บทที่ 991 กายเนื้อครึ่งเทพ
ขณะที่ใบหน้าผีสาปแช่งด้วยความคลุ้มคลั่งปนคับแค้นอยู่นั้น พลังชีวิตในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งทำสมาธิก็กำลังระเบิดครืนครั่น หลังจากถูกหยดเลือดทั้งร่างดูดดึงเอาไปอย่างต่อเนื่อง เลือดคงกระพันของเขาก็กำลังแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานจากแปดส่วนก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้เก้าส่วน…และเมื่อหนึ่งวันผ่านไป เช้าตรู่วันที่สองมาถึง ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเบิกโพลง
สายตาของเขามีแสงสีเลือดวาบผ่าน เรือนกายของเขาก็ยิ่งส่งเสียงปังๆๆ ดังลั่น พลังอำนาจที่แข็งแกร่งเกินกว่าก่อนหน้านี้พากันแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา
อีกทั้งความว่างเปล่ารอบด้านยังเกิดการบิดเบือนคล้ายมิอาจแบกรับได้ไหว โลกทั้งใบสั่นสะเทือน พลังเลือดลมที่อุดมสมบูรณ์ถึงขีดสุดคล้ายเปลวเพลิงในคืนมืดมิดที่ทำให้ฟ้าดินโยกคลอน
“เก้าส่วน!!” สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้น หลังจากลุกขึ้นยืนช้าๆ ดวงตาของเขาก็ฉายความปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง เขารับสัมผัสกับเลือดคงกระพันของตัวเองอยู่ครู่หนึ่งจึงเห็นว่าแม้หยดเลือดในร่างของเขาตอนนี้จะยังเป็นสีแดง แต่กระดูกทุกสัดส่วนกลับกลายมาเป็นสีทองหมดแล้ว
เมื่อคำอธิบายในบทมิวางวายที่บอกว่าฟ้าดินดับสลายแต่เรือนกายไม่มอดดับลอยขึ้นมาในใจก็ทำให้ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่กระชั้น ขณะเดียวกันเขาก็ยิ่งสัมผัสได้ว่าตัวเองในเวลานี้ไม่เพียงแต่มีเรือนกายที่แข็งแกร่งในระดับที่น่าหวาดกลัว พลังการฟื้นตัวของเขาก็สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นกัน
“เว้นเสียแต่มีคนที่สามารถสังหารข้าได้ในเสี้ยววินาที หาไม่แล้ว…อาการบาดเจ็บทุกอย่างของข้าก็ล้วนสามารถฟื้นคืนกลับมาได้ในเวลาที่สั้นที่สุด!!”
“สวรรค์ นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว…” หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นรัวเร็ว ยิ่งรอคอยให้เลือดคงกระพันเพิ่มขึ้นถึงสิบส่วน
“ขนาดเก้าส่วนยังเป็นขนาดนี้ หากเป็นเลือดคงกระพันขั้นสมบูรณ์แบบ…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็อดตื่นเต้นไม่ไหว ครั้นจึงสะบัดกายบินไปยังจุดที่ใบหน้าผีอยู่อย่างไม่มัวรีรอ
เดิมทีใบหน้าผีคิดว่าฝันร้ายของตัวเองสิ้นสุดแล้ว ตอนนี้มันจึงกำลังเอ่ยสาปแช่ง เปล่งคำสาบานไม่หยุด แต่ไม่นานใบหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเยื้องกรายลงมาจากท้องฟ้า เห็นร่มราตรีนิรันดร์ที่อยู่ในมืออีกฝ่าย เห็นสายตาบ้าคลั่งของเขา หัวใจมันก็สั่นรัว ร้องอุทานอย่างเศร้าสลดอีกครั้ง
“ไม่นะ…”
เสียงตูมดังลั่น เมื่อร่มราตรีนิรันดร์แทงเข้ามา เสียงร้องอุทานด้วยความเศร้าใจของมันก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงร้องโหยหวน จะไม่ให้มันไม่ร้องโหยหวนได้อย่างไร พลังชีวิตที่ถูกดูดไปมากจนน่าตกใจเกินไป ซ้ำมันยังต่อต้านไม่ได้ ได้แต่ทนมองพลังชีวิตของตัวเองถูกดูดดึง แม้แต่วิญญาณเทพก็ยังหม่นมัวลงไปอีกหลายเท่าคาตาตัวเอง
วันแรกมันยังพอจะทนได้ไหว แต่ตอนนี้เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนมาเยือนอีกครั้ง มันก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แถมดันขัดขืนไม่ได้ จึงได้แต่ร้องโหยหวน
