Skip to content

A Will Eternal 90

บทที่ 90 ศัตรูร่วมของชายฝั่งทิศเหนือ

เมื่ออาจารย์และศิษย์เป่ยหันเลี่ยจากไป ลูกศิษย์ชายฝั่งเหนือใต้สองข้างของเวทีเวลาล้วนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ในหัวแต่ละคนมีเสียงดังอื้ออึง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ในสมองเต็มไปด้วยภาพสุนัขใหญ่ตัวนั้นทาบทับอยู่บนร่างของเป่ยหันเลี่ย…

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่อึ้งไป แม้แต่เจ้าสำนักและผู้นำของแต่ละยอดเขา รวมไปถึงผู้อาวุโสเหล่านั้น เวลานี้ก็ยังเหม่อมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่ทำท่าทางใสซื่ออยู่บนเวทีด้านล่างราวกับคนโง่

ผู้เฒ่าโจวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างของเขาสั่นสะท้าน ตาเหลือกจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า สีหน้าซับซ้อน… ส่วนนกฟ่งเหนี่ยวที่บินอยู่กลางอากาศตัวนั้นยามนี้ก็ร้องตะโกนหลายครา ทำท่าทางคล้ายต้องการบอกกับทุกคนว่าตนไม่ได้ใส่ร้ายป๋ายเสี่ยวฉุน

เนิ่นนาน ทางชายฝั่งทิศใต้มีเสียงสูดลมหายใจเข้านับครั้งไม่ถ้วน ชั่วขณะที่หันมามองทางป๋ายเสี่ยวฉุน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกของชายฝั่งทิศใต้ทุกคนล้วนเผยสีหน้าเหยเกและพูดไม่ออก

ลูกศิษย์หญิงทุกคนหน้าแดงก่ำ ตอนมองมาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแต่ละคนสีหน้าแปลกประหลาดจนถึงขีดสุด และก็มีคนไม่น้อยที่หน้าแดงแปร๊ดร้องเชอะออกมา

แต่เมื่อเทียบกับพวกนางแล้ว ผู้ที่รู้สึกเข้าอกเข้าใจเหมือนโดนกับตัวเองก็คือลูกศิษย์ชายเหล่านั้น พริบตานี้แทบทุกคนล้วนหนีบขาเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าหน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดซึม ถึงขนาดเห็นใจเป่ยหันเลี่ยอยู่มาก

“อา…อาจารย์อาป๋าย…เทพในร่างมนุษย์!! เป่ยหันเลี่ยนั่น…คงจะมีเงามืดอยู่ในใจไปตลอดชีวิต…”

“อย่าไปยั่วโมโหอาจารย์อาป๋ายเด็ดขาด เขา…เขาช่างเหี้ยมโหดผิดมนุษย์มนายิ่งนัก!!”

“ยานี่ไม่ใช่ยาที่นกฟ่งเหนี่ยวของผู้เฒ่าโจวกินไปหรอกเหรอ ยาที่ทำให้สัตว์ร้ายเกิดอารมณ์กำหนัดได้เช่นนี้… ข้าคิดไม่ออกจริงๆ ว่าอาจารย์อาป๋ายคิดอะไรอยู่กันแน่…ถึงได้หลอมยานี่!”

ไม่นานเสียงฮือฮาก็ระเบิดออกมาจากชายฝั่งทิศใต้ ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะใช้วิธีการแบบใด แต่ก็ถือว่าเป็นตัวแทนชายฝั่งทิศใต้คว้าเอาชัยชนะมาได้ ต้องรู้ว่านับตั้งแต่เริ่มศึกศิษย์แห่งความภาคภูมิใจมา นี่เป็นชัยชนะครั้งที่สองของชายฝั่งทิศใต้ ดังนั้นแม้ว่าลูกศิษย์ชายฝั่งทิศใต้ทุกคนจะรู้สึกพิพักพิพ่วนอยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกดีใจไชโยโห่ร้องให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนไปด้วย

