Skip to content

A Will Eternal 977

บทที่ 977 เป็นของข้าทั้งหมด

ตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งเดินเข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียร ครึ่งเทพคืออะไร เขายังไม่รู้จัก นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่จะมองมันเป็นเป้าหมายเลย ทว่าตอนนี้ เขาที่กลายมาเป็นคนฟ้าช่วงกลางกลับได้สัมผัสกับครึ่งเทพมาแล้วไม่น้อย

ยิ่งปีนั้นที่อยู่ในนครผียักษ์ของแดนทุรกันดาร เขาเคยสัมผัสได้ถึงปณิธานครึ่งเทพในเลือดหยดหนึ่งของราชาผียักษ์ สำหรับเขาแล้ว ครึ่งเทพ…จึงไม่ใช่ขอบเขตอันยาวไกลที่เขาไขว่คว้าไม่ถึงอีกต่อไป!

และที่ยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนมั่นใจก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินซึ่งสั่งสมมานานปีอยู่ในสมบัติอาคมที่จำแลงมาโดยใช้แผ่นดินสายเหนือเป็นจุดศูนย์กลาง

โชควาสนาครั้งนี้จะทำใหตบะของตนฝ่าทะลุไปได้หรือไม่ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้ แต่เขามั่นใจว่าหากตนกลืนกินโชควาสนานี้เข้าไป พลังการต่อสู้ของเขาก็จะกวาดตะลุยทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในขอบเขตคนฟ้าได้!

หรือถึงขั้นที่ว่าแม้แต่ครึ่งเทพ…ก็หาใช่จะต่อกรไม่ได้เสียเลย!

คิดมาถึงตรงนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจเข้าลึก กลายร่างเป็นรุ้งยาวเส้นหนึ่งทะยานไปจากที่แห่งนี้ หลายวันต่อมา เขาก็หาเทือกเขาน้ำแห่งหนึ่งเจอแล้วเอามันมาทำเป็นถ้ำ ก่อนจะเข้าไปนั่งสมาธิอยู่ด้านใน

ด้วยกังวลว่าเทียนจุนที่จากไปจะย้อนกลับมา ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่ได้รีบเรียกหาทารกหญิงในทันที แต่รอคอยอยู่เงียบๆ

รอมาได้ครึ่งเดือน แน่ใจแล้วว่าเทียนจุนคงไม่กลับมาอีก แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังรู้สึกไม่วางใจจึงนั่งสมาธิต่อไป จนกระทั่งผ่านไปอีกสามเดือน

และเมื่อวันนี้มาถึง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มิอาจรั้งรอได้อีกแล้ว ดวงตาทั้งคู่ของเขาเบิกโพลง สูดลมหายใจเข้าลึก ครั้นจึงหยิบเอาโลงที่บรรจุร่างของทารกหญิงออกมาจากในถุงเก็บของ เมื่อวางไว้ตรงหน้าตัวเอง เขาก็มองทารกหญิงที่อยู่ในโลงด้วยสีหน้าลังเลเล็กน้อย

“เรื่องที่ข้าควรพูดกับบุรพาจารย์หันเหมินผู้นี้ก็ได้พูดไปหมดแล้ว…หากนางโกหกข้า นางก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงกัดฟัน หยิบเอาใบไม้น้ำแข็งออกมาแล้ววางลงไปบนแผ่นฝาโลงเบาๆ

ใบไม้น้ำแข็งนี่เพิ่งจะสัมผัสกับฝาโลงก็ลอดทะลุเข้าไปวางอยู่บนหน้าผากของทารกหญิง ครั้นจึงส่องประกายเจิดจ้า ไม่นานก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นเล็กน้อย เขาจ้องมองโลงนั้นตาไม่กะพริบ และเวลานี้เอง ข้างหูของเขาก็มีเสียงของทารกหญิงที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น

“ปราณของสายเหนือ…ปราณของน้ำแข็งเย็นเยียบ…ปราณแห่งการฟื้นตื่น…”

“เจ้าทำได้ดีมาก…เวลาที่ข้าจะฟื้นตื่นมีเพียงแค่ร้อยชั่วลมหายใจเท่านั้น ตอนนี้ข้าจึงยังมิอาจฟื้นขึ้นมา เจ้าจงไปตามหารอยต่อทางเข้าตามคำบอกของข้า…เมื่อไปถึงที่นั่น ข้าจะใช้เวลาร้อยชั่วลมหายใจเปิดประตูของสมบัติอาคม!” เสียงนี้มีความตื่นเต้นแฝงเร้น หลังจากนั้นก็ส่งจิตสำนึกมาให้กับป๋ายเสี่ยวฉุน

ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินคำพูดของนางก็สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเคร่งขรึม ตลอดหลายเดือนมานี้ เขาเองก็ใคร่ครวญเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว ดังนั้นในเมื่อเลือกไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างเด็ดเดี่ยว ออกไปจากถ้ำ ห้อตะบึงไปยังจุดลึกของพื้นที่ราบน้ำแข็งตามคำบอกของทารกหญิง

ผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึงตำแหน่งที่ทารกหญิงบอก

ที่นั่นคือเทือกเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์แห่งหนึ่ง พอขยับเข้าไปมองเทือกเขาน้ำแข็งใกล้ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกเท้าขวากระทืบลงไปอย่างแรง ทันใดนั้นแผ่นดินพลันส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นพร้อมๆ กับที่รอยแยกขนาดใหญ่ยักษ์ปริแตกออกมา

ป๋ายเสี่ยวฉุนก้มหน้าลงมองอยู่สองสามที ก่อนจะขยับกายมุดเข้าไปยังจุดลึกของใต้ดิน เขาตรงดิ่งลงไปเรื่อยๆ หากเจอกับชั้นน้ำแข็งที่กั้นขวางก็จะทลายให้แตกออก บุกราบดั่งผ่าลำไม้ไผ่ไปเรื่อยๆ เช่นนี้ จนกระทั่งหมดไปหนึ่งก้านธูป เขาก็มาถึงก้นของพื้นที่ราบน้ำแข็ง

รอบด้านเต็มไปด้วยไอความเย็นเข้มข้น ด้านใต้พื้นที่ราบน้ำแข็งแห่งนี้มีถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์อยู่แห่งหนึ่ง ตรงยอดบนสุดของถ้ำมีแท่งน้ำแข็งห้อยระย้าลงมามากมาย อีกทั้งรอบด้านยังมีเนินน้ำแข็งขนาดเล็กอีกจำนวนนับไม่ถ้วน เพียงมองก็รู้สึกถึงความคมกริบน่าครั่นคร้าม

หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัวที่นี่ก็เห็นทันทีว่าบนพื้นของถ้ำน้ำแข็งมีกระจกบานหนึ่งที่ใหญ่ราวกับทะเลสาบทั้งผืน!

กระจกนี้คือชั้นน้ำแข็ง กรอบกระจกที่อยู่รอบๆ แผ่กลิ่นอายของความเก่าแก่ยาวนาน ยิ่งอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดเช่นนี้ พอป๋ายเสี่ยวฉุนเหยียบลงไปบนกระจก ก้มหน้าลงมอง เห็นภาพสะท้อนจากกระจกใต้ฝ่าเท้าของตัวเอง ความรู้สึกลึกลับอย่างหนึ่งก็พลันผุดขึ้นมากลางใจ

“ถึงแล้ว…เจ้าเองก็รู้ถึงจุดจบในการหลอกลวงข้า ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องที่เจ้าจะกลายมาเป็นวิญญาณวัตถุในสมบัติอาคมอะไรนี่ และหากเจ้าไม่มีใจคิดร้ายต่อข้าก็ดีไป แต่หากมีก็จงเก็บมันไปให้ข้าซะ!”

“เจ้าน่าจะรู้ว่าควรเลือกอย่างไร!” สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเครียดขรึม รีบส่งกระแสจิตออกไปจากสมอง และเสียงตื่นเต้นของทารกหญิงก็ดังก้องเข้ามาในสมองของเขาทันควัน

“คือที่นี่แหละ รีบเอาโลงที่ข้าอยู่ออกมาเร็วเข้า!” เห็นทารกหญิงกำลังตื่นเต้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่พิรี้พิไร เพียงหยิบเอาโลงศพนั้นออกมาวางไว้บนกระจกน้ำแข็ง

ชั่วขณะที่โลงศพนี้ถูกวางลง มันก็ส่องแสงเจิดจ้าบาดตา คลื่นแห่งการฟื้นตื่นที่แกร่งกร้าวขุมหนึ่งก่อตัวขึ้นมาจากในโลงทันที

ขณะเดียวกันเสียงของทารกหญิงก็ดังเข้ามาในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเร่งร้อน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยข้า เจ้าเองก็วางใจได้ เรื่องที่ข้ารับปากเจ้า ข้าจะไม่มีทางคืนคำเด็ดขาด แล้วก็ยิ่งไม่คิดจะหลอกลวงเจ้า!”

