Skip to content

A Will Eternal 867

บทที่ 867 พิฆาตเรือนกาย

ในที่ตั้งสำนักเวลานี้ เถี่ยตั้นดีใจเกินจะหาสิ่งใดมาเปรียบ ต่อให้ตอนนี้จะตกอยู่ในอันตราย ทว่าดวงตาของมันก็ยังคงฉายแววปิติยินดีออกมา ร่างของมันสั่นเทิ้มคล้ายได้รับพลังอีกมากมายที่ใช้ไม่หมด แต่กระนั้นมันก็ยังรู้ว่าอะไรควรไม่ควร เข้าใจดีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุรพาจารย์คนฟ้าผู้นั้น

ยามนี้หลังจากคำรามหนึ่งครั้ง ทะเลเพลิงสีดำก็พลันลุกท่วมร่างของมัน พอหมุนตัวได้มันก็ถอยร่นไปทันที และวินาทีที่มันถอยหนีไปนั้น มือขวาของบุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาก็ทำมุทรา ปราณกระบี่รอบด้านพลันพุ่งมารวมตัวกันกลายเป็นกระบี่มายาขนาดมหึมาเล่มหนึ่งที่อบอวลไปด้วยเจตจำนงแห่งฟ้า ประหนึ่งอานุภาพแห่งฟ้าที่ฟาดฟันลงไปยังเถี่ยตั้น!

สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังห้อตะบึงมาอย่างรวดเร็ว ในใจของบุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาก็ให้ดูหมิ่นยิ่งนัก ยิ่งเห็นแสงสีม่วงเส้นนั้นที่พุ่งมา เขาก็ทำเพียงแค่สะบัดปลายแขนเสื้อพัดให้ปราณกระบี่ส่วนหนึ่งแยกออกไปรับมือกับแสงสีม่วง

ทว่าชั่วขณะที่ปราณกระบี่ของเขาปะทะกับแสงสีม่วง ปราณกระบี่กลับแตกสลายมิอาจสกัดกั้นแสงสีม่วงนั้นไว้ได้จนมันพุ่งทะยานมาหาเขาในชั่วพริบตา บุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาอึ้งงัน ถอยกรูดไปข้างหลัง แต่กระนั้นแสงสีม่วงก็ยังคงพุ่งมาปะทะเรือนกาย ร่างของเขาพลันสั่นเทิ้ม และนาทีถัดมาก็เหมือนถูกพันธนาการเอาไว้

นี่ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขณะเดียวกันร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่พุ่งพรวดมาจากทิศไกลก็มาโผล่อยู่…เบื้องหน้าเถี่ยตั้น!

เถี่ยตั้นร้องคำรามเสียงดังด้วยความตื่นเต้น นัยน์ตาของมันมีความดีใจเป็นบ้าเป็นหลังอย่างที่มิอาจปกปิดได้ ในความรู้สึกของมัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนบิดาของตน ขอแค่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วย ถ้าเช่นนั้นปัญหาทุกอย่างก็ย่อมคลี่คลายได้

นี่คือการพึ่งพาอย่างหนึ่ง มากไปกว่านั้นคือความรักความผูกพันอย่างหนึ่ง!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะปรากฏตัวก็แผดเสียงร้องคำราม ยกมือขวากำขึ้นเป็นหมัดแล้วเหวี่ยงโครมใส่กระบี่ใหญ่ที่ขยับมาใกล้ ภาพนี้ทำให้บุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาคลายใจลงได้ นัยน์ตาจึงฉายแววเย็นชา

“แม้แสงนั้นจะประหลาด แต่คนผู้นี้ยังเด็กเกินไป คิดจะฉวยโอกาสมาทำร้ายข้า แถมยังจะปะทะกับปราณกระบี่ที่แหลมคมที่สุดของข้าตรงๆ ช่างรนหา…” แต่ยังไม่ทันรอให้บุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาพูดในใจจบ ลูกตาของเขาก็พลันเหลือกถลนเหมือนคนเห็นผี

เขาเห็นว่าปราณกระบี่ที่ตัวเองมั่นใจนักหนา

บัดนี้เมื่อปะทะกับหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับมีเสียง “เพล้ง” ดังลั่น ที่แตกออกไม่ใช่หมัดนั้น แต่กลับกลายมาเป็นปราณกระบี่ของเขาแทน!

