Skip to content

A World Worth Protecting 1227

บทที่ 1227 ก้าวสู่

ถือสันโดษจนถึงตอนนี้ หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงผู้ฝึกธาตุไม้ได้เยอะแล้ว และในเวลาเดียวกันก็มีแนวทางให้กับการเลือกเต๋าต่อไปให้ตัวเองแล้วเช่นกัน

ประเด็นสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถหาสมบัติล้ำค่าอันไหนในธาตุทองน้ำไฟดินที่จะสามารถทำเป็นเมล็ดพันธุ์เต๋าได้ก่อน สมบัติล้ำค่านี้ ระหว่างที่หวังเป่าเล่อถือสันโดษ ได้รวบรวมความคิดของสัมผัสสวรรค์ธาตุไม้และต้นไม้ใบหญ้าในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย และสำรวจทั่วทั้งจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย

ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมีสมบัติล้ำค่าอย่างหนึ่งที่สอดคล้องกับเงื่อนไขอยู่จริง หวังเป่าเล่อไม่แน่ใจว่าสมบัติล้ำค่านี้เรียกว่าอะไร แต่เขารู้สึกได้ว่า…สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เป็นธาตุน้ำที่อยู่ใน…สำนักเต๋าเก้ารัฐ

จากการวิเคราะห์ของหวังเป่าเล่อ ของสิ่งนี้…น่าจะเป็นตัวนำที่ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐ ใช้ลองพยายามก้าวสู่ระดับจักรวาล มีค่าเหลือประมาณ สำหรับปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐแล้วยิ่งเป็นสิ่งเกื้อหนุนเต๋าของเขา ไม่สามารถได้มาง่ายๆ อย่างแน่นอน

ส่วนเต๋าธาตุไฟ ที่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายไม่มี แม้ตัวช่วยฝึกของปรมาจารย์แห่งไฟจะเป็นไฟ แต่จากการสังเกตของหวังเป่าเล่อ ไฟนี้ส่วนมาก จะมาจากคำสาป ไม่ใช่จากเต๋าของตัวเอง

และเปลวไฟสีดำก็รวมอยู่ในนั้นด้วย แต่ก็ยังคงเป็นเต๋าของผู้อื่น อีกทั้งจุดสิ้นสุดของต้นกำเนิดมีจำกัด ไม่ใช่สิ่งที่จะเผาไหม้ได้ดี จากการปรึกษาหารือกับ ปรมาจารย์แห่งไฟ ปรมาจารย์แห่งไฟก็นึกถึงตำนานเรื่องหนึ่ง เล่ากันว่า ที่จักรพิภพสำนักเสริมเคยปรากฏไฟชนิดหนึ่งขึ้น ไฟนี้ลุกไหม้อยู่ในกาลเวลา เติบโตอยู่ในวันเวลา ปรากฏขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีใครพิชิตได้

หวังเป่าเล่อรู้สึกว่า นี่อาจจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิดก็ได้ และไฟที่เขามี นอกจากเปลวไฟสีดำแล้ว ยังมีไฟอัคคีในอดีตชาติ สิ่งเหล่านี้ทำให้หวังเป่าเล่อขบคิดเรื่อง เต๋าธาตุอยู่นาน

ยังมีเต๋าธาตุทอง ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ยังขาดสิ่งที่จะบรรจุเช่นกัน แต่หวังเป่าเล่อมีแผนสำหรับเต๋าธาตุทองแล้ว คล้ายกับว่าอยู่ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ส่วนอันสุดท้ายเต๋าธาตุดิน จากความรู้สึกของหวังเป่าเล่อหรือบางทีอาจเป็นเพราะความเกี่ยวข้องของเต๋าธาตุไม้กับดิน เขารู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า… ในตระกูลคงกระพันมีสิ่งที่เหมาะสมกับการบรรจุเต๋าของตนอยู่

ทว่าสหพันธรัฐในตอนนี้นับว่าเป็นกลาง หากอยากได้สิ่งบรรจุเต๋าเหล่านี้ เขาจำเป็นต้องมีเหตุผลในการลงมือ และขณะที่เขากำลังคิดว่าจะหาเหตุผลอะไรดี เทพอัฐิกับซวนฮว๋าก็มาพอดี

คนแรกเขารู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง ส่วนคนหลัง…เขาไม่แปลกใจหรือพูดได้ว่า เป็นอย่างที่คิด!

