Skip to content

A Will Eternal 996

บทที่ 996 เยื้องกรายสู่นครผียักษ์

องค์รักษ์รักษาพระองค์ที่เป็นคนฟ้าช่วงท้ายสองคนนั้นได้แต่ร้องอุทานตกใจ ถึงขั้นที่ว่าเสียงร้องที่ฟังเพี้ยนหูนั้นยังไม่ทันเอ่ยจบ ร่างของพวกเขาก็ถูกเสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนซัดจนกระเด็นออกไปก่อนแล้ว

มิอาจต้านทาน นี่ไม่ใช่พลังที่พวกเขาจะต้านทานได้ไหว!

มิอาจหลบเลี่ยง พลังแห่งการดับทำลายที่เกิดขึ้นจากคลื่นเสียงระเบิดซึ่งพุ่งตรงมาจากสี่ด้านแปดทิศเหนือกว่าจินตนาการของพวกเขา สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ชีวิตพวกเขา!

เสียงตูมตามดังกึกก้องสะเทือนแผ่นฟ้า องค์รักษ์รักษาพระองค์ที่เป็นคนฟ้าช่วงท้ายสองคนนี้ตัวสั่นสะท้าน กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้านั้นมีทั้งความหวาดกลัวและสิ้นหวังอย่างที่ยากจะบรรยายได้ เรือนกายยังไม่ทันได้ถอยหลังไปไกลนักก็พังทลายออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะเสียงคำรามที่พุ่งมาปะทะเสียก่อน!

ซึ่งเรือนกายของพวกเขาได้…สลายกลายมาเป็นเถ้าธุลีโดยที่ไม่สามารถต้านรับคลื่นเสียงที่ระเบิดนี้ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว…หรือแม้แต่วิญญาณต้นกำเนิดของพวกเขาก็ยังไม่สามารถหนีออกไปได้ ถูกกักอยู่ภายในแล้วแหลกลาญ…ไปพร้อมกับกายเนื้อ!!

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นที่องค์รักษ์รักษาพระองค์ซึ่งเดิมทียังเย่อหยิ่งจองหองถูกปลิดชีพไปในเสี้ยววินาที…

ภาพนี้ทำให้ดวงตาผู้เฒ่าที่มีเขางอกซึ่งอยู่ในม่านแสงค่ายกลฉายความเหลือเชื่อ ร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ความตะลึงลานของเขารุนแรงกว่าสองคนที่ตายไปเสียอีก เสียงอุทานที่หลงโทนแสดงให้เห็นถึงความคาดไม่ถึง

“เจ้า…เจ้าไม่ใช่คนฟ้า!!”

ผู้เฒ่าเขาเดียวใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ตระหนักได้ทันทีว่าคนที่มาไม่มีทางเป็นแค่คนฟ้าแน่นอน สามารถอาศัยแค่เสียงคำรามก็สังหารคนฟ้าช่วงท้ายสองคนได้ในเสี้ยววินาทีแบบนี้…มีเพียงครึ่งเทพเท่านั้น!!

ไร้ความลังเลใด ผู้เฒ่าเขาเดียวตกใจจนขวัญแทบกระเจิง เขารีบถอยกรูดไปข้างหลัง หมายจะหนีไป แต่ความเร็วของเขานับว่าอืดอาดยิ่งนักในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุน

แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่มีอารมณ์ไปสนใจผู้เฒ่าเขาเดียวคนนี้ ความคิดเดียวของเขาในเวลานี้ก็คือเข้าไปในสมรภูมิรบด้วยความเร็วที่มากที่สุด!

ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่เหนือทุกสิ่งคล้ายทะลุทะลวงความว่างเปล่า พุ่งพรวดมาโผล่ในค่ายใหญ่เป็นตายของม่านแสงสีทองทันที เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถึงขนาดบุกเข้ามาในค่ายกลได้ตรงๆ ผู้เฒ่าเขาเดียวที่เดิมทีจิตใจสั่นสะท้านและกำลังถอยหนีด้วยความหวาดกลัวกลับใจกระตุก บังเกิดความหวังขึ้นมา

“เขาบุกเข้ามาจริงๆ หรือนี่ ค่ายกลนี้…ต่อให้ครึ่งเทพก้าวเข้ามาก็ยังต้องถูกกำราบในระยะเวลาสั้นๆ เขามันรนหาที่ตายชัดๆ!!” ผู้เฒ่าเขาเดียวพลันฮึกเหิม แล้วก็ไม่ถอยหลังอีกต่อไป ดวงตายิ่งฉายไอสังหาร จะอย่างไรเสียเขาก็คือคนฟ้าขั้นสมบูรณ์แบบ อีกทั้งเขายังเป็นผู้ที่โดดเด่นในบรรดาองค์รักษ์รักษาพระองค์ของเกาะทงเทียนด้วย เวลาปกติเขาก็เป็นคนเด็ดขาดเหี้ยมหาญ เวลานี้จึงไม่เพียงไม่ถอย ทั้งยังย้อนกลับเข้ามา ตรงดิ่งหาป๋ายเสี่ยวฉุน หมายจะขัดขวางเขาเอาไว้

