Skip to content

A Will Eternal 980

บทที่ 980 มีแต่พวกหลอกลวง

ป๋ายเสี่ยวฉุนจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองถูกนำส่งมาทั้งหมดกี่ครั้ง รู้สึกเพียงว่าครั้งสุดท้ายในสมองมีเสียงตูมดังลั่น อวัยวะภายในปั่นป่วนไปหมด การนำส่งถึงได้หยุดลง

เมื่อปรากฏตัวก็มาอยู่ในถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง แม้จะยังอยู่บนพื้นที่ราบน้ำแข็ง แต่อยู่ตรงไหนกันแน่นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่รู้เหมือนกัน

ถึงขั้นที่ว่าหากไม่เป็นเพราะเรือนกายของเขาแข็งแกร่ง ทั้งยังได้พลังการฟื้นตัวจากเลือดคงกระพัน หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น เวลานี้ย่อมต้องอ่อนระโหยโรยแรงแน่นอน แต่เขาที่แม้จะรู้สึกว่าอวัยวะภายในกระเพื่อมปั่นป่วน เวียนหัวตาลายเล็กน้อย แต่แค่ไม่กี่อึดใจก็กลับคืนมาเป็นปกติ

ทว่าอารมณ์ของเขากลับทั้งโมโหทั้งเจ็บใจ แล้วก็มีความหวังผุดขึ้นมาอีกเล็กน้อย

“ท่านย่าหันเหมิน ข้านึกว่าท่านจะทิ้งข้าแล้วเสียอีก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบตะโกนเสียงดัง กังวลว่าบุรพาจารย์หันเหมินจะได้ยินคำพูดที่ตนพูดกับใบหน้าผีก่อนหน้านี้ จึงรีบอธิบายเพื่อคลี่คลายความสัมพันธ์

“การปรากฏตัวของผีเฒ่าตัวนั้นทำให้การผสานรวมของข้าเกิดอุบัติเหตุ…เกรงว่าคงมิอาจผสานรวมได้สำเร็จในเวลาสั้นๆ อาจต้องใช้เวลาประมาณสามปีห้าปีถึงจะได้…” เสียงของบุรพาจารย์หันเหมินที่แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าดังก้องขึ้นมาในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน

“สามปีห้าปี? หมายความว่ายังไง?” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งงันไปทันใด ใจเริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“ความหมายก็คือก่อนหน้าที่ข้ายังไม่อาจผสานรวมได้สำเร็จ ก็ไม่สามารถเปิดประตูไปจากที่นี่ได้ ดังนั้นเจ้าจึงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามถึงห้าปี!”

บุรพาจารย์หันเหมินอธิบายเสียงเรียบ ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินประโยคนี้ ขนทั่วร่างก็พลันลุกชัน ร้อนใจขึ้นมาครามครัน

“นี่ไม่เท่ากับขุดหลุมฝังข้าหรือไง!! ที่ประหลาดแห่งนี้ไม่มีพลังฟ้าดินให้ดูดซับ ซ้ำร้ายยังมีผีเฒ่าน่ากลัวนั่นอีก แล้วท่านจะให้ข้าอยู่ที่นี่สามปีห้าปี? ข้าจะออกไป จะออกไปเดี๋ยวนี้ด้วย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามดังลั่นโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

“ใครบอกว่าไม่มีพลังฟ้าดิน ตะวันออกมีทะเลฝน ตะวันตกมีทะเลเพลิง ใต้มีเมฆสายฟ้า เหนือมีหุบเขาวายุ ที่สี่พื้นที่นี้มหัศจรรย์เพียงนี้ก็เพราะการรวมตัวกันของพลังฟ้าดิน เจ้าสามารถเข้าไปดูดซับได้เลย สำหรับเจ้าแล้ว นั่นไม่ถือว่าเป็นเรื่องยากอะไร ทั้งยังเป็นของบำรุงชั้นเยี่ยมอีกด้วย!” บุรพาจารย์หันเหมินยังคงเอ่ยเสียงเรียบดุจเดิม

“ส่วนเจ้าผีเฒ่าตัวนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ข้าก็ยังไม่สามารถรับมือกับมันได้ จึงได้แต่ปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ว่ายิ่งข้าผสานรวมกับสมบัติอาคมนานเท่าไหร่ ก็จะสร้างการกำราบให้กับมันเพิ่มขึ้นเท่านั้น เมื่ออยู่ที่นี่ ตบะของมันจะถูกลดทอนให้อ่อนกำลังลง!”