ซ่างกวานเทียนโย่วเช็ดเหงื่อเย็นออก ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะดูถูกเหยียดหยามแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังสำลักลมหายใจไปเช่นกัน แค่เขาคิดถึงภาพน่าเวทนาของเป่ยหันเลี่ยเมื่อครู่ แล้วลองคิดว่าหากเปลี่ยนมาเป็นตัวเอง… เขาก็ไม่กล้าคิดต่อไปอีกแล้ว

โจวซินฉีพูดไม่ออกอยู่นานแล้ว เวลานี้สมองมีแต่เสียงดังอื้ออึง

แต่ที่ตามมาติดๆ คือเสียงเกรียวกราวดุเดือดราวกับฟ้าผ่าที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงจากลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือ เสียงเอ็ดอึงเช่นนี้ ความดังสนั่นหวั่นไหวเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ต่อให้เป็นช่วงก่อนหน้านี้ที่ชายฝั่งทิศเหนือชนะติดต่อกันหลายครั้ง พลังอำนาจเกรียงไกรแค่ไหนก็ยังไกลกันโขกับตอนนี้

“สติฟั่นเฟือน!! นั่นมันยาอะไรกัน สมควรตาย ยาแบบนี้มีอยู่บนโลกในได้ยังไง ต้องกำจัดป๋ายเสี่ยวฉุน กำจัดยานี่ให้สิ้นซาก!!”

“สวรรค์ ไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่เป่ยจะโดนสัตว์ของตัวเองกระโจนเข้าใส่ นี่…นี่…”

“โค่นป๋ายเสี่ยวฉุน เขาสร้างความอัปยศอย่างใหญ่หลวงให้กับชายฝั่งทิศเหนือของเรา!! ยาแบบนี้ต้องจัดให้เป็นยาต้องห้าม ใครก็ตามที่มีในครอบครองล้วนต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคน ต่อให้เป็นลูกศิษย์ฝ่ายในที่มาชมการประลอง ชั่วพริบตานี้ก็บ้าคลั่งกันขึ้นมาเช่นกัน ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ คำรามเสียงแหบแห้งก้องฟ้า

พวกเขาจะไม่บ้าคลั่งได้อย่างไร ขนาดศิษย์เพศชายของชายฝั่งทิศใต้ยังรู้สึกเข้าใจประหนึ่งโดนเองกับตัว ทั้งยังสงสารเวทนาเป่ยหันเลี่ย แต่สำหรับชายฝั่งทิศเหนือแล้ว พวกเขาต่างหากที่เหมือนโดนกับตัวเองจริงๆ… พวกเขาทุกคนล้วนมีสัตว์รบเป็นของตัวเอง ถึงขั้นที่ว่าท่ามกลางเสียงคำรามแหบแห้งอย่างโกรธแค้นนั้น พวกเขาทุกคนยังหันไปมองสัตว์รบข้างกายอย่างไม่รู้ตัวหนึ่งที นึกถึงเป่ยหันเลี่ยขึ้นมาก็ให้ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด…

ดังนั้นเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งจึงดังออกมาจากปากคนชายฝั่งทิศเหนือมากมาย สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน

“ศัตรูร่วมของชายฝั่งทิศเหนือ ป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

“โค่นล้มป๋ายเสี่ยวฉุน หากคนผู้นี้ยังอยู่ ชายฝั่งทิศเหนือของเราต้องอัปยศไปตลอดกาล!!”

“สมควรตายเอ้ย ข้าจะฆ่าเขา ข้าจะกำจัดเขา เขาทิ้งเงามืดชั่วร้ายไว้ให้ชายฝั่งทิศเหนือของพวกเราไปนิจนิรันดร์!!” สามารถจินตนการได้ว่า นับแต่นี้ไปเวลาที่ลูกศิษย์ของชายฝั่งทิศเหนือเผชิญหน้ากับสัตว์รบของตัวเอง ย่อมอดคิดถึงภาพอันน่าเวทนาของเป่ยหันเลี่ยขึ้นมาไม่ได้

