Skip to content

A Will Eternal 915

บทที่ 915 ออกเดินทาง

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังลังเลตัดสินใจไม่ได้นั้น เวลาก็ผ่านไปอีกสามวัน

ยามเที่ยงของวันที่สามนี้ จู่ๆ ก็มีโองการของบุรพาจารย์ครึ่งเทพป่าวประกาศไปทั่วทั้งสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา จากนั้นจึงแพร่ไปทั่วทุกพื้นที่ของแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก

ในโองการนี้มีเรื่องสำคัญอยู่สองอย่าง เรื่องแรกก็คือบอกกับทุกคนว่าเรือรบที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะทงเทียนจะแล่นออกสู่ทะเลในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ผู้ที่ขึ้นเรือไปจะถูกส่งไปยังเกาะทงเทียน ส่วนพวกคนที่ตามมาไม่ทันก็จะสูญเสียสิทธิ์ในการสมัครเข้าร่วมการประลองรับศิษย์ของเทียนจุน!

ส่วนเรื่องที่สองนั้นพูดถึง…สถานที่ประลอง พูดถึงเงื่อนไขในการรับลูกศิษย์ของเทียนจุน ทั้งยังพูดถึง…ยาอายุขัยพันปีที่เป็นของรางวัล!

อันดับที่หนึ่ง เทียนจุนจะรับเป็นลูกศิษย์.!

อันดับที่สอง อันดับที่สาม อันดับที่สี่จะได้รางวัลเป็นยาอายุขัยพันปี!

ส่วนอันดับที่ห้าถึงอันดับที่สิบจะมอบรางวัลเป็นยาอายุขัยครึ่งพันปี ส่วนอันดับหลังจากนั้นมาจนถึงร้อยอันดับแรกก็ล้วนได้รับรางวัลเป็นยาอายุขัยหนึ่งร้อยปี!

พอข่าวนี้แพร่ออกมาก็สร้างความครึกโครมไปทั่วทันที พวกนักพรตที่เดิมทีมารออยู่ในบริเวณใกล้เคียงของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราพากันตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ส่วนพวกที่ยังอยู่ในสำนักของตัวเองซึ่งไม่ใคร่จะสนใจการรับลูกศิษย์ของเทียนจุนครั้งนี้เท่าไหร่นัก หรือคนที่ยังสองจิตสองใจ พอได้ยินข่าวนี้นัยน์ตาก็ฉายความบ้าคลั่งอย่างฮึกเหิมทันที

“ยาอายุขัยพันปี!! เมื่อมียานี้ การที่ข้าจะเลื่อนสู่เขตคนฟ้าได้ก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไป!”

“ข้าผู้อาวุโสอาจช่วงชิงยาอายุขัยพันปีมาไม่ได้…แต่ยาอายุขัยร้อยปี ข้าก็ยังพอทำได้ สู้ตาย!!”

พอข่าวนี้แพร่สะพัด เสียงตูมตามก็ระเบิดออกมาจากในเทือกเขาลึกแต่ละจุดของแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกอย่างไม่ขาดสาย พวกนักพรตที่ไม่ได้อยู่ในสำนักหรือพวกผู้เฒ่าประหลาดที่ฝึกตนด้วยตัวเองล้วนเลือกที่จะเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น!

นั่นเป็นเพราะยิ่งเป็นคนที่อายุมากเท่าไหร่ ยาอายุขัยก็ยิ่งมีแรงดึงดูดที่น่าตะลึงมากเท่านั้นจนพวกเขามิอาจต้านทานได้ไหว

ขณะเดียวกันกับที่แม่น้ำสายตะวันออกบ้าคลั่ง แม่น้ำอีกสามสายที่พอสำนักต้นน้ำแพร่ข่าวนี้ออกไปก็พากันคลุ้มคลั่งเช่นกัน ไม่พูดว่าศิษย์แห่งความภาคภูมิใจเข้าร่วมกันทุกคน แต่แทบทุกคนที่คิดว่าตัวเองมีความมั่นใจมากพอก็ล้วนตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด ต้องการเข้าร่วมกับการรับลูกศิษย์ของเทียนจุนในครั้งนี้!

