บทที่ 981 ข้ายังเหลือลมหายใจอีกเฮือกหนึ่ง
เสียงตูมดังลั่นพร้อมกับสายฟ้าที่ผ่าลงมาบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาสัมผัสได้ว่าพลังของสายฟ้าไต่ลามจากศีรษะลงมาแล้วระเบิดออกในร่างเสียงดังครืนครั่น
อีกทั้งนอกร่างของเขาก็ยังมีสายฟ้าโค้งงอจำนวนมากแผ่กระจายไปทั่ว
ภาพนี้ทำให้ตัวของเขาสั่นเทิ้ม กำลังจะกรีดร้อง แต่ไม่นานเขาก็กะพริบตาปริบๆ ดวงตามีความปิติยินดีวาบผ่าน
“ไม่เป็นอะไร? สามารถดูดซับได้!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มตื่นเต้น เขาสัมผัสได้ว่าหลังจากที่สายฟ้าผ่าลงมาในร่างของตน ไม่เพียงแต่ไม่สามารถสร้างบาดแผลใดๆ ให้กับร่างกายเขา ยังผลักดันให้ตบะของเขาขยับขึ้นหน้าไปอีก อีกทั้ง…ในสายฟ้านี้ยังมีพลังชีวิตที่สายฟ้าในคุกสายฟ้าไม่มี ถึงขั้นทำให้เลือดคงกระพันของตนเปลี่ยนมาเป็นลิงโลดไม่น้อย
นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนทั้งตะลึงทั้งดีใจ เขาตระหนักได้ทันทีว่าแม้ตนจะดูดซับสายฟ้าในคุกสายฟ้ามาจนถึงขีดสูงสุดจนสายฟ้าพวกนั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับตนอีกแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าสายฟ้าที่อยู่ในโลกสมบัติอาคมนี้มีระดับสูงกว่าของสำนักเมฆาอัสนีเก้าฟ้า เหมือนเป็นยาในระดับที่สูงกว่า แน่นอนว่าตนสามารถดูดซับมาอีกครั้งแล้วเอามันมาฝึกตนได้
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังปลื้มปริ่ม พอหันไปเห็นว่าใบหน้าผีก็ตามตนเข้ามาในเมฆสายฟ้า เขาก็รีบตะเบ็งเสียงร้องโหยหวนอย่างไม่มีลังเล เสียงนั้นฟังดูแล้วเจ็บปวดอย่างยิ่ง ราวกับคนที่ถูกทรมานอย่างแสนสาหัส พอดังเข้าหูใบหน้าผีก็ถึงกับทำให้มันหยุดชะงักอย่างอดไม่ได้
“สายฟ้านี่ร้ายกาจขนาดนั้นเชียวหรือ? แต่ว่าหากปล่อยให้เขาถูกฟ้าผ่าตายก็ออกจะสบายเขาไปสักหน่อย”
ยามที่ใบหน้าผีมองไปยังสายฟ้ารอบกาย ความกริ่งเกรงก็เพิ่มขึ้นมาอีกนิด แล้วก็พบว่าต่อให้เป็นตนก็ยังไม่สามารถแผ่อำนาจจิตออกไปในขอบเขตของเมฆสายฟ้านี้ได้ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ขยับเข้าไปลึก เพียงแค่ป้วนเปี้ยนอยู่ริมขอบข้างนอก สายตาก็คอยจับจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนตลอดเวลา กำลังรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกฟ้าผ่าตาย เพื่อที่ตนจะได้พุ่งเข้าไปเก็บศพของอีกฝ่าย
เพราะหม้อกระดองเต่าที่เห็นก่อนหน้านี้ทำให้มันหวั่นไหวอยากได้มาครอบครอง
ระหว่างที่มันกำลังรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนถูกฟ้าผ่าตาย ทางฝ่ายป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบทะยานไปข้างหน้า แล้วก็มีสายฟ้าอีกหลายเส้นถูกชักนำให้ผ่าลงบนร่างของเขาติดต่อกัน พลังฟ้าดินของสายฟ้าทุกเส้นล้วนทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนผ่อนคลายสบายตัวอย่างถึงที่สุด ทว่าเสียงร้องที่ดังออกจากปากของเขากลับยิ่งฟังโหยหวนมากขึ้นทุกที