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าเกลียดเจ้า…”
“ข้าผิดไปแล้ว นายท่านป๋าย ข้าผิดไปแล้วจริงๆ …”
“อย่านะ เจ็บจังเลย…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ แล้วจึงยกมือตบหัวใบหน้าผีดังป้าบ
“อย่าโวยวาย! เงียบๆ หน่อย เอะอะอะไรนักหนา เมื่อวานก็ยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ แค่พลังชีวิตเล็กน้อย ทำตัวให้ชินเดี๋ยวก็ดีเองแหละ”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดไปแต่ก็ไม่หยุดดูดพลัง ส่วนใบหน้าผีนั้นร้องไปร้องมาก็หมดแรง ได้แต่นอนชักกระตุกอยู่บนพื้นไม่หยุด สัมผัสกับพลังชีวิตของตัวเองที่ถูกดูดไปอย่างเหม่อลอย ความเศร้ารันทดของมันลึกล้ำเกินกว่ามหาสมุทรทงเทียนเสียอีก…
เป็นอีกครั้งที่มันรู้สึกเสียใจทีหลัง เสียใจที่ไม่ควรจากมารดาแห่งผีมา เสียใจที่ทำไมไม่ยอมให้เทียนจุนจับตัวไป เสียใจที่ไม่ควรมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน ยิ่งไม่ควรพาตัวมาส่งถึงที่…
“เหตุใดชะตาชีวิตข้า…ถึงได้รันทดอดสูขนาดนี้!!! ทำไมเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนที่สมควรตายเป็นพันเป็นหมื่นครั้งผู้นี้ถึงไม่มีความเห็นใจให้กันบ้างเลย…” ใบหน้าผีร้องไห้น้ำตาอาบหน้าอยู่ในใจ เกือบจะปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาจริงๆ …
“ข้าสาบาน ข้าขอสาบานด้วยชีวิต ข้าขอสาบานด้วยตบะ ข้าขอสาบานด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ขอแค่ข้าออกไปได้ ข้าจะต้องฆ่าเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ทิ้ง จะกรีดเนื้อเถือหนังเขาเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ทรมานเขาไปหนึ่งหมื่นปี!!” ท่ามกลางน้ำตาที่ไหลพราก ใบหน้าผีเอ่ยสาบานในใจอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดราวร่างกายถูกฉีกทึ้ง รวมไปถึงพลังชีวิตที่ไหลหายไปนั้นทำให้สติของมันเริ่มจางหาย แล้วก็ไม่รู้ว่าสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่
รอจนมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็จากไปแล้ว ทว่าร่างของมันกลับเหมือนถูกควักจนกลวงโบ๋ พลังชีวิตของมันในตอนนี้ก็เหลือไม่ถึงหนึ่งส่วนแล้ว
ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้มันถูกป๋ายเสี่ยวฉุนทรมาทรกรรมขนาดนั้น พลังชีวิตยังหายไปแค่หนึ่งส่วนเท่านั้น แต่ตอนนี้เวลาสั้นๆ เพียงแค่สองวัน พลังชีวิตกลับหายไปถึงแปดส่วน นี่จึงทำให้มันหมดความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ
ขนาดวิญญาณเทพของมันก็ยังอยู่ใกล้จะแหลกสลายเต็มที มองเรือนกายที่เหมือนถูกทหารและม้านับพันนับหมื่นเหยียบย่ำ ใบหน้าผีก็ร่ำไห้อีกครั้ง…
“คนที่ไม่มีความเห็นใจให้คนอื่นเช่นนี้ ควรจะถูกบีบคอตายตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเกิดแล้ว!!!!” ใบหน้าผีที่ตัวสั่นเทิ้มร้องคำรามอยู่ในใจ
แต่อันที่จริงมันเข้าใจป๋ายเสี่ยวฉุนผิดไป เพราะตอนที่มันหมดสติ เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถดูดดึงพลังชีวิตทั้งหมดของมันไปได้ แต่สุดท้ายเขาก็เกิดความลังเล รู้สึกว่าทำแบบนั้นออกจะอำมหิตเกินไป ดังนั้นจึงล้มเลิกความคิดนี้
