บทที่ 826 ก่อกำเนิดช่วงท้าย
ก่อนหน้านี้หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมทารกก่อกำเนิดของตัวเองได้สิบห้าครั้ง ตบะของเขาก็ฝ่าทะลุไปสู่ก่อกำเนิดช่วงกลาง แต่เขากังวลว่าหากเป้าหมายยิ่งใหญ่เกินไปก็จะโดดเด่นเกินไป ดังนั้นจึงไม่กล้าหลอมต่อ ซึ่งหลักๆ แล้วก็เป็นเพราะรายชื่อที่อยู่บนกระดานจักรพรรดิหมิงจะเปิดโปงทุกสิ่งอย่าง ป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมทารกก่อกำเนิดเมื่อไหร่ ใต้หล้าก็รับรู้กันถ้วนทั่วเมื่อนั้น
ดังนั้นพอตอนหลังหลอมไฟสิบหกสีถึงสิบเก้าสีได้สำเร็จ เขาจึงได้แต่มองไฟหลายสีตาปริบๆ โดยที่ไม่กล้าเอามาหลอมทารกก่อกำเนิด คิดไว้ว่าหากตอนหลังมีโอกาสเหมาะๆ จะหลอมไปรวดเดียวเลย
เดิมทีคิดว่ารอให้ถึงตอนที่ตนสามารถเลื่อนขั้นเป็นคนฟ้าได้ก่อนถึงจะทำเช่นนี้ ทว่าตอนนี้…เมื่ออยู่ภายใต้วิกฤตอันตรายถึงชีวิต ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงมามัวคิดมากไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆ แล้ว ตัวตนจะถูกเปิดเผยหรือไม่นั้นนับเป็นเรื่องที่เล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง แล้วนับประสาอะไรกับที่สำคัญที่สุดคือ…
กงซุนหว่านเอ๋อร์ได้ปลอมตัวเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนจึงดึงดูดความสนใจของคนทั้งหมดไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนลองมาคิดดูก็รู้สึกว่าต่อให้ตนหลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดก็ไม่น่าจะถูกคนสงสัยได้ง่ายขนาดนั้น
“สนมากขนาดนั้นไม่ได้แล้ว!” ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนแดงก่ำ สำหรับสตรีธุลีแดง เขาเองก็มีการไตร่ตรองเช่นกัน ตอนนี้คนทั้งสองเลือกที่จะลงเรือลำเดียวกันแล้ว เรื่องอื่นๆ ไว้ค่อยพูดกันทีหลัง เพราะแรงกดดันที่กงซุนหว่านเอ๋อร์มอบให้กับเขามีมากเกินไป อีกฝ่ายสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการออกมาได้ทุกเมื่อ และหากไล่ตามมาทัน ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร…ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่กล้าจินตนาการ
และตอนนี้ก็มีเพียงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งถึงระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะมั่นใจว่าจะสามารถสังหารเหลยซานที่มองดูแล้วเหมือนไม่มีวันตายนั่นได้ หากสังหารอีกฝ่ายได้ ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครไล่ตามมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะสามารถหนีไปได้อย่างเต็มกำลัง
อีกทั้งเวลายังกระชั้นชิดมาก เดิมทีสตรีธุลีแดงก็บาดเจ็บสาหัสมากอยู่แล้ว ตอนนี้นางกำลังประมือกับเหลยซานอยู่ข้างนอก ทุกชั่วลมหายใจที่ผ่านไปล้วนแฝงไว้ด้วยอันตรายถึงชีวิต ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเคร่งขรึม ได้ยินเสียงปะทะตูมตามดังแว่วมาจากข้างนอก เขาก็กัดฟันกรอด หยิบเอาไฟสิบหกสี ไฟสิบเจ็ดสี ไฟสิบแปดสีและไฟสิบเก้าสีออกมาจากในถุงเก็บของ
ไฟหลายสีสี่กองนี้เพิ่งจะปรากฏ ตลอดทั้งห้องลับก็เต็มไปด้วยสีแดงฉาน อุณหภูมิร้อนสูงแผ่ออกมา ขณะเดียวกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำมุทรา ตบลงบนหน้าผากหนึ่งครั้ง เสียงตูมดังลั่น ร่างของเขาสั่นสะเทือนไปทั้งตัว ก่อนที่ทารกก่อกำเนิดจะบินพรวดออกมาจากกลางกระหม่อม!