ขนาดพวกป๋ายเจิ้นเทียนเองก็ยังหวั่นไหว

นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักต่างๆ ที่อยู่ตอนกลางของแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกเลย ผู้แข็งแกร่งขอบเขตก่อกำเนิดของสำนักธารดารา สำนักธารมรรคาและสำนักธารอันตต่างก็เร่งรุดเดินทางมายังสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราอย่างรวดเร็ว

แม้แต่ในสำนักสยบธารเองก็ยังเป็นเช่นนี้ ซ่งเชวียและนักพรตก่อกำเนิดหลายคนซึ่งรวมอู๋จี๋จื่อไว้ด้วย คนทั้งหมดห้าคนต่างก็รีบเตรียมตัวออกเดินทางกันทันใด!

ส่วนหลี่ชิงโหวนั้นลังเลอยู่พักใหญ่ สุดท้ายกลับเลือกไม่เข้าร่วม เพียงอยู่ในสำนักสยบธารต่อไป

เมื่อเห็นว่ามีคนมาเข้าร่วมงานครั้งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งคิดไม่ตก จนกระทั่งผ่านไปได้ประมาณเจ็ดแปดวัน

ขนาดจางต้าพั่งก็ยังมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน คิดจะให้ป๋ายเสี่ยวฉุนช่วยเหลือเพื่อดูว่าจะอะลุ่มอล่วยให้ได้หรือไม่ เพราะตบะของเขาไม่พอ แต่เขาก็อยากเข้าร่วมช่วงชิงโชควาสนาค้ำฟ้าครั้งนี้

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจยาวเหยียดอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็กัดฟันกรอด จะได้เป็นลูกศิษย์ของเทียนจุนหรือไม่นั้น เรื่องนี้เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเป็นถึงอาจารย์ของจักรพรรดิหมิงเชียวนะ เทียนจุนจะมีคุณสมบัติที่ไหนมารับเขาเป็นลูกศิษย์? ทว่ายาอายุขัยพันปีนี้ก็ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่หลายวัน คิดไม่ตกจนคลุ้มคลั่งเจียนบ้า

“ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ต่อให้ไม่ได้ยาอายุขัยพันปี แต่ได้ยาครึ่งพันปีมาก็ยังดี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว เนื่องจากความดิ้นรนและคิดไม่ตกตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดวงตาของเขาจึงแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือดฝอย

หลังจากตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มลงมือเตรียมการทันที ด้านหนึ่งคือต้องดูแลพวกคนจากสำนักสยบธารที่มาเข้าร่วมอย่างพวกซ่งเชวียและอู๋จี๋จื่อ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือเตรียมยาและสมุนไพรหลากหลายชนิดสำหรับตอนไปเข้าร่วมการประลอง

“ในการประลองครั้งนี้ต้องมีการเข่นฆ่ากันแน่นอน เฮ้อ…คงต้องเตรียมพร้อมให้มากหน่อย” ยังดีที่ตอนนี้ตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนสูงส่ง อาศัยตำแหน่งผู้อาวุโสไท่ซ่างของเขาจึงสามารถเรียกหาทรัพยากรมาได้เป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนก็คิดว่าการออกไปข้างนอกครั้งนี้ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แม้ว่าตนจะมียาพลังชีวิตอยู่ไม่น้อย แต่พอนึกถึงการเผาผลาญของเลือดคงกระพันแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จำต้องเพิ่มยาและพืชหญ้าไปอีกเป็นจำนวนมากมหาศาล

สุดท้ายก็คือเรื่องของจางต้าพั่ง เมื่อเทียบกับสวีเป่าไฉแล้ว จางต้าพั่งคือรวมโอสถช่วงท้าย ยังอยู่ห่างจากมาตรฐานการรับลูกศิษย์ของเทียนจุนอีกเพียงก้าวเดียว ก้าวเดียวนี้หากให้คนอื่นช่วยย่อมเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วหาใช่ว่าจะทำไม่ได้เสียเลย

เพียงแต่หากเลื่อนขั้นเร็วเกินไปก็อาจจะมีอาการข้างเคียงบางอย่างตกค้าง แต่หลังจากที่เขาบอกให้จางต้าพั่งรู้ถึงภัยร้ายทั้งหมดที่อาจแฝงเร้นในภายหลัง จางต้าพั่งกลับยังยืนกรานคำเดิม ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งคิดไปครู่ก็พยักหน้ารับ ครั้นจึงเริ่มช่วยให้จางต้าพั่งเลื่อนขอบเขต