“และเจ้าก็สามารถอาศัยโชควาสนาของที่นี่ทำให้ตบะก้าวทะยานพรวดพราด เมื่อเจ้าแข็งแกร่งแต่ศัตรูอ่อนแอ ขอแค่ทนผ่านสามปีนี้ไปได้ ความต่างด้านตบะระหว่างพวกเจ้าก็จะพลิกกลับเป็นตรงกันข้าม!”

“หลังจากที่ข้าผสานรวมกับสมบัติอาคมจนกลายมาเป็นวิญญาณในสมบัติ และกระตุ้นให้สมบัติอาคมชิ้นนี้มีชีวิตได้แล้ว ข้าจะจมสู่ภาวะหลับลึกช่วงเวลาหนึ่ง เจ้าจงวางใจ ก่อนหน้าที่ข้าจะหลับลึก หากเจ้าคิดจะจากไป ข้าสามารถส่งเจ้าออกไปได้ และเมื่อข้ากระตุ้นให้สมบัติอาคมชิ้นนี้มีชีวิตจนผงาดขึ้นมาในแม่น้ำสายเหนือได้เมื่อไหร่ ข้อตกลงระหว่างเจ้ากับข้า ก็จะยังไม่เปลี่ยนไป!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนรับฟังคำพูดของบุรพาจารย์หันเหมิน ด้วยความร้อนใจ ความคิดเลยสับสนฟุ้งซ่านไปด้วย เขาจึงรีบโบกมือเป็นพัลวัน

“เดี๋ยวก่อน ขอข้าจัดระเบียบความคิดหน่อย…”

“ความหมายของท่านก็คือ ท่านต้องการเวลาสามถึงห้าปีเพื่อหลอมรวมเป็นวิญญาณวัตถุ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านถึงจะสามารถเปิดประตูของสมบัติอาคมให้ข้าออกไปก่อนได้ และภายหลังท่านจำเป็นต้องหลับลึกระยะเวลาหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้สมบัติอาคมมีชีวิต?”

“ถูกต้อง” เมื่อบุรพาจารย์หันเหมินให้คำตอบที่แน่ชัดกับป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันรู้สึกเหมือนใกล้จะบ้า

“ทำไมท่านไม่บอกตั้งแต่ตอนที่มา มาบอกอะไรเอาป่านนี้!”

“ข้าจะไปคาดคิดได้อย่างไรว่าจะมีผีเฒ่าตัวหนึ่งติดตามเจ้าเข้ามาที่นี่ด้วย! สรุปก็คือเรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว ภายในสามปีห้าปีนี้ หากข้ายังไม่ได้เป็นวิญญาณของสมบัติอาคม ใครก็ไม่อาจจากไปได้ เจ้าดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน” บุรพาจารย์หันเหมินแค่นเสียงเย็น และจิตสำนึกของนางก็เหมือนจะหายออกไปจากสมองของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไร้ร่องรอย

“ช้าก่อน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนร้อนรน ทว่าคราวนี้ไม่ว่าเขาจะเรียกขานอย่างไร บุรพาจารย์หันเหมินก็ไม่ได้ตอบกลับมาอีก พอถึงท้ายที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทึ้งผมตัวเองอย่างแรง อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านยิ่งดุเดือด

“หลอกลวง มีแต่พวกหลอกลวง…ต้องโทษที่ข้าไร้เดียงสาเกินไป” พอคิดว่าตนต้องอยู่ที่นี่ถึงสามปีห้าปี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มสิ้นหวัง หากไม่มีผีเฒ่านั่นยังดีหน่อย สามถึงห้าปีก็ไม่ใช่เวลาที่ยาวนานอะไรนัก

แต่ตอนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นกังวลมากๆ อย่าว่าแต่สามปีห้าปีเลย หากตนรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้สามถึงห้าเดือนก็ถือว่านานแล้ว

กลัดกลุ้มอยู่พักใหญ่ ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงตระหนักได้ว่าตนอับจนหนทางแล้วจริงๆ ตอนนี้จึงได้แต่ข่มกลั้นความกระวนกระวาย ค่อยๆ เดินออกไปจากถ้ำอย่างระมัดระวัง หมายจะดูให้รู้ว่าตนอยู่ที่ไหนกันแน่