พี่น้องกงซุนเวลานี้ก็สูดลมหายใจเฮือก ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าเผยความหวาดหวั่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ที่มากกว่านั้นคือไฟโทสะที่โหมสัดซาด ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคือเป่ยหันเลี่ย แต่อาการบาดเจ็บเช่นนี้นำพาความอัปยศอดสูมาสู่ทั้งชายฝั่งทิศเหนือ

และยังมีสวีซง ร่างกายออกเจ้าเนื้อเล็กน้อยของเขายามนี้กำลังสั่นเทา สีหน้าโกรธแค้น แม้ว่าเขากับเป่ยหันเลี่ยจะไม่ถูกกันเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ในใจเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างถึงที่สุด และในส่วนลึกของความเห็นใจนั้นแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวที่มากยิ่งกว่า

‘เป่ยหันเลี่ยมีสัตว์แค่ตัวเดียว…ข้า…ข้ามีห้าตัว…’ คิดมาถึงตรงนี้ สวีซงใกล้จะร้องไห้เต็มที กัดฟันกรอดตาแดงฉาน คำรามเคียดแค้นไปทางป๋ายเสี่ยวฉุน

ต่อให้เป็นกุ่ยหยาในชุดคลุมสีดำ เวลานี้ร่างก็ยังสั่นน้อยๆ ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน แววตาเผยความเคร่งขรึม

มองเห็นว่าตัวเองทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองใหญ่โตราวกับไปแหย่รังต่อเข้าแบบนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนทำท่าทางไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ยืนอยู่บนเวที เขามองไปยังลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือที่กำลังเดือดดาลเหล่านั้น รีบเอ่ยปากอธิบาย

“จะโทษข้าไม่ได้นะ เมื่อครู่ตอนที่ข้าขึ้นเวทีมาก็เตือนเป่ยหันเลี่ยไปแล้วว่าให้เขายอมแพ้ แต่เขาไม่ฟังนี่นา ข้าบอกแล้วไงว่า…เมื่อใดที่ข้าลงมือ แม้แต่ข้าก็ยังกลัวตัวเองเลยนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรมมากจริงๆ แต่เขาไม่อธิบายก็ยังดีอยู่ พออธิบายอย่างนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ…

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าก็กล้าชื่อว่าป๋ายเสี่ยวฉุน สมควรตายเอ้ย เจ้ามันไม่ไร้เดียงสา[1] อย่างชื่อเลยสักนิดเดียว!!”

“คนไร้ยางอาย ต่ำช้าที่สุด เจ้ากล้าหมิ่นเกียรติพวกเรา!!”

“โค่นล้มป๋ายเสี่ยวฉุน!!”

ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือบ้ากันไปหมดแล้ว แต่ละคนดวงตาแดงก่ำพากันเดินขึ้นหน้ามาอีกหลายก้าว การรุดหน้าของคนหลายหมื่นในเวลาเดียวกันแบบนี้ ราวกับต้องการฝ่าขึ้นไปบนเวทีประลองเพื่อจัดการป๋ายเสี่ยวฉุน

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญแขวนได้ทันที รีบถอยหลังกรูด หลังจากเดินเร็วๆ เข้าไปใกล้ฝ่ายชายฝั่งทิศใต้แล้วเขาก็ถอนหายใจหนึ่งที เชิดหน้าขึ้นพลางสะบัดปลายแขนเสื้อ วางท่าของยอดฝีมือผู้เบื่อหน่าย

“เดิมทีข้าจิตใจดีงามบริสุทธิ์ แต่จะทำอย่างไรได้เล่าเมื่อมนุษย์บนโลกช่างแปดเปื้อน ช่างเถอะๆ” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจเสียงเบา รีบกระโดดลงจากเวทีประลอง เบื้องหลังเขาคนจำนวนนับไม่ถ้วนของชายฝั่งทิศเหนือคำรามโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม ดวงตาแต่ละคู่เหล่านั้น หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คงตายไปหลายหมื่นครั้งแล้ว

ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งที กลับมาหยุดอยู่เบื้องหน้าฝูงชนของชายฝั่งทิศใต้ สีหน้าของลูกศิษย์ชายฝั่งทิศใต้ทุกคนแปลกประหลาด พวกเขาสัมผัสได้แล้วจริงๆ ว่าแรงโกรธแค้นที่ตัวป๋ายเสี่ยวฉุนดึงดูดมานั้นน่ากลัวเพียงใด

เวลานี้ศัตรูของทุกคนในชายฝั่งทิศเหนือไม่ใช่ชายฝั่งทิศใต้อีกต่อไปแล้ว พวกเขามีศัตรูแค่คนเดียว นั่นก็คือป๋ายเสี่ยวฉุน!

