บทที่ 882 คนฟ้าพิโรธ
หลังจากที่เล่นงานคนฟ้าสามคนจนคนหนึ่งตาย คนหนึ่งพิการ คนหนึ่งหนีไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตระหนักได้ว่าเรื่องของสำนักสยบธาร…ยังไม่ยุติ ต่อให้ตอนนี้เขาจะคลี่คลายวิกฤตได้ชั่วคราว แต่ในความเป็นจริงแล้วต้นตอของปัญหาที่แท้จริงก็คือสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา
หากไม่มีการอนุญาตเป็นนัยจากสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา สามสำนักใหญ่ของแม่น้ำตอนกลางจะกล้ามาดับทำลายสำนักสยบธารได้อย่างไร…อีกอย่างบางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้จักสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราดีนัก แต่ช่วงเวลาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ไปอยู่ที่นั่น ก็ได้ทำให้เขาเข้าใจฝ่ายในของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารามากพอแล้ว
ยกตัวอย่างเช่นบุรพาจารย์คนฟ้าห้าท่านของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ในห้าคนนี้นอกจากคนฟ้าของศาลาเลือดเหล็กแล้ว คนอื่นๆ อีกสี่คนต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของสี่สายแห่งอันตมรรคาฟ้าดารา!
อย่างเด็กชายเป็นคนของแดนฟ้า อีกสามสายก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่ละสายต่างก็มีบุรพาจารย์คนฟ้านั่งบัญชาการณ์ เบื้องล่างของพวกเขามีเส้นสายนับพันนับหมื่น อีกทั้งยังมีผลประโยชน์อยู่ในตระกูลของแต่ละสาย ส่วนสำนักแม่น้ำตอนกลางของแต่ละแดนลงไป แท้จริงแล้วก็คือการแผ่ขยายอิทธิพลของพวกเขา
ส่วนทางฝ่ายของสำนักสยบธารนี้ หลังจากที่เดินทางจากแม่น้ำตอนล่างเข้าสู่แม่น้ำตอนกลางก็คอยส่งของบรรณาการให้กับเด็กชายแดนฟ้าผู้นั้นไม่เคยขาด อีกทั้งยังให้มากกว่าที่สำนักธารฟ้าเคยให้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นแทนที่จะพูดว่าครั้งนี้คือศึกจู่โจมที่สามสำนักมีต่อสำนักสยบธารก็สู้พูดว่า…นี่คือการวางหมากเดิมพันครั้งหนึ่งของเหล่าคนฟ้าสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราจะดีกว่า เห็นได้ชัดว่า…บุรพาจารย์ที่เป็นเด็กชายของแดนฟ้าตกเป็นรองในการเดิมพันครั้งนี้ เขาไม่สามารถต้านทานคนฟ้าอีกสามคนที่เหลือได้
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้สำนักสยบธารเหมือนถูกทอดทิ้ง จึงทำให้มีการร่วมมือกันของสามสำนักเพื่อหวังกำจัดสำนักสยบธารเกิดขึ้นอย่างก่อนหน้านี้
และตอนนี้การปรากฏตัวของป๋ายเสี่ยวฉุน มองดูเหมือนทำให้การร่วมมือกันของสามสำนักใหญ่ครั้งนี้พังป่นปี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นการตบหน้าคนฟ้าสามคนของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราต่างหาก!
สามารถจินตนาการได้ว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอันดับต่อไปคงยากที่จะสมานฉันท์กันได้อีก ไฟโทสะของคนฟ้าทั้งสามท่านแห่งสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราอาจมาถึงได้ทุกเมื่อ!
เพียงแต่ว่าแม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่ยินดีเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ทว่าภัยพิบัติของสำนักก่อนหน้านั้นทำให้เขาไร้ทางเลือก จำต้องทำแบบนี้เท่านั้น
“หวังว่าเฉินเห้อเทียนจะเห็นแก่ที่ครานั้นข้าเคยช่วยลูกศิษย์และลูกสาวของเขาเอาไว้ จะไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุ…”
“และยังมีท่านปู่ป๋ายหลิน ก็หวังว่าเขาจะพิจารณาถึงความสัมพันธ์ของข้ากับเขาในอดีต…” ป๋ายเสี่ยวฉุนนวดคลึงหว่างคิ้ว ในใจเขาเองก็เข้าใจดีว่าไม่ควรเอาความหวังไปฝากไว้ที่คนเหล่านี้ และปัจจัยทั้งหมดของเรื่องนี้ก็มีเพียงทำให้สำนักสยบธารแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเองเสียก่อนถึงจะสามารถทำความหวังที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งๆ ขึ้นไป
“กลายเป็นคนฟ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าความกดดันของตัวเองมีไม่น้อย ตอนนี้วิธีการที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหาทุกอย่างก็คือ…เขาต้องกลายเป็นคนฟ้า!