แต่พอร้องไปร้องมาแล้วพบว่าใบหน้าผีดันไม่ได้ตามเข้ามาด้วย เขาก็อดไม่พอใจในทักษะการแสดงของตนไม่ได้ แต่ที่มากกว่านั้นกลับรู้สึกดูหมิ่นในความขี้ขลาดของใบหน้าผี
“ไอ้หมอนี่ระมัดระวังขนาดนี้เชียว ไม่ได้ ต้องเพิ่มความแรงจูงใจให้มันสักหน่อย!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ชะลอความเร็วลง เขาร้องโหยหวนยามที่สายฟ้าผ่าลงมาพลางแสร้งทำเป็นขยับไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ทำท่าทางประมาณว่าจะทนได้อีกไม่นานแล้ว
ดวงตาของใบหน้าผีเป็นประกายวาบ มันจับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างใกล้ชิด แต่กลับยังไม่ขยับเข้ามาลึก เพียงแค่สังเกตการณ์อยู่ไกลๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าเป็นเช่นนี้ก็กัดฟันกรอด ตอนที่สายฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง เขาก็แสร้งร้องด้วยเสียงที่แผ่วลงเรื่อยๆ ส่วนร่างของเขาก็เดินช้าลงกว่าเดิมเยอะมากราวกับว่าใกล้จะหมดกำลังลงไปทุกที
“เขาใกล้จะตายแล้ว!” ใบหน้าผียกยิ้มเหยียดหยัน แต่ไม่นานมันก็ขมวดคิ้ว เพราะในสายตาของมัน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่โดนฟ้าผ่าอย่างต่อเนื่องและเหมือนจะตายได้ทุกขณะกลับค่อยๆ เดินกะเผลกๆ ดิ้นรนไปทีละก้าว ยิ่งเดินยิ่งห่างไปไกล…
มาถึงท้ายที่สุด ใบหน้าผีก็ขมวดคิ้วเป็นปม นัยน์ตาฉายแววคลางแคลงใจ ทว่าขณะที่มันกำลังสองจิตสองใจอยู่นั้นเอง จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดินห่างไปไกลแล้ว พอถูกสายฟ้าสามเส้นผ่าลงมาพร้อมกัน ร่างทั้งร่างของเขาก็สั่นเทิ้มแล้วร่วงตุ้บลงไปกองอยู่กับพื้น ก่อนจะชักแหง็กๆ ไม่หยุด
เมื่อเห็นว่าเป็นอย่างนี้ ใบหน้าผีก็หมดความลังเล มันแผ่ควันดำออกมาแล้วสะบัดกายพุ่งวูบเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าวินาทีที่มันพุ่งเข้ามานั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับดิ้นรนจนหยัดยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง ครั้นจึงหันหน้ากลับมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย ร่างทั้งร่างเหมือนอ่อนล้าสุดขีด แต่กระนั้นก็ยังกัดฟันคำรามเสียงแหบแห้ง
“เข้ามาสิ ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด!!” หลังจากร้องคำรามจบ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างยากลำบากอีกครั้ง
“หนังหนาซะจริง!” สายตานั้นของป๋ายเสี่ยวฉุนกำจัดความลังเลของใบหน้าผีได้อย่างสิ้นเชิง มันจึงแค่นเสียงเย็นพร้อมกับร่ายใช้ความเร็วสูงสุดตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ทว่าพอมันเพิ่มความเร็ว สายฟ้าในเมฆสายฟ้าที่ถูกแบ่งมาหลายส่วนก็พลันพุ่งดิ่งเข้าหาใบหน้าผี ซึ่งต่อให้มันจะสามารถหลบเลี่ยงไปได้ไม่น้อย แต่ก็ยังมีหลายเส้นที่ผ่าลงมาบนร่างของมัน
ใบหน้าผีตัวสั่นเทา เมื่ออยู่ภายใต้สายฟ้าเหล่านี้ มันที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ก็ยังจิตวิญญาณสั่นคลอน อีกทั้งมันยังค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่าพอสายฟ้าผ่าลงมาบนร่าง กลับลดทอนพลังชีวิตของมันไปด้วยส่วนหนึ่ง