“สถานที่แห่งนี้คือรอยต่อทางเข้าแห่งหนึ่งของสมบัติอาคมสายเหนือ คือรอยโหว่รอยเดียวที่ข้าทิ้งเอาไว้ในปีนั้น แล้วก็มีเพียงที่แห่งนี้เท่านั้นถึงจะพาเข้าไปในโลกสมบัติอาคมได้!”

“ข้าจำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งร้อยชั่วลมหายใจเพื่อเปิดรอยต่อนี้ออก และหากมันเปิดออกได้เมื่อไหร่ พวกเราก็จะถูกดูดเข้าไปด้านในของโลกสมบัติอาคม!”

“เมื่ออยู่ที่นั่นข้าต้องการเวลาช่วงหนึ่งในการผสานรวมกับสมบัติอาคมชิ้นนี้ เพื่อที่สุดท้ายจะกลายมาเป็นวิญญาณวัตถุของมัน…ส่วนเจ้า ก็จะสามารถดูดซับพลังฟ้าดินที่สั่งสมมายาวนานอยู่ในนั้นได้!”

“เชื่อข้าเถอะ เมื่อพวกเราออกมาอีกครั้ง…เจ้าจะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้!” เสียงของทารกหญิงเร่งรัวเหมือนข่มกลั้นความฮึกเหิมเอาไว้ไม่อยู่ พอพูดประโยคนี้จบ โลงศพของนางก็ถูกแสงเจิดจ้านั้นปกคลุมทั่วพื้นที่ ขณะเดียวกันโลงนั้นก็กำลังหลอมละลายไปอย่างรวดเร็ว!

เมื่อโลงหลอมละลาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พอจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่าทารกหญิงที่อยู่ในโลงกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงชั่วพริบตาร่างของนางก็กลายมามีขนาดเหมือนคนทั่วไป สามารถมองเห็นได้รำไรว่าคือโฉมสะคราญคนหนึ่ง

แม้จะถูกปกคลุมไปด้วยแสงเจิดจ้า ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่ก็พอจะเห็นเค้าโครงของเรือนกายอรชร รวมไปถึงส่วนเว้าส่วนโค้งที่ดึงดูดใจนั่นได้!

อีกทั้งบนร่างของนางยังมีปราณแกร่งกร้าวขุมหนึ่งแผ่ซ่านออกมา ไม่ได้พวยพุ่งสู่ฟากฟ้า แต่ผสานรวมเข้ากับกระจกที่อยู่เบื้องล่างทั้งหมด

ทันใดนั้นกระจกนี้ก็เริ่มมีริ้วคลื่นกระเพื่อม ดั่งจะหลอมละลายกลายมาเป็นน้ำของทะเลสาบ และพอหญิงสาวสูดลมหายใจหนึ่งครั้ง ร่างทั้งร่างของนางก็ผลุบหายเข้าไปในกระจก

เมื่อนางผสานรวมเข้าไปแล้ว ริ้วคลื่นบนพื้นผิวของกระจกก็ยิ่งซัดรุนแรง รอบด้านยิ่งมีเสียงครืนครั่นดังกึกก้องไม่หยุด

หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นโลดแรง มองไปที่ผิวกระจกด้วยความตื่นเต้น เมื่อเวลาแต่ละชั่วลมหายใจผ่านพ้น คลื่นเคลื่อนไหวบนกระจกก็ยิ่งดุเดือด พอจะมองเห็นได้ว่าจุดที่หญิงสาวรวมร่างของเข้าไปกำลังจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของน้ำวนลูกหนึ่ง

ตอนแรกเริ่มน้ำวนลูกนี้ยังหมุนเชื่องช้า แต่พอผ่านไปได้ยี่สิบลมหายใจมันก็เพิ่มความเร็ว ยิ่งหมุนยิ่งเร็วขึ้น เร็วขึ้น ราวกับต้องการทลายกระจกบานนี้ให้แตกออก ทำให้รอยต่อของสถานที่แห่งนี้กลายมาเป็นเส้นทางหนึ่งที่เชื่อมโยงถึงกัน แล้วพาเข้าไปยัง…ด้านในของสมบัติอาคม!

