Skip to content

A World Worth Protecting 107

บทที่ 107 ยังมีหน้ารังเกียจข้าอีกรึ

รากฐานวิญญาณเก้านิ้วหยุดชะงักทันที ไอเย็นดุจน้ำแข็งหายวับไปสิ้น มันไม่สนใจ  หวังเป่าเล่ออีกต่อไป กลับลอยต่ำๆ ไปบนท้องฟ้า เคลื่อนเข้าหาแนวเขาที่อยู่         ไกลออกไป

หวังเป่าเล่อเริ่มร้อนรนขณะมองรากฐานวิญญาณเก้านิ้วลอยจากไป

เอ…หากมันหนีไป ข้าจะไปตามหามันได้ที่ไหนกันนะ

เขาขบคิดหาทางขังมันไว้ ขณะมองร่างของรากฐานวิญญาณเก้านิ้วตรงดิ่งผ่านเทือกเขา ก่อนจะโผล่ทะลุอีกด้านขึ้นไปสู่ฟากฟ้า

หวังเป่าเล่อตะลึงค้างกับสิ่งที่เห็น เขาหัวเราะขื่น ยอมถอดใจจากความคิดจะขังรากวิญญาณนั้นไว้ เขานั่งลงขัดสมาธิ แล้วหยิบเอาศิลาวิญญาณรุ้งออกมาเริ่ม      จารึกอักขระลงไป

เขาไม่สนใจบรรลุระดับการฝึกตนโบราณอีกต่อไป เขารู้สึกว่าตนควรลองเอาชนะรากฐานวิญญาณเก้านิ้วแล้วดูดกลืนมันเข้ามาให้จงได้

พอลองคิดดูแล้ว รากฐานวิญญาณเก้านิ้วแข็งแกร่งนัก คนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ดูดกลืนมันได้แล้วอย่างนั้นหรือ ถึงรู้ว่ามันเปลี่ยนเป็นลมหายใจเที่ยงแท้ไม่ได้

เมื่อได้ครุ่นคิดดู หวังเป่าเล่อเดาคำตอบไว้ประมาณหนึ่ง เขาคิดถึงความเป็นไปได้ว่าอาจเคยมีคนบรรลุถึงระดับลมหายใจเที่ยงแท้แล้วใช้เวลาอันน้อยนิด ก่อนถูกขับออกมาจากหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ สยบรากฐานวิญญาณเก้านิ้วในฐานะ              ผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ ก่อนจะดูดกลืนมันเข้าไป ต่อให้ผู้ฝึกตนระดับ        ลมหายใจเที่ยงแท้สู้ไม่ได้ ถ้าวางแผนไว้ดี และมีผู้ฝึกตนหายใจเที่ยงแท้สักหยิบมือ    จะสู้กับรากฐานวิญญาณเก้านิ้วย่อมไม่ใช่เรื่องยากเกินจริง

หากเป็นเช่นนั้น สี่ยอดสำนักศึกษาเต๋าน่าจะเคยต่อสู้กับรากฐานวิญญาณเก้านิ้วมาก่อนหน้านี้ แล้วเข้าใจกระบวนท่าการยุทธ์ของมันมาบ้างสิ แล้วทำไมข้าไม่เคย     ได้ยินอะไรเหล่านี้มาก่อนเลย

ความคิดแวบผ่านในหัว ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาไม่คิดถึงเรื่องอื่นให้มากนัก แล้วจดจ่อสมาธิลงกับการจารึกอักขระในมือต่อไป ข้าใช้เมล็ดดูดกลืนสูบร่างมันได้    แต่ตอนคลายร่างมันออก เห็นทีข้าต้องพึ่งอักขราจารึกเอา

นัยน์ตาหวังเป่าเล่อเป็นประกายเมื่อเขาเข้าใจดียิ่งขึ้น พลางเริ่มจารึกอักขระลงไป

สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ข้างในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณมีคนบรรลุ     รากฐานวิญญาณเจ็ดนิ้วเพิ่มมากขึ้น ต่างพากันกระจายตัวทั่วบริเวณตามหา     รากฐานวิญญาณแปดนิ้วกันจ้าละหวั่น

หวังเป่าเล่อยืนอยู่ในหุบเขา ผมเผ้ายุ่งเหยิง เขามองถุงมือในมือขวาของตนอย่างตื่นเต้น

สำเร็จ! ถุงมือนี้ใช้ศิลาวิญญาณรุ้งหลายก้อนเสริมเป็นแก่นวิญญาณ ตรงอักขราจารึก  ก็ปรับให้เข้ากันแล้ว!