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าเวลาไม่ทันกาลแล้ว ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสิบกว่าวันเรือรบก็จะออกเดินทาง แต่จะอย่างไรซะป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นถึงผู้อาวุโสไท่ซ่าง คำพูดประโยคเดียวของเขาก็ทำให้จางต้าพั่งกลายมาเป็นผู้ติดตามของเรือรบได้ ทว่าสิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงเท่านี้ หากไปถึงเกาะทงเทียนแล้วตบะของจางต้าพั่งฝ่าทะลุ เขาก็จะเข้าร่วมการประลองได้อย่างถูกทำนองคลองธรรม

แต่หากไม่ฝ่าทะลุก็ได้แต่รออยู่บนเรือรบ รอให้คนที่ประลองเสร็จกลับมาแล้วค่อยกลับสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราพร้อมกัน

ท่ามกลางการเตรียมตัวของป๋ายเสี่ยวฉุน ครึ่งเดือนต่อมาก็มีนักพรตจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หลั่งไหลมายังพื้นที่ใกล้เคียงของสำนักอันตมรรคาฟ้าดารา ซึ่งทุกคนต่างก็รอวันที่เรือรบจะออกเดินทาง

เวลาแต่ละวันผ่านพ้นไป จนกระทั่งเช้าตรู่วันนี้ นักพรตก่อกำเนิดทุกคนที่อยู่ใกล้กับสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็พากันบินมาหยุดอยู่กลางอากาศด้วยลมหายใจที่หอบหนัก พวกเขาทอดสายตามองไปยังเรือรบลำมหึมาซึ่งจอดอยู่ล่างสายรุ้ง เหนือมหาสมุทรทงเทียน

เวลานี้เรือลำนี้กำลังสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเขย่าฟ้าดินคล้ายเสียงสัตว์ร้ายร้องคำราม ภายใต้เสียงดังอึกทึกนี้ เรือรบก็ได้ค่อยๆ หมุนหัวเรือออกมาอย่างเชื่องช้า

ขณะเดียวกันบนสายรุ้งสีม่วงที่อยู่สูงสุดก็มีเสียงมากบารมีของบุรพาจารย์ครึ่งเทพดังลอยมา

“คนที่เข้าร่วมการประลอง จงรีบขึ้นไปบนเรือโดยไว!”

ประโยคนี้ของเขาราวกับอสนีบาตที่กึกก้องไปทั้งฟ้าดิน นักพรตก่อกำเนิดที่อยู่รอบด้านได้ยินก็รีบบินตรงไปยังเรือรบพร้อมความห้าวเหิมในหัวใจทันที!

สิบคน ยี่สิบคน ห้าสิบคน…หนึ่งร้อยคน…

นักพรตก่อกำเนิดทั่วทั้งแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออก ไม่พูดว่ามากันครบทุกคน แต่ก็มากันไม่น้อย ยามนี้เงาร่างมากพอสองร้อยกว่าเงาล้วนกลายเป็นรุ้งยาวที่ทยอยกันเยื้องกรายไปถึงเรือรบ

ด้านในนั้นมีซ่งเชวีย อู๋จี๋จื่อ และยังมีนักพรตก่อกำเนิดอีกสามคนของสายธาราโอสถและสายธาราทมิฬจากสำนักสยบธาร นอกนั้นก็เป็นคนของอีกสามสำนัก ส่วนนักพรตของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราเองก็มีไม่น้อย อย่างพวกป๋ายหลิน จ้าวเทียนเจียวก็ล้วนปรากฏตัวกันครบ

ส่วนพวกป๋ายเจิ้นเทียนที่พอได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะเข้าร่วมด้วย ทุกคนต่างก็เลือกสละสิทธิ์อย่างคับแค้นใจ ดังนั้นคนฟ้าที่มาครั้งนี้จึงมีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียว

และในเมื่อเขาคือผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ย่อมต้องกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ของการเดินทางครั้งนี้ไปโดยปริยาย ตอนที่เขาพาลูกศิษย์จำนวนมากซึ่งรับผิดชอบหน้าที่โคจรเรือโดยเฉพาะย่างเท้าขึ้นมาบนเรือ นักพรตส่วนใหญ่ที่ขึ้นมารออยู่บนเรือรบแล้วก็ล้วนพากันหันมามองเขาด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม ทั้งยังกุมมือคารวะอย่างนับถือ