เพิ่งจะเดินออกมาเขาก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังแว่วมาแต่ไกล และสิ่งที่เห็นอยู่ในสายตาก็คือจุดที่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ไกลนักมีเมฆที่มีสายฟ้าแลบปลาบและผืนแผ่นดินที่แห้งขอด ซึ่งเชื่อมโยงเป็นหนึ่งกับ…สายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาจากท้องฟ้าราวกับไม่มีวันหมดสิ้น

“สายฟ้า…” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่รัวเล็กน้อย ดวงตาที่เปล่งประกายฉายแสงแห่งความลังเล เขานึกไปถึงตอนที่ตนอยู่ในสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้าแล้วพอดูดสายฟ้ามา ตบะก็เพิ่มขึ้นสูง แต่ขณะเดียวกันก็หวนนึกได้ว่าพอตนดูดซับสายฟ้าไปได้ถึงระดับที่แน่นอนก็ไม่สามารถกลืนกินมันได้อีก เป็นเหตุให้สายฟ้านับไม่ถ้วนเหล่านั้นเกือบจะผ่าให้ตัวเองตาย

นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไม่ตก กำลังใคร่ครวญว่าควรจะทดลองดูสักหน่อยหรือไม่ ทว่าทันใดนั้น บนชั้นน้ำแข็งที่ห่างจากเขาไปหลายสิบจั้งก็พลันมีควันดำกลุ่มหนึ่งผุดออกมา

ควันดำนี้เพิ่งจะปรากฏก็ก่อตัวขึ้นเป็นใบหน้าผีขนาดเท่ากำปั้นแล้วหันขวับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง กรีดร้องเสียงแหลมแล้วรีบพุ่งตัวเผ่นหนีไปยังทิศไกล

“ในที่สุดก็หาเจ้าเจอแล้ว!” ด้านหลังของเขาคือใบหน้าผีที่แสยะยิ้ม เสียงของมันที่ดังขึ้นก้องสะท้อนไปทั่วพื้นที่ราบน้ำแข็ง เมื่อมองไปจะเห็นได้ว่าบนพื้นที่ราบน้ำแข็งมีควันดำนับหมื่นเส้นผุดขึ้นมาจากทั่วทุกพื้นที่ ครั้นจึงกลายเป็นใบหน้าผีนับหมื่นที่เปล่งประโยคนี้ออกมาพร้อมกัน

ขณะเดียวกันใบหน้าผีนับหมื่นก็ทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ครั้นจึงตรงดิ่งไปหาใบหน้าผีที่เป็นคนค้นพบป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วรวมตัวกันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นใบหน้าผีควันดำขนาดใหญ่ยักษ์เทียมฟ้า

“ไอ้ลูกหมา เป็นเพราะเจ้าที่ทำเรื่องดีๆ ของข้าพัง ไม่ถลกหนังเจ้า มีหรือที่ข้าจะถอดใจ!!” ใบหน้าผีคำรามเดือดดาล ทะยานดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ตอนนี้ในใจของมันก็คับแค้นอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไป มันก็พยายามจะช่วงชิงอำนาจในการควบคุมสมบัติอาคมชิ้นนี้ แต่พบว่ามิอาจควบคุมสมบัติอาคมนี่ได้ เพราะวิญญาณเทพที่เร็วกว่าตนไปหนึ่งก้าวกำลังอยู่ในสภาวะผสานรวมกับสมบัติอาคมแล้ว

ขนาดตบะของมันก็ยังไม่สามารถขัดจังหวะการผสานรวมนั้น เว้นเสียแต่ว่าทำลายสมบัติอาคมนี่ทิ้ง ทว่าต่อให้พลังของมันอยู่ในขั้นสูงสุด คิดจะทำลายโลกสมบัติอาคมใบนี้ทิ้งก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย

ภายใต้ไฟโทสะที่พลุ่งพล่าน ตอนนี้ความคิดของมันคือต้องดับชีพป๋ายเสี่ยวฉุนเพื่อระบายความคลั่งแค้นก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีขึ้นมาใหม่ และถึงแม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่เมื่อมันตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้วก็ได้ร่ายใช้เวทลับ แบ่งร่างของตัวเองให้กลายเป็นกลุ่มควันนับหมื่นที่กระจายไปทั่วพื้นที่ราบน้ำแข็ง เมื่อเป็นเช่นนี้…การตามหาป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

“ครั้งแรกมีเทียนจุนโผล่มากะทันหัน!”