ด้วยตบะของคนฟ้าจะทำให้พลังการต่อสู้ของตนยิ่งแข็งแกร่ง นั่นถึงจะทำให้คนหวาดเกรง ถึงจะปกป้องสำนักสยบธารได้อย่างแท้จริง!
นัยน์ตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววเด็ดเดี่ยว รีบหยิบเอาตำรับไฟยี่สิบเอ็ดสีออกมาในห้องลับที่ใช้ปิดด่านนี่ทันที ครั้นจึงเริ่มศึกษาอย่างละเอียด ส่วนทรัพยากรที่ต้องเผาผลาญยามหลอมไฟ แม้วันนี้จะอยู่ในเขตพื้นที่ของแม่น้ำทงเทียน
แต่ตอนนั้นก่อนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะออกมาจากแดนทุรกันดาร ป๋ายฮ่าวลูกศิษย์ของเขาได้มอบวิญญาณที่มากพอให้กับเขาแล้ว
วิญญาณพวกนั้นมากพอจะประคับประคองให้ป๋ายเสี่ยวฉุนล้มเหลวได้หลายครั้ง สามารถพูดว่าขอแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ถึงกับไม่มีความหวังที่จะทำสำเร็จเสียเลย ถ้าเช่นนั้นสุดท้ายแล้วเขาก็ต้องหลอมไฟยี่สิบเอ็ดสีออกมาได้แน่นอน
เวลาล่วงผ่าน พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหลายวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในห้องลับตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เขาไม่สนใจเส้นผมที่พันกันยุ่งเหยิง เมื่อศึกษาตำรับหลอมไฟอย่างต่อเนื่อง สมาธิทั้งหมดของเขาก็ผสานรวมอยู่กับตำรับของไฟยี่สิบเอ็ดสี เพื่อวิเคราะห์ทุกรายละเอียดทุกขั้นตอนโดยไม่ให้มีจุดไหนเล็ดรอดสายตาไปได้
บางทีอาจเป็นเพราะเดิมทีแรงกดดันของเขาก็ไม่น้อยอยู่แล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้จึงเหมือนระเบิดตัวเอง ความคิดในสมองของเขาแล่นหมุนวนไปอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็เนื่องจากเขตแม่น้ำทงเทียนมีพลังวิญญาณฟ้าดินอยู่ การดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของเขาจึงไม่เคยหยุดพัก ทั้งยังคอยกินยาที่ช่วยฟื้นฟูพลังซึ่งสำนักสยบธารหลอมออกมาอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวนเวียนไปตามวงโคจรเช่นนี้ ความคุ้นเคยที่เขามีต่อตำรับการหลอมไฟยี่สิบเอ็ดสีจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปได้อีกสามวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าขึ้น โบกมือทั้งสองข้าง ทันใดนั้นวิญญาณจำนวนมากก็ถูกเขาหยิบออกมา แล้วทำการหลอมเป็นครั้งแรก!