เมื่ออยู่ในขั้นก่อกำเนิดช่วงกลาง โดยเฉพาะหลังจากหลอมพลังจิตไปแล้วสิบห้าครั้ง ทารกก่อกำเนิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้จับตัวเป็นร่างจริงมากแล้ว และถึงขั้นที่ว่าตอนปรากฏตัวออกมาก็ไม่ทำให้เขารู้สึกเย็นเยียบเหมือนมีลมอึมครึมพัดผ่านร่างเหมือนครั้งแรกๆ อีกแล้ว
มันแทบจะไม่ต่างจากเนื้อหนังมังสาจริงๆ ของเขาเท่าไหร่นัก แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลาไปสังเกตมันอย่างละเอียด ยามนี้ทารกก่อกำเนิดของเขาขยับกายทีเดียวก็เข้ามานั่งขัดสมาธิอยู่ในหม้อกระดองเต่า ครั้นจึงยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังไฟสิบหกสีด้วยท่าทางที่คุ้นชินอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นไฟสิบหกสีก็บินเข้าหาหม้อกระดองเต่าแล้วผสานรวมเข้าไปในหม้อ ก่อนที่ลายเส้นซับซ้อนจำนวนนับไม่ถ้วนบนหม้อกระดองเต่าจะพลันมีแสงสีทองเปล่งวาบ แสงนี้สว่างไสวไร้ที่สิ้นสุด ปกคลุมทารกก่อกำเนิดของป๋ายเสี่ยวฉุนไว้จนมิด
เสียงตูมๆๆ ดังกึกก้องอยู่ข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าเสียงนี้โลกภายนอกกลับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย และเวลานี้สตรีธุลีแดงก็ยังคงประหัตประหารอยู่กับเหลยซานอย่างดุเดือด
ทว่าบริเวณรอบๆ กระดานจักรพรรดิหมิงในนครจักรพรรดิขุยซึ่งห่างออกไปไกล เดิมทีมีผู้ฝึกวิญญาณอยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก
เพราะการหลอมพลังจิตสิบห้าครั้งของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่อันดับหนึ่งสูงสุดบนกระดานได้ทำให้ทุกคนสิ้นหวัง ไม่มีกะจิตกะใจจะแข่งขันกับเขาอีกแล้ว ต่อให้อยากช่วงชิง พวกเขาก็ไม่มีปัญญาทำได้…
ในสายตาของทุกคน หลังจากหลอมพลังจิตให้กับทารกก่อกำเนิดสิบห้าครั้งแล้วยังไม่ตาย เดิมทีนี่ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งอยู่แล้ว…และการที่จะให้ไปชิงดีชิงเด่นกับคนที่กล้าทุ่มสุดตัวไม่กลัวตายอย่างนี้ ก็ไม่มีใครที่มีความกล้าหาญขนาดนั้น
เพียงแต่ว่าถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีผู้ฝึกวิญญาณมากเท่าที่เคย แต่ก็ยังมีอยู่สามคนห้าคนที่เดิมทีก็ไม่ได้ให้ความสนใจกระดานจักรพรรดิหมิง ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นบนกระดานจักรพรรดิหมิงก็พลันมีแสงสีดำระเบิดเจิดจ้า แสงนี้ดึงดูดความสนใจจากคนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้ทันที ขณะที่แต่ละคนหันไปมองด้วยความแปลกใจ ลูกตาของพวกเขาก็เหลือกลานราวกับจะถลนออกมานอกเบ้าอย่างไรอย่างนั้น
“ป๋ายเสี่ยวฉุน…เขา….จำนวนการหลอมพลังจิตก่อกำเนิดของเขาเปลี่ยนไปอีกแล้ว!!”
“นี่…นี่…”
“สิบหกครั้ง เขาหายเงียบไปนาน ตอนนี้กลับมาหลอมพลังจิตให้ทารกก่อกำเนิดอีกแล้ว เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!!” คนเหล่านี้พากันสำลักหายใจ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทั้งๆ ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อยู่อันดับหนึ่งแล้ว และอันดับที่สองก็หลอมพลังจิตได้แค่เจ็ดครั้ง ความต่างมากขนาดนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทุ่มสุดชีวิตอีกแล้ว
คนพวกนี้ฉงนสนเท่ห์กันอย่างหนัก ทว่ากลับแพร่ข่าวนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีคนมากขึ้นที่รับรู้เรื่องนี้ และนครจักรพรรดิขุยก็ต้องครึกโครมกันอีกครั้ง
“สิบหกครั้ง??”
“ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้กำลังถูกเทพธิดาธุลีแดงไล่ฆ่าหรอกหรือ ทำไมจู่ๆ ถึงมาหลอมพลังจิตได้!!”
