Skip to content

A World Worth Protecting 1037

บทที่ 1037 รับมือแล้วสวนกลับ

“ทุกคนชื่นชอบข้าขนาดนี้เชียว” หวังเป่าเล่อมองซุนหยางที่อยู่เบื้องหน้า มองเรือบินที่เฝ้าชมอยู่รอบๆ รับรู้ได้ถึงสายตาจำนวนมากที่จ้องมองมาจาก จิตวิญญาณดาวชะตาอีกครั้ง ใบหน้าระเรื่อสีขึ้นทีละน้อย ฉายแววขวยเขินพลางมองไปยังสวี่อินหลิง

สวี่อินหลิงที่เดิมทีพึงพอใจกับการกระทำครั้งนี้ของตัวเองไม่น้อย นางรู้ดีว่า ตัวเองกำลังทำอะไร เป้าหมายก็เพื่อหยิบยื่นข้ออ้างให้แก่ผู้ที่ละโมบดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อเท่านั้น

สำหรับตัวนาง แม้จะเป็นดาวเคราะห์เต๋าและเสี่ยงที่จะถูกผู้คนเพ่งเล็งด้วยเหมือนกัน นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ช่วงนี้นางจงใจหาเรื่องหวังเป่าเล่ออย่างเต็มที่ จากโอกาสหนแล้วหนเล่านางก็ไม่พลาดที่จะบอกใบ้ว่าดาวเคราะห์เต๋าของตนนั้นถูกหวังเป่าเล่อควบคุมไว้หมดแล้ว

ของที่ตนมีนั้นไม่ได้ดีที่สุด ที่ดีที่สุดนั้นอยู่ที่หวังเป่าเล่อ ดังนั้นต่อให้ได้ดาวเคราะห์เต๋าของตนไปแต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับหวังเป่าเล่ออยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้ตั้งเป้าไว้ที่ หวังเป่าเล่อจะดีเสียกว่า

ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ สายตาที่เพ่งเล็งมาที่นางลดน้อยลงไปมาก นับว่าประสบความสำเสร็จให้ผู้อื่นรับกรรมแทน ตอนนี้เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อกลายเป็นเป้าหมายของผู้คนและ ไม่ว่าเขาจะผ่านพ้นมันไปได้หรือไม่ ก็ถือว่าจุดประสงค์ของตนสำเร็จลุล่วง เรียบร้อยแล้ว แต่หลังจากที่ได้เห็นแววตาที่ฉายแววขวยเขินของหวังเป่าเล่อเข้า สวี่อินหลิงพลันรู้สึกไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร

ไม่รอนางเอ่ยช่วย หวังเป่าเล่อพลันถอนหายใจยาว

“ช่างเถอะๆ ในเมื่อทุกคนเห็นดีเห็นงามข้ากับอินหลิงขนาดนี้ งั้น…” หวังเป่าเล่อกระแอมไอเสียงดัง ประสานมือคารวะแก่เรือบินของตระกูลต่างๆ ก่อนหันคารวะไปยังดาวชะตา

“สหายเต๋าทุกท่าน ผู้อาวุโสดาวชะตาทุกท่าน วันนี้รบกวนทุกท่านเป็นพยาน ข้าและอินหลิง เหตุเพราะดาวเคราะห์เต๋านำพา ต่างพึงใจกันเป็นเวลานาน”

คำพูดนี้ลอยออกมา สีหน้าสวี่อินหลิงก็เปลี่ยนไปทันใด ซุนหยางก็อึ้งไปเช่นกัน มหาศิษย์แห่งเต๋าคนอื่นๆ สีหน้าล้วนค่อยๆ แปรเปลี่ยนตาม ส่วนเสียงของหวังเป่าเล่อยังคงลอยก้องอยู่เช่นเดิม

