Skip to content

A World Worth Protecting 124

บทที่ 124 กลิ่นที่คุ้นเคย

เหล่านักเรียนตำหนักอาวุธเวทผู้บรรลุระดับลมหายใจเที่ยงแท้มีสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขารู้จักหลินเทียนหาวกันดีอยู่แล้ว ก่อนหน้าหวังเป่าเล่อจะขึ้นเป็นใหญ่แทน   หลินเทียนหาว จะบอกว่าสาขาวิชาอาวุธเวทนั้นตกอยู่ในอำนาจของหลินเทียนหาว    ก็ไม่เกินจริง

พวกเขาต่างเคยมีปฏิสัมพันธ์กับหลินเทียนหาวมาก่อนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้ว่าภายนอกชายหนุ่มจะดูเป็นคนง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นคนโหดเหี้ยมไร้ความเมตตา เห็นว่าโดนไล่ออกไปแล้ว ไฉนจึงมาปรากฏตัวที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงได้ แถมยังได้ตำแหน่งที่เรียกว่า ศิษย์เอกสาขาอาวุธเวทมาครองอีก

แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าศิษย์เอกสาขาอาวุธเวทคืออะไร แต่ถึงขนาดเจ้าตำหนักยังต้องพูดถึง ย่อมหมายความว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญมากทีเดียว

หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ประสานมือทักทายหลินเทียนหาว

เห็นใบหน้าทุกคนเปลี่ยนไป หลินเทียนหาวก็ยิ้มขึ้น ส่วนความบาดหมางระหว่างเขากับหวังเป่าเล่อนั้น ชายหนุ่มเข้าใจที่บิดาของตนพูด แต่เขาก็ยังหงุดหงิดใจอยู่ดี อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันพิธีการสำคัญ นอกจากจะเป็นวันที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงต้อนรับ   ศิษย์ใหม่แล้ว ยังเป็นวันประกาศการกลับมาของเขาอีกด้วย

หลินเทียนหาวยิ้มเย้ยหยันให้หวังเป่าเล่อที่มองตาขวางใส่

ท่านพ่อพูดถูก เจ้าหวังเป่าเล่อมันก็เป็นแค่มดปลวก แต่ถ้าข้าสามารถเหยียบมันให้จมดินได้โดยไม่ต้องลงแรง คงจะเป็นการดีกว่านี้!

หวังเป่าเล่อหน้าตึงเครียด แม้ว่าจะตกใจที่เห็นหลินเทียนหาว แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกินกว่าที่คาดเอาไว้เลย ตอนที่เจ้าสำนักไล่หลินเทียนหาวออก หวังเป่าเล่อคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเช่นนี้

เกาะมหาปราชญ์ชั้นรองและเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงมีระบบศิษย์ที่ต่างกันจริงๆ ด้วย…หวังเป่าเล่อมองหลินเทียนหาวด้วยนัยน์ตาเย็นชา ชายหนุ่มไม่จำเป็นจะต้องเก็บซ่อนความเกลียดชังที่มีต่อหลินเทียนหาว เขาสัมผัสได้ถึงรากฐานวิญญาณแปดนิ้วในตัวหลินเทียนหาวด้วยเช่นกัน

หวังเป่าเล่อรู้ภูมิหลังของหลินเทียนหาว จึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าใด เมื่อเหล่าศิษย์สัมผัสได้ถึงรากฐานวิญญาณแปดนิ้วในกายหลินเทียนหาว พวกเขาต่างรู้สึก      แปลกๆ ในใจ แม้ว่าพวกเขาจะลำบากลำบนเพียงใด ก็ยังไม่สามารถได้รากฐานวิญญาณแปดนิ้วมาครอง แต่หลินเทียนหาวกลับนำหน้าพวกเขาไปได้อย่างง่ายดาย

