Skip to content

A Will Eternal 872

บทที่ 872 มรสุม

ได้ยินน้ำเสียงร้อนรนของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของเถี่ยตั้นก็เผยความเศร้าอาลัย หันไปร้องครางอิ๋งๆ ใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่หลายคำ

เมื่ออยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนมันไม่คิดจะปิดบังใดๆ สามารถพูดได้ว่าทุกอย่างที่เป็นมันล้วนถูกนำมาตีแผ่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งหมด

ในน้ำเสียงของมันแฝงไว้ด้วยความเศร้าใจและเจ็บแค้น ทำให้จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกเหมือนมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นตรงเข้ามาบีบหัวใจของเขาอย่างแรง เขารู้สึกเพียงว่าโลกเบื้องหน้ามืดดำ จากนั้นโลกทั้งใบในสายตาของเขาก็กลายมาเป็นสีเลือด!!

“โหวเสี่ยวเม่ยเจ้าไม่รู้ว่านางไปไหน…”

“แต่ท่านอาหลี่กลับ…ถูกจับตัวไป!!!” สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนเปลี่ยนมาเป็นดุร้ายในบัดดล ความดุร้ายนี้ไม่ได้ทำใส่เถี่ยตั้น แต่เป็นการแสดงออกให้รู้ถึงความร้อนรนและความคลุ้มคลั่งที่อยู่ในใจ ลมหายใจเขาเริ่มหอบหนักอย่างที่มิอาจควบคุม เถี่ยตั้นเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเช่นนี้ ดวงตาก็ยิ่งฉายแววเศร้าเสียใจมากกว่าเดิม ก่อนจะร้องอิ๋งๆ ให้เขาฟังอีกครั้ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้ม จะอย่างไรซะเถี่ยตั้นก็ไม่ใช่นักพรต แม้จะเป็นราชาแห่งสัตว์ มีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา แต่สำหรับการอธิบายถึงเรื่องนี้ อีกฝ่ายกลับกล่าวได้อย่างชัดเจน ด้วยความร้อนใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ให้ความสนใจพวกนักพรตสามสำนักที่ถูกคนรอบด้านโจมตีจนแตกพ่ายอีกแล้ว แต่รีบแผ่อำนาจจิตออกไปทันที

พริบตานั้นฟ้าดินก็มีเสียงเกริกก้องดังกังวาน ตลอดทั้งผืนฟ้าและผืนดินถูกปกคลุมไว้ด้วยอำนาจจิตอันน่าหวั่นเกรงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่แผ่ซัดครืนครั่นออกไปทั่ว ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีพันลี้จึงชัดเจนประดุจฝ่ามือของเขาเอง เขาต้องการตามหา…

เจิ้งหย่วนตง หรือไม่ก็เหล่าบุรพาจารย์ของสำนักสยบธาร เขาต้องการทำความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องทุกอย่างของท่านอาหลี่ของเขา!

และเวลานี้เมื่ออำนาจจิตของเขาแผ่ออกไป ในรัศมีพันลี้ที่ไม่ว่าจะเป็นนักพรตของสำนักสยบธารหรือของอีกสามฝ่ายต่างก็เกิดความรู้สึกสั่นสะเทือนในหัวใจอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีความกดดันขุมหนึ่งที่มิอาจบรรยายได้แผ่มาปกคลุม ทั้งยังสัมผัสได้ว่าจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่เหมือนมีลมมรสุมที่คล้ายจะเขย่าคลอนฟ้าดินกำลังก่อตัวขึ้นและเตรียมจะระเบิดออกมา

ทว่าวินาทีที่อำนาจจิตอันน่าตะลึงของป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่ออกไปนั้นเอง ทันใดนั้นในที่ตั้งของสำนักสยบธารก็มีหญิงสาววัยกลางคนผู้หนึ่งที่หน้าซีดขาวคล้ายบาดเจ็บหนักปรากฏตัว ดูเหมือนนางจะเพิ่งฟื้นจากการหมดสติ สีหน้าที่ขาวซีดจึงอ่อนระโหยโรยแรงประหนึ่งว่าหากลมพัดคงปลิวล้ม สองข้างกายนางมีลูกศิษย์หญิงช่วยประคองอยู่

หลังจากที่สตรีผู้นี้หันมาเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนไกลๆ นัยน์ตาของนางก็เผยความดีใจ ทว่าจุดลึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความดีใจนี้กลับเป็นความกระวนกระวายอย่างไร้คำบรรยาย นางรีบใช้เสียงเฮือกสุดท้ายที่ดังที่สุดตะโกนมาหาป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่ลังเล

“เสี่ยวฉุน รีบไปช่วยท่านอาหลี่ของเจ้าเร็วเข้า!”

พอได้ยินเสียงของสตรีนางนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หันขวับมามองทันที แล้วเขาก็จำได้ทันทีเช่นกันว่านางก็คือผู้นำของเขาจื่อติ่งในปีนั้น และก็คืออาจารย์ของจางต้าพั่ง อีกทั้งยังรักใคร่อยู่กับท่านอาหลี่ของตน…สวีเหม่ยเซียง!

“ท่านอาสวี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเยือก พริบตาเดียวก็หายตัวไป

พอปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ข้างกายสวีเหม่ยเซียงแล้ว ครั้นจึงยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง พอพลังอ่อนโยนขุมหนึ่งแผ่จากร่างของเขาไปผสานอยู่ในร่างของอีกฝ่าย สีหน้าของสวีเหม่ยเซียงถึงได้เริ่มมีเลือดฝาดปรากฏให้เห็น ทว่าความอ่อนเพลียยังคงอยู่ นางรีบพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่แหบเครือ

“รีบไปที่สำนักธารมรรคา เมื่อครึ่งปีก่อนท่านอาลี่ของเจ้าถูกบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาจับตัวไป!!” สวีเหม่ยเซียงพูดเร็วเกินไป เดิมทีนางก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ตอนนี้ในใจร้อนรน เพิ่งจะพูดประโยคนี้จบก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ หากไม่เป็นเพราะได้รับพลังตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไป เกรงว่าเลือดคำนี้ที่กระอักออกมาคงทำให้นางสิ้นใจไปจากโลกใบนี้แล้ว!

ประโยคนี้เป็นดังอสนีที่ผ่าเปรี้ยงลงมากลางสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้เขาสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาแดงก่ำทันตาเห็น และเวลานี้พวกบุรพาจารย์ในสำนักสยบธารและเจิ้งหย่วนตงที่สัมผัสได้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนจะระเบิดอารมณ์ก็พากันเร่งรุดมาหา ยิ่งได้ยินประโยคนั้นของสวีเหม่ยเซียง ทุกคนก็พลันคืนสติจากความดีใจที่สำนักได้รับความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ทันที

หาใช่พวกเขาอยากจะปิดบังป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เป็นเพราะทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป นับตั้งแต่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวจนกระทั่งสามคนฟ้า คนหนึ่งตาย คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งหนี ปณิธานในการต่อสู้ของสามสำนักพังทลาย นักพรตสำนักสยบธารย้อนกลับเป็นฝ่ายรุกฆ่า ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเชื่อมโยงติดกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้พวกเขาก็มีความกดดันมหาศาลเกินไป พอจู่ๆ สถานการณ์พลิกกลับ ทุกคนที่มัวแต่ตกใจระคนยินดีจึงไม่ทันบอกเรื่องนี้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน

พอบุรพาจารย์สายธาราเทพมาถึงก็รีบบอกเล่าถึงสาเหตุความเป็นมาของเรื่องราวให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังทันที!

เมื่อสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะตัวหลี่ชิงโหว แม้ว่าหลี่ชิงโหวจะเป็นก่อกำเนิดแล้ว ทั้งยังมีฝีมือเลิศล้ำน่าครั่นคร้าม แต่ก็ยังไม่มากพอจะให้บุรพาจารย์คนฟ้าผู้หนึ่งลงมือด้วยตัวเองอยู่ดี

ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุทุกอย่างล้วนมาจาก…เถี่ยตั้น!

บุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักธารมรรคาผู้นั้นหมายมั่นปั้นมืออยากจะได้เถี่ยตั้นมาครอบครองอยู่นานแล้ว ทว่าเถี่ยตั้นระวังตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งเวลาปกติก็ไม่เคยออกไปนอกสำนัก ดังนั้นบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาจึงไม่เคยมีโอกาส

จึงเป็นเหตุให้เมื่อครึ่งปีก่อน บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาที่ตอนนี้เรือนกายแหลกสลายหลงเหลือเพียงวิญญาณต้นกำเนิด…ได้วางหลุมพราง จับตัวหลี่ชิงโหวเป็นๆ หมายใช้หลี่ชิงโหวล่อให้เถี่ยตั้นออกมา!

และที่เขาเลือกหลี่ชิงโหวก็เพราะ…ความสัมพันธ์ระหว่างเถี่ยตั้นกับป๋ายเสี่ยวฉุน หลี่ชิงโหวคือบุคคลที่เป็นเหมือนญาติสนิทซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนเคารพรัก เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร และการจับตัวหลี่ชิงโหวก็ต้องทำให้เถี่ยตั้นติดกับได้แน่!

ซึ่งในความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่พวกเขาคาดการณ์กันไว้ เพื่อช่วยหลี่ชิงโหว เถี่ยตั้นจึงบุกตะลุยออกไปอย่างไม่คิดชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุให้ได้รับรอยแผลเป็นน่าสยดสยองตรงลำคอนั่นมา และก็ด้วยสาเหตุนี้ บุรพาจารย์แทบทั้งหมดในสำนักสยบธารจึงระดมพลกันยกทัพออกไป ทั้งยังถึงขั้นเอาพลังรากฐานของสำนักมาใช้ แม้แต่บรรพบุรุษโลหิตก็เอาไปเข้าร่วมด้วย

สุดท้ายแม้จะทำลายวงล้อมของสำนักธารมรรคา ช่วยให้เถี่ยตั้นพ้นเคราะห์มาได้ แต่หลี่ชิงโหว…กลับไม่สามารถช่วยคืนมาได้ ตอนนี้จึง…ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นหรือตาย!

ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นหรือตายก็เพราะหลังจากที่หลี่ชิงโหวเลื่อนสู่ขั้นก่อกำเนิดได้สำเร็จ วิชาการฝึกตนของเขามีความพิเศษ เขาฝึกวิชาชะตาชีวิตแห่งพืชหญ้าซึ่งเน้นย้ำในด้านการรวมพลังชีวิตเป็นหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีแผ่นระบุชีวิตของเขาทิ้งไว้ในสำนัก จึงเป็นเหตุให้ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นหรือตายไปแล้ว

หลังจากที่สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดผ่านการบอกเล่าอย่างรวดเร็วและครบถ้วนจากปากของพวกบุรพาจารย์สำนักธาราเทพและเจิ้งหย่วนตง

อสนีบาตในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ในใจเขาพลันบังเกิดไอสังหารท่วมท้น ทั้งยิ่งมากด้วยความบีบคั้นกดดัน

“อ๊าก!!” ความบีบคั้นนี้หนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาจึงได้แต่ใช้เสียงคำรามเขย่าคลอนฟ้าดินระบายมันออกมา ท่ามกลางเสียงคำรามนี้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นเทิ้มรุนแรงราวกับคนคลุ้มคลั่ง ดวงตาของเขาเป็นสีเลือดทั้งสองข้าง ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเขา เมื่อหมุนตัวได้ เขาก็ตรงดิ่งไปยัง…สำนักธารมรรคาทันที!!

“สำนักธารมรรคา พวกเจ้ารนหาที่ตาย!! บุรพาจารย์ธารมรรคา ข้าจะฆ่าเจ้าให้จงได้!!!” จิตสังหารในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งทะยานสูงลิบลิ่ว ในชีวิตนี้น้อยครั้งที่เขาจะบ้าคลั่ง น้อยครั้งที่เขาจะมีความคิดอยากฆ่าคนได้ถึงขนาดนี้ ตอนอยู่ในแดนทุรกันดาร เขาเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่ง นั่นก็คือตอนที่ลูกศิษย์ของเขาหายตัวไป และตอนนี้…อาการที่ว่าก็ปรากฏขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง

ทว่าครั้งนี้กลับรุนแรงยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่ป๋ายฮ่าวหายตัวไปในแดนทุรกันดารเสียอีก เขารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างจะระเบิดออก รู้สึกได้ว่าตัวเองบ้าคลั่งไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

จะไม่ให้เขาเป็นบ้าได้อย่างไร นั่นมัน…ท่านอาหลี่ของเขาเชียวนะ!