“เพียงแต่ข้ายอมรับว่าเป็นคนลอยไปลอยมา ทนไม่ได้ที่จะทำร้ายจิตใจของอินหลิง ให้นางขื่นขมจมอยู่กับรักข้างเดียว ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธไป แต่ดูจากตอนนี้เป็นข้าเอง ที่ประมาทความเพียรของผู้ฝึกตนร่วมรุ่นไป วันนี้ข้าขอโทษอินหลิง อินหลิงข้าไม่ควรปฏิเสธใจที่เจ้ามอบให้ ข้าตกลงแล้ว!” หวังเป่าเล่อสีหน้าจริงจังราวกับเป็นลูกผู้ชาย ที่กลับตัวได้แล้ว ทว่าคำพูดเหล่านี้กลับทำให้สีหน้าสวี่อินหลิงเปลี่ยนไปจนถึงที่สุด หากก่อนหน้านี้ผู้คนไม่ได้ให้ความสนใจ หวังเป่าเล่อพูดแบบนี้ถือว่าตรงกับแผนการณ์ของตนอยู่

สามารถสร้างความแคลงใจให้แก่คนอื่นๆ จากนั้นก็ใช้ความหึงหวงเป็นข้ออ้างได้ ทว่าตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป อีกทั้งนางยังมีลางสังหรณ์ว่าสิ่งที่หวังเป่าเล่อจะพูดไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่นอน

เป็นไปตามคาดจริงๆ เมื่อหวังเป่าเล่อพูดถึงตรงนี้ เสียงลมหวีดหวิวเผยกลิ่นอายวางอำนาจจางๆ

“อินหลิง นับแต่นี้ไป ใครกล้าคิดจะยุ่งดาวเคราะห์เต๋าในตัวเจ้าก็ต้องถามข้า หวังเป่าเล่อว่ายินยอมหรือไม่ หากข้าไม่ยอมต่อให้เง็กเซียนก็แตะดาวเคราะห์เต๋าของเจ้าไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว!”

“นอกเสียจากว่าข้ายินยอม…แค่กๆ เสี่ยวหลิง มา ให้พี่เป่าเล่อกอดเสียหน่อย ดูซิว่าช่วงนี้เจ้าอ้วนขึ้นหรือไม่” สีหน้าทอดถอน พูดพลางก้าวไปยังสวี่อินหลิง

สวี่อินหลิงสีหน้าพลันย่ำแย่ ก้าวถอยไปทางซุนหยางตามสัญชาตญาณ

ภาพฉากนี้ทำให้เหล่าผู้คนสีหน้าพิลึกไปตามๆ กัน มีเพียงเซี่ยไห่หลางที่อยู่ข้างๆ ผู้เดียวที่ยังคงปกติ เขาเข้าใจหวังเป่าเล่ออย่างแจ่มแจ้ง ในใจพูดขึ้นว่า ซุนหยางเอ๋ยซุนหยาง เจ้าผิดก็ผิดที่สู้กับคนหน้าหนาหน้าทนคนนี้ เจ้าแพ้แน่แล้ว

ซุนหยางเวลานี้สีหน้าอึมครึม คิ้วขมวดมุ่น บ่งบอกว่าคาดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ จะมีคนที่เป็นมหาศิษย์แห่งเต๋าทั้งยังมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่แบบนี้อยู่ด้วย หน้าหนาเสียจนไร้ยางอายได้ขนาดนี้ ในสถานการณ์ที่ถูกตนบีบคั้นต่อหน้าสายตานับหมื่นยังเลือกที่จะขอโทษ ทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองปล่อยหมัดทว่าต่อยอยู่ในอากาศ

หากเพียงเท่านี้ก็ช่างเถอะ แต่การขอโทษของอีกฝ่ายกลับยังมีกลิ่นอายวางอำนาจอยู่ ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายถูกบีบบังคับ ทั้งๆ ที่เอ่ยขอโทษแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าผู้ที่เสียเปรียบดันเป็นฝ่ายตัวเอง

เมื่อเห็นสวี่อินหลิงสีหน้าเปลี่ยนถอยหลังไป หวังเป่าเล่อใบหน้าเปื้อนยิ้มพยักพเยิดไปทางนาง

“เจ้าอิสตรี ทำไมเขินอายแล้วเล่า”

หวังเป่าเล่อพูดพลางมองซุนหยางที่สีหน้าย่ำแย่ ประสานมือคารวะด้วยทีท่าสัตย์จริง

“สหายซุน ขอบใจเจ้ามาก เป็นเจ้าที่ทำให้ข้ารู้ว่าไม่สามารถผิดต่อคนที่ดีที่สุด ข้าตัดสินใจแล้ว ในอนาคตมีลูกกับเสี่ยวหลิงหลิงก็จะตั้งชื่อว่าหวังเซี่ยหยาง! ใช้รำลึกความซาบซึ้งที่พวกเราสามีภรรยามีต่อเจ้า! แต่ว่าตอนนี้ รบกวนหลีกทางหน่อย ข้าจะรับภรรยาข้าไปดาวชะตาด้วยกัน”