ทว่าชั่วขณะที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ร่ายผนึกมิวางวายแล้ว ร่างจึงพุ่งพรวดไปข้างหน้าอย่างไม่มีหยุดชะงัก ราวกับว่าค่ายกลนี้ไม่ได้ดำรงอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ในสมองของผู้เฒ่าเขาเดียวมีเสียงดังอึงอลขึ้นเป็นครั้งที่สอง สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกันความหวาดกลัวและความตะลึงพรึงเพริดก็รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้ต่อกี่เท่า จิตใจสะท้านไหวไม่หยุด คิดจะถอยหนีไปอีกครั้ง…

แต่กลับสายไปแล้ว!

ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนมีมากเกินไป ภายใต้ผนึกมิวางวาย ชนาเขย่าภูเขาก็ถูกร่ายออกพร้อมกันโดยสัญชาตญาณ พริบตาเดียวร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าผู้เฒ่าเขาเดียวที่คิดจะขัดขวางเขา แล้วชนโครมเข้าอย่างจัง

เสียงตูมดังหนึ่งที ผู้เฒ่าเขาเดียวรู้สึกเหมือนถูกชนด้วยภูเขาสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วน เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างระเบิดกระจัดกระจาย วิญญาณต้นกำเนิดที่หวาดกลัวสุดขีดคิดจะหนีไป แต่นั่นเป็นเรื่องที่มิอาจทำได้เลย เพราะภายใต้ความเร็วถึงขีดสุดของป๋ายเสี่ยวฉุน เรือนกายภายนอกของเขาก็คล้ายจะสร้างแรงดึงดูดที่น่าตะลึงออกมา เป็นเหตุให้วิญญาณต้นกำเนิดของผู้เฒ่าเขาเดียวยังไม่ทันหนีออกไปได้ก็ถูกคลื่นเสียงที่เกิดจากการพุ่งมาด้วยความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนกลบทับไว้จนมิด!

ป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด!!

และพอเหยียบย่างเข้ามาในค่ายกล ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่แม้แต่จะชายตามองผู้เฒ่าเขาเดียว อีกฝ่ายรนหาที่ตายโดยการเอาตัวมาขวางอยู่ตรงหน้าเขาเอง การที่พุ่งชนสังหารอีกฝ่ายก็แค่เพราะความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนมากเกินไป และผู้เฒ่าก็แค่โชคไม่ดีเท่านั้น

ภายใต้ผนึกมิวางวาย ค่ายกลใหญ่เป็นตายเหมือนไม่ได้ดำรงอยู่ ท่ามกลางเสียงเกริกก้อง ป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งทะลวงผ่านเข้าไปโดยไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย พอปรากฏตัวอีกครั้งก็…มาอยู่นอกรัศมีหมื่นลี้ของนครผียักษ์แล้ว!

ข้างหูของเขามีเสียงคำรามของคนนับไม่ถ้วนดังลอยมา นั่นคือเสียงคำรามที่มาจากการดิ้นรนอย่างเศร้ารันทด ขณะเดียวกัน เขาก็เห็นว่าเบื้องหน้าคือ…สนามรบ…ที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าไม่มีที่สิ้นสุด!!

หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะท้าน!

นักพรตแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกจำนวนนับไม่ถ้วนตาแดงก่ำ กำลังประหัตประหารอย่างบ้าคลั่ง พวกชนพื้นเมือง หรือผู้ฝึกวิญญาณของแดนทุรกันดารก็เป็นเช่นเดียวกัน พวกเขาทุ่มทุกอย่างที่มี เมื่อเผชิญหน้ากับสงครามที่ไม่เจ้าตายก็ข้าที่ม้วยเช่นนี้ พวกเขาจึงเหมือนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องระเบิดตัวเองก่อนตายเพื่อลากศัตรูไปลงนรกด้วยกัน!

เสียงระเบิดตูมตามดังกังวาน สะเทือนให้หูของทุกคนที่อยู่บนสนามรบมอดดับ สำหรับพวกเขาแล้วนี่ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคอะไร เพราะการฆ่าคน…ไม่จำเป็นต้องใช้หู!