และวิธียั่วยุและการมาของระดับจักรพรรดิสวรรค์ทั้งสองคนนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเห็นโอกาส ส่วนท่าทีของเฉินชิงจื่อก็อดทำให้หวังเป่าเล่อถอนหายใจเบาๆ ออกมาไม่ได้ ฝึกได้ถึงขั้นเขาแล้ว จะไม่รู้ว่าเทพอัฐิกับซวนฮว๋ามาได้อย่างไร เห็นได้ ชัดว่าคนแรกอยู่ในเจตนารมณ์ของเขา

หรืออาจจะมีจุดประสงค์อื่นอยู่ แต่บางที…อาจจะเป็นวิธีใช้เขาเป็นตัวช่วย หวังเป่าเล่อ เพราะไม่ว่าอย่างไร จากสถานการณ์ในตอนนี้ก็เป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่ หวังเป่าเล่อจะลงมือ

ดังนั้น หลังจากหวังเป่าเล่อนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง ธรรมกายของเขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นอกระบบสุริยะค่อยๆ ลุกยืนขึ้นก้าวไปทางท้องฟ้า นาทีนี้สายตาจำนวนมาก จับจ้องมา

ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐและมารเต๋าของจักรพิภพสำนักเสริมรวมทั้งตระกูล คงกระพันและสำนักแห่งความมืดที่กำลังสู้กันอยู่ทั้งสองฝ่าย เหล่าชนชั้นสูงในโลก แห่งศิลา ในเวลานี้ล้วนมองไปทางที่หวังเป่าเล่ออยู่

ภายใต้สายตาจำนวนมากที่จ้องมองมา ร่างกายทรงพลังของหวังเป่าเล่อดูเล็กลงตามก้าวที่ย่างเดินไป จนกระทั่งเดินผ่านดาวเคราะห์ที่เต๋าเก้ารัฐอยู่ก็กลายร่างเป็น คนธรรมดาคนหนึ่ง เท้าพลันหยุดชะงักเล็กน้อย

การหยุดชะงักของเขาทำให้สีหน้าของปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐเคร่งขรึมขึ้นในพริบตา พลังปราณถูกกระตุ้นให้เคลื่อนวนโดยอัตโนมัติ แม้แต่วงแหวนปราณหน้าประตูภูเขาเต๋าเก้ารัฐก็ถูกกระตุ้นขึ้นเช่นกัน พลังบีบคั้นรุนแรงขุมหนึ่งแผ่ออกมาจากหวังเป่าเล่อแผ่คลุมไปทั่วดาวเคราะห์เต๋าเก้ารัฐ

ทำให้เหล่าผู้ฝึกจิตใจสั่นสะท้าน หวังเป่าเล่อไม่แม้แต่จะปรายตาแล หลังจากชะงักไปอึดใจ ท่ามกลางเสียงผ่อนลมหายใจ ก็เดินผ่านประตูภูเขาของเต๋าเก้ารัฐ มุ่งหน้าไป…ชายเขตของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย

หวังเป่าเล่อชะงักเท้าอีกครั้งเมื่อถึงตรงนี้ เขาไม่เคยมีความคิดที่จะออกจาก จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายจริงๆ มาก่อนเลย เวลานี้แววตานิ่งสงบราวกับกำลังอยู่ในห้วงความคิด และการหยุดชะงักอีกครั้งของเขาก็ทำให้สายตาจำนวนมากที่จับจ้องเขาค่อยๆ หรี่แคบลง

ในจักรพิภพสำนักเสริม มารเต๋าแห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ นัยน์ตาหรี่ลงเพ่งมองจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่พลางพึมพำว่า

“ตอนนี้เจ้า…พลังต่อสู้อยู่ระดับไหนกันแน่?”

การลงมือของเทพอัฐิกับซวนฮว๋า เขาดูไม่ออก ภาพฉากนั้นจะพูดว่าหวังเป่าเล่อชนะก็ได้หรือจะพูดว่าเทพอัฐิกับซวนฮว๋าถอยออกมาก่อนก็ได้

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย บางทีคงมีแต่คนในเรื่องเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด

ในเวลาเดียวกัน ที่สำนักดาราจันทร์ ที่หน้าน้ำตกด้านหลังภูเขา ปรมาจารย์ ดาราจันทร์ที่นั่งขัดสมาธิลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววคาดหวัง

และในใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เวลานี้ ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยเพ่งสายตามองตระกูลคงกระพันก่อนมองไปทางหวังเป่าเล่อที่ยืนจมอยู่ในห้วงความคิดที่ชายแดนจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย

ขณะเดียวกัน ในตระกูลคงกระพัน ทันทีที่ซวนฮว๋ากลับเข้ามาก็เลือกถือสันโดษ ไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆ เรื่องนี้ดูแปลกอยู่บ้าง

