกลับ…” พระยาสวรรค์บางส่วนถึงกับร้องอุทานเสียงหลง เพราะยาวิญญาณเม็ดนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเอาออกมา ทำให้พวกเขาอึ้งตะลึงอย่างยิ่ง!
แต่ไม่นานพวกเขาก็เริ่มแปลกใจ
“ยาวิญญาณชั้นดินนี้เกี่ยวอะไรกับการตายของโจวอู่เต้าด้วย?”
“ต่อให้เขาเอายาวิญญาณเม็ดนี้ออกมามอบให้ต้าเทียนซือ แต่เมื่อเทียบกับความผิดนับร้อยข้อของเขา มันก็ไม่สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาได้ ป๋ายฮ่าวผู้นี้คิดจะพูดอะไรกันแน่! หรือเขาคิดจะบอกว่าเขาหลอมยาวิญญาณนี้ออกมาด้วยตัวเอง?” ผู้ที่พูดประโยคนี้ก็คือหลิวหย่งผู้นั้น เขาพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ ทว่าประโยคนี้กลับทำให้พระยาสวรรค์ไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสีไปในฉับพลัน
“ตอนนั้นเขาเคยหลอมไฟสิบแปดสีได้เสี้ยวหนึ่ง…”
“เป็นไปไม่ได้ มีหรือที่อาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินจะปรากฏตัวกันได้ง่ายๆ!” ตลอดทั้งตำหนักเทียนซือมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเสียงฮือฮาจำนวนนับไม่ถ้วนดังออกมา ทั้งยังมีเสียงร้องคำรามด้วยความเดือดดาลจากบางคน
“ป๋ายฮ่าว เจ้าอย่าหวังว่าจะมาเล่นกลหลอกผีหลอกเจ้าที่นี่ หยิบเอายาวิญญาณเม็ดนี้ออกมา เจ้านึกหรือว่าตัวเองจะกลายมาเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินได้จริงๆ เหลวไหลสิ้นดี!”
“หุบปากกันให้หมด!” จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เงยหน้าคำรามดังลั่น เขาทุ่มสุดตัวแล้วถึงได้ตวาดใส่พวกพระยาสวรรค์และเจ้าพระยาสวรรค์ในตำหนักเทียนซือย่างไม่กลัวเกรงเช่นนี้ พลังอำนาจของเขาที่จู่ๆ ก็ระเบิดตูมออกมาทำเอาคนไม่น้อยอึ้งงันไปกับเสียงคำรามของเขาอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้คิดว่าพอหยิบยาวิญญาณเม็ดนี้ออกมาแล้วจะทำให้คนเชื่อว่าเขาคืออาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินได้จริงๆ ที่เขารออยู่ก็คือความกังขาจากคนเหล่านี้ เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นถึงจะทำให้การตบหน้าทุกคนของเขาหลังจากนี้สร้างความสะใจให้เขาได้มากกว่าเดิม
อาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน นี่ก็คือไพ่ตายของเขา!!
คนพวกนี้ยกเอากฎบ้านเมืองของราชสำนักขุยมาพูดกับตนไม่ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นตนก็จะถอนฟืนใต้กระทะ ใช้กฎบ้านเมืองโจมตีพวกเขากลับไป!! อาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินในราชวงศ์ขุยยุคนี้มีแค่สามท่าน ต่อให้จะเป็นก่อนหน้านี้ที่หลังจากย้ายมาอยู่แดนทุรกันดาร ช่วงเวลาที่ราชวงศ์ขุยมีอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินมากที่สุดก็ยังมีแค่ห้าคนเท่านั้น
ไม่ต้องพูดก็สามารถจินตนาการได้เลยว่าตัวตนและฐานะของอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินจะสูงแค่ไหน และแน่นอนว่าในกฎบ้านเมืองของราชวงศ์ขุยย่อมมีการกำหนดไว้ว่า…ขอแค่อาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินไม่ทำผิดฐานเป็นกบฏต่อบ้านเมือง ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์สังหารเขาได้!
นี่ก็คือที่พึ่งของป๋ายเสี่ยวฉุน สิทธิ์พิเศษของอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดิน!