ขณะที่ทุกคนในนครจักรพรรดิขุยกำลังตกตะลึงกันอยู่นั้น ชื่อของป๋ายเสี่ยวฉุนบนกระดานจักรพรรดิหมิงก็มีแสงสีดำสว่างจ้าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อแสงค่อยๆ จางหายไป ด้านหลังชื่อของเขาที่เดิมทีเขียนเลขสิบห้าเอาไว้และกลายมาเป็นเลขสิบหกก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง กลายมาเป็นเลขสิบเจ็ด!!
“คุณพระช่วย หลอมสองครั้งติดต่อกัน!”
“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้คงถูกเทพธิดาธุลีแดงบีบให้จนตรอกแน่ๆ ถึงได้กล้าเสี่ยงทดลองเช่นนี้!!”
ขณะที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนร้องฮือฮา ในห้องลับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ บนร่างทารกก่อกำเนิดของเขายามนี้มีลายเส้นสีทองเส้นที่เจ็ดปรากฏขึ้นมา ปราณของเขาแข็งแกร่งกว่าเก่าหลายเท่าตัว และได้ไต่ไปถึงจุดสูงสุดของก่อกำเนิดช่วงกลางแล้ว!!
ขาดอีกแค่ก้าวเดียวก็สามารถเลื่อนขั้นกลายมาเป็นก่อกำเนิดช่วงท้ายได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มัวรีรอ ยกมือขวาขึ้นชี้หนึ่งครั้ง ไฟสิบแปดสีก็ห้อทะยานเข้าไปผสานรวมกับหม้อกระดองเต่า ทันใดนั้นเส้นสีทองที่เกิดจากไฟสิบแปดสีก็ส่องแสงจ้าบาดตายิ่งกว่าครั้งใดๆ พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน และข้างหูของเขาก็มีเสียงกัมปนาทระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
เหตุการณ์นี้ดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อแสงสีทองจางหายไป บนร่างทารกก่อกำเนิดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันมีพลังอำนาจสะท้านฟ้าสะเทือนดินขุมหนึ่งส่งผ่านมา พลังอำนาจนี้เป็นเหมือนพายุบ้าคลั่งที่ก่อตัวผงาดสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทารกก่อกำเนิดของป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาโพลง ตบะของเขาก็ฝ่าทะลุขั้นตามไปด้วย!
ไม่ใช่ก่อกำเนิดช่วงกลางอีกต่อไป แต่เลื่อนขึ้นไปเป็น….ก่อกำเนิดช่วงท้าย!!
อันที่จริงตอนอยู่นครจักรพรรดิขุยก่อนหน้านี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สามารถเลื่อนขั้นได้แล้ว แต่เขากลับข่มกลั้นเอาไว้ จนกระทั่งบัดนี้ที่ตบะเกิดการแปรสภาพอย่างสมบูรณ์แบบ ดวงตาของเขาก็โชนแสงคมกริบน่าหวาดเกรง ปราณบนร่างยิ่งใหญ่ไพศาลปานประหนึ่งมหาสมุทร และพลังในการต่อสู้ของเขา มาบัดนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกหลายต่อหลายเท่า
ทว่ายังไม่สิ้นสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง ในเมื่อเลือกที่จะหลอมพลังจิตให้ทารกก่อกำเนิดแล้ว ก็ถือโอกาส…หลอมให้ถึงขีดสุดความสามารถของเขาไปเลย เขาจึงยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังไฟหลายสีกองสุดท้าย…ไฟสิบเก้าสีแล่นฉิวเข้ามา ชั่วพริบตาที่ผสานรวมกับหม้อกระดองเต่าก็กลายมาเป็นทะเลแสงสีทองที่ปกคลุมทุกอย่างไว้จนมิด ทะเลแสงจากไฟสิบเก้าสีผืนนี้น่าครั่นคร้าม น่าตื่นตาตื่นใจ และเจิดจ้าพร่างพราวยิ่งกว่าไฟสิบแปดสีหลายต่อหลายเท่านัก!
อีกทั้งห้องลับที่เขาอยู่ในตอนนี้ก็ยังกลายมาเป็นสีทองไปด้วย!
ภาพนี้ทำเอาสตรีธุลีแดงที่ต่อสู้อยู่ข้างนอกอึ้งงันไปครู่ แม้แต่เหลยซานก็ยังเงยหน้ามองมา ที่พวกเขาสัมผัสได้ไม่ใช่คลื่นของการหลอมพลังจิต แต่กลับเป็นพละกำลังกร้าวแกร่งขุมหนึ่งที่กำลังก่อตัวอย่างน่ากริ่งเกรงอยู่ในเรือสวรรค์ และดูเหมือนว่าพลังขุมนั้นใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว!