“เหตุใดสายฟ้านี่ถึงได้ประหลาดขนาดนี้!” แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการวิเคราะห์มาก่อน แต่พอได้มาสัมผัสเองกับตัว ใบหน้าผีก็ยังอดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ ยิ่งพลังชีวิตสลายหายไปก็ยิ่งทำให้มันตื่นตระหนก นั่นเป็นเพราะตอนนี้มันก็เหมือนต้นไม้ที่ไม่มีราก ต่อให้พลังชีวิตจะมีมาก แต่ก็มิอาจหามาชดเชยได้ หากถูกเผาผลาญไปมากเกินก็ย่อมส่งผลกระทบที่ใหญ่หลวง
“หรือว่าควรจะกลับไปก่อน รอให้คนผู้นี้ตายไปแล้วค่อยเข้ามาเก็บศพของเขา!” คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าผีก็เตรียมจะถอยหนี
ทว่าวินาทีที่มันกำลังจะถอยไปนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันแผดเสียงร้องโหยหวนที่ร้าวรานยิ่งกว่าเดิม คล้ายความสดใสสุดท้ายของคนใกล้ตาย คล้ายแรงฮึดเฮือกสุดท้ายของคนที่พลังชีวิตจะแห้งขอด เขาถึงกับไม่เดินกะเผลกอีกต่อไป แต่ระเบิดความเร็วทะยานไปข้างหน้าอีกหลายพันจั้ง
พอเขากระโจนออกไปแบบนี้จึงดึงดูดให้สายฟ้ามากกว่าเดิมผ่าเปรี้ยงปร้างลงมาบนร่างเขา ร่างของเขาสั่นเทิ้มชักกระตุกรุนแรง ก่อนจะร้องครวญครางอีกครั้งราวกับเป็นเสียงสุดท้ายของชีวิต เสียงตุ้บดังหนึ่งที หัวเขาก็ทิ่มลงไปอยู่บนพื้น ลมหายใจรวยริน นอนนิ่งไม่ขยับอีก
ภาพนี้ทำให้ใบหน้าผีชะงักงัน น่าเสียดายที่ตอนนี้มิอาจแผ่อำนาจจิตออกไปได้ แต่หลังจากที่มันใช้ตาเปล่าวิเคราะห์ สายตาก็เผยความเด็ดเดี่ยว พลันเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าไปยังจุดที่ป๋ายเสี่ยวฉุนนอนนิ่งอยู่
ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ สายฟ้ารอบด้านก็ยิ่งพุ่งมาหามันพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว หลังจากที่โดนไปจังๆ อยู่หลายที แต่ก็หลบพ้นมาได้เกินครึ่ง ระยะห่างระหว่างใบหน้าผีกับป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหลือไม่ถึงพันจั้ง กำลังจะขยับเข้าไปใกล้ทุกขณะแล้ว
ทว่าทันใดนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่นอนอยู่บนพื้นกลับร้องคำรามเสียงอู้อี้
“ข้าไม่ยอมแพ้ ข้ายังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย!!”
เสียงคำรามนี้เหมือนกับเป็นเสียงตะโกนสุดท้ายในชีวิตเขา ภายใต้สายตาเหลือเชื่อของใบหน้าผี ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็โงนเงนลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ก่อนจะพยายามเคลื่อนไปข้างหน้าราวกับผีดิบ
“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ตายสักที!” ใบหน้าผีเดือดดาลทันใด ก่อนหน้านี้แม้มันจะร่ายใช้ความเร็ว แต่ก็พยายามระงับเอาไว้ไม่ให้เร็วเกินไป เพราะเมื่ออยู่ในพื้นที่เมฆสายฟ้าแห่งนี้ ยิ่งใช้ความเร็วมากเท่าไหร่ สายฟ้าที่พุ่งมาหาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!