พอนึกภาพได้ว่าต่อให้คราวนี้ชายฝั่งทิศเหนือคว้าชัยชนะมาได้จริง แต่มีภาพนั้นของเป่ยหันเลี่ย แม้ชายฝั่งทิศเหนือชนะไปก็ไม่ต่างกับแพ้…

บนแท่นยก เจ้าสำนักสีหน้ากระอักกระอ่วน ก้มหน้าถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ด้านล่าง ความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจเพิ่มขึ้นเป็นระลอก เขารู้สึกว่าขอแค่ที่ใดก็ตามที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จริงจังเคร่งเครียดเพียงใด สุดท้ายก็ต้องกลับตาลปัตรไปหมด… ส่วนท่านผู้นำที่ยังนั่งอยู่ที่นี่ สามคนของชายฝั่งทิศเหนือ แต่ละคนไม่รู้ว่าควรจะทำสีหน้าเช่นไร ตลอดชีวิตของพวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน…

หลี่ชิงโหวสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง ในดวงตามีความงงงันอยู่เช่นกัน ภาพเมื่อครู่นี้สะท้านสะเทือนเกินไป ส่วนผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งสี่ท่านที่อยู่บนยอดเขา เวลานี้จิตสัมผัสก็กระตุกไปเล็กน้อยเช่นกัน แยกไม่ออกว่าอารมณ์ในตอนนี้เป็นเช่นไรบ้าง

เห็นว่าชายฝั่งทิศเหนือเดือดดาลคล้ายจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่ เสียงของโอวหยางเจี๋ยก็ดังลงมาจากท้องฟ้า ทั้งยังมีพลังยิ่งใหญ่ระลอกหนึ่งตามเสียงนี้มาตกลงตูมบนเวทีประลอง ทำให้ลูกศิษย์ฝ่ายเหนือที่เข้ามาใกล้เวทีประลองพวกนั้นถูกผลักออกไป

“การประลองสนามที่เจ็ด เริ่มได้!” โอวหยางเจี๋ยเองก็จนใจเช่นกัน พอปล่อยคำพูดออกมาแล้ว ในกลุ่มคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมรบของชายฝั่งทิศเหนือพลันมีคนผู้หนึ่งโผล่พรวดออกมา นี่คือชายร่างใหญ่ผู้หนึ่ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ พอขึ้นมาบนเวทีได้ก็คำรามอย่างแค้นเคือง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าขอท้าแข่งกับเจ้า!”

“รอเจ้าติดสิบคนแรกเสียก่อนก็จะมีคุณสมบัติสู้กับข้าเอง” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดหน้า วางมาดของยอดฝีมือพลางเอ่ยปากเนิบนาบ ชายร่างใหญ่จากชายฝั่งทิศเหนือผู้นั้นคำรามเสียงต่ำ ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ลูกศิษย์ที่ติดสิบคนแรกจากศึกคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างกายซ่างกวานเทียนโย่ว ฝืนแบกหน้าเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง

การสู้รบครั้งนี้เสียงตูมตามดังอย่างต่อเนื่อง ชายฝั่งทิศเหนือบ้าไปแล้ว…โดยเฉพาะชายร่างใหญ่ของชายฝั่งทิศเหนือที่ลงสนามเป็นคนแรกสุดต่อจากป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ ความโกรธแค้นที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนถูกระบายออกมาหมดในเวลานี้ ทำให้ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศใต้ต้องถอยร่นอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจำต้องยอมแพ้ไป

สนามรบครั้งที่แปด ครั้งที่เก้าหลังจากนั้น…ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือต่อสู้เหมือนฉีดเลือดไก่[2] มา แต่ละคนไอสังหารดุเดือด ขึ้นเวทีประลองมาได้ก็ลงมืออย่างบ้าคลั่ง ในใจของพวกเขาทุกคนล้วนสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ ต้องการติดหนึ่งในสิบให้ได้ ต้องการต่อสู้กับป๋ายเสี่ยวฉุน ล้างอายให้ชายฝั่งทิศเหนือ!