หวังเป่าเล่อระงับความตื่นเต้นไว้ แล้วเริ่มปลดปล่อยเมล็ดดูดกลืนข้างใน          ตัวออกมา แรงดูดพุ่งเข้าใส่เกราะมือขวาจากทุกทางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แรงสูบมหาศาลจะควบรวมเข้ามาในถุงมือขวาอย่างรวดเร็ว หวังเป่าเล่อคำราม ยกมือขวาขึ้นกำเป็นหมัดเหวี่ยงออกไปยังอากาศว่างเปล่าตรงหน้า!

เมื่อหมัดนั้นปล่อยออกไป ถุงมือก็เปล่งแสงสีดำออกมา แรงมหาศาลระเบิดตัวจากข้างใน กระแทกก้อนปราณวิญญาณที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นให้เป็นลมหมุนคล้ายกับที่รากฐานวิญญาณเก้านิ้วสร้างขึ้นมา!

เสียงดังกึกก้องพร้อมอากาศตรงหน้าหวังเป่าเล่อบิดตัว เกิดรอยแยกบนพื้น ทิวทัศน์ทั่วทั้งหมดช่างน่าพรั่นพรึงยิ่ง

“สำเร็จ!” หวังเป่าเล่อหัวเราะเริงรื่นเต็มเสียงขึ้นไปยังท้องฟ้า

จุดที่ปรับปรุงเพิ่มเติมขึ้นในถุงมือนั้น คือความสามารถในการสร้างพลังพายุหมุนจากภายใน แล้วเปลี่ยนเป็นแรงมหาศาลชนเข้ากับปราณวิญญาณที่รวมขึ้นมา

ยิ่งแรงของหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้น และความเร็วเพิ่มขึ้น ถุงมือยิ่งปล่อย         แรงสะท้อนได้มากขึ้น ดังนั้น แรงที่เกิดขึ้นหลังปะทะกับปราณวิญญาณก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวง!

แต่ทว่าก็ยังมีข้อเสียเปรียบอยู่ ถุงมือนี้ต้องทนแรงมหาศาลที่หมัดของหวังเป่าเล่อควรดูดซับเอาไว้ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ไม่ยาก หวังเป่าเล่อคำนึงถึงเรื่องนั้นแล้ว เขาจารึกอักขระเพื่อรองรับแรงกดดัน และส่งมันกระจายออกไปรอบนอกแทน เมื่อทำเช่นนั้นจะช่วยเพิ่มพลังให้ถุงมือขึ้นไปอีกขั้น

แม้จะมีข้อจำกัด แต่ในสภาพตอนนี้ถือว่าถุงมือทรงพลังมากทีเดียว!

การทำความเข้าใจ เป็นขั้นตอนสำคัญของการลงมือทำทุกสิ่งทุกอย่าง!

หวังเป่าเล่อหัวเราะเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ

ข้าต้องไปหารากฐานวิญญาณเก้านิ้วแล้วสู้กับมันอีกครั้ง!

แต่ถึงเขาอยากจะเริ่มออกตามหาเสียตอนนี้ พอได้คิดครวญดูอีกที                  เขากลับตัดสินใจนั่งลงขัดสมาธิ ปลดปล่อยสรีระทองคำแล้วแผ่ปราณวิญญาณออกไปรอบด้านเสียก่อน

ลองดูว่าแบบนี้จะล่อมันได้ไหม ถ้าไม่ได้ ข้าค่อยออกไปตามหามันอีกที           หวังเป่าเล่อภาวนาพร้อมรอคอย

ช่วงเวลาผ่านไปยาวนานเป็นชั่วโมง เมื่อเห็นว่ารากฐานวิญญาณไม่โผล่มา       หวังเป่าเล่อก็ถอนหายใจ ใกล้จะยอมแพ้ จู่ๆ นัยน์ตาเขาก็หรี่เล็กลง เมื่อสังเกตเห็นร่างเลือนรางปรากฏตัวกลางท้องฟ้า พุ่งเข้ามาหาเขา

