Skip to content

A Will Eternal 823

บทที่ 823 พี่ชายน้อย

นิ้วนี้ที่ชี้ไป ทำให้สตรีธุลีแดงกระอักเลือดสด หมดสติทันทีเพราะมิอาจประคองตัวได้ไหวอีกต่อไป

ธุลีแดงจื่อโม่!

นี่ต่างหากถึงจะเป็นท่าไม้ตายสุดท้ายที่ต่อให้สตรีธุลีแดงจะใช้ตบะคนฟ้าก็ยังต้องเผาผลาญอายุขัยถึงจะร่ายออกมาได้แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่ประโยคนั้นเปล่งออกมาจากปากของนาง วินาทีที่นิ้วมือข้างขวาของนางชี้ไปยังกงซุนหว่านเอ๋อร์ แสงสีแดงกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดออกมาจากร่างของสตรีธุลีแดง กลายมาเป็นหมอกสีเลือดที่ตรงเข้าปกคลุมกงซุนหว่านเอ๋อร์ไว้ภายใน

ร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่กำลังหดเล็กลง มาบัดนี้ความเร็วกลับมากขึ้นกว่าเดิมจนกระทั่งกลายมาเป็นคนจิ๋วคนหนึ่งที่ถูกโซ่ตรวนจำนวนนับไม่ถ้วนพวกนั้นกระชากเข้าไปในนครที่ใหญ่เท่าฝ่ามือ!

ในสายตาของคนอื่น นครแห่งนี้อาจใหญ่แค่ฝ่ามือ

แต่ตอนนี้ในสายตาของกงซุนเอ๋อร์ มันกลับไม่ต่างอะไรไปจากมหานครของจริง รอบด้านมีฝูงชนสัญจรกันแน่นขนัด มีรถม้าห้อตะบึงผ่านข้างกายของนางไปทำให้ฝุ่นดินแดงตลบอบอวลจนแทบจะบดบังการมองเห็นทั้งหมดของนาง

นี่ก็คือ…ธุลีแดงจื่อโม่!

แม้จะเป็นภาพมายา ทว่ามายานครแห่งนี้กลับมีความเสมือนจริง คล้ายเป็นนครลวงตาแห่งหนึ่งที่…ถูกอาคมน่าครั่นคร้ามปิดผนึกเอาไว้!

ผนึกคนให้อยู่ในนครลวงตาแห่งนี้ ทำให้คนเกิดความลุ่มหลงมิอาจถอนตัว ขณะเดียวกันก็ยากที่จะเดินออกไปจากนครนี้ได้ และหากวิชานี้ถูกร่ายใช้ถึงขีดสุด สิ่งที่จำแลงออกมาจะไม่ใช่นครแห่งหนึ่งอีกต่อไป แต่จะกลายมาเป็นโลกมายาใบหนึ่ง!

ขณะที่รถม้าวิ่งผ่านทำให้ธุลีแดงฟุ้งตลบขึ้นบดบังดวงตาทั้งคู่ของกงซุนหว่านเอ๋อร์ นางกลับเยือกเย็นผิดปกติ พอเงยหน้ามองป๋ายเสี่ยวฉุนและสตรีธุลีแดงที่อยู่บนฟ้าซึ่งเวลานี้ร่างใหญ่โตเหมือนยักษ์ กงซุนหว่านเอ๋อร์ก็พลันคลี่ยิ้ม

ชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ ต่อให้มีพลังของหน้ากากช่วยอำพราง แต่นาง…กลับยังจำปราณของป๋ายเสี่ยวฉุนได้!

“พี่ชายน้อย…” รอยยิ้มของกงซุนหว่านเอ๋อร์แปลกแปร่งชอบกล ทั้งยังมีเสียงหัวเราะคิกคักดังตามมา เสียงหัวเราะนี้พลันดังก้องไปทั่วทั้งนครมายา สะเทือนไปทั่วแปดทิศของนภากาศ

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหายวาบ เสียงหัวเราะนี้ทำให้หนังหัวของเขาชาหนึบ ลมหายใจถี่รัว

เขาเข้าใจดีว่าต่อให้วิชาอภินิหารนี้จะปิดผนึกร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์เอาไว้ได้ แต่เกรงว่าคงไม่นานนัก และหากวัดกันในด้านพลังการต่อสู้ ตนก็มิอาจเผชิญหน้ากับกงซุนหว่านเอ๋อร์ผู้พิลึกพิลั่นสุดขีดคนนี้ได้เลย