นั่นคือท่านอาหลี่ที่พาเขาเดินทางจากเขาเม่าเอ๋อร์มาเข้าเป็นศิษย์ในสำนักฝึกเซียน นั่นคือท่านอาหลี่ที่ชี้นำเส้นทางการฝึกตนให้แก่เขา…

นั่นคือท่านอาหลี่ที่ถ่ายทอดวิชาแห่งพืชหญ้าให้แก่เขา หลายครั้งหลายคราที่เขาก่อเรื่องหลังจากการหลอมยา ก็เป็นอีกฝ่ายที่ยังคงอยู่เคียงข้างและคอยปกป้องเขา

อีกทั้งนั่นยังเป็น…ท่านอาหลี่ที่มองเขาเป็นเหมือนลูกหลานแท้ๆ ของตัวเอง รักและดูแลตนประดุจบิดาแท้ๆ!

และโดยที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ในหัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ได้มองท่านอาหลี่เป็นดั่งญาติแท้ๆ ของตัวเอง!!

สามารถพูดได้ว่าตลอดทั้งสำนักสยบธาร คนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนห่วงใยมีมากมาย แต่คนเดียวที่เขารักและห่วงใยประดุจญาติแท้ๆ มีเพียงแค่…หลี่ชิงโหวเท่านั้น!

แล้วจะไม่ให้เขาเป็นบ้าได้อย่างไร!

ท่ามกลางเสียงร้องคำราม ร่างของเขาก็เป็นราวกับสายฟ้าที่พุ่งทะยานไปกลางนภากาศ เถี่ยตั้นเองก็บินตามหลังป๋ายเสี่ยวฉุนไปติดๆ …

พวกบุรพาจารย์สำนักธาราเทพถูกเสียงคำรามดังสนั่นของป๋ายเสี่ยวฉุนเขย่าคลอนจิตใจ ยามนี้ใบหน้าของพวกเขาจึงซีดขาว ก่อนจะรีบออกคำส่งเร่งเร้าให้ลูกศิษย์สำนักสยบธารจับกลุ่มกันประมาณพันคนติดตามไปด้านหลัง ให้พวกเขาเดินทางไปที่สำนักธารมรรคาเพื่อป้องกันไว้ก่อน

ในสายตาของเขา จะอย่างไรซะนั่นก็คือสำนักแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพลังแฝงหรือค่ายกลก็ล้วนแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กำลังบ้าคลั่ง ต่อให้ตบะของอีกฝ่ายจะน่าครั่นคร้ามมากแค่ไหน แต่ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส เขาก็ยังกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับป๋ายเสี่ยวฉุน

ลูกศิษย์นับพันคนเหล่านั้นรีบรับคำสั่งทันทีทันใด แม้จะไม่เร็วเท่าป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าเมื่อได้เรือบินจากบุรพาจารย์ธาราเทพ ความเร็วของลูกศิษย์พันคนนี้จึงไม่นับว่าช้า และเวลานี้ก็ห้อทะยานมุ่งหน้าไปยังสำนักธารมรรคาแล้ว

แต่คนที่เร็วที่สุดกลับยังคงเป็นป๋ายเสี่ยวฉุน ภายใต้อารมณ์บ้าดีเดือด ตบะของเขาจึงถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังกล้ามเนื้อก็เป็นดุจเดียวกัน เขาคอยร่ายผนึกมิวางวายเป็นระยะ ใช้การหายตัวร่นระยะทาง!

หากดูตามความเร็วเช่นนี้ เกรงว่าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป เขาก็สามารถข้ามผ่านความว่างเปล่ากว้างไกลไปถึงสำนักธารมรรคาได้แน่นอน!

มองไกลๆ ปานประหนึ่งลมมรสุมที่ซัดครืนครั่น ทำเอานภากาศเกิดเป็นลูกคลื่นแผ่เป็นระลอก และในลูกคลื่นเหล่านั้นก็คือเงาร่างที่น่ากลัวของป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งเวลานี้ไอสังหารไต่ทะยานไปสู่จุดสูงสุดจนทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความหนาวเหน็บ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version