“ครั้งที่สองข้าไม่มีเวลามาสนใจเจ้า!”

“ครั้งที่สามว่าที่วิญญาณวัตถุสมควรตายนั่นช่วยนำส่งพาเจ้าหนี…โชคของเจ้าไม่เลวเลยนี่ไอ้หนู ข้างหน้าของเจ้าคือเมฆสายฟ้าที่บ้าคลั่งซึ่งแม้แต่ข้าผู้อาวุโสก็ยังกริ่งเกรง ข้าไม่เชื่อหรอกว่าครั้งที่สี่นี้เจ้าจะยังหนีเข้าไปในเมฆสายฟ้านั่นได้!” พอคิดอย่างนี้ใบหน้าผีก็รู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนช่างตายยากยิ่งนัก แต่สุดท้ายก็ยังแค่นเสียงเย็น พอเห็นว่าทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีไปคือเมฆสายฟ้าผืนนั้น มันก็ไล่กวดตามไปอย่างไม่มีลังเล

ความเร็วมีมากจนแค่ครู่เดียวก็ตามไปทัน ครั้นจึงอ้าปากพ่นควันผืนใหญ่ที่กลายมาเป็นกรงเล็บสีดำซึ่งเอื้อมคว้าไปที่ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง!

หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง วิกฤตรุนแรงโจมตีจิตใจ เขาพ่นแสงสีดำเส้นหนึ่งออกมาจากปากอย่างไม่ลังเล หม้อลายกระดองเต่าพลันปรากฏกาย จากนั้นเขาก็ควบคุมให้มันไปช่วยต้านทานพลังของกรงเล็บผีที่ด้านหลัง

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด ร่างถูกแรงมหาศาลนี้กระแทกให้ถลาไปข้างหน้าอย่างสูญเสียการควบคุม เรือนกายก็คล้ายจะแหลกสลาย ตบะไม่มั่นคง ทว่าพลังการฟื้นคืนของเลือดคงกระพันนั้นน่าตะลึงยิ่ง เวลานี้จึงฟื้นฟูบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว

อาศัยแรงภายนอกนี้ ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงระเบิดขึ้นอีกครั้ง ผนึกมิวางวายถูกร่ายใช้ หิ้วหม้อกระดองเต่าเผ่นโผนไปอย่างว่องไว

“สมบัติวิเศษ?” ใบหน้าผีเองก็ผงะตกใจไปกับพลังของหม้อกระดองเต่านั่นเช่นกัน มันอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาก็พลันส่องประกายเจิดจ้า ความสนใจก็ยิ่งทบทวีท่ามกลางความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนร้อนใจสุดขีด ดวงตาแดงก่ำอยู่นานแล้ว แม้ว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้จะมีหม้อกระดองเต่าช่วยต้านทานให้ แต่อาการบาดเจ็บของเขาก็ยังสาหัสมากอยู่ดี เพราะอย่างไรซะพลังการต่อสู้ของคนทั้งสองก็แตกต่างกันไม่ใช่น้อยๆ

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไล่ตามมาอีกครั้ง ทางเลือกที่วางอยู่เบื้องหน้าเขาจึงมีเพียงทางเดียว นั่นก็คือ…พื้นที่เมฆสายฟ้าที่อยู่ด้านหน้า!

เพียงแต่ว่าสายฟ้าแต่ละเส้นที่ผ่าเปรี้ยงลงมายังพื้นดินมองดูแล้วน่าผวายิ่งนัก แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตาแดงก่ำจะรู้ดีว่าความรู้สึกหลังจากดูดสายฟ้าในคุกสายฟ้ามาแล้วน่ากลัวเพียงใด แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก

“สู้ตาย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว วินาทีที่ใบหน้าผีไล่กวดตามมา เสียงตูมก็ดังขึ้นหนึ่งครั้ง ร่างของเขาก้าวพรวดเข้าไปใน…พื้นที่เมฆสายฟ้า! แทบจะขณะเดียวกันกับที่เขาเข้าไป สายฟ้าเส้นหนึ่งก็ถูกชักนำให้พุ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนทันควัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version