การหลอมครั้งนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีทางสำเร็จได้ ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ดีอยู่แก่ใจ ที่เขาต้องการไม่ใช่ความสำเร็จ แต่เป็นประสบการณ์ที่ได้จากการสรุปผลในทุกครั้งที่ล้มเหลว และความเร็วในการการทดลองปฏิบัติจริงนี้ของเขาก็รวดเร็วมากจนน่าตะลึง นอกจากป๋ายเสี่ยวฉุน อันที่จริงแล้วก็ไม่มีอาจารย์หลอมวิญญาณคนไหนทำได้ถึงขนาดเขา เพราะนี่จำเป็นต้องเผาผลาญพลังมากมายจนมิอาจจินตนาการ
แล้วก็มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนที่มีลูกศิษย์เป็นจักรพรรดิหมิงเท่านั้นถึงสามารถหลอมไฟได้อย่างสิ้นเปลืองขนาดนี้
เวลาล่วงเลยไปช้าๆ ความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ความเข้าใจในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเขาก็หยุดชะงัก หลังจากที่ใคร่ครวญอย่างละเอียดว่าควรจะปรับปรุงเช่นไรก็หยิบเอาตำรับออกมาอีกครั้ง ทุกครั้งล้วนได้ผลเก็บเกี่ยวที่ต่างกันออกไป แม้ว่าเขาจะดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่งยวด แต่เมื่อเวลาผันผ่านไปแต่ละวัน ดวงตาของเขากลับฉายแสงคมกริบมากขึ้นทุกขณะ
เวลาเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจมจ่อมอยู่กับการหลอมไฟ เรื่องของโลกภายนอกที่เขาเป็นกังวลทั้งหมดก็ได้ค่อยๆ เกิดขึ้น การพลิกตัวกลับมาอย่างสวยงามของสำนักสยบธาร ศึกระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับคนฟ้าทั้งสาม ตอนนี้ก็ค่อยๆ ถูกเผยแพร่ออกไป ข่าวนี้สร้างความสะท้านสะเทือนให้กับนักพรตของแม่น้ำตอนกลางทุกคน แม้แต่แม่น้ำตอนล่างและแม่น้ำตอนปลายก็ยังได้ยินเรื่องนี้
นั่นจึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักต้นน้ำอย่างสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราเลย การกลับมาของป๋ายเสี่ยวฉุนและเปิดศึกกับคนฟ้าสามคนทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่รู้จักป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งพอได้ยินเรื่องนี้ต่างก็พากันหอบหายใจดังเฮือกด้วยความตกตะลึง รู้สึกเหลือเชื่อ จิตวิญญาณถูกเขย่าคลอนอย่างบ้าคลั่ง
และในเวลานี้เอง บุรพาจารย์ของสำนักธารมรรคาที่เรือนกายถูกพิฆาต สำนักถูกยึดทรัพย์ก็ได้รีบติดต่อไปหาบุรพาจารย์สำนักธารดาราอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจสิ่งใด คนทั้งสองรีบเร่งรุดเดินทางไปยังสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ซึ่งมีผู้อาวุโสก่อกำเนิดคนหนึ่งของสำนักธารอันตร่วมเดินทางไปด้วย
การปรากฏตัวของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวน ขณะเดียวกันก็เกิดความริษยาและคับแค้นใจอย่างลึกล้ำ ตอนนี้จึงร่วมมือกัน
หลังจากที่มาถึงสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็แยกตัวกันไปตามหาบุรพาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสายพวกเขา
บุรพาจารย์คนฟ้าของสำนักธารมรรคาซึ่งก็คือเฉินเห้อเทียน และก็เป็นอาจารย์ของจ้าวเทียนเจียว เดิมทีเขากำลังปิดด่าน พอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสำนักสยบธาร ข่าวลือเกี่ยวกับการกลับมาของป๋ายเสี่ยวฉุน ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเฉินเห้อเทียนก็คือเรื่องนี้เหลวไหลเกินไป!
แต่ไม่นานเมื่อข่าวทยอยกันแพร่มาถึง และเฉินเห้อเทียนแน่ใจแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เขาก็พลันบังเกิดความเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง!
สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพอจำอีกฝ่ายได้ แต่กลับไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ ต่อให้อีกฝ่ายถือว่าได้ช่วยเหลือลูกศิษย์และลูกสาวของตนทางอ้อม แต่เขาก็ยังคงเป็นบุคคลผู้สูงส่ง ไม่เคยเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ในสายตา
อีกทั้งปีนั้นหลังจากที่ทุกคนถูกส่งตัวไปยังแดนทุรกันดาร เขาก็แค่ระดมกำลังให้ออกตามหาลูกศิษย์และลูกสาวตัวเองอย่างเต็มที่เท่านั้น สุดท้ายจึงสามารถช่วยลูกศิษย์และลูกสาวตัวเองกลับมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้น เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้ ชื่อที่เขาเกือบจะลืมเลือนไปจากความทรงจำกลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งพออีกฝ่ายปรากฏตัวก็สำแดงพลังการต่อสู้ที่น่าครั่นคร้ามขนาดนี้ นี่จึงทำให้หัวคิ้วของเฉินเห้อเทียนขมวดเข้าหากัน
และเวลานี้เอง คนฟ้าสำนักธารมรรคาที่ถูกพิฆาตเรือนกายก็มาถึง เพิ่งจะได้เห็นเฉินเห้อเทียน บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาก็รีบโค้งตัวคารวะเฉินเห้อเทียนต่ำๆ ด้วยท่าทางของคนที่ได้รับความไม่เป็นธรรมทันที
“ผู้อาวุโสโปรดช่วยข้าด้วย!!”