ปราณกระบี่นั้นเหมือนปะทะลงบนผนังทองแดงกำแพงเหล็ก พริบตาเดียวก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วปลิวว่อนไปแปดทิศโดยที่ไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนได้เลย

ภาพนี้ทำให้บุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาอ้าปากหอบหายใจดังเฮือก ค้นพบว่าพลังปณิธานแห่งคนฟ้าของตัวเองกลับใช้ไม่ได้ผลกับป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงร้องอุทานด้วยความแตกตื่นของเขาจึงดังตามมาติดๆ

“เจ้าก็เป็นคนฟ้าเหมือนกัน!!”

วินาทีที่คำพูดของเขาดังออกมา ทุกคนรอบด้านที่ได้ยินต่างก็ใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแต่ละคนฉายความเหลือเชื่อ ทว่าลูกศิษย์ของสำนักสยบธารกลับฮึกเหิมตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร

ส่วนบุรพาจารย์ธาราเทพ บุรพาจารย์ธาราโลหิต ลิงและกระต่ายก็ยิ่งคึกคักปรีดา ทว่าที่ตรงกันข้ามกับพวกเขากลับเป็นคนฟ้าสำนักธารดาราและสำนักธารอันต พวกเขาใจหายวาบ แต่กระนั้นไอสังหารกลับยิ่งเข้มข้น เพราะอย่างไรซะพวกเขาที่เป็นคนฟ้าก็มีกันถึงสามคน!

“เจ้ารนหาที่ตาย!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยสีเลือด เขามองเห็นบาดแผลบนร่างของเถี่ยตั้น ยิ่งรอยแผลเป็นน่าสยดสยองตรงลำคอของมันก็ยิ่งทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนปวดร้าวถึงขีดสุด ยามนี้เขาจึงร้องคำรามเดือดดาลแล้วพุ่งพรวดออกไป กระโจนเข้าใส่บุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคา

ในใจของบุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาหนักอึ้ง แต่อย่างไรซะขอบเขตของเขาก็เป็นถึงคนฟ้า แม้ว่าจะเป็นคนฟ้าวิถีมนุษย์ แต่เขาก็ยังมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ยามนี้จึงยกมือทั้งคู่ทำมุทรา ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็แผ่ไปทั่วร่างของเขาอีกครั้ง และบัดนี้ท้องฟ้าก็มีกระบี่ใหญ่เล่มแล้วเล่มเล่าจำแลงออกมา ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก กระบี่พวกนั้นก็คล้ายจะมีมากเป็นแสนเล่มขึ้นไป พวกมันซัดตะลุยไปแปดทิศพลางตรงดิ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุนราวห่าฝน

กระบี่ใหญ่พวกนี้ ไม่ว่าเล่มไหนก็ล้วนทำให้ก่อกำเนิดบาดเจ็บสาหัสได้ทั้งสิ้น ด้านในแฝงเร้นไว้ด้วยปณิธานของบุรพาจารย์คนฟ้าสำนักธารมรรคาซึ่งตอนนี้เข้ามาแทนที่เจตจำนงท้องฟ้า มีพลังฟ้าดินมารวมกัน อานุภาพก็ยิ่งมากมหาศาล

และสิ่งที่เขาคิดจะทำก็ไม่ใช่สังหารป๋ายเสี่ยวฉุนในทันที แต่แค่สร้างขีดจำกัดให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น ยามนี้บุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักธารดาราและสำนักธารอันตได้พุ่งมาใกล้อย่างรวดเร็วแล้ว

พวกเขาหมายจะร่วมมือกันทั้งสามคน เพื่อสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่ประมาณตน ทว่าในสายตาพวกเขากลับเป็นภัยคุกคามสูงสุดนี่ให้ได้เสียก่อน!

ทว่าขณะที่บุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักธารดาราและสำนักธารอันตกำลังบินมา

ชั่วขณะที่กระบี่ใหญ่แสนเล่มของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาพุ่งทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เมื่อเท้าของเขาเหยียบลงบนพื้น พลังกล้ามเนื้อทั้งร่างก็ระเบิดออกดังตูม พลังของกระดูกคงกระพันขั้นสมบูรณ์แบบโคจรไปถึงขีดสุด ก่อนที่เขาจะร่ายมันออกมาเป็น…ชนาเขย่าภูเขา!!

ใช้พลังกล้ามเนื้อของกระดูกคงกระพันขั้นสมบูรณ์แบบมากระตุ้นชนาเขย่าภูเขา การระเบิดเพิ่มพูนของพลังนี้จึงเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะท้านดิน

และความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดออกในชั่วพริบตา ร่างทั้งร่างของเขาเหมือนกลายมาเป็นสัตว์ร้ายในยุคบรรพกาลที่พุ่งชนไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง

ความเร็วนั้นมีมากจนทำให้ความว่างเปล่าโดยรอบเกิดเป็นรอยแตกร้าว บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาหน้าเผือดสีในฉับพลัน ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนเหนือกว่ากระบี่ใหญ่เหล่านั้น ยังไม่ทันรอให้กระบี่ใหญ่แสนเล่มแทงลงมา เขาก็มาโผล่อยู่ข้างหน้าบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาและพุ่งชนอีกฝ่ายอย่างแรงแล้ว!