จนกระทั่งผ่านไปได้สี่สิบชั่วลมหายใจ เสียงตูมดังกัมปนาทก็ส่งออกมาจากในน้ำวน กลายเป็นเสียงเดียวที่กังวานสะท้อนไปทั่วถ้ำแห่งนี้ แท่งน้ำแข็งและเนินน้ำแข็งเล็กๆ น้อยๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในถ้ำมิอาจแบกรับแรงสะเทือนจึงปริแตกอย่างต่อเนื่อง

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้ให้ความสนใจกับการแตกทลายของแท่งน้ำแข็งพวกนั้น แต่จับตามองน้ำวนอย่างตื่นเต้น ในใจก็คำนวณเวลาไปด้วย

ห้าสิบลมหายใจ หกสิบลมหายใจ เจ็ดสิบลมหายใจ…

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจก็หอบกระชั้น เมื่อชั่วลมหายใจที่เจ็ดสิบมาถึง น้ำวนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็หมุนคว้างอย่างบ้าคลั่ง และป๋ายเสี่ยวฉุนก็เห็นว่าตรงจุดศูนย์กลางของน้ำวนเหมือนจะกลายมาเป็นโพรงเล็กๆ โพรงหนึ่ง!

มองลอดผ่านโพรงเล็กๆ นี้ไป เขาก็เห็นว่าด้านในคล้ายจะมีโลกใบหนึ่งดำรงอยู่…

“ยังเหลืออีกสามสิบชั่วลมหายใจ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนขยับเข้าไปใกล้อย่างอดใจไม่อยู่ ทว่าวินาทีนี้เอง ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้องจากรอบด้าน จู่ๆ กลับมีอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา

นั่นคือเสียงของลมที่พัดอื้ออึง ปานประหนึ่งเสียงกรีดร้องโหยหวนของเหล่าภูตผี เมื่อเสียงนี้ปรากฎ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หน้าเปลี่ยนสีทันใด หันขวับกลับไป เขาถึงเห็นว่าห่างออกไปไกลมีเงาร่างสีดำเงาหนึ่งกำลังพุ่งดิ่งตามรอยแยกของเทือกเขาน้ำแข็งเข้ามาที่นี่!

“เจ้า…เจ้าถูกเทียนจุนจับไปแล้วไม่ใช่หรือ!!” พอเห็นเงาร่างสีดำนั่นอย่างชัดเจน ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเสียงระเบิดดังอึงอล เขาร้องอุทานเสียงหลง ขณะเดียวกันหัวใจก็สั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้นคือเขากังวลว่าบางทีเทียนจุนอาจอยู่ใกล้ๆ นี้ก็เป็นได้

“เทียนจุน? ที่เขาจับไปได้ก็เป็นแค่ร่างแยกวิญญาณของข้าผู้อาวุโสเท่านั้น!”

เงาดำนั่นก็คือใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้!! เวลานี้เสียงหัวเราะของมันฟังดุร้ายยิ่งนัก สายตายามที่มองไปยังน้ำวนใต้ฝ่าเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเผยความละโมบถึงขีดสุด

คำตอบรับของใบหน้าผีทำให้หัวใจที่สั่นรัวของป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความสับสนเล็กน้อย ในเมื่อเทียนจุนไม่อยู่ ความตึงเครียดในใจเขาจึงลดน้อยลงไปบางส่วน แต่กระนั้นความเคร่งเครียดก็ย้อนกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

นั่นเป็นเพราะลำพังเพียงแค่ใบหน้าผีนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เทียบชั้นไม่ติดแล้ว ขณะเดียวกันแววกระหายในดวงตาของอีกฝ่ายก็ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดซึม

“สมควรตายนัก เทียนจุนไปทำอีท่าไหนถึงจับไปได้แค่ร่างแยกวิญญาณของมัน” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนติดขัด รีบถอยกรูดไปด้านหลังโดยไว

“เบื้องล่างพื้นที่ราบน้ำแข็งแห่งนี้มีสมบัติแห่งโลกซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ เทียนจุนสัมผัสไม่ถึง แต่กลับปิดบังข้าผู้อาวุโสไม่ได้ ไม่เสียแรงที่ข้าผู้อาวุโสตัดสินใจได้ว่าขอแค่ติดตามเจ้ามา ก็จะได้ผูกวาสนากับสมบัติอาคมชิ้นนี้ แม้จะต้องสละร่างแยกวิญญาณไปร่างหนึ่ง แต่เมื่อมีสมบัติอาคมชิ้นนี้ โลกใบนี้…ก็จะกลายมาเป็นของข้าทั้งหมด!!”

ใบหน้าผีมีสีหน้าฮึกเหิม ดวงตาฉายประกายแสงแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างทั้งร่างแผ่ตบะอันน่าครั่นคร้าม กล่าวจบก็กระโจนเข้ามาใกล้ทันควัน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version