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อว่าข้าหลอมยาวิญญาณเม็ดนี้ออกมาด้วยตัวเอง ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าผู้แซ่ป๋ายก็จะหลอมไฟสิบแปดสีออกมา ต่อหน้าพวกเจ้าทุกคน…ในตำหนักเทียนซือแห่งนี้!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง ในน้ำเสียงแฝงเร้นไว้ด้วยพลังตบะทำให้เสียงของเขาดังกังวานไปแปดทิศและกลบทับเสียงฮือฮาของพวกพระยาสวรรค์ที่อยู่รอบด้านไว้จนมิด
ดวงตาต้าเทียนซือพลันฉายแสงเจิดจ้า เจ้าพระยาสวรรค์สิบคน ยิ่งเฉินฮ่าวซงก็ยิ่งหายใจติดขัด มองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเหลือเชื่อ
เวลานี้พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินจริงๆ
“ก็แค่การดิ้นรนสุดท้ายของสัตว์ที่กำลังจะตาย แสร้งข่มขู่ให้คนกลัวก็เท่านั้น!” เฉินฮ่าวซงหรี่ตา หัวเราะเสียงหยันอยู่ในใจ ยิ่งเจ้าพระยาสวรรค์ที่พอสูดลมหายใจถี่กระชั้นอยู่หลายทีก็ยิ่งเกิดความสงสัยอย่างลึกล้ำกับเรื่องนี้
“ช่างปากกล้ายิ่งนัก ป๋ายฮ่าว หากเจ้าหลอมไฟสิบแปดสีออกมาได้ นับแต่นี้ไปเวลาที่ข้าจ้าวสงหลินเห็นเจ้า ข้าจะคุกเข่าคำนับเจ้าทันที!”
“ถูกต้อง เจ้าอยากดิ้นรนก่อนตาย แต่อาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินไม่ได้เป็นกันง่ายขนาดนั้น!”
“ไม่เจียมตัว!” หลังจากที่หายตกใจ พระยาสวรรค์พวกนั้นก็พากันกัดฟันโต้กลับด้วยเสียงคำรามกร้าวดุดัน เพราะพวกเขาในวันนี้แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความมั่นใจที่คิดจะสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนให้ตายตกจึงยิ่งเปี่ยมล้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองทุกคนพร้อมยิ้มหยัน ยิ่งจ้าวสงหลินก็ยิ่งถูกเขามองนานกว่าใคร หลังจากถอนสายตากลับมา เขาก็ไม่สนใจคนพวกนั้นอีก เพียงตบถุงเก็บของหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นในมือของเขาก็มีไฟสิบเจ็ดสีบินออกมาทั้งหมดสิบกอง!
ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนให้โจวอีซิงไปหามาตอนช่วงเวลาที่ตามหาป๋ายฮ่าวโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพวกบุตรอนุภรรยา ไม่นานจึงได้เก็บสะสมมาได้และเอามาใช้ในเวลานี้
อันที่จริงนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพื่อแบไพ่ตายของตัวเองออกมา
ป๋ายเสี่ยวฉุนได้เตรียมวัตถุดิบสำหรับหลอมไฟสิบแปดสีมามากถึงสามสิบชุดเพื่อป้องกันว่าหากตนเกิดข้อผิดพลาดจะสามารถชดเชยแก้ไขได้ทันกาล ยามนี้เขาไร้ซึ่งความลังเลใจจึงโบกมือหนึ่งครั้ง ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนี้ก็ระเบิดตูมออกมาทันใด และภายใต้การควบคุมของป๋ายเสี่ยวฉุน มันจึงแผ่ลามไปทางพวกพระยาสวรรค์อย่างจ้าวสงหลินและหลิวหย่งมากเป็นพิเศษ คล้ายต้องการเบ่งบารมี
ทุกคนที่อยู่รอบด้านพากันก้าวถอยหลัง ต่อให้เป็นเจ้าพระยาสวรรค์เองก็ยังถอยไปหลายก้าว มีเพียงต้าเทียนซือที่นั่งอยู่ที่เดิม เขาเอนตัวมาข้างหน้าน้อยๆ ดวงตาเปล่งประกายแสงประหลาดอย่างที่บอกไม่ถูก
“หากเขาหลอมไฟสิบแปดสีได้สำเร็จและกลายมาเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเคราะห์ภัยในวันนี้ก็สามารถถูกเขาทำลายให้สลายกลายเป็นจุลได้อย่างแท้จริง!” ต้าเทียนซือหรี่ตาเพ่งสมาธิมองไป
ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่านี่คือช่วงเวลาสำคัญ และเขาเองก็มีความมั่นใจมากพอว่าในเวลานี้จะไม่มีใครกล้ามารบกวนเขา เพราะอย่างไรซะที่นี่ก็คือตำหนักเทียนซือ และสิ่งที่ตัวเขาต้องการทำก็คือเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินต่อหน้าทุกคนที่อยู่ตรงนี้
“ดูสิว่าอีกเดี๋ยวข้าจะทำให้พวกเจ้าปากอ้าตาค้าง มองเซ่อจนดวงตาแทบจะถลึงออกมาจากเบ้ากันได้อย่างไร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรอคอยอยู่ในใจ ขณะเดียวกันความฮึกเหิมก็รุนแรงถึงขีดสุดด้วย
เขาชอบความรู้สึกที่ได้กลายเป็นที่จับตามองของคนมากมายเช่นนี้นักแหละ…
แต่เขาเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจให้เกิดข้อผิดพลาดได้ อีกทั้งในตำหนักเทียนซือนี้มองดูเหมือนอันตราย แต่กลับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุด
ดังนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสงบใจ ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงภายนอกอีก เพียงเอามือทั้งคู่ทำมุทรา ก่อนจะยกขึ้นแล้วตบลงไปบนทะเลเพลิงที่เกิดจากการแผ่ขยายของไฟสิบเจ็ดสีสิบกองอย่างแรง
ภายใต้การตบนี้ ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองจึงตรงเข้ามาผสานรวมกันทันใด
ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องมองตาไม่กะพริบ สมาธิทั้งหมดจมจ่อมอยู่ภายใน เพิ่มแรงในการควบคุม และเวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป ไฟสิบเจ็ดสีสิบกองนั้นก็พลันผสานรวมเข้าด้วยกัน กลายมาเป็นทะเลเพลิงสิบเจ็ดสีที่กว้างใหญ่ไพศาลผืนหนึ่ง!
และเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด มือทั้งคู่ทำมุทรา ระเบิดตบะออกมา ขณะเดียวกันจิตใจก็จมจ่อมอยู่ในทะเลเพลิงนั้น แล้วเริ่มลงมือกระทำการขั้นถัดไป นั่นคือ…บีบอัดมัน!
ตูมๆๆ!
เสียงกัมปนาทดังสะเทือนฟ้ากึกก้องอยู่ในตำหนักเทียนซืออย่างต่อเนื่อง ความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลเพลิงสิบเจ็ดสีทำให้จิตใจคนไม่น้อยสั่นคลอน ทั้งยังมีเสียงสูดลมหายใจที่ดังให้ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาก็ยากที่จะเชื่อได้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินจริงๆ!
ทว่าอันดับถัดมา เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมไฟไปเรื่อยๆ สีหน้าของทุกคนก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามอง ยิ่งจ้าวสงหลินและหลิวหย่งก็ยิ่งสูดลมหายใจดังเฮือกๆ จิตวิญญาณสั่นสะเทือน ขณะเดียวกันก็สาปแช่งให้ป๋ายเสี่ยวฉุนล้มเหลวไปด้วย
แต่คำสาปแช่งของพวกเขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ผล กลับยังให้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้าม การหลอมไฟของป๋ายเสี่ยวฉุนครั้งนี้อาจเป็นเพราะเคยประสบความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง หรืออาจเป็นเพราะเขารู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขา ดังนั้นการหลอมไฟของเขาจึงราบรื่นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่านัก
ท่ามกลางเสียงกึกก้อง ทะเลเพลิงผืนนี้ถูกย่อหดจนเหลือเพียงระยะสามสิบจั้ง และยังคงหดเล็กลงไปเรื่อยๆ
ยี่สิบแปดจั้ง ยี่สิบหกจั้ง ยี่สิบสี่จั้ง!!
ยังคงดำเนินต่อไป ไม่นานก็เหลือแค่ยี่สิบจั้ง!!