ศิษย์เอกสาขาอาวุธเวทที่เจ้าตำหนักพูดถึงเมื่อครู่คืออะไรกัน

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่หวังเป่าเล่อสงสัย เขาเห็นว่าชุดที่หลินเทียนหาวใส่อยู่เหมือนกับ   ผู้ฝึกตนหนุ่มเจ็ดแปดคนนั่น จะถามออกไปก็คงจะไม่เหมาะ แต่หวังเป่าเล่อก็รู้ว่าคงเป็นชื่อเรียกตำแหน่งอะไรสักอย่าง เดี๋ยวไม่ช้าเขาคงเข้าใจความหมายของมัน

ชายวัยกลางคนชุดม่วงสังเกตเห็นสีหน้าของหวังเป่าเล่อ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เขาไม่รู้ว่าหวังเป่าเล่อกับหลินเทียนหาวมีเรื่องอะไรกัน และก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย

แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นผู้ฝึกตนระดับลมหายใจเที่ยงแท้ที่มีรากฐานวิญญาณแปดนิ้วซึ่งมีเพียงน้อยคนเท่านั้น แต่ในตำหนักอาวุธเวทก็มีผู้ฝึกตนระดับนี้อยู่บ้าง อีกทั้งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องยุ่งเกี่ยวด้วย จึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไร

สำหรับเขาแล้ว ที่มาวันนี้ก็เพราะเป็นเรื่องจำเป็น ทุกครั้งที่มีศิษย์ใหม่เข้ามา     เจ้าตำหนักจะต้องมาให้การชี้แนะ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องอื่น

หลินเทียนหาวได้ขึ้นมาศึกษาต่อยังเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงจากเส้นสายในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ที่เด็กหนุ่มมี แต่ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้สนใจหลินเทียนหาวเท่าใด เขาเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“มีกฎระเบียบมากมายของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงที่แตกต่างจากเกาะ           มหาปราชญ์ชั้นรอง ทุกตำหนักวิชานั้นมีความเข้มงวดมากกว่าสาขาวิชา              เกาะมหาปราชญ์ชั้นรองเป็นเพียงสำนักศึกษา แต่เกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงนั้นเรียก     ได้ว่าเป็นสำนักที่แท้จริง สิ่งที่เจ้าได้ร่ำเรียนที่สาขาวิชาอาวุธเวทนั้นเป็นเพียง        เรื่องพื้นฐาน เมื่อได้เลื่อนขึ้นมายังตำหนักอาวุธเวท พวกเจ้าจะได้ฝึกใช้วัสดุที่ใช้   หลอมวัตถุเวท รวมไปถึงเรียนรู้การหลอมรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้พวกเจ้ายังจะได้ศึกษาแบบแผนอักขราจารึกและแก่นวิญญาณที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จงนอบน้อมและบากบั่นพัฒนาตน!”

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เจ้าตำหนักต้องชี้แจงให้ศิษย์ใหม่ฟังทุกๆ ปี หลังจากพูดจบ ชายวัยกลางคนชุดม่วงก็สั่งให้กลุ่มผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินจัดการเรื่องการลงทะเบียน ก่อนที่จะหันหลังกลับออกไป

กลุ่มผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินแต่ละคนเข้ามาแบ่งศิษย์ออกเป็นกลุ่ม จากนั้นก็นำทาง  พวกเขาออกไป

หลินเทียนหาวที่มาถึงก่อนหน้าดูเหมือนว่าจะจัดการเรื่องการลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงโค้งให้เหล่าผู้ฝึกตนชุดน้ำเงิน กลุ่มผู้ฝึกตนก็รีบโค้งตอบทันทีก่อนที่จะออกไป ชายหนุ่มโบกมือเรียกเรือบินลำเล็กออกมา!

เห็นหลินเทียนหาวขึ้นเรือบินกลับออกไป หวังเป่าเล่อก็แค่นเสียงทางจมูกใส่

ไม่ใช่เรื่องน่าอวดอะไร เดี๋ยวข้าก็ได้เรือบินแล้ว!