จากนครผียักษ์แห่งนี้มีเส้นทางมากพอห้าหมื่นเส้น และตลอดทั้งสนามรบ…ก็กินอาณาเขตกว้างใหญ่ถึงหนึ่งแสนลี้ ซึ่งในรัศมีเท่านี้กำลังมีสงครามที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยเห็นมาก่อนชั่วชีวิตระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ไม่รู้ว่าสงครามนี้ปะทุมานานแค่ไหน

เสียงคำรามแหบโหย เสียงร้องโหยหวน เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังสลับคลอเคล้าเข้าด้วยกันจนกลายมาเป็นท่วงทำนองแห่งความตายที่ทำให้แม้แต่ฟ้าดินก็ยังเก็บปณิธานของตัวเองกลับไป แล้วทำเพียงมองซากศพที่กลาดเกลื่อนพื้น…เงียบๆ!

ยากนักที่จะได้เห็นศพที่มีสภาพสมบูรณ์ ท่ามกลางการเข่นฆ่า ท่ามกลางการเหยียบย่ำเช่นนี้ สิ่งที่มองเห็น…มีเพียงสีแดงเข้ม…

บนพื้นดิน นักพรตหลายแสนคนหรือมากกว่านั้นกำลังร่ายใช้เวทคาถาทุกอย่างที่สามารถฆ่าคนได้ออกมา สถานที่แห่งนี้จึงกลายมาเป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อขนาดมหึมาที่กลืนกินทุกสิ่งอย่างต่อเนื่อง

มองไม่เห็นกระบวนทัพ มองไม่เห็นการบัญชาการณ์ สิ่งที่เห็นมีเพียงการบงการที่เป็นไปตามสัญชาตญาณดั้งเดิมคล้ายความบ้าคลั่งของสัตว์ป่า

ในสนามรบระดับนี้ นักพรตก่อกำเนิดไม่นับเป็นอะไรทั้งสิ้น รวมโอสถ็ยิ่งแหลกสลายทั้งกายและจิตเพียงชั่วกะพริบตา!

ทั้งยังมีรถศึกอีกหลายคัน รวมไปถึงอาวุธล้ำค่าที่ใช้ในการทำสงครามที่ถึงแม้จะพังทลายไปเกินครึ่ง แต่ก็ยังมีไม่น้อยที่ระเบิดพลังทำลายล้างของตัวเองปลิดชีพทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง!

ส่วนสนามรบบนท้องฟ้าก็น่าตะลึงมากเช่นกัน ซึ่งด้านบนสุดของท้องฟ้าก็คือศึกระหว่างครึ่งเทพที่มีขนาดเหนือเกินกว่าสนามรบใด เรือนกายใหญ่โตของราชาผียักษ์เต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ สามารถมองเห็นได้ว่ามีทวนยาวเล่มหนึ่งแทงทะลุเรือนกายของเขาไป ก่อนที่ทวนยาวนั้นจะแผ่แสงสีดำแล้วจำแลงออกมาเป็นมังกรดำเก้าตัวที่มุดเข้ามุดออกร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มังกรพวกนั้นลอดทะลวงเข้าไปก็ล้วนทำให้ราชาผียักษ์แผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

ทว่าเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับยังคงเข่นฆ่าเอาเป็นเอาตายอยู่กับบุรพาจารย์ครึ่งเทพของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราอย่างบ้าคลั่งดุจเดิม!

บุรพาจารย์ครึ่งเทพของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราเองก็ถึงขีดสุดแล้วเช่นกัน หน้าอกของเขายุบยวบลงไป แขนข้างหนึ่งหายไปแล้ว ปราณแห่งความตายอ่อนจางแผ่ออกมาจากทั่วร่าง เพียงแต่ปณิธานแห่งการสังหารของเขากลับพวยพุ่งเทียมฟ้า

ทุกครั้งที่พวกเขาลงมือก็ล้วนทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี นภากาศสั่นสะเทือน รอยร้าวแตกระแหงเป็นเส้นๆ

และการลงมือของพวกเขาก็ยังก่อให้เกิดพลังการโจมตีที่กลายมาเป็นคลื่นอากาศหลายชั้นที่ซัดทอดออกไปคล้ายพายุกระหน่ำที่หมุนคว้างตะลุยไปทั่วโลก

บนท้องฟ้าใต้สมรภูมิของครึ่งเทพ คนฟ้าของนครผียักษ์ คนฟ้าของแม่น้ำทงเทียนสายตะวันออกก็เปิดศึกเป็นตายเช่นกัน เสียงกัมปนาทที่ดังเกินเสียงอสนีบาตก้องกังวานไม่ขาดสาย

สตรีธุลีแดง บุรพาจารย์ธาราเทพสำนักสยบธาร ป๋ายเจิ้นเทียน เฉินเห้อเทียนและเด็กชายก็ล้วนเป็นหนึ่งในนั้น!

