Skip to content

A Will Eternal 829

บทที่ 829 ร่างผีกลืนชีวิต

นภากาศถูกมือใหญ่ไร้รูปลักษณ์คู่หนึ่งแหวกกระชากพร้อมเสียงคำรามดังกึกก้อง ตามมาด้วยร่างของราชาผียักษ์ที่เดินพรวดออกมาจากรูโหว่บนท้องฟ้านั่น!

เขาไม่ได้มาคนเดียว ข้างกายเขายังมีอู๋ฉางกงและยังมีบุรพาจารย์ตระกูลเฉินกับตระกูลป๋าย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองนี้ถูกราชาผียักษ์กำราบจนยอมศิโรราบให้ ถึงได้เดินทางมาพร้อมกัน

อีกทั้งด้านหลังพวกเขายังมีครึ่งก้าวคนฟ้าอีกหกคน สามารถพูดได้ว่านี่คือพลังอันเป็นรากฐานของนครผียักษ์ และตอนนี้พลังนี้ก็ถูกระดมออกมา ซึ่งห่างออกไปไกลยังมีกองทัพผู้ฝึกวิญญาณอีกหลายหมื่นคน

ก่อนหน้านี้ราชาผียักษ์ตามหาบุตรสาวของตัวเอง แม้เขาจะเป็นครึ่งเทพ แต่อย่างไรซะก็ตัวคนเดียว ดังนั้นขณะที่ตามหาก็ได้สั่งความให้ลูกน้องใต้สังกัดลงมือช่วยตามหาไปพร้อมกันด้วย

และเสียงกัมปนาทที่ป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดออกมาก่อนหน้านี้ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากราชาผียักษ์ เขาถึงได้เร่งรุดเดินทางมาที่นี่ นิสัยของเขาเป็นคนระวังตัว แม้จะคิดว่าตัวเองคนเดียวก็รับมือกับศัตรูได้ แต่กระนั้นก็ยังถือโอกาสใช้วิชาอภินิหารเรียกรวมพวกลูกน้องที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้มารวมตัวกันอยู่ข้างกายด้วย!

ยามนี้เมื่อเยื้องกรายมาถึง ฟ้าดินก็สั่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น อานุภาพครึ่งเทพเขย่าคลอนฟ้าดิน เพียงแค่เมื่อครู่นี้ก็ทำให้สี่ด้านมีเสียงเหมือนกระจกแตกดังลั่นออกมา และมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าฟ้าดินแห่งนี้มีม่านแสงกึ่งโปร่งใสชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ซึ่งบนม่านแสงมีรอยปริร้าวกำลังแผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวรอยแตกก็แน่นขนัด ทำให้ม่านแสงนั้นแตกกระจายโดยพลัน!!

ม่านแสงนี้ก็คือตราผนึกของกงซุนหว่านเอ๋อร์ พอมันแตกออก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันรู้สึกปลอดโปร่งอย่างน่าแปลกใจ เหมือนถูกปลดพันธนาการบางอย่างทิ้งไป ทำให้จิตใจของเขาฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่า

ทว่าขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังดีใจนั้นเอง กงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ถึงแม้จะมีสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าดวงตากลับฉายแววละโมบ ทั้งยังแลบลิ้นออกมาเลียปากถี่ยิ่งกว่าเดิม ราวกับมองเห็นอาหารโอชะมารออยู่ตรงหน้า

“ในที่สุด…ก็ตกปลาตัวใหญ่ได้แล้ว…” เสียงของกงซุนหว่านเอ๋อร์ยิ่งวังเวง กล่าวจบนางก็พุ่งกระโจนเข้าหาราชาผียักษ์ทันใด!

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจดังเฮือก เมื่อเห็นกงซุนหว่านเอ๋อร์กล้าถึงขนาดลงมือต่อหน้าต่อตาครึ่งเทพ ในสมองของเขาก็มีเสียงดังอื้ออึง ความหวังที่บังเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้พลันส่ายไหวอย่างรุนแรง

“ท่านพ่อตาระวังตัวด้วย คนผู้นี้ผิดปกติ เขากลืนชีวิตคนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบตะโกนเสียงดัง

ราชาผียักษ์หรี่ตาทั้งคู่ลง ในใจเดือดดาลไร้ที่สิ้นสุด เขามองเห็นว่าลูกสาวของตัวเองหมดสติทั้งยังบาดเจ็บหนัก และมองเห็นการปกป้องที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมีต่อลูกสาวตน นี่ทำให้ในใจที่ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะของเขามีความปลาบปลื้มผุดขึ้นมา

เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาจะวอกแวกเสียสมาธิไม่ได้ ชั่วขณะที่เข้ามาในที่แห่งนี้ เขาก็สัมผัสได้แล้วว่าคลื่นบนร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่เหมือนจะไม่แข็งแกร่ง แต่กลับมีปราณเสี้ยวหนึ่งที่ทำให้เขาเกิดความกริ่งเกรง!