“หวังเป่าเล่อ เจ้า…” ซุนหยางสีหน้ายิ่งย่ำแย่ ขณะที่กำลังพูดกลับถูกหวังเป่าเล่อขัดขึ้น

“สหายซุน พวกเราสองคนสามีภรรยารู้สึกขอบคุณที่เจ้าเป็นพ่อสื่อ ดังนั้น ข้าให้เกียรติเจ้า จะขอพูดเป็นครั้งที่สอง รบกวนเจ้าหลีกทาง ข้าจะรับภรรยาข้าไป ดาวชะตาด้วยกัน!” ใบหน้าหวังเป่าเล่อยังคงเปื้อนยิ้มมองซุนหยาง

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้ที่รอชมเรื่องคึกคักรอบๆ รวมทั้งจิตวิญญาณมากมายที่ชมจากดาวชะตาก็ได้รวบรวมจุดสนใจมาที่นี่อีกครั้ง ยิ่งกว่านั้นผู้คนที่เป็นมิตรกับ ดาราจักรไฟก็รู้สึกแอบชื่นชมอยู่ในใจ

อันที่จริงสิ่งที่หวังเป่าเล่อทำไปเหล่านี้ดูเหมือนเรียบง่ายแต่กลับกลับตาลปัตรไปหมด กลายเป็นฝ่ายรุก จากที่ถูกคนบีบบังคับกระทั่งตอนนี้ที่ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปบีบบังคับฝ่ายตรงข้าม แค่ปอกกล้วยเข้าปากเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

วิธีการเช่นนี้ เรียบง่ายธรรมดา เมื่อเทียบกับของซุนหยางทางนั้นก็กลายเป็นสุดยอด

“เจ้า…” ซุนหยางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนหวังเป่าเล่อ ต่อสายตาคนมากมายที่มองมาตอนนี้ หากเขาถอยก็กลายเป็นว่าแผนการณ์ของตัวเองครั้งนี้ล้มเหลวทั้งหมดเท่ากับยิ่งเสียหน้า แต่หากไม่ถอยก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นแน่นอน

ถึงแม้จะบอกว่าจุดประสงค์เริ่มแรกของเขาก็เพื่อก่อเรื่องแล้วปัดให้เป็นเรื่องทะเลาะหึงหวง ในตอนนี้แม้จะนับว่าสำเร็จแล้วแต่มันกลับหัวกลับหางไปหมด

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องทะเลาะหึงหวงเท่านั้น แต่กลายเป็นตัวเองเป็นผู้เริ่มเป็นพ่อสื่อ เมื่ออีกฝ่ายตกลงแล้วตัวเองกลับเข้ามายุ่มย่าม เรื่องแบบนี้เขาไม่ยอมเสียหน้า อีกทั้งเหตุผลก็ไม่หนักแน่นพอ

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ สวี่อินหลิงที่อยู่ด้านหลังขณะที่ในใจกรุ่นโกรธ แต่ก็รู้สึกหวาดหวั่นร่วมด้วย ที่จริงแล้วความหวาดกลัวที่นางมีต่อหวังเป่าเล่อนั้นมากกว่าคนรอบข้างหลายเท่าตัว อีกฝ่ายได้กลายเป็นเงามืดในเบื้องลึกของใจนาง ไปแล้ว โดยเฉพาะคำพูดของหวังเป่าเล่อเมื่อครู่ที่ว่าหากมีคนคิดจะแย่งชิง ดาวเคราะห์เต๋าของนาง ต้องถามความเห็นของเขาก่อนว่ายินยอมหรือไม่ ประโยคนี้ยิ่งทำให้สวี่อินหลิงหวั่นกลัวอยู่ในใจ

หากตอนนี้นางเอ่ยปากกลับคำเรื่องนี้ เช่นนั้นหวังเป่าเล่อก็จะสลัดพ้นแผนการณ์ทั้งหมดที่นางเคยวางไว้ทุกอย่างและก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะลงมือกับเขาได้อีก ถึงอย่างไรเมื่อมีปรมาจารย์แห่งไฟอยู่ตรงนั้นทั้งคน น้อยคนนักที่จะกล้าไปหาเรื่องตรงๆ