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว มุมปากของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคามีเลือดสดไหลออกมาเป็นสาย ร่างถอยกรูดไปด้านหลัง ทว่าชั่วขณะที่เขาถอยไปนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยังคงมีความเร็วเท่าเดิมก็พลันยกมือขวาขึ้น ไม่ได้กำเป็นหมัด แต่ยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นมา บนนิ้วมีแสงสีดำน่าครั่นคร้ามแผ่อบอวลดั่งกลายมาเป็นหลุมดำที่แผ่แรงดึงดูดเขย่าคลอนจิตใจผู้คน!

นั่นก็คือ…ตรวนสลายลำคอ!

พริบตานั้น ร่างของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาที่กำลังถอยหนีก็พลันหยุดชะงัก

สีหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ในใจบังเกิดความหวาดกลัวพร้อมๆ กับที่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบได้ตรงมาจ่อที่ลำคอของเขาแล้ว

วิกฤตคับขัน บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาไม่มีเวลาให้ใคร่ครวญอะไรมากนัก หาใช่เขาไม่เคยประมือกับคนฟ้ามาก่อน

แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยเจอใครเป็นเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนที่ไม่เพียงแต่ความเร็วน่าตะลึง ยังระเบิดอานุภาพน่าครั่นคร้ามดุดัน ขณะเดียวกันก็เหี้ยมหาญใจกล้าราวกับไม่กลัวหากต้องพินาศวอดวายกันไปทั้งสองฝ่าย

ระดับความบ้าคลั่งเช่นนี้หากเกิดจากคนที่เสียสติก็ยังพอว่า แต่นี่เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้ในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนจะอบอวลไปด้วยปราณสั่งหารดั่งคนสติวิปลาส ทว่าการกระทำของเขากลับคล่องแคล่วปราดเปรียวไม่มีติดขัด ราวกับว่านี่คือสัญชาตญาณในการต่อสู้ของเขาอย่างไรอย่างนั้น!

ขณะที่บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาหอบหายใจดังเฮือก ในสมองมีคลื่นยักษ์ถาโถม เมื่อเห็นอันตรายมาเยือนโดยที่แม้แต่บุรพาจารย์สำนักธารดาราและสำนักธารอันตก็มิอาจให้ความช่วยเหลือได้ทัน เขาก็พลันร้องคำราม ทันใดนั้นกระบี่ใหญ่แสนเล่มที่เดิมทีควรพุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน จู่ๆ กลับหมุนเปลี่ยนทิศทางตรงเข้าหาความว่างเปล่าระหว่างเขาและป๋ายเสี่ยวฉุนแทน หมายจะสกัดกั้นอีกฝ่ายเอาไว้ให้ได้

พริบตานั้นกระบี่ยักษ์แสนเล่มก็ร่วงกราวลงมาเสียงดังอึกทึกราวห่าฝนเม็ดใหญ่ ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งวาบ แต่กลับไม่หลบเลี่ยง ปล่อยให้กระบี่ใหญ่พวกนั้นร่วงลงมากระทบร่าง เพียงเพิ่มความเร็วของมือขวาให้มากกว่าเดิม แผล็บเดียวมือข้างนั้นก็พุ่งไปคว้าไหล่ซ้ายของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาเอาไว้ได้แล้วบีบอย่างแรง!

เมื่อพลังน่ากริ่งเกรงระเบิดออกมาจากตรวนสลายลำคอ เสียงกร๊อบก็ดังลั่น ไหล่ซ้ายของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาถูกบีบจนแหลกละเอียด! ลามไปยันแขนซ้ายทั้งแขนของเขาที่พิการใช้งานไม่ได้ตามไปด้วย!

เสียงหวีดโหยด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากปากของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา สีหน้าของเขาซีดขาว นัยน์ตาฉายแววคลุ้มคลั่ง ทว่าเบื้องหลังความคลุ้มคลั่งนี้กลับซุกซ่อนความประหวั่นพรั่นพรึงเอาไว้ นับตั้งแต่ที่เขาเลื่อนขั้นเป็นคนฟ้ามาก็ยังไม่เคยเจอศัตรูคนใดที่ร้ายกาจเท่านี้มาก่อน!