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นร่างจำแลงของปรมาจารย์ยอดฝีมือคนไหน เป็นคนของแผ่นดินนี้ก็ดี หรือมาจากที่อื่นก็ช่าง สถานที่แห่งนี้…ก็ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำตัวโอหังได้!” ทุกถ้อยคำของราชาผียักษ์ที่เปล่งออกมาล้วนกลายมาเป็นอักขระตัวหนึ่งซึ่งรวมตัวขึ้นเป็นสายฟ้า แล้วผ่าเปรี้ยงลงมารอบกายกงซุนหว่านเอ๋อร์

ขณะเดียวกันราชาผียักษ์ก็ก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เมื่อยกมือขวาขึ้น ฟ้าดินก็พลันหม่นมัว ในนภากาศมีมือผีใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งที่คล้ายจะดับทำลายโลกใบนี้ยื่นออกมา แล้วตรงดิ่งเข้าหากงซุนหว่านเอ๋อร์พร้อมกลิ่นอายของภูตผีทะมึนทึมทึบที่ปิดผนึกไปแปดทิศ

พลังอำนาจนี้แกร่งกร้าวเหนือกว่าคนฟ้า ถึงขนาดทำให้โลกทั้งใบสั่นคลอน หากจะบอกว่าคนฟ้าสามารถผสานรวมปณิธานของตัวเองเข้ากับฟ้าดิน แทนที่เจตจำนงของฟ้าดินได้ ถ้าเช่นนั้นครึ่งเทพก็คือเจตจำนงที่อยู่เหนือบัญชาสวรรค์ ควบคุมบัญชาสวรรค์ สามารถเปลี่ยนเดือนเปลี่ยนดาว!

เสียงตูมตามดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปแปดทิศ สายฟ้าแต่ละเส้นล้วนสามารถปลิดชีพคนฟ้าได้ และเวลานี้สายฟ้าหลายสิบเส้นก็ผ่าเปรี้ยงลงมาที่กงซุนหว่านเอ๋อร์อย่างพร้อมเพรียงกัน

แต่ที่น่าแปลกใจก็คือกงซุนหว่านเอ๋อร์กลับไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยง นางปล่อยให้สายฟ้าพวกนั้นฟาดลงมา และร่างของนางก็แทบจะแหลกสลายไปในเสี้ยววินาที อีกทั้งหลังจากนั้นมือผีใหญ่ยักษ์ยังพุ่งเข้ามาคว้าร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วบีบอย่างแรง!

เสียงตูมดังลั่น ร่างของกงซุนหว่านเอ๋อร์แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แหลกลาญอย่างสิ้นเชิง!

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง สูดลมหายใจดังเฮือก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นครึ่งเทพลงมือมาก่อน แต่คราวนี้เมื่อเจอเข้าเองกับตัว ประสบการณ์นี้จึงตราตรึงลึกล้ำมากเกินปกติ

เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังคงรู้สึกว่าทุกอย่างนี้เหมือนจะง่ายดายเกินไป

หากกงซุนหว่านเอ๋อร์ผู้นั้นมีฝีมือแค่นี้ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่นัก…

และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังกังขา ราชาผียักษ์ก็พลันหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาโชนแสงคมกริบ เห็นเพียงว่ามือผีใหญ่ยักษ์ที่ขยี้กงซุนหว่านเอ๋อร์จนแตกสลาย บัดนี้กลับมีเส้นเอ็นสีแดงหลายเส้นไต่ลามขึ้นมา!!

เส้นเอ็นพวกนี้เหมือนเกิดขึ้นมาจากในมือผีเอง และพริบตาเดียวก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ของมือขนาดมหึมา ยิ่งพวกมันเลื้อยขยุกขยิก ก็ยิ่งเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่าว่ามือผีนี้…เหี่ยวเฉาลงไปอย่างรวดเร็ว!