หวังเป่าเล่อเบือนหน้าหนี กลบฝังความคับข้องใจไว้ลึกสุด เดินตามผู้ฝึกตนหน้ายาว  ชุดน้ำเงินไปเพื่อจัดการเรื่องลงทะเบียน พวกเขาคุยกันเล็กน้อยระหว่างทาง ผู้ฝึกตนหน้ายาวชุดน้ำเงินก็ดูเหมือนอยากจากผูกสัมพันธ์สร้างมิตรเช่นกัน หวังเป่าเล่อค่อยๆ เข้าใจเรื่องตำหนักอาวุธเวทมากขึ้น

ไม่นานก็จัดการเรื่องลงทะเบียนเรียบร้อย ทุกคนได้รับกระเป๋ามาคนละหนึ่งใบ ภายในนั้นมีชุดคลุมศิษย์ แผ่นหยก และตราประจำตัว

ผู้ฝึกตนหนุ่มชุดน้ำเงินชี้ไปที่แผ่นหยกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดขึ้น “ศิษย์น้องทั้งหลาย พวกเจ้าห้ามแพร่งพรายเคล็ดวิชานี้ออกไปเป็นอันขาด วิชาแรกคือ        เคล็ดวิชาหลอมอาวุธประจำตำหนักอาวุธเวท วิชาแปรสภาพอาวุธไร้ขอบเขต อีกวิชาคือ เคล็ดวิชาฝึกตนพื้นฐานระดับลมหายใจเที่ยงแท้ประจำสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ วิชาเมฆาศักดิ์สิทธิ์!

“สำหรับเทือกเขาประจำและที่พักของพวกเจ้า สามารถดูได้ในแผ่นหยก        แยกย้ายได้”

หลังจากกล่าวลาเสร็จ หวังเป่าเล่อก็เดินไปถามเรื่องสิทธิพิเศษของผู้มีรากฐานวิญญาณแปดนิ้วที่เจ้าสำนักเคยบอก ผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินบอกทางไปติดต่อเรื่องถ้ำที่พักและของอื่นๆ จากนั้นจึงยิ้มและพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินกลับออกไป

เหล่าศิษย์ตำหนักอาวุธเวทต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา ผู้คนในเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงนั้นดูไม่ค่อยใส่ใจพวกเขาเท่าไหร่ เหล่าศิษย์จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลังจากกล่าวลาหวังเป่าเล่อ พวกเขาก็แยกย้ายกันออกไปทำความคุ้นเคยกับสถานะและสภาพแวดล้อมใหม่

หวังเป่าเล่อไม่ค่อยผิดหวังเท่าใด เขารู้สึกอยากเอาชนะมากขึ้นเมื่อเห็นหลินเทียนหาวปรากฏตัว เขาหายใจลึก เปลี่ยนไปสวมชุดคลุมศิษย์สามัญ จากนั้นก็ลูบท้องพลางมองดูชุดคลุมยาวสีเทาที่ตนสวมใส่อยู่

แม้ว่าสีจะต่างกันกับเจ้าหลินเทียนหาว แต่ข้าก็หล่อเหลากว่ามันยิ่งนัก ชุดนี้ทำให้ข้า   ดูดีเหลือเกิน! หวังเป่าเล่อคิดว่าแค่เพียงรูปลักษณ์ก็สามารถเอาชนะหลินเทียนหาวได้แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เขามุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ผู้ฝึกตนชุดน้ำเงินบอกเพื่อจะได้ไปรับถ้ำที่พักประจำตนมา

เขาเดินอย่างไม่เร่งรีบ มองยอดเขาและโครงสร้างภูเขาที่อยู่รอบๆ จากที่คุยกับ   ผู้ฝึกตนหนุ่มชุดน้ำเงิน เขาก็เริ่มเข้าใจเรื่องตำหนักอาวุธเวทมากขึ้น มีเทือกเขาสี่แห่งแบ่งตามทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก แต่ละเทือกนั้นมียอดเขาอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เทือกเขาทั้งสี่นั้นไม่ได้แยกตัวออกห่างจากกัน หากแต่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ฝึกตนหรือที่ทำการ ต่างก็ชดเชยเติมเต็มส่วนที่ยังขาด แต่ละที่นั้นดูแตกต่างกันไปหมด

เหมือนเป็นเมืองเมืองหนึ่งเลย

หวังเป่าเล่อที่ตกอยู่ภวังค์ความคิดสังเกตเห็นศิษย์ชุดเทาหลายคนเดินไปมาอย่างรีบร้อน