ดังนั้นยามนี้เขาจึงไม่มัวรีรอ รีบอุ้มสตรีธุลีแดงที่หมดสติเอาไว้ พอหมุนตัวได้ก็ระเบิดความเร็วสูงสุดกลายร่างเป็นรุ้งยาวเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

กลางนครมายาที่ตอนนี้ตกลงไปอยู่บนพื้นดินด้านหลังของป๋ายเสี่ยวฉุน

กงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ดวงตาใกล้จะถูกฝุ่นผงสีแดงจากรถม้ากลบทับอย่างเต็มที่ยังคงหัวเราะอยู่เช่นเดิม ทั้งยังฉวยโอกาสตอนที่จิตสำนึกของตัวเองยังแจ่มชัดยกมือขวาขึ้นทำมุทราแล้วชี้ไป

การชี้ครั้งนี้ของนางทำให้เหลยซานที่นอนนิ่งอยู่ในหลุมลึกและหน้าอกมีรูขนาดใหญ่ยักษ์พลันลืมตาโพลง ดวงตาทั้งคู่ของเขาไม่มีแววแห่งชีวิตใดๆ มีเพียงแสงสีดำมืดที่เปล่งประกายวูบวาบ ก่อนที่เรือนกายใหญ่โตราวขุนเขาของเขาจะทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากในหลุมลึก!

ชั่วขณะที่เหลยซานพุ่งออกมาจากหลุมพร้อมเสียงกัมปนาทพาแผ่นดินสั่นไหว เลือดเนื้อตรงหน้าอกของเขากลับเคลื่อนไหวยึกยือ ตามมาด้วยอาการบาดเจ็บที่หายวับไปในพริบตา ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สีหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์ดังเดิม และตอนนี้เขาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก็หันขวับไปมองยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเผ่นหนีไป

“เอาตัวเขา…กลับมาให้ข้า!” ใบหน้าของกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในนครมายาถูกฝุ่นกลบทับอย่างสมบูรณ์แบบ เสียงของนางก็เริ่มไม่ประติดประต่อ จนกระทั่งขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้นัยน์ตาของนางที่ยืนอยู่บนถนนของนครมายาก็เผยความเลื่อนลอยออกมาเป็นครั้งแรก

นางจมจ่อมอยู่ในตราผนึกของธุลีแดงจื่อโม่แล้ว!

ส่วนโลกภายนอก ประกายแสงดำมืดในดวงตาของเหลยซานพลันเปล่งวาบ ครั้นจึงระเบิดพละกำลังทั้งหมดอย่างไร้ความลังเล ไล่กวดตามทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ

ความเร็วของเขาทำให้เกิดเสียงแหวกอากาศดังเสียดแทงแก้วหู ทำเอาความว่างเปล่าของแปดทิศบิดเบือน! และหนทางเบื้องหน้าห่างจากเขาไปหลายพันลี้

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่หอบหายใจหนักหน่วงก็กำลังแบกสตรีธุลีแดงที่หมดสติไว้ข้างหลังพลางร่ายความเร็วถึงขีดสุดไม่ต่างกัน ทำให้ร่างของเขากลายมาเป็นภาพติดตาที่ทะลวงผ่านความว่างเปล่าไป

ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคอยหยิบเอาแผ่นหยกออกมาติดต่อกับราชาผียักษ์อย่างต่อเนื่องด้วย ทว่ากลับยังไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้เสียที เห็นได้ชัดว่าในขอบเขตรอบด้านที่ไม่รู้กินอาณาบริเวณเท่าไหร่นี้ได้ถูกกงซุนหว่านเอ๋อร์ใช้วิธีการบางอย่างปิดผนึกเอาไว้

และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังร้อนใจหงุดหงิดอยู่นั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ว่าสตรีธุลีแดงที่เดิมทีนอนตัวอ่อนอยู่บนแผ่นหลังของเขาพลันตัวสั่นเยือกแล้วร่างเกร็งค้าง

ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงรู้ทันทีว่าหลังจากหมดสติไปในชั่วเวลาสั้นๆ อีกฝ่ายก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“ปล่อยข้าลง ข้าเดินเองได้!” สตรีธุลีแดงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ตอนที่นางฟื้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนทาบอยู่บนแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้ไม่สบายตัวอย่างยิ่ง จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย

“หุบปาก เพราะเจ้าคนเดียวเลย ถ้าฟังข้าตั้งแต่แรกก็ไม่เกิดเรื่องแล้ว ตอนนี้อย่าได้มาทำให้นายท่านอย่างข้าเสียเวลาเชียว ยังจะกล้าพูดว่าจะเดินเอง เจ้ายืนได้มั่นคงแล้วหรือไง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนโมโหอยู่ในใจ

ขณะที่กำลังห้อตะบึงจึงยกมือขึ้นตบก้นโจวจื่อโม่ที่อยู่ข้างหลังตัวเองอย่างแรงหนึ่งที…

สิ่งที่มือสัมผัสได้คือความเต่งตึงนุ่มหยุ่น นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังห่อเหี่ยวและร้อนใจอดไม่ได้ที่จะใจสั่น

“เจ้า!!” ลมหายใจที่รวยรินของโจวจื่อโม่เปลี่ยนมาเป็นถี่รัวทันควัน ป๋ายเสี่ยวฉุนตวาดใส่นางยังไม่พอ แถมยังตบก้นของนางอย่างแรงซ้ำอีกที นี่ทำให้อารมณ์ของนางเดือดพล่านรุนแรง ทว่าเดิมทีนางก็อ่อนแออยู่แล้ว พอคลื่นอารมณ์รุนแรงแบบนี้ นางที่หายใจหายคอไม่ทันเลยตัวอ่อนยวบหมดสติคาแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนไปอีกครั้ง

“หึ หากไม่เพราะเห็นแก่พี่ผียักษ์ เจ้านึกว่าข้าจะช่วยเจ้าหรือไง เจอหน้ากันทีไรก็เอาแต่แผ่ปราณดุร้าย ทำหน้าบูดหน้าบึ้งราวกับข้าติดเงินเจ้าอย่างไรอย่างนั้น”

ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงเย็น ไม่มีเวลามาสนใจสตรีธุลีแดง เพียงเพิ่มความเร็วตะบึงไปไกลพร้อมเสียงตูมตามที่ดังตามหลังไปตลอดทาง

เขาสัมผัสได้แล้วว่าห่างไปหลายพันลี้ด้านหลังตัวเอง เหลยซานกำลังใช้ความเร็วสุดขีดไล่ตามมา สำหรับเหลยซานผู้นี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็รู้สึกซับซ้อนในใจไม่น้อย เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ตอนนี้เป็นเพียงแค่ศพหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น

และเขาก็ยิ่งเข้าใจดีว่า ศพหุ่นเชิดประเภทนี้มิอาจตีให้ตายได้!!

เว้นเสียแต่ว่าจะใช้พละกำลังที่เหนือกว่าอีกฝ่ายมาโจมตีสังหาร ทำให้ร่างของอีกฝ่ายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วสลายกลายเป็นฝุ่นผง หาไม่แล้วก็มิอาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย

“เหลยซานเอ๋ย ตอนที่เจ้ามีชีวิตอยู่ พวกเราก็เคยประมือกันมาก่อน ตอนนี้เจ้าตายไปแล้ว แต่เจ้ายังไม่ยอมเลิกแล้วกับข้าอีกหรือไง…”

“ต้องเพิ่มความเร็วให้มากกว่านี้ ต้องสลัดอีกฝ่ายทิ้งไปให้ได้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจหนึ่งที กลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของนครผียักษ์ ขณะที่ยังเผ่นโผนไปข้างหน้า เขาก็ตบถุงเก็บของหยิบเอาเรือสวรรค์ออกมาด้วย!

กระโดดผลุงหนึ่งครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่แบกร่างของสตรีธุลีแดงก็พลิ้วขึ้นไปอยู่บนเรือสวรรค์ หลังจากโยนสตรีธุลีแดงไว้ด้านข้าง เขาก็ร่ายตบะกรอกเทเข้าไปในเรือสวรรค์ ทันใดนั้นแสงเจิดจ้าก็ส่องประกายออกมาทั่วลำเรือ เสียงตูมดังหนึ่งครั้งความเร็วที่น่าตะลึงยิ่งกว่าความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันระเบิดพาเรือทะยานไปข้างหน้า

ทว่าชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดความเร็วนั้น เหลยซานที่ห่างออกไปไกลก็ร้องคำรามเสียงดังสะเทือนท้องฟ้า แล้วจู่ๆ ร่างของเขาก็เหมือนถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ เสียงตูมๆ ระเบิดสองทีติด ความเร็วของเขาก็พลันไต่ทะยานสูงลิ่ว พริบตาเดียวความเร็วก็เหนือกว่าเรือสวรรค์ ตลอดทั้งร่างของเขากลายมาเป็นรุ้งเส้นยาวที่ไล่กวดเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างบ้าคลั่ง!

ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ!

สองพันลี้ หนึ่งพันห้าร้อยลี้ หนึ่งพันลี้ ห้าร้อยลี้ จนกระทั่งเปล่งแสงวาบหนึ่งครั้งก็ตามติดมาถึงระยะร้อยลี้!!

ภาพนี้ทำเอาดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เขาหอบหายใจดังเฮือก ลูกกระเดือกตรงลำคอขยับขึ้นๆ ลงๆ อย่างแรงอยู่หลายที

“ไอ้หมอนี่กินยาอะไรเข้าไป ทำไมจู่ๆ ถึงได้เร็วขนาดนี้!!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังตื่นตระหนัก สตรีธุลีแดงก็ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง นางมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาซับซ้อน แล้วก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าเหลยซานที่กลายร่างเป็นรุ้งยาวกำลังห้อตะบึงเข้ามาใกล้ นางจึงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

“ป๋ายฮ่าว เจ้ายังไม่รีบเพิ่มความเร็วของเรือสวรรค์อีกรึ! รักษาระดับความเร็วให้มากพอเข้าไว้ ส่วนหุ่นเชิดตัวนี้ เจ้าไม่ต้องสนใจ!”

“เจ้าหุบปากไปเลย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงคำราม ด้วยหงุดหงิดใจอย่างยิ่ง นั่นเป็นเพราะในน้ำเสียงและถ้อยคำของสตรีธุลีแดงยังเต็มไปด้วยความบงการวางอำนาจ ทั้งๆ ที่ตนเป็นคนช่วยนางเอาไว้ แต่นางกลับยังมีหน้ามาออกคำสั่งกับตนอีก

นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สบอารมณ์เอามากๆ

“เจ้า!!” นัยน์ตาของสตรีธุลีแดงฉายแสงคมกล้า หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง แต่ดูเหมือนนางเองก็จะรู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองเมื่อครู่นี้ไม่ค่อยรื่นหูนัก แต่นางเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ต่อให้จะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเหมาะสม ทว่านางกลับไม่ยอมรับง่ายๆ

ยังไม่ทันรอให้สตรีธุลีแดงพูดต่อ ความว่างเปล่าที่ห่างไปไกลก็มีเสียงกัมปนาทดังสะเทือนมา เงาร่างของเหลยซานเปล่งวาบขึ้นมาอีกครั้ง พอปรากฏตัวก็…มาลอยอยู่กลางอากาศเหนือเรือลำนี้แล้ว!!

ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงมายังเรือสวรรค์ที่อยู่ด้านล่างอย่างแรง!

การกดครั้งนี้มาพร้อมกับกำลังขุมใหญ่ที่ระเบิดตูมออกมาจากตัวของเหลยซาน ก่อกลายมาเป็นพายุลูกหนึ่งที่พัดเข้าใส่เรือสวรรค์

“ไสหัวไปซะ!!” ม่านตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัว เขาคำรามดังลั่นพร้อมแผ่ปราณดุร้ายกร้าวกระด้างออกมาจากร่าง ครั้นจึงกระโดดผลุงขึ้นไป มือขวากำเป็นหมัดแล้วเหวี่ยงเข้าใส่พายุที่พัดเข้ามาใกล้!

เสียงตูมตามดังกึกก้องทั้งฟ้าดินแล้วซัดเป็นทอดกระจายออกไปแปดทิศ พายุลูกนั้นแตกทลายลงไปทันที ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งกระโจนเข้าใส่เหลยซานโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง!

ดวงตาของเหลยซานมีประกายสีดำเปล่งวูบ และเขาเองก็พุ่งตัวลงมาประจันหน้ากับป๋ายเสี่ยวฉุน…ดั่งสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยงลงมาจากท้องฟ้า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version