“บังอาจ!” ราชาผียักษ์ตวาดกร้าว มือทำมุทราชี้ไป ทันใดนั้นมือผีใหญ่ยักษ์ก็พลันระเบิดตัวออกเอง ก่อนจะกลายมาเป็นพายุหมุนบ้าคลั่งที่ม้วนตลบไปแปดทิศ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะคิกคักก็ดังลอยมาจากจุดที่มือผีระเบิดออก

ครั้นจึงเห็นว่ากงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ปลอมตัวเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนยังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้ร่องรอยความเสียดายใดๆ!

ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งใบหน้าของนางยังแดงปลั่งอิ่มเอิบอีกไม่น้อย ความละโมบในดวงตายิ่งมีมาก ขณะที่เลียริมฝีปากเบาๆ ก็มีน้ำเสียงชวนขนลุกล่องลอยดังก้องไปรอบด้าน

“ในที่สุดก็…พอจะอิ่มได้นิดๆ แล้ว…”

“วิชาร่างผีกลืนชีวิต! เจ้าเป็นใครกันแน่!” ราชาผียักษ์เอ่ยเน้นย้ำทีละคำด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ เขาใจหายวาบ สีหน้าไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด อีกทั้งในดวงตาของเขายังฉายความหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรกเหมือนคนที่เดาได้ถึงอะไรบางอย่าง

ประโยคนี้ก็ทำให้กงซุนหว่านเอ๋อร์รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน

หลังจากมองราชาผียักษ์อย่างละเอียด ดวงตาของนางก็พลันดำมืด จุดลึกในดวงตาฉายความหมายลึกล้ำ ทว่าพริบตาเดียวก็หายวับไป แทนที่มาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอีกครั้ง

“ไม่คิดว่าวิชาที่เจ้าฝึกตนจะเป็นร่างผีกลืนชีวิตฉบับไม่สมบูรณ์…น่าสนใจ…คิกๆ หรือว่าทางฝ่ายเปิ่นจุนยังมีความลับอะไรที่ข้าไม่รู้…” กงซุนหว่านเอ๋อร์ปิดปากหัวเราะ เพียงแต่ว่าความกระหายในดวงตากลับเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาอีกนิด

ราชาผียักษ์หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง ลมหายใจของเขาเริ่มถี่รัวไม่มั่นคง เห็นได้ชัดว่าเนื้อความในถ้อยคำของกงซุนหว่านเอ๋อร์ทำให้จิตใจของเขาแกว่งไกวอย่างรุนแรง ความลับของวิชาผียักษ์ถูกถ่ายทอดให้กับราชาผียักษ์แต่ละรุ่นแบบปากต่อปาก คนนอกไม่มีทางรู้ได้แน่นอน และในความเป็นจริงแล้ว…เมื่อหลายปีก่อน วิชาผียักษ์นี้ก็ถูกราชาผียักษ์รุ่นที่หนึ่งสร้างขึ้นมาจากเศษซากบันทึกที่อยู่ในแผ่นหยกผุพังชิ้นหนึ่งซึ่งมาจากนอกโลก

ดังนั้นถึงได้มีข้อบกพร่องที่ถึงแก่ชีวิต ทว่าขณะเดียวกันวิชาผียักษ์นี้ก็แข็งแกร่งมากจนทำให้สร้างเส้นสายตำแหน่งราชาผียักษ์ขึ้นมาใน…ราชสำนักขุยได้!

“ส่วนเรื่องที่ว่าข้าเป็นใคร…แน่นอนว่าข้าต้องเป็น ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไรล่ะ” เสียงหัวเราะของกงซุนหว่านเอ๋อร์ยังคงดังกังวาน พอสะบัดร่างหนึ่งครั้งก็กระโจนเข้าใส่ราชาผียักษ์ทันที!