ปราณวิญญาณรอบด้านถูกเปลี่ยนเป็นพายุที่มองไม่เห็น ยิ่งเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ก็ยิ่งแผ่มวลกดดันรุนแรงขึ้นทุกที

ข้าล่อมันมาได้สำเร็จ! หวังเป่าเล่อประหลาดใจ วินาทีที่รากฐานวิญญาณเก้านิ้วมาถึง เมล็ดดูดกลืนในตัวเขาปะทุ สูบปราณวิญญาณรอบด้านเข้าไปหาในทันที จังหวะที่ปราณวิญญาณเข้าใกล้มือขวาของหวังเป่าซึ่งสวมถุงมือไว้ แสงสีดำพุ่งออกมา         หวังเป่าเล่อชกออกไป

ตูม!

เพียงพริบตา พลังงานจากคลื่นปราณวิญญาณที่รากฐานวิญญาณเก้านิ้วเคยแสดงให้ดู ก็โดนหวังเป่าเล่อใช้พลังสูบและแรงสะท้อนของถุงมือเลียนแบบขึ้นมาสำเร็จ!

เสียงดังอื้ออึงในหู รากฐานวิญญาณซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาสั่นอย่างรุนแรงแล้วกระเด็นถอยกลับไปหลายกิโลเมตรเช่นเคย หวังเป่าเล่อหัวเราะเสียงดังเมื่อมันกระแทกลง    กับพื้นและไม่ขยับ เขากระโดดขึ้นไปในอากาศ ไม่ขอเป็นฝ่ายรออย่างเดียวอีกต่อไป เริ่มจู่โจมก่อนบ้างด้วยการพุ่งเข้าหารากฐานวิญญาณเก้านิ้ว

เมื่อเขาเข้าไปใกล้ จู่ๆ รากฐานวิญญาณเก้านิ้วก็ยกขาขวาขึ้นกระทืบพื้นจนสั่นสะเทือน ทว่าร่างของมันไม่อาจกระเด็นออกไปได้อีก กลับติดแน่นอยู่กับที่        เกิดคลื่นระเบิดสะเทือนรุนแรงขึ้นรอบตัวรากฐานวิญญาณตนนั้น

คลื่นนั้นแผ่กระจายเข้าควบคุมปราณวิญญาณรอบด้าน ยากจะบอกว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่แรงสั่นสะเทือนอาศัยปราณวิญญาณกระจายทั่วในอากาศ คล้ายกับในทฤษฎีสื่อนำ แรงสั่นสะเทือนไปทุกทิศทุกทาง ขยี้หินแตกเป็นเสี่ยงๆ และต้นไม้เป็นผุยผง

ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นไหวอย่างรุนแรง อวัยวะภายในเจ็บทรมาน แต่ถึงแม้จะต้องเจอผลสะท้อนกลับ เขาก็เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เขาคำรามเสียงดัง มือขวาสวมถุงมือกำเป็นหมัดปลุกถุงมือวัตถุเวททันที อักขราจารึกที่เขาสลักลงไปล่วงหน้าสำแดงอำนาจ เกิดเป็นแรงระเบิดผนวกกับเมล็ดดูดกลืนในร่างกายเขา     หมัดทรงพลังซัดสู่พื้น

เมื่อหมัดอัดเข้ากับพื้น แผ่นดินสั่นไหว เสียงไม่ดังแต่มีแรงสั่นต่อเนื่องแผ่ขยายไปถึงท้องฟ้ารอบด้าน ดั่งว่าคลื่นปราณวิญญาณปะทะเข้าใส่กัน

ฮ่าฮ่า ข้าได้รู้อีกกลเม็ดแล้ว พวกคนของสาขาวิทยายุทธโบราณน่าจะต่อสู้กันแบบนี้    นี่แหละ!

ข้าอาจจะไม่มีความสามารถแบบเจ้า แต่ข้ามีอาวุธเวท!