แสงสีดำในดวงตาของเหลยซานเปล่งแสงวาบ หมายจะอ้อมผ่านร่างของสตรีธุลีแดงไปขัดขวางเโดยไม่สนว่าการระเบิดครั้งนี้จะเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใดก็ตาม
ส่วนสตรีธุลีแดงกลับรู้สึกเหมือนมองเห็นความหวังอีกครั้ง ต่อให้ลมหายใจของนางจะไม่มั่นคงแค่ไหนก็ยังทุ่มสุดพลังเพื่อขัดขวางเหลยซานเอาไว้
เสียงตูมตามยิ่งดังกึกก้องรุนแรง ขณะเดียวกันในนครจักรพรรดิขุยก็มีเสียงของคนจำนวนนับไม่ถ้วนอุทานฮือฮาดังระเบ็งเซ็งแซ่สะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
บัดนี้เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนหลอมพลังจิตจากสิบห้าครั้งจนถึงสิบแปดครั้ง ความสะท้านสะเทือนที่เขาสร้างขึ้นก็มากพอจนไม่เป็นรองตอนที่เขาปลอมตัวเป็นป๋ายฮ่าวเลื่อนขั้นเป็นชั้นดิน
รอบด้านกระดานจักรพรรดิหมิงมีผู้ฝึกวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนบินตรงมาจากสี่ทิศ แต่ละคนกลั้นลมหายใจจ้องเขม็งมองชื่อของป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนกระดานซึ่งเวลานี้แสงสีดำกำลังระเบิดจ้าออกมา
และชั่วขณะที่พวกเขามองไปนั้น แสงสีดำก็พลันแจ่มจ้าบาดตา หลังจากที่ค่อยๆ ลดระดับความสว่างและจางหายไป ตัวเลขที่ปรากฏอยู่ด้านหลังชื่อของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็เปลี่ยนมาเป็นพร่าเลือน เมื่อมองเห็นได้ชัดอีกครั้งมันก็กลายมาเป็นเลข…สิบเก้า!!
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นเงียบกริบ แต่ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงอื้ออึงสะเทือนแก้วหู!
“สิบเก้าครั้ง…นี่มันเป็นไปไม่ได้!!”
“อย่าว่าแต่หลอมพลังจิตก่อกำเนิดเลย ต่อให้หลอมพลังจิตให้กับอาวุธ ตอนนี้ตลอดทั้งแดนทุรกันดาร ตลอดทั้งราชสำนักขุย อาวุธวิเศษที่ผ่านการหลอมพลังจิตสิบเก้าครั้งก็มีแค่สองสามชิ้นเท่านั้น!! ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าชิ้นไหนก็ล้วนถูกเก็บไว้เป็นอาวุธล้ำค่าของราชสำนักขุย!!”
“เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ไปเอาไฟสิบแปดสี และไฟสิบเก้าสีมาจากที่ไหน!! ตลอดทั้งแดนทุรกันดาร คนที่หลอมไฟสิบเก้าสีออกมาได้ก็มีแค่อาจารย์ชั้นดินว่านคนเดียวเท่านั้น!!”
เรื่องนี้สร้างความครึกโครมอย่างใหญ่หลวง เหนือล้ำเกินเรื่องใด
แม้แต่ต้าเทียนซือเองก็ยังตกตะลึงไปด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เวลานี้มิอาจไม่ให้ความสนใจ การหลอมพลังจิตสิบห้าครั้งของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขายังพอมองข้ามได้ แต่หากหลอมไฟสิบเก้าสีก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่แยแส
ยิ่งราชาผียักษ์และต้าเทียนซือก็ถึงกับรีบติดต่อไปหาสตรีธุลีแดง หมายจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เพราะอย่างไรซะพอป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว สตรีธุลีแดงก็ได้ยกกองทัพไปปราบปรามอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วน
ทว่าเมื่อพวกเขาติดต่อไป ต้าเทียนซือก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น ราชาผียักษ์ก็ยิ่งหน้าเปลี่ยนสี ทะลึ่งพรวดขึ้นยืน ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นถี่รัว
พวกเขา…ติดต่อสตรีธุลีแดงไม่ได้!!
“เกิดเรื่องแล้ว!!” ดวงตาของราชาผียักษ์ฉายแสงดุดัน พลันพุ่งถลาออกไปนอกนครผียักษ์พลางกวาดอำนาจจิตแผ่ไปทั่วแปดทิศ อีกทั้งยังร่ายพลังเต็มที่ทำให้พริบตาเดียวร่างก็ทะยานจากไปไกล ในใจเขาบังเกิดความตึงเครียดและร้อนรน เขาต้องไปตามหาลูกสาวเพียงหนึ่งเดียวของตน!