ส่วนบุรพาจารย์คนฟ้าของศาลาเลือดเหล็กกลับไม่อยู่แล้ว ที่ไม่อยู่เช่นเดียวกันยังมีโยวหมิงกงของนครผียักษ์ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจำได้ผู้นั้น!

บัดนี้คนฟ้าของทางฝ่ายทงเทียนมีทั้งหมดสามคน ส่วนทางฝ่ายแดนทุรกันดารที่นอกจากสตรีธุลีแดงแล้วยังมีอีกหนึ่งคน คนผู้นี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยเจอมาก่อน เขาคือหนึ่งในเจ้าพระยาสวรรค์ของนครจักรพรรดิขุย

ยามนี้ศึกของคนทั้งหกดำเนินมาถึงช่วงเวลาแห่งการตัดสินความเป็นความตายแล้ว และเห็นได้ชัดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายกลใหญ่เป็นตายแห่งนี้ล้วนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ทุกคนที่อยู่ในนี้จมจ่อมอยู่กับสงครามที่ตึงเครียด ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกได้แม้แต่น้อย!

และวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมาถึง เสียงกัมปนาทก็ยิ่งระเบิดรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางเสียงหัวเราะขมขื่น ก่อนตายเจ้าพระยาสวรรค์คนนั้นถึงกับระเบิดร่างของตนอย่างไม่เสียดาย เพื่อให้กลายมาเป็นพลังแห่งการทำลายล้างซึ่งพุ่งเข้าปกคลุมเด็กชายที่หลบไม่ทัน หลังจากเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว คนที่ตายจึงไม่ได้มีเพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังมี…เด็กชายของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราผู้นั้นด้วย!

วิญญาณแหลกสลาย พินาศวอดวายไปพร้อมกัน!

แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่คนทั้งสองตายไป สตรีธุลีแดงเองก็กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ภายใต้การร่วมมือกันระหว่างเฉินเห้อเทียนและป๋ายเจิ้นเทียน นางที่เดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ตอนนี้อาการบาดเจ็บก็ยิ่งมากขึ้นกว่าเก่า รีบถอยกรูดออกห่างพร้อมยิ้มรวดร้าว

เฉินเห้อเทียนหอบหายใจหนักหน่วง แล้วจู่ๆ ก็คำรามกร้าว

“หันจง หากเจ้ายังไม่ลงแรงเต็มกำลัง หลังศึกนี้จบลง ข้าผู้อาวุโสจะฆ่าล้างสำนักสยบธารของเจ้า!!” กล่าวจบเขากับป๋ายเจิ้นเทียนก็ไล่กวดสตรีธุลีแดงไป ไอสังหารในดวงตาของพวกเขาเข้มข้นจนน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่ามีใจคิดจะสังหารบุตรสาวของราชาผียักษ์ แม่ทัพกองผียักษ์ผู้นี้ให้จงได้!

“ฆ่านางแล้วจะทำให้ราชาผียักษ์เสียสมาธิ และนั่นจะสร้างโอกาสการโจมตีปลิดชีพให้กับท่านบุรพาจารย์!”

เมื่อเห็นว่าเฉินเห้อเทียนและป๋ายเจิ้นเทียนต่างก็พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว

บุรพาจารย์ธาราเทพก็ได้แต่ยิ้มขื่น เขารู้ดีว่านับแต่เปิดศึกกันมา คนของสำนักสยบธารบาดเจ็บและล้มตายไปน้อยที่สุด ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะการออมมือให้ของสตรีธุลีแดง เขาไม่ต้องการลงมือกับสตรีธุลีแดง แต่เมื่อตัวอยู่ในทงเทียน เขาจึงมิอาจมีอิสระตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ยามนี้จึงถอนหายใจยาวๆ หนึ่งครั้งแล้วก้าวเท้าออกไป

ทว่าชั่วขณะที่คนทั้งสามขยับเข้าไปใกล้นั้นเอง ดวงตาของสตรีธุลีแดงที่ยิ้มขมขื่นกลับฉายแสงคมกริบคล้ายจะร่ายวิชาอภินิหารบางอย่างที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ทว่าเวลานี้เอง…

เสียงคำรามเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นมาจากฟ้าดินทิศไกล คล้ายฉีกทึ้งความหว่างเปล่าพุ่งตรงเข้ามาหา

“หยุดนะ!!”

เมื่อเสียงคำรามดังขึ้นก็มีรุ้งยาวเส้นหนึ่งที่พกพาพลังอำนาจค้ำฟ้าน่าครั่นคร้ามแหวกทะลวงความว่างเปล่าเข้ามา!

เพียงพริบตา!

ก็พุ่งเข้ามาใกล้!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version