หวังเป่าเล่อโงศีรษะขึ้น ดวงตาเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นจะต่อสู้อันดุดันยิ่งกว่าคราวใด เขารีบพุ่งเข้าไปหารากฐานวิญญาณเก้านิ้วเพื่อสู้กับมัน

เสียงระเบิดดังแผ่ต่อเนื่อง หวังเป่าเล่อและรากฐานวิญญาณเก้านิ้วแลกเปลี่ยนกันนับร้อยหมัด ทุกหมัดส่งผลกระทบต่อปราณวิญญาณรอบด้าน พวกเขาต่างทนรับการโจมตีทั้งทางกายภาพ และใช้ปราณวิญญาณเล่นงานอีกฝ่าย

ยิ่งสู้ หวังเป่าเล่อยิ่งมั่นใจ ยิ่งได้ลองใช้ เขายิ่งบังคับปราณวิญญาณได้ช่ำชองขึ้นไปอีก

รอบด้านไม่มีใครอยู่ ถ้ามีคนมาเห็นภาพนี้เข้า จะต้องตะลึงตัวแข็งทื่อกันเป็นแน่ ยากจะเชื่อได้ลงว่าคือการต่อสู้ที่ใช้เพียงปราณระดับการฝึกตนโบราณเท่านั้น         ใครมาเห็นย่อมคิดว่านี่คือ การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือระดับลมหายใจเที่ยงแท้!

เมื่อการต่อสู้ยืดเยื้อออกไป รากฐานวิญญาณเก้านิ้วเริ่มล่าถอย ร่างของมันกลายเป็นไอมัว หวังเป่าเล่อเองเริ่มเหนื่อยล้า แต่เขายังรู้สึกกระปรี้กระเปร่า            ไม่เพียงแต่เขาบรรลุอีกขั้นของวิชายุทธ์ จนพลังการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ทว่าความปรารถนาในรากฐานวิญญาณเก้านิ้วยังผลักดันให้เขาฮึดสู้ไม่ท้อถอย

ไม่ว่าเขาจะดูดกลืนมันเข้ามาได้หรือไม่ ถ้าหากไม่ลองดูก่อนเขาคงไม่อาจสงบใจได้ โดยเฉพาะในเมื่อหวังเป่าเล่อรู้สึกว่ารากฐานวิญญาณเริ่มสนใจในสรีระทองคำของเขาอย่างแรงกล้า แปลว่าเขาอาจจะดูดกลืนมันได้ก็ได้!

หวังเป่าเล่อคำรามดังลั่น พุ่งเข้าไปอีกครั้งอย่างกระตือรือร้นและตื่นเต้น รอยแตกโผล่ตามร่างของรากฐานวิญญาณเก้านิ้ว แล้วแผ่ตัวกระจายทั่วเป็นร่องลึกขึ้น          จนในที่สุด ปราณโลหิตจากร่างของหวังเป่าเล่อเริ่มแพร่กระจาย แสงสีทองระเบิดออกจากตัวเขา รากฐานวิญญาณเก้านิ้วสั่นอย่างรุนแรงแล้วแหลกสลายในหนึ่งหมัดต่อมา

หมอกสีเขียวกลับกลายเป็นสีเงิน!

หมอกสีเงินต่างจากหมอกอื่นอย่างชัดเจน ทั้งหนาแน่นกว่า และเข้มข้นไปด้วยปราณวิญญาณ เมื่อปรากฏขึ้นมา หวังเป่าเล่อดูดกลืนมันเข้าไป หมอกไหลพรวด     เข้ามาในร่างเขา รวมตัวกันตรงจุดตันเถียนที่รากฐานวิญญาณแปดนิ้วเคยอยู่

หวังเป่าเล่อกังวล ก้อนหมอกสีเงินอยู่ตรงจุดของรากฐานวิญญาณแปดนิ้ว        แต่กลับไม่แปรสภาพ ดั่งว่ามันเกลียดชังเขาก็ไม่ปาน หมอกเคลื่อนวนอยู่หลายรอบ แล้วไม่แยแสใดๆ กับตัวเขาอีก และแยกตัวออกจากร่างกายของเขา

หวังเป่าเล่อตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถลึงตามองเขม็ง

“บัดซบ! เจ้าผ่านมากี่มือแล้ว เจ้ายังจะมีหน้ามารังเกียจข้าอีกรึ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version