บทที่ 871 ไม่เป็นสุข
เมื่อคนฟ้าสามคน คนหนึ่งตาย คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งหนี ภาพทุกอย่างนี้ทำเอาลูกศิษย์ทุกคนของสี่สำนักใหญ่ที่อยู่บนพื้นดินต่างก็ยืนเซ่อกันไปหมด คลื่นลูกยักษ์ที่ถาโถมอยู่ในสมองก่อนหน้านี้ยังคงมิอาจสงบลงได้ และตอนนี้คลื่นลูกโตระลอกแล้วระลอกเล่าก็ได้ซัดเข้ามาโจมตีอีกครั้ง พริบตาเดียวสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนมาเป็นตะลึงลานสะท้านสะเทือนถึงขีดสุด!
ยิ่งคนจากสามสำนักใหญ่ก็ยิ่งตัวสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง นักพรตสำนักธารมรรคาใจสั่นรัว ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน สายตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างไร้คำบรรยาย ส่วนสำนักธารดาราที่เนื่องจากบุรพาจารย์ยังไม่ตายจึงพอใจชื้นกันขึ้นมาได้บ้าง ทว่าหลังจากจบประโยคนั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วพวกเขาเห็นว่าบุรพาจารย์ของตัวเองกลับทิ้งคนในสำนักเผ่นหนีเอาตัวรอดคนเดียวราวสุนัขที่ไร้เจ้าของ ภาพการกระทำที่อีกฝ่ายผวาตกใจ ยอมกระอักเลือดออกมาอย่างไม่สนใจค่าตอบแทนแต่ก็ต้องหนีไปให้พ้นในเวลาชั่วสามลมหายใจก็ทำเอาพวกเขาสับสนไม่น้อย ในใจสิ้นหวังจนบังเกิดเป็นความเคว้งคว้าง
แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ผู้ที่สิ้นหวังมากที่สุด…
ก็คือสำนักธารอันต บุรพาจารย์คนฟ้าตายไปแล้ว นี่หมายความว่านับแต่นี้เป็นต้นไป สำนักธารอันตก็จะตกต่ำเสื่อมถอยอย่างแท้จริง อีกทั้งตำแหน่งของพวกเขาในโลกแห่งการบำเพ็ญตนแม่น้ำตอนกลางแห่งนี้ก็จะถูกเขย่าคลอนไปด้วย
เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ส่งผลกระทบต่อนักพรตทุกคนของสำนักธารอันต ทำให้เวลานี้พวกเขาที่จมอยู่ในความสิ้นหวังดวงตาแดงก่ำ ในใจคลุ้มคลั่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือ พวกเขากลับไม่เกลียดแค้นสำนักสยบธาร!
เพราะอย่างไรซะเดิมทีสำนักสยบธารก็เป็นฝ่ายที่ถูกรุกราน และความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน ทว่าความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือความเคารพยำเกรงอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกเขาไม่กล้าจะเคียดแค้นอีกฝ่าย ที่พวกเขาเคียดแค้นที่สุดกลับเป็น…สำนักธารดารา!
คำสาบแช่งรวมไปถึงเสียงร้องโหยหวนน่าเวทนาก่อนตายของบุรพาจารย์ก็ยิ่งทำให้พวกเขาเกลียดแค้นสำนักธารดาราเข้ากระดูกดำ
ทว่าเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ควรบุกเข้าไปสังหารสำนักธารดารา และสงครามครั้งนี้สำนักธารอันตก็ไม่อยากมีส่วนร่วมอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเลือกที่จะถอยทันทีทันใด และแทบจะขณะเดียวกันกับที่สำนักธารอันตถอยออกมา นักพรตของสำนักธารดาราและสำนักธารมรรคาก็หมดสิ้นซึ่งปณิธานในการต่อสู้ ในใจของพวกเขาหวาดหวั่น เกรงกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ขนาดบุรพาจารย์ยังพ่ายแพ้ ตัวแทนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งสำนักพังทลายไปแล้ว เวลานี้พวกเขาจึงเหลือเพียงความคิดเดียว…
หนี!!