“ต้องชนะให้ได้ จากนั้นก็กำจัดป๋ายเสี่ยวฉุนให้สิ้นซากในการต่อสู้สิบคนสุดท้าย ให้เขาได้ลิ้มรสความทุกข์ทรมานจากการถูกสัตว์รบกระโจนใส่ดูบ้าง!”

“แม่งเอ้ย เพื่อกำจัดเขาแล้ว ต่อให้ผิดกฎสำนักข้าก็ยอม!”

“กำจัดเขาทิ้งแล้ว ท่านอาจารย์ไม่ลงโทษหนักมากหรอก เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่กำจัดป๋ายเสี่ยวฉุนได้ คนนั้นก็คือวีรบุรุษของชายฝั่งทิศเหนือ!” ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือที่ลงสนามรบเหล่านี้ แต่ละคนล้วนแสดงฝีมืออย่างเต็มกำลัง พริบตาเดียวความปรารถนาในการสู้รบก็ซัดโหมอบอวล

ส่วนการต่อสู้สนามที่สิบ เนื่องจากชายฝั่งทิศเหนือมีคนมากกว่าสองคน ดังนั้นการรบสนามนี้คือการรบระหว่างชายฝั่งทิศเหนือกันเอง แม้ว่าจะดุเดือด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเบาลงไปเยอะมาก

ไม่นาน การต่อสู้สนามสุดท้ายในการประลองรอบแรกก็เริ่มต้นขึ้น โจวซินฉีสูดลมหายใจเข้าลึก แสงสีม่วงใต้ฝ่าเท้าเปล่งแสงวิบวับ ลอยขึ้นไปบนเวทีประลอง เริ่มรบครั้งสุดท้ายกับลูกศิษย์ผู้มีคนสมบัติคนสุดท้ายของชายฝั่งทิศเหนือ

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้น่าหวาดผวานัก เพราะยังไงซะโจวซินฉีก็คือหนึ่งในศิษย์แห่งความภาคภูมิใจ ลูกศิษย์ของชายฝั่งทิศเหนือที่ลงสนามแม้ว่าฝีมือจะไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับโจวซินฉีแล้วยังห่างชั้นกันไม่น้อย สองคนใช้เวลาต่อสู้กันแค่สิบกว่าลมหายใจ ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือผู้นั้นพลันกระอักเลือดออกมา ต้องยอมแพ้ไปด้วยความเสียใจ

โจวซินฉีชนะ ตอนที่นางกลับมาด้วยท่าทางไม่สนใจใยดี ชายฝั่งทิศใต้ระเบิดเสียงไชโยโห่ร้องดุเดือดออกมา เสียงโห่ร้องนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ได้ยินรู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ พูดกับตัวเองในใจว่าตนก็ชนะเหมือนกันนี่นา ทำไมเสียงไชโยถึงไม่ดังเท่าโจวซินฉี

ด้วยเหตุนี้ รอบแรกของศึกศิษย์แห่งความภูมิใจฝ่ายนอกเหนือใต้จึงสิ้นสุดลง เหลือคนทั้งหมดสิบเอ็ดคน แบ่งเป็นชายฝั่งทิศเหนือแปดคน ชายฝั่งทิศใต้มีเพียงแค่สามคน!

———

[1] ฉุน (纯) ตัวสุดท้ายของชื่อป๋ายเสี่ยวฉุนแปลว่าบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา

[2] ฉีดเลือดไก่ (打鸡血)เป็นคำเปรียบเปรยว่าดุเดือด ฮึกเหิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version