บทสนทนาระหว่างพวกเขา ต่อให้เป็นพวกลูกน้องของราชาผียักษ์เองก็ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะไม่รู้ว่าในถ้อยความเหล่านี้ซุกซ่อนความลับอะไรอยู่กันแน่ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เห็นได้ชัดว่านี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง

ขณะเดียวกันความแกร่งกร้าวของกงซุนหว่านเอ๋อร์ก็ได้ทำให้ทุกคนสำลักลมหายใจด้วยความตื่นตระหนก

ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง พอทบทวนความคิดดูแล้ว แม้เขาจะฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาก็พอจะเดาได้ว่าเด็กหญิงคนนี้ปรากฏตัวในหุบเหวกระบี่อุกกาบาต ซึ่งกระบี่เล่มนั้น…ว่ากันว่ามาจากนอกโลก…

“คนจากนอกโลก!! นางยังพูดถึงเปิ่นจุนอะไรนั่นอีก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง หัวใจเต้นตึกตักกระหน่ำรัวเร็ว เขาพอจะเกิดการคาดเดาอย่างอาจหาญอย่างหนึ่ง เด็กหญิงคนนี้มาจากนอกโลกอย่างแท้จริง และนางก็ไม่ใช่ร่างที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นจิตวิญญาณส่วนหนึ่งของ…สุดยอดผู้แข็งแกร่งนอกโลกคนใดคนหนึ่ง!!

ความคิดนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิมอย่างอธิบายไม่ถูก เขาเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองไปยังท้องฟ้าก็เหมือนต้องการจะมองให้เห็นว่านอกโลกใบนี้มีลักษณะเป็นเช่นไร…และเวลานี้เอง ราชาผียักษ์ก็พลันยกมือทั้งสองข้างขึ้นและโบกไปรอบด้านอย่างแรง

“หลีกไปให้หมด! ห้ามเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้!” จบคำพูดของราชาผียักษ์ เขาก็ลงมือทันที หลังจากนั้นพายุบ้าคลั่งลูกหนึ่งก็พัดครืนครั่นกระจายไปทั่วด้าน ผลักให้คนมากมายถอยกรูดไปไกล ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เขาจึงถอยไปไกลกว่าคนอื่นๆ

ราชาผียักษ์สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายกมือขวาขึ้นแล้วกระทืบลงไปบนพื้นอย่างแรง เสียงกัมปนาทเกินอสนีบาตระเบิดออกมาจากใต้ดิน และภายใต้เสียงดังสนั่นนี้ ร่างของราชาผียักษ์ก็พลันขยายใหญ่ ขณะที่เสียงตูมตามกึกก้องไปทั้งชั้นฟ้า ร่างของราชาผียักษ์ที่ก่อนหน้านี้มีขนาดเท่าคนทั่วไปก็ได้ไต่ทะยานขึ้นสู่สิบจั้ง ร้อยจั้ง พันจั้ง…สุดท้ายก็ใหญ่ถึงห้าพันจั้ง!!

พอมาถึงความสูงระดับนี้ เขาก็ได้กลายมาเป็นยักษ์ตนหนึ่งแล้ว อีกทั้งนอกร่างของเขายังเหมือนมีน้ำวนชั้นหนึ่งที่กำลังเขมือบกลืนพลังฟ้าดินทั้งหมดที่มาจากแปดทิศ

เวลาเดียวกันนั้น ใบหน้าของเขาก็กลายมาเป็นสีเขียว เขี้ยวงอกออกมาจากปาก ศีรษะของเขามีเขาโค้งงองอกขึ้นมาสองข้าง ร่างก็กลายมาเป็นสีเขียวเช่นเดียวกัน บัดนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาได้กลายสภาพมาเป็นเหมือน…รูปปั้นผียักษ์ที่อยู่ในนครผียักษ์อย่าง…ไม่มีผิดเพี้ยน!!

และพลังอำนาจของเขาก็ระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำเอานภากาศสั่นคลอน ฟ้าดินสะเทือนไหว ทั้งยังมีสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนแล่นแปลบปลาบไปทั่วร่างของเขาที่ราวกับว่าต้องการดันให้ทะลุพ้นออกไปจากโลกใบนี้ ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือชั่วขณะที่พลังอำนาจของเขาไต่ทะยานสู่จุดสูงสุดก็เหมือนได้ไปแตะต้องพันธนาการบางอย่างของท้องฟ้า

ทันใดนั้นท้องฟ้าจึงปรากฏอักขระแห่งพันธนาอย่างหนึ่งที่ซับซ้อนถึงขีดสุด อักขระนี้เป็นสีเลือด กว้างใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัดจนเหมือนจะปกคลุมไปทั้งนภากาศ ขณะเดียวกันก็แผ่ความโบราณเก่าแก่ออกมา…

ประหนึ่งว่า…พวกมันก็คือการคุ้มกันชั้นสุดท้ายของโลกใบนี้!!

และก็เพราะว่ามีพวกมันอยู่ ถึงได้ทำให้โลกใบนี้แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version