เมื่อเห็นว่าตอนนี้ผู้แข็งแกร่งขอบเขตคนฟ้าที่นั่งบัญชาการณ์สำนักแม่น้ำตอนกลางซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเองเหลือเพียงแค่วิญญาณต้นกำเนิด สีหน้าของเฉินเห้อเทียนก็มืดทะมึนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งเหมือนจะมีพายุกระหน่ำพัดครืนครั่นออกมาจากในร่างของเขาด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!” เมื่อเฉินเห้อเทียนเปิดปากถาม พลานุภาพสยบที่น่าตะลึงขุมหนึ่งก็ระเบิดตูมออกมาจากร่างของเขา
หลังจากสัมผัสได้ถึงพลานุภาพสยบของเฉินเห้อเทียน วิญญาณต้นกำเนิดของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาก็รีบเล่าความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ถูกพวกเขาสามคนที่ร่วมมือกันโจมตีให้แตกพ่าย แต่กลับเป็นฝ่ายไล่สังหารคนทั้งสามแทน เฉินเห้อเทียนก็แค่นเสียงเย็นหนึ่งที
ในสายตาของเขา บุรพาจารย์สำนักธารมรรคาคนนี้ก็ดี หรือคนฟ้าของแม่น้ำตอนกลางที่เหลือก็ช่าง คนเหล่านั้นต่างก็เป็นแค่คนฟ้าวิถีมนุษย์เท่านั้น นับเป็นบุคคลที่อ่อนแอที่สุดในขอบเขตคนฟ้า
ทว่าตัวเขาเลื่อนขั้นเป็นคนฟ้าเพราะก่อกำเนิดด้วยวิญญาณสัตว์ฟ้า กลายเป็นคนฟ้าขั้นดินเหนือกว่าขั้นมนุษย์ได้สำเร็จ นอกจากนี้ก็ยังเป็นคนฟ้าช่วงกลาง ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงทำให้เขามั่นใจว่าต่อให้เป็นเขาเองก็ยังสามารถโจมตีให้คนฟ้าอย่างบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาสามคนนี้พ่ายแพ้ยับเยินได้อย่างง่ายดาย
“ที่เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นั้นทำเกินเหตุที่สุดก็คือเขาฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่อยู่ไปเยือนสำนักธารมรรคา แล้วก็กวาดเอา…ทรัพย์สมบัติของสำนักธารมรรคาไปหมด ในนั้นยังมีทรัพย์สินส่วนที่ข้าเตรียมไว้มอบให้ท่านผู้อาวุโสด้วย…” ในใจของบุรพาจารย์สำนักธารมรรคาสั่นสะท้าน หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยออกไปเช่นนี้
เฉินเห้อเทียนที่ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาดแล้ว พอได้ยินประโยคนี้ ไอเย็นเยียบก็สาดประกายออกมาจากดวงตาของเขาทันที
“เจ้าสุนัขผยอง เขามันรนหาที่ตายชัดๆ!” เฉินเห้อเทียนเอ่ยด้วยเสียงเย็นเยียบ ทั้งยังแผ่อำนาจจิตออกไป จนกระทั่งเจอตัวบุรพาจารย์คนฟ้าของสายสำนักธารดาราและสำนักธารอันต
ในสายตาของเขา เรื่องนี้คนที่ร้อนใจที่สุดไม่ใช่ตน แต่เป็นบุรพาจารย์สำนักธารอันต…คนฟ้าใต้บังคับบัญชาถูกสังหารนั่นต่างหาก!