ที่ทำการที่ดูแลเรื่องถ้ำที่พักและเรือบินเรียกว่าฝ่ายปกครองตำหนัก ตั้งอยู่ในเทือกเขาทิศเหนือของตำหนักอาวุธเวท

ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็หาฝ่ายปกครองตำหนักพบ เป็นเรือนสูงสามชั้น เมื่อเข้ามาก็พบกับชายวัยกลางคนไว้หนวดในชุดคลุมสีน้ำเงิน เขานั่งหลับตาพักอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่

มีศิษย์ชุดเทาจำนวนหนึ่งอยู่รอบๆ เขา พวกเขากระซิบคุยกันอยู่ พอเห็นหวังเป่าเล่อเข้ามา พวกเขาก็รีบหันมองทันที

หวังเป่าเล่อกะพริบตา มองไปยังชายวัยกลางคนชุดน้ำเงิน ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาและกระแอมไอขึ้น ก่อนจะวางตราประจำตัวบนโต๊ะ

“ศิษย์พี่ ข้ามาติดต่อรับถ้ำที่พักขอรับ”

ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินค่อยๆ ลืมตามองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาประหลาดใจ หลังจากตรวจดูตราประจำตัวแล้ว ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“รากฐานวิญญาณแปดนิ้วอย่างนั้นหรือ” เหล่าศิษย์รอบข้างหันมามองเมื่อได้ยินคำพูดนั่น พวกเขายกมือคำนับชายวัยกลางคนชุดน้ำเงิน รู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้ต้องประพฤติตนอย่างไร จึงกลับออกไป

หลังจากทุกคนโดยรอบกลับออกไป ชายวัยกลางคนก็หยิบแผ่นหยกข้างกายขึ้นมาดู พอได้ตรวจดูแล้ว เขาก็ดูจะมีปัญหาบางอย่าง

“ศิษย์น้อง ตอนนี้ถ้ำที่พักและเรือบินมีการใช้งานอยู่…แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไป    อีกประมาณห้าวันน่าจะว่าง ส่วนกระเป๋าคลังเวท ไม่มีปัญหาอะไร รอสักครู่เดียว”

พูดจบ ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินก็เดินขึ้นไปชั้นสอง ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าคลังเวท แล้ววางมันลงหน้าหวังเป่าเล่ออย่างนิ่มนวล

หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว ชายผู้นี้มีมารยาทดีมากทีเดียว ให้รอห้าวันก็ไม่เป็นไร       แต่หวังเป่าเล่อนั้นช่างต่อรอง ชายหนุ่มหยิบศิลาวิญญาณรุ้งขึ้นมาวางบนโต๊ะก่อนจะยิ้มให้

“ศิษย์พี่ ช่วยดูแลเรื่องนี้ให้ข้าด้วย ถ้าข้าได้ย้ายเข้าไปถ้ำที่พักเมื่อไหร่ ข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม”

ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินตาเป็นประกาย เขาหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยสัญญาอย่างอบอุ่น “ไม่ต้องห่วง ศิษย์น้อง ถ้ำที่พักจะว่างในอีกไม่กี่วัน ส่วนเรือบินอาจจะต้องรออีกหน่อย เจ้าคงไม่อยากใช้ของต่อจากคนอื่นใช่ไหม หากจะสร้างใหม่ ต้องใช้เวลาพอสมควร”

ชายวัยกลางคนชุดน้ำเงินเก็บศิลาเข้ากระเป๋าชุดคลุม เห็นท่าทีจริงใจของ       ชายวัยกลางคน หวังเป่าเล่อก็ไม่มีอะไรจะขอเพิ่มเติมจึงกลับออกไป เขาเดินไปตามทางที่บอกในแผ่นหยก เมื่อเดินใกล้ถึงเขตที่พักของตน ชายหนุ่มก็หยุดเดิน สูดจมูก  ดมกลิ่นด้วยความสงสัย แววตาของเขาสว่างสุกใสขึ้นทันที

กลิ่นนี้…ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version