เสียงอึกทึกดังกึกก้อง นักพรตสามฝ่ายเหมือนภูเขาที่ถล่มลงมา พวกเขาถอยกรูดไปข้างหลัง แต่ละคนไม่กล้าเข้าร่วมการต่อสู้อีกต่อไป ได้แต่ถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนฝ่ายของสำนักสยบธาร ความตื่นตะลึงของทุกคนในเวลานี้ก็มีแต่จะมากไม่มีน้อยไปกว่าสามฝ่าย
ซ่งจวินหว่านเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนที่กลับมาเยือนอย่างสง่างาม อีกฝ่ายลงมือสังหารคนฟ้า เพียงพลิกฝ่ามือก็พลิกกลับสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี ทุกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นางรู้สึกเลื่อนลอย ทั้งปิติยินดีอย่างยิ่งยวด แต่ขณะเดียวกันเพราะการเติบโตที่รวดเร็วเกินไปของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนว่าระยะห่างระหว่างตนกับป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มจะห่างไกลกันไปทุกที
ดวงตาของอู๋จี๋จื่อก็ซับซ้อนไม่ต่างกัน ในสมองมีภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสำนักธาราโลหิตลอยขึ้นมา ส่วนเซวี่ยเหมยที่เรือนกายอ่อนแอซึ่งยืนอยู่ข้างกายเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน แม้ว่าจะไม่เข้าใจป๋ายเสี่ยวฉุนมากนัก แต่ความเข้าใจผิดในปีนั้นก็ทำให้นางรู้สึกปลงอนิจจังทุกครั้งที่หวนคิดขึ้นมา
คนตลอดทั้งสำนักธาราโลหิตเปี่ยมล้นไปด้วยความสะท้านสะเทือน และผู้ที่ตื่นเต้นดีใจยิ่งไปกว่าพวกเขากลับเป็นสายของธาราเทพ เหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ทั้งหลายล้วนคุ้นเคยกับป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นอย่างดี พวกเขาคือคนที่เห็นเส้นทางการเติบโตป๋ายเสี่ยวฉุนจนมาถึงวันนี้ คลื่นกระเพื่อมไหวในใจของพวกเขาจึงซัดกระหน่ำรุนแรงยิ่งกว่าใคร
ยิ่งลูกศิษย์สายของหลี่ชิงโหวก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
ซ่างกวานเทียนโย่วก้มหน้า ถอนหายใจอยู่ในใจด้วยความขมขื่น เป่ยหันเลี่ยเงียบงันไม่เอ่ยคำใด ในใจซับซ้อนสับสน ขณะเดียวกันก็มากด้วยความปลงอนิจจังอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในสำนักมีเพียงกระต่าย ลิง และผู้แข็งแกร่งของสำนักสยบธารทุกคนเท่านั้นที่แม้ในใจจะซับซ้อน ทว่าความรู้สึกที่มากกว่ากลับเป็นความฮึกเหิม
โดยเฉพาะเจิ้งหย่วนตงเจ้าสำนักที่เวลานี้ตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ไม่นานความคิดหลากหลายในใจของทุกคนก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงไชโยโห่ร้องของลูกศิษย์จำนวนนับไม่ถ้วนในสำนักสยบธาร ศึกครั้งนี้ทำให้สำคนของสำนักสยบธารระเบิดเสียงกู่ร้องดังสนั่นท้องฟ้า เสียงนี้เปล่งออกมาจากความดีใจอย่างล้นเหลือของลูกศิษย์ในสำนัก เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนของสามสำนักถอยหนีไป เหล่าผู้อาวุโสสี่สายในสำนักสยบธารก็รีบคว้าโอกาสคำรามขึ้นมาดังลั่น
“ฆ่า!”
“ฆ่า!!!” เมื่อเสียงแผดคำรามของเหล่าผู้อาวุโสดังกึกก้อง ลูกศิษย์ทุกคนของสำนักสยบธารก็ฮึกเหิมเป็นกำลัง ทุกคนตะเบ็งเสียงขานรับ พากันบุกออกไปจากในสำนัก ไล่ตามไปสังหาร!
ยักษ์ค่ายกลของสายธาราเทพได้มารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง ยักษ์หลายร้อยตนนั้นเวลานี้กำลังก้าวยาวๆ ในมือถือกระบี่เล่มใหญ่หรือไม่ก็อาวุธหลากหลายชนิดคอยทิ่มแทงเข้าไปกลางกองทัพใหญ่ของสามสำนักที่แตกฮือออก ไล่กวดไป…สังหารนักพรตของสำนักธารดารา!
มังกรนิลเขาสวรรค์ที่ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส เวลานี้ก็ร้องคำรามไล่ตามกวาดตะลุยไปทุกที่ที่ผ่าน
ส่วนสายธาราโลหิตก็ทำเช่นเดียวกัน ภายใต้การนำทัพของบุรพาจารย์สำนักธาราโลหิต ซ่งจวินหว่านที่มีสีหน้าคึกคักควบคุมกระบี่โลหิตร่วมกับพวกอู๋จี๋จื่อให้ตรงเข้าไปปลิดชีพคนของสำนักธารมรรคา!