แม้ว่าจะเคยชินกับตัวตนของตัวเองแล้ว ทั้งยังรู้สึกเบื่อหน่ายยามเห็นคนคารวะ แต่พอได้เห็นว่าก่อกำเนิดมากมายต่างก็มีท่าทางยำเกรงตนขนาดนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังอดดีใจลิงโลดขึ้นมาไม่ได้

“เฮ้อ ดูท่าข้าคงยอดเยี่ยมเกินไป ขนาดไม่ได้พยายามอะไรกลับกลายมาเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ ด้วยความลำพองใจหนึ่งที สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลงอนิจจัง หวนคิดถึงเมื่อปีนั้นที่ตนได้ขึ้นเรือรบลำนี้เป็นครั้งแรกด้วยตัวตนของลูกศิษย์ และมีเฉินเห้อเทียนเป็นผู้พิทักษ์

แต่มาตอนนี้ เฉินเห้อเทียนเห็นตนก็ยังต้องเดินอ้อมไปทางอื่น…

คนที่ทอดถอนใจด้วยความปลงตกยังมีซ่งเชวียและจ้าวเทียนเจียว พวกเขามองเรือลำนี้ แล้วก็มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจต่างก็มีคลื่นกระเพื่อมไหวในระดับที่ต่างกัน ทว่าเมื่อเทียบกันแล้ว จ้าวเทียนเจียวอาจปลงอนิจจัง ทว่าซ่งเชวียที่ก้มหน้าก้มตากลับด่ากราดไปถึงแม่อีกฝ่ายอยู่ในใจ

“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้มีตบะตั้งคนฟ้าแล้วยังมาร่วมสนุกอะไรด้วยอีก เขามาได้ยังไง!!”

ขณะที่ซ่งเชวียกำลังกลัดกลุ้ม ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปลดปลงพลางใช้อำนาจของตัวเองโดยการยกห้องที่ดีที่สุดบนเรือลำนี้ให้แก่จ้าวเทียนเจียว ป๋ายหลินและคนของสำนักสยบธารอย่างไม่มีลังเล

“เชวียเอ๋อร์ มาๆๆ อาเขยจัดหาห้องใหญ่ไว้ให้เจ้าแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนกวักมือเรียก พอเห็นซ่งเชวียอยู่ในกลุ่มคน เขาก็อดตะโกนขึ้นมาไม่ได้

ซ่งเชวียสีหน้าดำคล้ำในบัดดล ก่อนหน้านี้เขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะไม่อยากประสานสายตากับป๋ายเสี่ยวฉุน แต่กลับนึกไม่ถึงว่าตนอุตส่าห์หลบเลี่ยงขนาดนี้แล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนยังดันตาดีสังเกตเห็นเสียได้

“สมควรตายนัก เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนนี่ไม่แล้วไม่เลิกสักทีนะ หากรู้แต่แรกว่าเขาก็มาด้วย ตีให้ตายยังไงข้าก็ไม่เข้าร่วมเด็ดขาด!” ซ่งเชวียคลุ้มคลั่งอยู่ในใจ รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นที่สุด แต่ถึงกระนั้นก็ยังต่อต้านแรงดึงดูดใจที่มีต่อห้องใหญ่ไม่ได้ ดังนั้นจึงฝืนใจเดินเอื่อยเฉื่อยไปหาป๋ายเสี่ยวฉุนท่ามกลางสายตาอิจฉาของนักพรตก่อกำเนิดคนอื่นที่อยู่โดยรอบ

ไม่นานนัก เมื่อจัดการเป็นธุระให้ทุกคนเรียบร้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพลันโบกมือ

“ออกเดินทาง!”

จบคำของเขา เสียงกัมปนาทก็ดังขึ้นมาจากเรือรบ พวกลูกศิษย์ที่รับผิดชอบโคจรเรือพากันร่ายเวทเต็มกำลัง ทำให้เรือเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ก่อนจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพุ่งทะยานไปกลางจุดลึกของมหาสมุทรทงเทียน เรือรบลำใหญ่กางใบเรือโบกสะบัด แหวกม่านน้ำผ่าลูกคลื่นไปตลอดทาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version