และยามนี้เขาก็หมดกำลังใจที่จะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งครั้งก็เลือกใช้เวทลับที่เผาผลาญอายุขัยของตัวเองอย่างไม่เสียดาย เสียงตูมดังออกมาพร้อมกับที่ร่างถอยกรูดไปอย่างเร็วรี่ หมายจะทิ้งระยะห่างกับป๋ายเสี่ยวฉุน เขาไม่อยากสู้กับป๋ายเสี่ยวฉุนตัวต่อตัวอีกต่อไป

เพียงแต่ว่าแทบจะวินาทีเดียวกับที่เขาร่ายใช้เวทลับนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ได้ร่ายผนึกมิวางวายออกมา โลกที่อยู่เบื้องหน้าเขาจึงเหมือนจะเชื่องช้าลง มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่เพียงเป็นปกติ อีกทั้งด้านความเร็วกลับยิ่งมากกว่าเดิม เพียงเสี้ยววินาทีก็พุ่งกระโจนไล่ตามบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาที่ร่ายเวทลับมาจนทัน!

ภาพนี้ในสายตาของคนภายนอกก็ยิ่งแตกต่างออกไป

พวกเขาเห็นเพียงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดตัวหนึ่งครั้ง เสียงอากาศระเบิดยังไม่ทันดังจบอีกฝ่ายก็ตามบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาไปทันแล้ว!

พูดเหมือนช้าแต่ความจริงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะที่เขาตามบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาไปทัน มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำเป็นหมัดก็เหวี่ยงออกไปข้างหน้าอย่างแรง พลังกล้ามเนื้อที่เทียบเคียงได้กับคนฟ้าผสานรวมกับตบะของเขากลายมาเป็นการระเบิดครั้งที่สาม เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง หมัดทั้งหมัดก็กระแทกลงบนร่างของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคา

บุรพาจารย์สำนักธารมรรคากระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง หน้าอกยุบยวบลงไป พลังชีวิตดับสลัวลงไปไม่น้อย สีหน้าตะลึงพรึงเพริด ในใจก็ยิ่งหวาดผวา

บัดนี้ความหวาดกลัวของเขาทะยานไปสูงถึงขีดสุด ขณะที่ปากร้องคำรามร่างก็ถอยร่นออกห่างอย่างบ้าคลั่ง

เวลานี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึง…กลิ่นอายแห่งความตาย!!

และตอนนี้บุรพาจารย์สำนักธารดาราและสำนักธารอันตก็เร่งรุดมาถึงด้วยความเร็วสูงสุด แต่การลงมือติดต่อกันของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป ขณะที่พวกเขากำลังจะขยับไปถึง ทว่าเวลานี้เอง ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเปล่งประกายวาบ ไอความเย็นขุมหนึ่งที่เสียดลึกบาดกระดูกแผ่ครืนครั่นออกมาจากร่างของเขาแล้วปกคลุมไปทั่วรัศมีพันจั้ง!

ท้องฟ้าในบริเวณพันจั้งพลันกลายมาเป็นบ่อน้ำแข็ง…อีกทั้งในบ่อน้ำแข็งนี้ยังมีกระจกน้ำแข็งก่อตัวขึ้นมาบานแล้วบานเล่า พวกมันล้วนกลายมาเป็น…ภาพสะท้อนของป๋ายเสี่ยวฉุนเก้าภาพ!

ภาพสะท้อนทั้งเก้าเพิ่งจะปรากฏก็พุ่งทะยานเข้าหาบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาทันควัน ความเร็วนั้นมากจนบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาได้แต่ร้องโหยหวน ในขณะที่เงาสะท้อนทั้งเก้าของป๋ายเสี่ยวฉุนได้พุ่งทะลวงสังหารผ่านร่างของเขาไป!

เสียงตูมตามดังกึกก้อง ศีรษะของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาขาดสะบั้นกระเด็นออกจากลำคอ ร่างของเขาก็ยิ่งหลุดออกเป็นชิ้นๆ ในชั่วพริบตา แต่ไม่รู้ว่าเขาร่ายใช้เวทลับอะไรหรือมีอาวุธล้ำค่าป้องกันกายชนิดใดอยู่กับตัวถึงทำให้วิญญาณต้นกำเนิดของเขาไม่ตายทันทีหลังการโจมตีปลิดชีพนี้ แต่กระนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลัวรางพร่ามัว มันร้องโหยหวนเสียงแหลมพลางเผ่นหนีไปยังทิศไกล ตอนนี้ในสมองของเขามีแต่ความตะลึงลานต่อภาพที่เรือนกายตัวเองดับสลาย มีแต่ความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำต่อความตายเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version