เถี่ยตั้นเองก็ร้องคำรามแล้วนำพาสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนบุกไปข้างหน้า ทั้งยังมีหุ่นศพ หัวปีศาจ คนของสายธาราทมิฬและสายธาราโอสถที่รุกไปสังหารกองทัพของสำนักธารอันต
ตลอดทั้งสำนักสยบธารที่พอการอดทนข่มกลั้นจนอารมณ์ดิ่งสู่ความสิ้นหวังผ่านพ้นไป มาบัดนี้พลังอำนาจของพวกเขากลับลุกฮือผงาดขึ้นมาอีกครั้ง!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าเป็นเช่นนี้ก็คลายใจได้ในที่สุด ศึกนี้เขาแบกรับแรงกดดันมหาศาล เขาคือกุญแจสำคัญของสำนักสยบธาร จะปล่อยให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ เพราะหากเขาพลาดขึ้นมา…สถานการณ์ในวันนี้ สำนักสยบธารย่อมต้องเป็นฝ่ายที่ตกอยู่ในอันตราย!
เพราะอย่างไรซะเมื่อดูจากจำนวนคน นักพรตของสามสำนักนั้นมีมากเกือบแสนกว่าคน ส่วนคนของสำนักสยบธารที่สามารถลงสนามรบได้กลับเหลือไม่ถึงสองหมื่นคน กองกำลังเช่นนี้น้อยนิดจนถึงขั้นที่ว่าหากจัดการไม่ดีก็อาจทำให้สำนักสยบธารถูกดับสำนักได้จริงๆ
และต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีพลังการต่อสู้ที่กร้าวแกร่งมากแค่ไหนก็มิอาจเผชิญหน้ากับกองทัพใหญ่นับแสนคนได้!
ดังนั้นกุญแจสำคัญของศึกนี้จึงอยู่ที่การประมือกับคนฟ้าทั้งสามคน ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงได้เพียงลองเสี่ยงดวง ต้องสูญเสียพลังใจไปมหาศาล
และที่เขาช่วงชิงชัยชนะมาได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ก็เป็นเพราะคนฟ้าคนทั้งสามนั่นมาจากสำนักที่ต่างกัน ต่างฝ่ายต่างมีความขัดแย้ง ชิงดีชิงเด่นกันเองอยู่แล้ว อีกทั้งยังอาจหันมาแว้งกัดกันเองได้ตลอดเวลา
ภายใต้ความสัมพันธ์เช่นนี้ หากสถานการณ์ราบรื่นก็ยังดีหน่อย แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม…ถ้าเช่นนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาสามคนก็ย่อมมีรอยร้าวรอยใหญ่บังเกิดขึ้น!
ในความเป็นจริงแล้ว หากพวกเขาสามคนร่วมแรงร่วมใจกัน แต่ละคนร่วมมือกันโดยไม่คิดจะถอยหนีจริงๆ ศึกนี้อาจจะสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้
แต่ก็อาจทำให้ป๋ายเสี่ยวที่มัวแต่พะวงอยู่กับการให้ความช่วยเหลือสำนักสยบธารซึ่งเหนื่อยล้าเต็มทีถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจากนั้นก็ดับทำลายสำนักสยบธารได้ในที่สุด!
หากเปลี่ยนมาเป็นสี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่และต้าเทียนซือแห่งแดนทุรกันดาร ต่อให้ตบะของพวกเขาจะเหมือนกับคนฟ้าสามคนนี้ที่ต่างก็เป็นคนฟ้าวิถีมนุษย์ช่วงต้น แต่เมื่ออาศัยการร่วมมือและความตระหนักรู้ร่วมกันของพวกเขา
ภายใต้สถานการณ์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสู้รบจนตัวตายไม่ถอยหนี หากพวกเขาเวียนกันลงมือสังหารป๋ายเสี่ยวฉุน คิดจะเอาชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนในท้ายที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
และก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะหนึ่งตาย หนึ่งพิการ หนึ่งหนีไปด้วยสภาพจนตรอกจนนักพรตของสามสำนักหมดสิ้นซึ่งปณิธานในการต่อสู้รบอย่างในตอนนี้…
ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีไม่น้อย พอเห็นว่าช่วยสำนักให้รอดพ้นวิกฤตมาได้ ในใจของเขาจึงบังเกิดความดีใจเป็นล้นพ้น ยามนี้ดวงตาจึงเปล่งประกายวาบแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปในสนามรบ
การปรากฏตัวของเขาทำให้นักพรตของสามสำนักใหญ่แตกระส่ำซ่านเซ็นกันอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ขณะที่กำลังถอยหนี บางคนยังพอจะต้านทานได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ ให้ต่อต้านอีกแล้ว แต่ละคนระเบิดกำลังสุดความสามารถแล้วหนีกระเจิงไปรอบด้านโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไป
เมื่อมองไป ตลอดทั้งสนามรบมีแต่ความอลหม่านยุ่งเหยิง นักพรตทั้งสามสำนักปรารถนาอยากให้ตัวเองมีขาเพิ่มขึ้นมาอีกสักหลายๆ ข้าง พวกเขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาหนีอย่างเดียว ส่วนนักพรตสำนักสยบธารก็กำลังตื่นเต้นฮึกเหิม ก่อนหน้านี้พวกเขาอ่อนแอเป็นฝ่ายถูกกระทำ ทว่าตอนนี้เมื่ออยู่ภายใต้การชี้นำของเหล่าผู้อาวุโส ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกัน ทำให้ยิ่งบุกก็ยิ่งเหี้ยมหาญ!
ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเขาไปเน้นย้ำอยู่ที่นักพรตก่อกำเนิดของสามสำนัก ผ่านที่ใดก็ลงมือทันที ปลุกระดมกำลังของทั้งสนามรบ ขณะเดียวกันก็คอยให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคอยตามหา…เงาร่างของหลี่ชิงโหวและโหวเสี่ยวเม่ยอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่ว่าสนามรบแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป อีกทั้งตอนนี้ผู้คนกำลังไล่ฆ่ากันอย่างโกลาหล ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงยังหาพวกเขาไม่เจอ
ขณะที่ในใจของเขาแอบไม่เป็นสุขน้อยๆ นั้น เถี่ยตั้นพลันร้องคำรามพลางพุ่งตัวมาจากทิศไกล พอมาหยุดอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนก็ย่อตัวให้เล็กลง มันฮึกเหิมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คอยเอาหัวมาชนกับร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเบาๆ เป็นระยะคล้ายดีใจอย่างยิ่งยวด
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ส่งยิ้มไปให้มัน สำหรับเถี่ยตั้น เขาเองก็คิดถึงมันมากเหมือนกัน ทั้งยิ่งมากด้วยความรักและเอ็นดู ยามนี้จึงเอามือลูบศีรษะของมันเบาๆ ทว่าเมื่อสายตาหันไปเห็นรอยแผลเป็นทั่วร่างของมัน จุดลึกในดวงตาของเขากลับมีความเดือดดาลผุดขึ้นมา
“กล้าทำร้ายเถี่ยตั้นของข้า เรื่องนี้…ยังไม่จบง่ายๆ แน่!” ป๋ายเสี่ยวฉุนกัดฟันกรอด ยกมือขึ้นลูบรอยแผลเป็นน่าสยดสยองบนลำคอของเถี่ยตั้น
“เถี่ยตั้น เดี๋ยวช่วงนี้เจ้าออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนข้าหน่อย ไปหาคนที่ทิ้งรอยแผลเป็นพวกนี้ให้กับเจ้า พอหาเจอแล้ว ข้าจะจัดการพวกมันให้เจ้าเอง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดรัวเร็ว เถี่ยตั้นได้ยินเช่นนั้นก็ร้องคำรามเสียงดัง ทว่าพอคำรามออกมาได้ไม่กี่ที มันสังเกตเห็นว่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุนวางทาบอยู่บนบาดแผลตรงลำคอของตัวเองก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ สายตาของมันจึงพลันหม่นมัว ทั้งยังมากด้วยความเศร้าเสียใจ
สังเกตเห็นสีหน้าของเถี่ยตั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็อึ้งตะลึงไปทันใด ตามมาด้วยหัวใจที่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม เขารู้จักเถี่ยตั้นดียิ่งนัก แล้วก็รู้ดีถึงความเร็วของมัน ต่อให้คนฟ้าของสามสำนักใหญ่แม่น้ำตอนกลางคิดจะทิ้งการโจมตีอะไรไว้บนลำคอของมันก็ยังจำเป็นต้องซุ่มโจมตีและวางหลุมพรางถึงจะได้
และที่ชัดเจนเลยก็คือบาดแผลนี้น่าจะถูกคนฟาดฟันลงมาในขณะที่เถี่ยตั้นร้อนใจอย่างถึงที่สุด อีกทั้งมองดูแล้วก็น่าจะได้มาตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนหรืออาจนานกว่านั้น
มีเรื่องอะไรที่ทำให้เถี่ยตั้นร้อนใจจนลืมตัวเอง…
แล้วมีเรื่องอะไรที่ทำให้มันเลือกจะไม่เผ่นหนี แต่เดินเข้าไปในหลุมพรางด้วยตัวเอง…
คิดมาถึงตรงนี้ ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันถี่รัว ดวงตาเริ่มเบิกกว้าง ความไม่เป็นสุขก่อนหน้านี้เริ่มเอ่อท้นขึ้นมาเต็มหัวใจ เอ่ยถามขึ้นทันควัน!
“เถี่ยตั้น ท่านอาหลี่ของข้าล่ะ แล้วโหวเสี่ยวเม่ยล่ะ! พวกเขาอยู่ที่ไหน!!”