ส่วนทางปรมาจารย์เต๋าไม่รู้สิ้นก็เงียบกริบราวกับตกอยู่ในเรื่องที่ไม่สามารถรบกวนได้ แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์จีเจียที่เป็นร่างอวตารก็ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง

จุดนี้ ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยพอเดาได้คร่าวๆ จักรพรรดิสวรรค์จีเจียกับจักรพรรดิสวรรค์ กวงหมิงที่นั่งสั่งการอยู่ที่ตระกูลคงกระพันก็เดาได้ลางๆ เช่นกัน คาดว่าคงเป็น เฉินชิงจื่อถือโอกาสใช้เรื่องนี้ปิดบังเรื่องราวก่อนลงมือ

ทำให้จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงรู้สึกเครียดอยู่บ้าง เรียกจักรพรรดิสวรรค์ตี้ซาน ที่รบอยู่ข้างนอกให้กลับมาโดยเร็วที่สุด และเห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ตี้ซานไม่เห็นด้วย เขากำลังสู้อยู่กับกองทหารแนวหน้าสุสานวิญญาณเหล่าชนชั้นสูงระดับจักรวาลของสำนักแห่งความมืดที่นอกแม่น้ำแห่งความมืดอยู่

สนามรบมีพลังเทพมหาศาล วิถีเต๋าสั่นคลอนไปทั่ว ในศึกนี้ยังมีสองในสามที่อยู่ระดับกึ่งจักรพรรดิสวรรค์ สองคนนี้คนหนึ่งเป็นคนเต๋าหยางจากตระกูลแกะนิล ร่างเดิมของเขาเป็นแกะสีดำตัวหนึ่งที่อยู่ตั้งแต่กำเนิดโลก ป่าเถื่อนอย่างที่สุด ทรงพลังจนน่าหวาดกลัว หากไม่ใช่เพราะสาเหตุพิเศษบางอย่างเกรงว่าคงก้าวสู่ ระดับจักรวาลไปนานแล้ว

อีกผู้หนึ่งกลับเป็นผู้หญิง หญิงผู้นี้สวมชุดกี่เพ้าสีดำที่ปักลายดวงตาขนาดเล็กๆ ใหญ่ๆ เต็มไปหมดดูประหลาดยิ่ง ชวนให้หวาดผวา นางก็คือปรมาจารย์ที่มาจาก ตระกูลเยาถง ลือกันว่าร่างเดิมของนางเป็นดวงตาของชนชั้นสูงผู้หนึ่งในจาก ยุคก่อนหน้า จากการเปลี่ยนแปลงยุค ผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้นั้นมีดวงตาข้างหนึ่งที่เก็บมา จนถึงยุคนี้

สองคนนี้ล้วนเป็นปราณที่น่าสะพรึงไม่แพ้ระดับจักรวาล มีพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิสวรรค์ ในสนามต่อสู้นี้ พวกเขาทั้งสองก็สังเกตเห็นคลื่นดวงจิตเทพที่จักรพรรดิสวรรค์ตี้ซานได้รับจึงมองตามไปด้วย

“ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่ง กวงหมิงระวังเกินไปแล้ว” ตี้ซานเคยเจอหวังเป่าเล่อมาก่อน ในสายตาของเขา หวังเป่าเล่อในเวลานั้นก็เหมือนกับมด หากไม่ใช่ เพราะเฉินชิงจื่อห้ามไว้ ดวงจิตเทพของเขาเพียงดวงเดียวก็สามารถทำให้เขา วิญญาณดับสลายได้แล้ว

“หวังเป่าเล่อ?” ปรมาจารย์เยาถงถามอย่างลังเล

ไม่ทันให้ตี้ซานตอบ เขาพลันหันหน้าไปทางท้องฟ้าอันห่างไกลอย่างกะทันหัน คนเต๋าหยางกับถงเยาก็หันมองไปพร้อมกันด้วยเหตุบางอย่าง สุสานวิญญาณของสำนักแห่งความมืดหน้าเปลี่ยนสีพร้อมหันไปในพริบตา

วินาทีที่สายตาของพวกเขามองไป…ที่ชายแดนจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย หวังเป่าเล่อยกเท้าก้าวออกมา ย่างเข้าสู่ใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น กระแสเต๋า ดวงจิตเทพพลันปะทุ ขณะที่กวาดไปทั่วทั้งใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เขาก็สัมผัส ได้ถึงสนามรบที่พวกตี้ซานอยู่ ที่นั่นมีคน เอ่ยชื่อเขา!

แววตานิ่งสงบ ก้าวที่สองต่อไป เป้าหมาย…ก็คือสนามรบ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version