“จะอย่างไรซะนี่ก็เป็นผู้เฒ่าคนหนึ่ง สองปีมานี้ข้าทรมานมันมาก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันบ้างเล็กน้อย เอาเถอะๆ ให้มันค่อยฟื้นตัวก่อนแล้วค่อยมาดูดซับเอาพลังมันไปใหม่ก็แล้วกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจ รู้สึกว่าตัวเองจิตใจดีงามยิ่งนัก จากนั้นถึงได้จากไปอย่างพึงพอใจ พอกลับไปถึงจุดที่เข้าฌานก่อนหน้านี้ก็จึงเริ่มทำการพาเลือดคงกระพันฝ่าจู่โจมให้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่ดูดซับพลังชีวิตมาได้มากพอแล้ว เลือดคงกระพันของเขาก็ระเบิดขยายไปอย่างต่อเนื่อง ไม่นานหยดเลือดทั้งหมดก็ถูกพลังชีวิตครอบคลุมไปทั่ว จนกระทั่งเลือดหยดสุดท้ายก็กลายมาเป็นเลือดคงกระพัน ร่างทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเสียงดังสะท้านฟ้าส่งออกมา
เลือดคงกระพัน สิบส่วน!!
ท่ามกลางเสียงกัมปนาทอึกทึก ลมหายใจของเขาหอบหนัก ร่างสั่นเทิ้ม แล้วจู่ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงระลอกหนึ่งก็แผ่ไปทั่วทุกอณูเนื้อในร่างกาย ความเจ็บปวดนี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยทันที
เสียงเปรี๊ยะๆ ดังลั่นออกมาจากร่างของเขา มากขึ้นเรื่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายของเขาปริแตก อีกทั้งในรอยแตกเหล่านั้นยังพอจะมองเห็นได้ว่าผิวหนังใหม่ของเขากำลังงอกออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเห็นหยดเลือดที่ไหลรินอย่างรวดเร็วอยู่ใต้ผิวหนังได้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีกระดูก เส้นชีพจรและทุกพื้นที่ในเรือนกายของเขาที่เป็นแบบเดียวกัน ราวกับว่าภายใต้การแปรสภาพนี้ ใต้ร่างของเขากำลังมีร่างกายใหม่เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งผ่านไปได้สิบกว่าชั่วลมหายใจ
ความเจ็บปวดนั้นก็รุนแรงถึงขีดสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคำรามเสียงแหบพร่าด้วยความเจ็บปวด มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเรือนกายของเขากำลังแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเสียงตูมเสียงหนึ่งระเบิดออกมา!
ที่ระเบิดนั้นไม่ใช่เรือนกายทั้งหมดของเขา แต่เป็นจุดที่มีรอยปริแตก ซึ่งพอระเบิดทลาย เศษซากชิ้นส่วนก็ร่วงกระจายเต็มพื้นรอบด้าน ท่ามกลางเศษซากเหล่านั้น ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยกายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ร่างทั้งร่างโปร่งใสราวผลึกหยก แต่ยังไม่สิ้นสุด พริบตาเดียวเรือนกายใหม่นี้ของเขาก็ปริแตกออกอีกครั้ง แห้งเหี่ยวลงอีกครั้ง
แล้วพอเสียงกัมปนาทเสียงที่สองดังสะท้อน เรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ระเบิดอีกเป็นครั้งที่สอง!
ตามมาด้วยครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า…
การแปรสภาพครั้งแล้วครั้งเล่า การระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกอย่างดำเนินมาจนมาถึงครั้งที่แปด ใต้เศษชิ้นส่วนที่กระจายเต็มพื้นก็มีเรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเขาสาดแสงเจิดจ้าบาดตา ประกายแสงไหลวนไปทั่วทุกพื้นที่ในร่าง ขนาดเขาหลับตาก็ยังทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเหนือล้ำ มากพอจะทำให้จิตวิญญาณของทุกคนที่มองเห็นสั่นคลอน
ราวกับว่านี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว แต่เกินกว่าขีดจำกัดของเรือนกายนักพรตทั่วไปแล้ว!