แต่ตอนนี้มันหงุดหงิดจริงๆ แล้ว จึงโผนกระโจนไปข้างหน้าพร้อมระเบิดความเร็วหมายข้ามระยะพันจั้งนี้ไปสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนให้ได้ ทว่าวินาทีที่ความเร็วของมันระเบิดออกนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหัวเราะด้วยเสียงแหบพร่า เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความสิ้นหวัง ทั้งยังมากด้วยความบ้าคลั่งคล้ายคนพร้อมทุ่มสุดชีวิต
“เจ้าผีเฒ่า ข้ารู้ว่าเจ้าสนใจหม้อเก้าทวีปมรรคาฟ้าดินใบนั้นของข้า แต่ต่อให้ข้าตายไป ข้าก็ต้องให้เจ้าจ่ายค่าตอบแทนเช่นกัน!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ครั้นจึงตบหน้าอกของตัวเองอย่างแรง เลือดคำใหญ่กระอักออกมาจากปาก คล้ายคนที่ร่ายใช้เวทลับบางอย่างเผาไหม้พลังชีวิตเสี้ยวสุดท้ายเพื่อแลกมาด้วยความเร็วอันน่าตะลึง เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ร่างของเขาก็ทะยานไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นจุดที่มีสายฟ้าจำนวนมากรวมตัวกัน
ความเร็วนั้นมีมากจนคล้ายรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่แหวกอากาศไปไกลหลายพันจั้ง พุ่งสวบเข้าไปยังจุดที่มีสายฟ้ารวมตัวกันหนาแน่น ร่างทั้งร่างก็ยิ่งถูกสายฟ้าโจมตีลงมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเสียงปังดังหนึ่งครั้ง ร่างของเขาก็ร่วงไปกองอยู่กับพื้น ที่ร่วงลงไปพร้อมกัน ยังมีหม้อกระดองเต่าที่เขาหิ้วอยู่ในมือด้วย
ใบหน้าผีมองตาค้าง ในใจเริ่มคิดไม่ตก มันเริ่มสงสัยแล้ว นั่นเป็นเพราะภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ดูประจวบเหมาะเกินไป ทว่าตอนนี้ทางเลือกที่วางอยู่เบื้องหน้ามันก็ยังมีแค่เชื่อหรือไม่เชื่อเท่านั้น
“หากเขาจงใจล่อให้ข้าเข้าไป ก็แสดงว่าก่อนตาย เขาต้องคิดจะโจมตีด้วยท่าไม้ตาย หรือไม่ก็ให้ข้าจ่ายค่าตอบแทนที่เจ็บปวด”
“หึ จริงหรือเท็จ วิเคราะห์ได้ง่ายมาก ทำไมข้าจะต้องรีบเข้าไปตั้งแต่ตอนนี้ด้วย!” ดวงตาของใบหน้าผีเปล่งแสงวาบ แล้วก็ไม่ไล่ตามไปจริงๆ แต่รีบถอยกรูดออกห่าง ไม่นานนัก หลังจากนั้นแบกรับสายฟ้าที่ฟาดลงมาพร้อมกับพลังชีวิตที่หายไปบางส่วน ในที่สุดมันก็ถอยออกมาจากอาณาเขตของเมฆสายฟ้าแล้วยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จ้องเขม็งไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ห่างไปไกลหลายหมื่นจั้งซึ่งเป็นจุดที่มีสายฟ้ารวมตัวกันอยู่มากที่สุด
“หากเจ้าตายจริงๆ ด้วยความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ ศพไม่เน่าเปื่อยก็ยังพอเข้าใจได้ แต่หากเจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะแบกรับพลังสายฟ้าอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ ไปได้ตลอด!” ใบหน้าผีหัวเราะหยัน จากนั้นมันก็รออยู่ข้างนอก การรอครั้งนี้ยาวนานหนึ่งเดือน…
หนึ่งเดือนมานี้มันจับตามองป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งพบว่าป๋ายเสี่ยวฉุนนอนนิ่งไม่ขยับตลอดหนึ่งเดือน ในที่สุดมันก็วางใจได้เสียที
“หม้อวิเศษใบนั้นเป็นของข้าแล้ว!” ดวงตาของใบหน้าผีเผยความละโมบ ครั้นจึงพุ่งพรวดเข้าไปในพื้นที่เมฆสายฟ้าเป็นครั้งที่สอง คราวนี้มันไม่คิดหยุดชะงัก ร่ายใช้ความเร็วสูงสุด ปล่อยให้สายฟ้าฟาดผ่าลงมาบนร่างท่ามกลางเสียงเปรี้ยงปร้างที่ดังไม่ขาดสาย มุ่งหน้าทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนลูกเดียว
อันที่จริงมันก็กริ่งเกรงจุดที่มีสายฟ้ารวมตัวอยู่มากนั่นเหมือนกัน ยามนี้พอเข้าไปใกล้จึงเพิ่มขึ้นเร็วขึ้นอีกครั้ง หมายจะใช้ความเร็วสูงสุดเบี่ยงหลบสายฟ้า
แต่ทว่าเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยกลับทำให้ในสมองของใบหน้าผีเกิดเสียงตูมดังอื้ออึง ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนออกมาจากเบ้า
“ข้าจะตายไม่ได้…ข้ายังเหลือลมหายใจอีกเฮือกหนึ่ง…”