แต่หากไม่พูดสถานการณ์ก็ไม่เป็นผลดีแก่นางอย่างมาก และในขณะที่นางและซุนหยางกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าหวังเป่าเล่อค่อยๆ เลือนหาย สีหน้าอึมครึมลงเรื่อยๆ เมินซุนหยางเดินตรงไปยังสวี่อินหลิง

เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อเข้าใกล้ซุนหยางก็ยื่นแขนขึ้นขวางตามสัญชาตญาณ ทว่าในวินาทีที่เขายกมือขึ้น หวังเป่าเล่อนัยน์ตาเยียบเย็น มือขวาประสานอินปล่อยออก หนึ่งหมัดด้วยความรุนแรง

หมัดนี้ต่อยไปเบื้องหน้าซุนหยางและกลายเป็นพายุในทันที ส่งผลให้ในขณะที่ซุนหยางเซถอย มหาศิษย์แห่งเต๋าที่อยู่ข้างๆ เหล่านั้นก็ได้ระเบิดพลังปราณขึ้นล้อมรอบหวังเป่าเล่อ

“สหายซุนตอนแรกเป็นพ่อสื่อตอนหลังเข้าขัดขวาง นี่เจ้าดูถูกดาราจักรไฟข้าหรือดูถูกข้าหวังเป่าเล่อ? ถึงต้องเหยียดหยามกันขนาดนี้ เห็นแก่บุญคุณที่เจ้าเป็นพ่อสื่อจับคู่ให้ก่อนหน้า ข้าจะไม่สาวความยาว แต่ข้าต้องการคำขอโทษ!!” หวังเป่าเล่อ เลียริมฝีปากยิ้มเย็น ร่างกายเคลื่อนขยับพลันระเบิดพลังอัคคีพุ่งตรงใส่ซุนหยาง เสียงเย็นเยียบก้องขึ้นบริเวณรอบๆ ในเวลาเดียวกัน

“ผู้อาวุโสวิญญาณเพลิง ผนึกปิดรอบๆ กล้าดูถูกดาราจักรไฟข้า กล้าแย่งศิษย์สะใภ้ของอาจารย์ข้า เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของข้าแต่ผู้เดียวแล้ว หากไม่ขอโทษอย่างจริงใจ ข้าก็จะปกป้องรักษาเกียรติของดาราจักรไฟข้า!”

“รับคำสั่ง!” ผู้เยี่ยมยุทธ์วิญญาณเพลิงทั้งแปดต่างแสดงท่าทีโมโห แค่นเสียงกรุ่นโกรธ พลันระเบิดพลังปราณดารานิรันดร์แผ่กระจายออกในพริบตา ผนึกปิดบริเวณโดยรอบ ทำให้ผู้คุ้มครองทั้งหลายของซุนหยางและสหายแม้เวลานี้จะเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ในเวลาสั้นๆ ก็ยากที่จะเข้ามาได้

สำหรับบริเวณภายในผนึก หวังเป่าเล่อในเวลานี้ท่าทางคับฟ้า ขยับเข้าใกล้ในพริบตา ราวกับจะฆ่าฟันซุนหยางที่นัยน์ตาฉายแววพร้อมสู้จนตัวตาย ทว่าในวินาทีที่เข้าใกล้ เงาร่างเขากลับแวบหายไป ก่อนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังสหายคนหนึ่งของซุนหยาง

“ขอโทษเสีย!” หวังเป่าเล่อประกายตาอาฆาต ปล่อยหมัดรุนแรง

นี่เป็นชายหนุ่มหน้ายาวเหมือนม้าแต่งกายเรียบหรูคนหนึ่ง อยู่ระดับปราณ ดาวพระเคราะห์ขั้นปลาย แต่หมัดนี้ของหวังเป่าเล่อ ไม่ว่าคนผู้นี้จะฝืนทนอย่างไรในขณะที่เสียงดังกัมปนาทสีหน้าพลันแปรเปลี่ยน กระอักเลือดคำโต ราวกับเป็นว่าวที่สายป่านขาด หมุนตลบในพริบตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version