“กายหนัง…ครึ่งเทพ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นช้าๆ ในดวงตาทั้งคู่ที่เบิกโพลงมีแสงจันทร์และแสงพระอาทิตย์สาดส่อง ราวกับว่าตอนนี้ร่างทั้งร่างของเขากลายมาเป็นทวยเทพองค์หนึ่งที่เยื้องกรายลงมาบนพื้นโลก!
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังขยับไปได้อีกหนึ่งขั้น…” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนฉายแววรอคอย เขาสัมผัสได้ถึง…พันธนาการขั้นที่ห้าในร่างกายมนุษย์ซึ่งเหมือนภูเขาลูกใหญ่ลูกสุดท้ายที่กดทับลงมาบนร่างแล้ว
“วันนี้ บทมิวางวายที่ข้าฝึกมานานหลายปี…มาถึงขั้นสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงแล้ว!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือทั้งคู่ขึ้นแล้วโบกอย่างแรง หยดเลือดทั้งหมด กระดูกทั้งหมด เส้นเอ็นทั้งหมด หรือแม้แต่เลือดเนื้อและผิวหนังทั้งหมดในร่างล้วนสั่นสะท้าน
เมื่อการสั่นสะเทือนนั้นเกิดขึ้น พลังแห่งความแข็งแกร่งระลอกแล้วระลอกเล่าที่แม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังตกตะลึงพลันระเบิดปะทุอย่างพร้อมเพรียงกัน การระเบิดนี้ไต่ทะยานติดกันอย่างต่อเนื่องคล้ายคลื่นพิโรธที่ค่อยๆ ถาโถมขึ้นสูงท้องฟ้า สุดท้ายพอผสานรวมเข้าด้วยกันก็ระเบิดตูมสนั่นหวั่นไหว เป็นเหตุให้ฟ้าดินมืดสลัว!
เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ดังเกินฟ้าผ่าพลันสะท้อนก้องไปรอบด้าน
“พันธนาการที่ห้า เปิด!!”
ตูมๆๆ!! ท่ามกลางการฝ่าทะลุขั้น ภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับลงบนร่างซึ่งมองไม่เห็นแต่สัมผัสได้นั้นพลันพังทลายออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไม่มีเหลือ ยามที่เสียงกัมปนาทดังกึกก้องไปทั่วโลกสมบัติอาคม เรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เกิดรอยปริร้าวอีกครั้ง แล้วก็เกิดลางของการเหี่ยวแห้ง จนกระทั่งเสียงเกริกก้องดังขึ้น ร่างของเขาก็แตกสลายเป็นครั้งที่เก้า!
เมื่อปรากฏกายอีกทีก็เผยให้เห็นเรือนกายที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยปณิธานแห่งวิถีฟ้า ชักนำให้โลกสมบัติอาคมสั่นสะเทือน
“นี่มันปราณอะไรกัน!!” ใบหน้าผีร้องเสียงหลงด้วยความตะลึงพรึงเพริด
ทารกหญิงที่อยู่บนท้องฟ้าเองก็ถูกปลุกให้ตื่น นางลืมตาขึ้นช้าๆ ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน นางถึงกับอึ้งงันไปครู่ ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ เผยความซับซ้อนและการย้อนทวนความทรงจำ…
การฝ่าทะลุบทมิวางวายของเขายังส่งผลกระทบไปยังโลกภายนอกอีกด้วย เป็นเหตุให้นภากาศของแม่น้ำสายเหนือเกิดน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์พร้อมเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นที่กังวานไปทั่วแผ่นดินทงเทียน!
ต่อให้เป็นสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในแดนทุรกันดารก็ยังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอย่างละเอียดก็เห็นว่าบัดนี้บนท้องฟ้าของแม่น้ำสายเหนือมีน้ำวนลูกหนึ่งหมุนคว้าง ก่อนที่รอยปริแตกเป็นเส้นๆ จะแผ่ลามไปทั่วท้องฟ้าของโลกทงเทียน!!
ราวกับว่า ฟ้ากำลังจะถล่มลงมา!!